ตอนที่ 2 : SC Courteous | 00 : Prologue
00
ในคืนที่ไร้แสงจากดวงอาทิตย์ กลับมีสถานที่หนึ่งกำลังคึกครื้นและเต็มไปด้วยแสงจากดวงไฟแทน เสียงเพลงที่คลอเบาๆ ประกอบกันคนที่มาร่วมงานกันด้วยความเต็มอกเต็มใจ แน่นอนว่าทุกคนในนี้ต่างยินดีปรีดาพร้อมรอยยิ้มประดับหน้ากันเกือบหมด
ยกเว้นก็เสียแต่เขา...
เจ้าของใบหน้าหล่อคนหนึ่งกำลังถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย มือหนาเอื้อมมือขึ้นมาจัดเนคไทด์ของตนให้เข้าที่ ทั้งที่ใจจริงอยากจะถอดมันออกแทบตายแล้ว แต่เหมือนสถานการณ์ตอนนี้มันจะไม่เป็นใจ ในเมื่อที่นี่คืองานเลี้ยงครบรอบของบริษัท พชรวิชัยชิน บริษัทที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
“ซี ทำไมทำหน้าเซ็งโลกแบบนั้นล่ะ” น้ำเสียงหวานๆ ของผู้เป็นมารดาที่ถามออกมาทำให้ซีนอนต้องรีบปรับสีหน้าใหม่ทันที
“ผมแค่เซ็งนิดหน่อยครับ” หนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปีตอบกลับด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้มาก
“อ๋อ...งานนี้จัดใหญ่ดีนะ ใหญ่กว่าทุกปีด้วย พ่อก็คงเดินต้อนรับแขกคุยกับคนนั้นทีคนนู้นทีนั่นแหละ”
“อ้อ อย่างนั้นเหรอครับ แล้วว่าแต่นี่แขกมากันครบแล้วใช่มั้ยครับ”
“ยังหรอก ยังเหลืออยู่คนหนึ่งแหละ พ่อกำลังมองหาอยู่”
ซีนอนขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าผู้เป็นพ่อกำลังรอใครอยู่ เขาคิดในใจว่าจะต้องเป็นแขกคนสำคัญแน่นอน “เดี๋ยวก็คงมาแล้วมั้งครับพ่อ ว่าแต่แขกท่านนี้เป็นใครเหรอครับ”
“เป็นคนสำคัญเลยหล่ะ เดี๋ยวพ่อออกไปดูหน้างานแป๊บนะ”
แขกคนสำคัญเหรอ?
หนุ่มหน้าหล่อมองไปตามพรมแดงที่ปูเป็นทางยาวจากด้านหน้างาน รถลีมูซีนคันยาวสีดำเงาขับมาจอดเทียบหน้างาน ประตูถูกเปิดออก แสงแฟลชก็ติดต่อกันอีกครั้ง
เจ้าของรองเท้าหนังมันขลับก้าวลงจากรถ และยืนเต็มความสูง สูทสีดำพร้อมกับไทค์สีดำที่ตัดกับเชิ้ตข้างในสูทยิ่งดูหรูเข้าไปใหญ่
แขกคนนั้นเดินมาเรื่อยๆ ลักษณะท่าทางดูนิ่งๆน่าเกรงขาม แล้วยังน่าเคารพด้วย ดูจากอายุก็น่าจะประมาณ 50 กว่าๆ ได้แล้วมั้ง แต่ว่า...
ไม่ได้มาคนเดียว...
แขกคนนี้ควงผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย อายุราวๆ 20 ปี
“นั่นใครเหรอ” ซีนอนเอ่ยถามด้วยความสงสัย ซึ่งคนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเพื่อนของเขา ลีโอ ก็ส่ายหน้าไปมา
“คิดว่าหน้าอย่างกูจะไปรู้จักใครวะ”
ก็จริง...
“พ.ต.อ.ณทัศน์ สิทธิ์ดำรง ภรรยาท่านเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทพชร แถมท่านยังเล่นการเมืองด้วยเลยทำให้มีอิทธิพล” คราวนี้เป็นโนอาร์ที่พูดขึ้น เขาดูเป็นผู้ชายที่มีความรู้รอบด้านเสียจริงๆ
หลังจากที่ต้อนรับแขกคนสำคัญเสร็จ ร่างสูงโปร่งก็กลับเข้ามาภายในงานเพื่อจะตักขนมของทานไปให้ผู้เป็นแม่ มุมขนมของหวานที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้มากเท่าไหร่ และเมื่อมาถึงชั้นวางขนม มือหนาก็หยิบจานเซรามิกขนาดพอเหมาะสำหรับตักขนมมาใบหนึ่ง
เพล้ง~
แต่ทว่าพอเขาหมุนตัวจะเดินไปหยิบขนมที่อยู่อีกทางก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาอย่างเร็ว โดยซีนอนก็ไม่ได้ทันระวังด้วยทำให้จานเซรามิกที่ถืออยู่หล่นลงไปแตกกับพื้น
ให้ตายสิ จานใบหนึ่งแพงมากเลยนะ เขาคิดในใจ
“อะ...เอ่อ ขอโทษค่ะ”
ผู้หญิงตรงหน้าเขารู้ตัวและขอโทษ เธอเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ทำให้เห็นใบหน้าของเธอชัดๆ นั่นทำให้ซีนอนถึงกับอึ้งไปเล็กน้อยเพราะผู้หญิงคนนี้คือคนที่มากับท่านณทัศน์อะไรนั่นเอง
เขาดูอึ้งๆ อยู่พักหนึ่งไม่ใช่เพราะว่าตกใจ แต่เพราะว่ากำลังมองเธออยู่ต่างหาก เขามองจนเธอเดินออกไป
ซีนอนเดินกลับมายังที่นั่งของตนเองก่อนจะยื่นจานขนมให้กับผู้เป็นแม่ แต่แล้วจู่ๆไฟในงานก็ดับลงอย่างพร้อมใจกัน เหลือไว้เพียงแสงเทียนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารพอให้เห็นอยู่บ้าง
“ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้น” ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้
“คงมีใครสักคนดึงสะพานไฟลงแน่ๆเลย ไปถึงได้ดับพร้อมกันแบบนี้” ซีนอนถอนหายใจ กับเหตุการณ์นี้ เขามั่นใจว่าอาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งจะจ่ายค่าไฟนะ เป็นไปไม่ได้ที่จะโดนตัด
ตึก~ ตึก~ ตึก~
เสียงของฝีเท้าดังกระทบกับพื้นอย่างต่อเนื่อง บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังวิ่งอยู่
ตึก~ ตึก~
แต่ยังไม่ได้บ่งบอกที่ชัดเจนเจ้าตัววิ่งอยู่คนเดียวนี่นา
ดูเหมือนว่าจะมีคนวิ่งตามด้วยซะสิ คนที่ถูกวิ่งตามก็เร่งฝีเท้ามากขึ้นอีก แต่ก็ได้เท่านั้น เธอเป็นผู้หญิงนี่นา จะไปวิ่งเร็วกว่าผู้ชายได้ยังไง เพราะฉะนั้นเธอควรจะหาที่ซ่อนจะดีกว่า เจ้าตัวคิดได้แบบนั้น ก็วิ่งหลบเข้าไปที่มุมตึก ก่อนจะนั่งยองๆ ทำตัวเองให้เล็กที่สุด
ชายหนุ่มที่ตามมา ก้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าคนที่เขาตามอยู่นั้นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาหันมองไปทางซ้ายและขวาก็ไม่มีแม้แต่วี่แววของเธอเลย จนต้องถอนหายใจและเดินกลับไป
“ฟู่ว~”
คนที่นั่งหลบอยู่มุมตึกถอนหายใจอย่างโล่งอก และค่อยๆชันตัวยืนขึ้น
‘ริกเชท’ ค่อยๆย่องออกจากมุมตึกและดูต้นทาง พบว่าไม่มีใครแล้วก็จึงไม่ต้องหลบอีกต่อไป จากนั้นเธอก็วิ่งต่อไป แต่ในขณะที่กำลังเดินไปถึงจุดหมาย มือบางก็ถูกดึงไว้จากใครบางคนทำให้ริกเชทเซไปตามแรงนั้น เธอแทบจะตกจันทีนึกว่าจะมีคนตามมาอีก แต่กลับไม่ใช่
“โอ๊ย! นี่อีตาชินเซ ฉันเจ็บนะ”
ริกเชทหันไปบ่นให้เพื่อนสนิทของตัวเอง
“อ้าว เธอมีความรู้สึกด้วยเหรอ” หนุ่มหน้าหล่อผมสีทองมองหน้าสาวร่างเล็กพร้อมกับหัวเราะ
“ว่าไงนะ” ริกเชทส่งสายตาพิฆาตให้ชินเซ เหมือนกำลังเข้าใจว่าตัวเองถูกด่าว่าด้าน ไม่มีความรู้สึก
“ช่างเถอะ จะเอายังไงต่อ”
“ฉันก็กะว่าจะลองอยู่ที่นี่โดนไม่มีใครตามตัวได้ อย่างน้อยก็ให้ครบสัปดาห์หนึ่ง”
ชินเซไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพื่อนเขาพูด อีกทั้งยังแอบขำกับความคิดที่ไม่สมประกอบนั่นของริกเชท เขารู้ว่าคนอย่างริกเชทถ้าได้คิดอะไรแล้ว ก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจได้ง่ายๆหรอก
“ฮ่าๆ อย่างเธอสองวันก็เผ่นกลับบ้านแล้ว”
“อะไรนะ มันจะดูถูกกันเกินไปแล้ว”
“โอ๋ๆ ฉันล้อเล่นนะ ไม่เป็นอะไรนะตัวเอง”
ริกเชทแอบบ่นจิ๊จ๊ะในใจ ทำไมมีแต่คนมาสบประมาทเธอเยอะเหลือเกิน เห็นเป็นคุณหนูแบบนี้ ก็ทำอะไรได้เยอะนะ คอยดูเถอะ
"คอยดูเถอะ"
100%
สวัสดีค่ะทุกๆ ทั่น
นี่เจ้จีเอง 55555 มานั่งรีไรท์นิยาย
เนื่องจากอันเดิมมันแปล่งๆ ฮืออออ
แนวน่ารักสดใส แจ่มใสสไตล์คุณ อิอิ
ติดตามการอัพเดทนิยายผ่านเพจ Castle-G เลยนะคะ
ฝากเม้นท์ ฝากโหวตด้วย ให้กำลังคนเขียนเนอะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นึกว่ามาเดรเป็นแฟนซีนอน-*-
ปล.2
ซีนอน พี่เป็นคนตลก แต่ไม่ทำเหมือนลีโอ
ปล.3
ลีโอ พี่เป็นคนที่ตลกมาก แถมยังตลกกว่าพี่ซีนอน และกวนส้นมือที่สุด กวนจนคิดว่า ไรท์เขียนได้เก่งมาก - - (ไม่รู้จะบอกยังไงดี^+++^)
ปล.4
สนุกมากกกก จะติดตามต่อไป
ปล.5
ไม่มีแล้ว...