ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lost world ผจญภัยสายมรณะ [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 53


    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันเกี่ยวกับคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องมาเจอชะตากรรมเดียวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปี ก่อนวันคริสมาสเพียงสองวัน

    ในวันนั้น ทั้งที่เป็นช่วงหน้าหนาวของปี แต่ท้องฟ้ากลับมืดครึ้ม คล้ายว่าอีกไม่นาน ฝนชุดใหญ่คงจะซัดกระหน่ำลงมาแน่ๆ

    หน้าโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง มีเด็กผู้ชายผิวขาวจัด ยืนรอรถเมล์ด้วยท่าทางไม่ยี่หระต่อละอองฝนที่สาดเข้ามา เหม่อมองออกไปอย่างไม่มีจุดหมาย ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งส่งเสียงเรียนเขาด้วยท่าทางสดใส เธอวิ่งมาพร้อมกับใบหน้าที่อมชมพูนิดๆ

                “พี่คะ.. พี่นภคะ” เธอมาหยุดยืนตรงหน้า ก่อนจะหอบน้อยๆ เอียงศรีษะนิดๆได้อย่างน่ารัก

                “ ครับ .. เธอคือ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเด็กสาวตรงหน้า พยายามนึกว่าเขาเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนไหม

                “ชื่อชมพู่ค่ะ .. คือ พี่นภคะ กำลังจะกลับบ้านเหรอค่ะ”

                “ครับ” เขามักจะประหยัดคำพูดกับคนแปลกหน้าเสมอ

    ในเมื่อฝ่ายชายถามคำตอบคำอยู่อย่างนี้ ฝ่ายหญิงจึงเริ่มเข้าประเด็ด

    “คือว่า เพื่อนชมพู่น่ะเขาแอบชอบพี่มานานแล้ว พี่ช่วยรับจดหมายนี้หน่อยได้ไหมคะ?” เธอช้อนตาขึ้นมอง ก่อนจะหยิบซองจดหมายสีชมพูขึ้นมา

    เขาลังเล็กน้อย ท่าทางเธอทำดูเหมือนสนิดสนมกับเขา ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันแท้ๆ มันไม่ใช่ปกติวิสัยของเขาที่จะรับของจากคนแปลกหน้า แต่สายตาออดอ้อนที่ได้รับ ทำให้ต้องยืนมือออกไปอย่างเสียงมิได้

               

                “พี่นภ พี่มีแฟนรึยังค่ะ ห้องของชมพูมีแต่คนพูดเรื่องนี้กันทั้งนั้น นี่ก็ใกล้จะคริสต์มาสแล้ว.. งานโรงเรียนปีนี้ พี่มีคนที่จะไปด้วยรึยังน้า” รุ่นน้องตอบพร้อมกับเบียดเข้ามาชิดคนเป็นรุ่นพี่อีกนิดหนึ่ง

                “...เอ่อ ผม” เขาเหมือนจะอับจนในคำพูด

                “หรือว่า พี่มีคนที่จะไปด้วยแล้วจริงๆ...โถ่ ไม่นะ” เธอจับมือเขาขึ้นมาเขย่า

    การถูกเนื้อถูกตัว ก็ไม่ใช่ปกติวิสัยที่เข้าจะทำกับคนแปลกหน้าอีกน่ะแหละ แต่เขาก็พยายามที่จะรักษามารยาท

    เขาดึงมือออกมาช้าๆและอย่างสุภาพที่สุด

                “ผมคงไม่ไป.. ขอตัวนะครับ รถมาแล้ว”

    เขารีบก้าวขึ้นรถเมย์ที่มาจอดเทียบ พยายามหนีบทสนทนาของสาวน้อยข้างหลัง แต่ดูเหมือนการกระทำจะไม่เป็นผล เพราะเธอกลับตามเข้าขึ้นรถมาด้วยนี่สิ  “ปกติพี่กลับรถเมย์เหรอค่ะ”

    เขาลอบถอนหายใจ แต่ก็ผายมือนำเธอให้ไปนั่งตรงที่ไม่ไกลนัก “เปล่าครับ ทุกทีมีรถมารับ”

                “ถ้าอย่างนั้น ทำไมวันนี้ถึงกลับรถเมล์ละคะ”

    “มีธุระที่อื่นนิดหน่อยน่ะครับ”

    “หนีที่บ้านมาเหรอค่ะ” เธอถามขึ้นเสียงสูง

                ในบรรดาร้อยแปดคำถามที่เธอถามมา ดูเหมือนนี่จะเป็นประเด็ดที่เขาอยากหลีกเลี่ยงที่สุดเสียด้วยสิ

    แต่ในตอนนั้นเองอยู่ๆเขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างประหลาด ลางสังหรณ์มันคอยแต่จะบอกว่า เรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นแน่ๆ

                “พี่นภคะ...เป็นอะไรไปเหรอคะ? อยู่ๆก็เงียบไป”

                “ม.. ไม่มีอะไร” เขามองออกไปนอกหน้าต่าง แย่แล้วละซิ ลางสังหรณ์ของเขา ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง คราวนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    เด็กสาวชมพูก็รู้สึกถึงความผิดปกติของเขา เธอเลยพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย เธอสะกิดถามเขาว่าคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างนั้นเป็นคนรู้จักรึปล่าว เพราะว่าเธอเห็นฝ่ายนั้นจ้องมาทางนี้ตั้งแต่อยู่ที่ป้ายรถเมย์แล้ว

    เขาหันตามไปมอง ก็พบกันเด็กชาย ดูเหมือนจะโรงเรียนเดียวกับเขาด้วย แต่ไม่ทันสังเกตเลยขึ้นรถมาเมื่อไรนะ ทันทีที่ทั้งสองตาประสานกัน ฝ่ายหันไปมองก็ต้องรีบหันกลับ ก็เพราะอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ก่อนแล้วน่ะซิ

    สายตานั้น ถึงจะไม่ใช่แบบศัตรู แต่ก็ไม่ได้เป็นมิตรเลยสักนิด

                “พี่นภรู้จักพี่เมฆด้วยเหรอคะ”

                “หืม.. ไม่รู้จักหรอก” เขาปฎิเสธ ถึงจะเคยเห็นหน้าอยู่บ้าง แต่ไม่ได้รู้จักกันหรอก เขาหันหลังเบียงตัวหลบให้พ้นจากสายตาที่ยังจ้องมาอยู่

                “แต่ดูเหมือนเขาจ้องพี่นภอยู่นะคะ” เธอยังคงเส้าซี้ ท่าทางของเธอกับเขาตอนนี้ ดูจากผ่ายนอกคงเหมือนแฟนกันแน่ๆ เพราะเธอกระซิบกระซาบแตะตัวราวกับเป็นคนคุ้นเคย ทำให้เขาต้องกระเถิบออกไปอีกนิด

                ขณะที่บรรยากาศกำลังไม่ค่อยดี เขาก็ได้แต่หวังว่าคงจะถึงที่หมายโดยเร็ว แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง รถเมย์ที่นั่งอยู่กำลังติดไฟแดง

    เขาพยายามสงบใจ แต่ดูเหมือนสายตาที่ยังจ้องมาทำให้ต้องร้อนรน ได้แต่คิดว่า ทำไมไฟถึงแดงนานนักนะ เขาเหลือบขึ้นไปมองตัวเลขที่แดงที่ควรจะนับถอยหลัง แต่พอได้เห็นก็ทำให้ชะงักไป ไฟจราจรเป็นอะไรไป

    ตัวเลขวิ่งสลับไปมา คล้ายกับว่ากำลังลัดวงจร ฝนที่เบาบางในตอนแรกก็เริ่มเทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง เสียงเม็ดฝนกระทบกับหลังคารถดังก้องไปทั่ว โชคดีว่านี่เป็นรถเมย์ปรับอากาศ ฝกที่กำลังกรรโชคแรงไม่ส่งผลอะไรนัก

    ในตอนนั้นท้องฟ้าแถวนั้นเริ่มมืดลงทุกขณะ ราวกับว่าพระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้าเสียอย่างนั้น ทั้งที่ตอนนี้พึ่งจะสี่โมกว่าเท่านั้นเอง

    แต่ระหว่างที่เขากำลังประมวลความคิด เสียงก้องกัมปนาทจากฟ้าผ่าก็ทำให้ช่วงความคิดขาดตอนไป เขารีบเงยหน้าขึ้นมองเหตการณ์ตรงหน้า ฟ้าที่ผ่าลงมากลางสี่แยกทำเอาผู้คนทั้งคันรถเงียบสนิด แต่แล้ว เหตุการณ์น่าระทึกขวัญกลับก็ไม่จบแค่นั้น ไฟฟ้าทั่วบริเวณนั้นดับหมด รวมถึงไฟจราจรด้วย

    ความเงียบที่ปกคลุมอยู่ได้เพียงชั่วเดียว เสียงกัมปนาทชุดสองก็ผ่าลงมาซ้ำราวกับจะให้แน่ใจถึงความพิโรธของท้องฟ้า แต่ครั้งนี้ไม่เหมื่อนครั้งก่อน สายฟ้าที่ผ่าลงมา ไม่ใช่ที่โล่งอย่างกลางสี่แยก แต่กลับเป็น รถเมล์ที่ถัดจากสี่แยกเพียงเล็กน้อย ท่ามกลายสายตาของผู้คนรอบด้าน เหตุการณ์ตรงหน้า ทำให้ทุกคนต้องนิ่งค้างไป

    รถเมล์ที่อยู่ตรงหน้า อันตรธานหายไป เหลือแต่เพียงรอยดำจางๆบนพื้นถนน

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×