ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของเน่าๆ ของผม

    ลำดับตอนที่ #8 : เรื่องย่อ Perilous Mission ภารกิจสุดโหดของ (กลุ่ม) นักเวทจอมป่วน

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 54


    เรื่องย่อ Perilous Mission ภารกิจสุดโหดของ (กลุ่ม) นักเวทจอมป่วน

     

    โซล ฟีรา บเลเซดอร์กับเพื่อนของเขา คาฟารินทัส ลีโอ เมเอซาร์ (เคฟ) ซึ่งเป็นนักเวทในสมาคมระดับไฮท์แร้งก์ (แร้งกิ้งนักเวทในสมาคมจะมีเจ็ดลำดับ ไพรมารี่ เซคันเดอรี่ ไฮท์ ซุเพิร์บ บาเชเลอร์ สคอล่าร์ และมาสเตอร์ ซึ่งลำดับนี้ได้เรียงจากน้อยไปมาก)  ได้จำยอมรับภารกิจจากท่านตาลีเฟียส วินดรา บเลเซดอร์อันเคารพรัก (เพราะปะทะคารมกันทุกวัน) ของโซลที่อยู่ในระดับมาสเตอร์ โดยเนื้อหาครั้งนี้คือให้ออกเดินทางจากเมืองหลวงเซราโวลิสในประเทศซานิลิส เพื่อตามหาองค์หญิงลาลิลล่า อะโฟรเดซ  แห่งเมืองอาริเอลในประเทศเดียวกัน เนื่องจากองค์หญิงได้หายตัวไปก่อนที่จะทำพิธีมกุฎราชกุมารีเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น! แน่นอนว่าโซลและเคฟต่างก็รู้ในฐานะประชากรของประเทศ...ลาลิลล่าไม่ได้อยากขึ้นเป็นกษัตรีย์แห่งอาริเอลเลยสักนิด จึงนึกว่าพระองค์ได้หนีไปเพื่อหลีกเลี่ยงพิธี

    แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ สิ่งที่เขาคิดมันไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย เพราะจากที่ลีเฟียสได้ไปสำรวจที่พระราชวังอันเป็นที่เกิดเหตุมา ได้พบว่าพระองค์ถูกลักพาตัวไป ก็เลยให้ทั้งสองออกตามหา พร้อมกับบอกว่าจะส่งนักบวชไปให้ด้วย

    แต่โซลไม่ดีใจเลยสักนิด ในเมื่อตั้งแต่ที่เขาทำภารกิจมา ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะให้นักบวชมาเดินตามเขา...อันที่จริงต้องบอกว่าหนีนักบวชด้วยซ้ำไป แถมทะลุสถิติด้วยจำนวนห้าสิบครั้งโดยรวม แต่ก็ใช่ว่าจะหนีได้เสมอไปนี่นะ

    คราวนี้ลีเฟียสเลยจัดการส่งนักบวชที่ตัวเองไว้ใจที่สุดไปให้ จัดการมัดมือชกเรียบร้อยเสร็จสรรพ โดยการให้กุญแจบ้านคนๆ นั้นไปเพื่อดักรอต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว ซึ่ง เรทานาร์ต เมอริเลส (เรย์) ก็รับคำเสียด้วย เรย์ก็เปิดเผยว่าตัวเองอยู่มังก์แร้งก์ (ลำดับของนักบวชมีคริลิค พรีสท์ มังก์ บิชอพ อินไควเออร์ เอเลเมนทัล-มาสเตอร์ (หรือก็คือพระสังฆราช) และเซนท์ที่ตัวไม่ติดกับวิหาร)

    หลังจากตกลงกันได้พักใหญ่ โดยมีโซลที่โต้เถียงตลอด และเคฟที่เงียบตลอดกาลแล้วก็ได้ออกเดินทางกัน...ซึ่งที่โต้เถียงกันก็ไม่ใช่เรื่องอะไร แต่เป็นเรื่องที่ว่าใครจะบังคับเกวียนเป็นคนแรกก็เท่านั้น ซึ่งไปๆ มาๆ โซลก็ได้บังคับตอนสามทุ่มถึงเที่ยงคืน หรือก็คือกะสอง (เนื่องจากเจ้าตัวมีธาตุสายรัตติกาลสูง ทำให้สายตามองเห็นในความมืดได้ดีกว่าคนทั่วไปชนิดที่ว่าแทบไม่ต้องใช้เวลาในการปรับสายตาให้คุ้นกับความมืดเลย) โดยที่มีเรทานาร์ตรับกะแรก และคาฟารินทัสที่รับกะสาม

    แต่พอระหว่างกะของโซลไปหนึ่งชั่วโมงก็เกิดเรื่องจนได้...โจรประมาณสิบคนล้อมเกวียนหนึ่งเกวียน โดยที่มีเพียงเรทานาร์ตและโซลรับมือ แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่ก็มีลิวอิสมาช่วยไว้ แต่ที่มาช่วยไว้เป็นเพราะโซลไปเผาวงเวทที่ลิวอิสคิดค้นขึ้นเองต่างหาก ง่ายๆ ก็คือมาเป็นเจ้าหนี้แค้นนั่นเอง

    แน่นอนว่าการคิดค้นวงเวทด้วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องมหาหิน ดังนั้นการที่คิดจะชดใช้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มติสองต่อหนึ่งจึงลงความเห็นให้ลิวอิสติดไปด้วยโดยปริยาย (แน่นอนว่าระหว่างทาง...ถ้าลิวอิสไม่แก้แค้นโซลนิดหน่อยก็ใจดีผิดมนุษย์ไปแล้วล่ะ)

    ทั้งสี่ต่างก็เดินทางไปเรื่อยๆ จนมาได้ครึ่งทาง โซลก็โดนลักพาตัวไปที่ปราสาทของอาริเอลซะได้ ซึ่งคนที่ลักพาตัวเขาไปก็คือองค์หญิงลาลิลล่า...ที่เป็นเป้าหมายในภารกิจของเขา และนั่นทำให้โซลงงมากจนต้องสืบเอาเองในปราสาท ในขณะเดียวกันก็ติดต่อกับอีกสามคนที่เหลือไปด้วย

    และเมื่อเคฟ เรย์กับลิวอิสได้มาถึงที่แล้วกลับเข้าไปในปราสาทไม่ได้เพราะเหตุผลที่ว่าลาลิลล่ากลับมาแล้ว ร้อนถึงโซลที่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ขององค์หญิงลาลิลล่ามารับเอง และนั่นทำให้ลาลิลล่าไม่ยอม สุดท้ายโซลก็ต้องขอร้องให้ยอมจนทั้งสามคนได้พักในปราสาทจนได้

    เคฟบอกทุกคนในกลุ่มว่ากลิ่นอายของที่นี่ผิดปกติมากเพราะเต็มไปด้วยกลิ่นของอมนุษย์ ยิ่งในปราสาทต่างก็แทบไม่มีใครกล้าแตะต้องเรทานาร์ต ส่งสายตาชิงชังให้เคฟ และมองโซลกับลิวอิสเหมือนมองอาหารจานโต พวกเขาก็แทบเข้าใจในทันทีว่าที่นี่คือดงอมนุษย์ของแท้ (จัดห้องนอน ห้องละสองคน โซลนอนกับเคฟ ลิวอิสนอนกับเรย์)

    ยิ่งไปกว่านั้นคือในคืนเดียวกัน มีอมนุษย์ตนหนึ่งบุกเข้ามาในห้องของโซลกับเคฟระหว่างที่หลับอยู่ โชคดีที่เคฟเป็นคนที่รู้สึกไว จึงจัดการทำให้อาคันตุกะกลายเป็นหิน ซึ่งเป็นความสามารถประจำของเจ้าตัวซะด้วย และพอดูรูปปั้นหินแล้วก็พบว่าเป็นอมนุษย์ชั้นกลางเท่านั้น

    อีกเรื่องคือลิวอิสกับเรทานาร์ตงงว่าทำไมอมนุษย์ต้องมองเคฟที่เป็นมนุษย์ด้วยสายตาชิงชัง ถึงขั้นไปคาดคั้น แต่เคฟก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธว่าตัวเองไม่รู้ ส่วนโซลที่รู้เหตุผลก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จนสุดท้ายสองคนแรกก็ต้องแยกทางกันเพื่อไปที่ห้องพวกเขาเอง แต่ที่จริงคือข้ออ้าง เพราะเรย์อยากรู้ว่าเป็นอมนุษย์ชนิดไหน จึงจัดการพาลิวอิสไปตรวจสอบด้วย เพราะจะให้อยู่คนเดียวก็ไม่ปลอดภัย

    พอตรวจไปก็ชักเห็นสิ่งผิดปกติ เรย์เลยขอให้ลิวอิสตรวจพลังธาตุเงิน ลิวอิสก็บอกกลับมาว่านอกจากที่คลังสมบัติก็ไม่มีที่ไหนเป็นธาตุเงินเลยสักนิดเดียว ประจวบกับที่เรย์เองก็มีลางสังหรณ์ที่ค่อนข้างแม่น จึงกดพลังแสงของตัวเองชั่วคราว แล้วให้ลิวอิสพากลับห้องเพราะตัวเองมองไม่เห็นสักเท่าไหร่ ซึ่งถือเป็นโชคดีเพราะว่าพอทั้งสองคนเดินจากไป ก็มีใครสักคนที่ถือดาบเดินออกมาจากเงามืด แน่นอนว่าเป้าหมายคือฆ่าทั้งสองคน เสียแต่ทำไม่ทันเพราะเหยื่อที่ว่าดันไหวตัวทันเสียก่อน

    ฝั่งเคฟกับโซลเห็นดังนั้นก็เลยพากันเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็พากันไปที่นู่นที่นี่ จนกระทั่งไปเห็นลาลิลล่าเดินลงบันไดเพื่อไปที่ไหนสักแห่ง ทั้งสองเลยตามไปจนพบว่าที่นางเดินไป ก็คือคุกใต้ดิน โซนที่มีนักโทษประหารชีวิต...รวมทั้งเห็นนางกลายร่างเป็นแวมไพร์ แยกเขี้ยว ฝังเขี้ยวลงบนคอผู้โชคร้าย แล้วดูดเลือดจนหมดตัว

    แค่นี้ก็ทำให้สรุปได้แล้วว่า ปราสาทนี้ก็คือปราสาทแวมไพร์ที่อยู่อย่างโจ่งแจ้งดีๆ นี่เอง (แวมไพร์ในเรื่องนี้ไม่กลัวแดด แต่กลัวเงินกับพลังสว่างเข้าขั้นสูงที่สุด) และนั่นทำให้โซลเริ่มคิดหนี

    เสียแต่ว่าหนียังไงก็หนีไม่พ้น เพราะลาลิลล่าเอาแต่รั้งตัวเขาไว้ไม่ให้ไปไหนด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่อาจทราบได้ รู้แต่ว่าพอนางรู้ว่าโซลจะหนีก็ตามแจชนิดไม่ปล่อยเลยทีเดียว

    สุดท้ายพวกเขาก็ได้ออกจากปราสาทชั่วคราวด้วยข้ออ้างว่าอยากเดินเล่นข้างนอกบ้าง นั่นทำให้ลาลิลล่าไม่เอะใจสักเท่าไหร่ เพราะนางเองก็เข้าใจ แต่ให้คาราทิล (ตัวปลอม) ตามออกมาด้วยเพื่อเป็นการอารักขา แต่ถึงอย่างนั้น คาราทิลก็ไม่เข้าใกล้เรทานาร์ตเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังส่งสายตารังเกียจใส่เคฟ จนเล่นเอาที่เหลือถอนหายใจเบื่อๆ เลยทีเดียว

    เมื่อเข้าไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหาร โซลก็อ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ที่จริงแล้วทำไปเพื่อแจ้งให้ลีเฟียสรู้เรื่องทุกอย่าง ทั้งเรื่องของลิวอิสและลาลิลล่าตัวปลอม เมื่อลีเฟียสได้ฟังก็แนะนำว่าให้เคฟกับลิวอิสแกะรอยตอนกลางคืน ส่วนโซลกับเรทานาร์ตให้ทำเป็นอยู่ในห้อง แล้วก็ให้โซลขอลิวอิสให้สร้างวงเวทบันทึกภาพตอนลาลิลล่าตัวปลอมซะ แล้วค่อยแพร่ให้ประชากรดู

    พอทำตามที่บอกก็ถูกขัดขวางโดยตัวลาลิลล่าเอง นางขอร้องไม่ให้บอกใคร และจะปลดผนึกลาลิลล่าตัวจริงให้ พร้อมกับตนจะพาพวกแวมไพร์ของตนไปด้วยแต่โดยดี อีกทั้งยังสารภาพว่าชื่อจริงๆ ของนางคือ ลานิซิลาเอล เดอ แวมพารี่(เรียกสั้นๆ ว่าลาเอล) ที่นางเอาตัวโซลมานั้นเป็นเพราะโซลหน้าเหมือนกับน้องชายตัวเองที่เสียชีวิตไปเมื่อสองร้อยปีที่แล้วมากๆ ทั้งสีผมสีตาและบรรยากาศ จนอดไม่ได้ที่จะพาตัวให้มาอยู่ด้วยจริงๆ นั่นทำให้พวกโซลที่ได้ยินยิ้มขื่น (แล้วก็ถามไปตอบมา) จนถึงลิวอิสถามว่าทำไมแวมไพร์ต้องมองเคฟด้วยสายตารังเกียจด้วย คำตอบก็เล่นเอาคนที่ไม่รู้เรื่องกับคนถามช็อกเหมือนกัน เพราะคาราทิลตัวปลอม (ชื่อจริง- อาเบล ลาโนแลน) ตอบมาว่าเคฟคือลูกครึ่งมนุษย์-กอร์กอน ผู้ซึ่งถูกรังเกียจในทั้งอมนุษย์และมนุษย์ด้วยกันนั่นเอง โดยปฏิกิริยาเห็นได้ชัดว่าเคฟไม่ชอบใจอย่างแรง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร

    (อมนุษย์กับมนุษย์ถือเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน ดังนั้นถือว่าไม่แปลกหากเคฟจะถูกเกลียดเพราะสายเลือดของตนเอง แต่โซลนั้นต่างออกไปเพราะตัวเองมีคติแบบอื่น ทำให้เข้ากับเคฟได้)

    เมื่อได้คำตอบเรย์ก็ถามว่าที่ยึดปราสาทนี่มีเหตุผลอะไร แล้วใครทำ อาเบลจึงตอบ แต่หลุดมาแค่คำว่า โซล ดา... ออกมา ก็โดนอะไรบางอย่างฟันจนหัวขาดสะบั้น เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนหน้าเหวอ ส่วนโซลก็ได้แต่ปฏิเสธเพราะตัวเองไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยสักแอะ ลาเอลพยักหน้ารับรู้ เพราะนางรู้จักผู้เป็นนายของนางดี ทั้งยังรู้ว่าต้องตายแน่ๆ จึงเล่าเสียงเบาว่า โซล ดาร์เคส บเลเซดอร์เป็นคนทำ ก่อนจะโดนฆ่าไปอีกคน แต่ก่อนตายบอกให้แวมไพร์ทั้งหลายกลับบ้านเกิดตัวเองซะ อีกทั้งยังบอกที่อยู่ของตัวของลาลิลล่าตัวจริงด้วย (อยู่ชั้นใต้ดิน)

    ฝ่ายแวมไพร์ที่เห็นดังนั้นก็ไม่ปริปากอะไรเลย ได้แต่แยกย้ายกันกลับบ้านเกิดตัวเองตามคำสั่งทั้งน้ำตา แต่โซลที่ได้ยินถึงกับใบ้กินไปเลย (ประมาณว่าใคร ชื่อเหมือนตรู แต่ตรูไม่รู้จัก...นามสกุลเดียวกันอีกต่างหาก)  สามคนที่เหลือเลยจัดการส่งจดหมายเวทไปหาลีเฟียสเพื่อรายงานผล พอลีเฟียสได้ยินก็หน้าเหวอไปอีกคนก่อนจะอ้าปากพูด แต่ยังไม่ทันพูดอะไรก็มีจดหมายหนึ่งฉบับหล่นลงมาจากฟ้า พออ่านก็ได้ความว่าถ้าหากแก้แค้นให้ลาเอล ก็ให้ไปที่ปราสาทใต้ดิน แล้วพวกโซลดันบ้าจี้ทำตามซะด้วย แต่ก่อนไปลีเฟียสก็เล่าอะไรบางอย่างให้ฟัง...ที่เกี่ยวกับตระกูลบเลเซดอร์เอง

    ตระกูลบเลเซดอร์ได้ถูกแบ่งแยกเป็นสองฝ่ายตั้งแต่รุ่นปู่ทวด ซึ่งพ่อของรุ่นนั้นได้คลอดลูกสองคน (พอดีพ่อของปู่ทวดเป็นลูกคนเดียว) แล้วไม่เคยลงรอยกันเลยไม่ว่าเรื่องไหนตั้งแต่เด็กยันโต คนโตพยายามทำตัวดีและสอนเรื่องดีๆ กับคนเล็ก แต่คนเล็กก็เอาแต่หัวดื้อฝ่ายเดียวถึงขั้นคิดจะกำจัดพี่ชายตัวเอง เพราะแค้นที่ไม่ว่าตัวเองจะพยายามมากเท่าไหร่ก็ไม่เคยเก่งกว่าพี่ชายตนได้ ถึงขั้นคิดว่าคนเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลคือพี่ ส่วนตัวเองคือกาฝาก และเพราะรับไม่ได้จึงหนีออกจากบ้าน ใช้วิชาเวทมนตร์ที่ตนได้เรียนมากำราบเหล่าอมนุษย์ชั้นสูงเพื่อที่จะเดินคนละทางกับพี่ชายตัวเอง ทำลายเมืองต่างๆ โดยใช้อมนุษย์ที่เป็นกองกำลังของตนจนย่อยยับจนมาถึงเมืองที่พี่ชายตัวเองอยู่

    พี่ชายนั้นพยายามเกลี้ยกล่อมน้องชาย แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงน้องชายก็ไม่ยอมจนถึงขั้นนองเลือด...ซึ่งฝ่ายพี่เป็นฝ่ายชนะ และเขาได้ประกาศทั้งน้ำตาว่าไม่ว่าจะสมัยไหน ขอให้ตระกูลเขามีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น (ลูกสาวจะมีเท่าไหร่ก็ได้) แต่พอมารุ่นโซลกลับฝ่าฝืนกฎข้อนั้น เพราะลูกที่เกิดออกมาดันเป็นแฝดชายสองคน ทำให้พ่อแม่เขาเลือกไม่ถูก จึงจัดการเลือกเขา ส่วนแฝดน้องของเขาก็จัดการส่งไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ก็มีการติดต่อระหว่างพ่อแม่ลูกตลอดก่อนที่พ่อแม่ของทั้งสองจะตายเพราะโรค และเพราะเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ดาร์ค (โซล ดาร์เคส บเลเซดอร์) จึงแค้นพี่ชายตัวเองมาก

    ฝ่ายทั้งสี่คน หลังฟังเสร็จก็วิ่งไปที่ชั้นใต้ดินที่มืดสนิทจนแม้แต่โซลยังต้องพึ่งคบเพลิง และเมื่อมาจนสุดบันไดก็เจอคนที่หน้าตาเหมือนโซลเปี๊ยบ แต่มีผมสีดำกับตาสีแดง แถมพี่ท่านทักประมาณว่าลาเอลตายแล้วรู้สึกยังไงด้วย ทำให้โซลที่อยู่นานจนเริ่มรู้สึกเหมือนลาเอลเป็นพี่สาวถึงกับโกรธจนเริ่มโจมตีใส่แบบบ้าคลั่ง ลิวอิสที่เกลียดคนที่มาทำตัวไม่ดีกับเพื่อนตัวเองก็ฉุน จึงเริ่มโจมตีใส่อีกฝ่ายเช่นกัน แถมยังดูถูกคนอื่นๆ จนครบหมดทุกคนจนทนไม่ไหวเข้ารุม แต่ก็ทำอะไรดาร์คไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

    แน่นอนว่าระหว่างสู้ไป เรย์ก็พยายามถามว่าทำไมถึงโกรธแค้นขนาดนี้ ตอนแรกดาร์คไม่คิดจะตอบ แต่พอโดนบีบมากเข้าก็ต้องพูดออกมาว่าเพราะโซลเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของทั้งคู่ นั่นทำให้โซลถึงกับทำหน้าเหวอรอบสาม พร้อมกับแก้ต่างให้ตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล

    ทั้งห้าสู้กันไปมาโดยมีคนหนึ่งพยายามให้เหตุผล จนสุดท้ายก็สู้จนเหนื่อยกันทั้งหมดจนต้องนั่งเถียงแบบสี่ต่อหนึ่ง และพวกเขาใช้โอกาสนี้อธิบายให้เข้าใจ จนสุดท้ายก็เข้าใจกัน เพราะเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะน้าสาวของสองแฝดเป็นคนกุขึ้น ก่อนที่จะถูกดาร์คพลั้งมือฆ่าตายเพราะอุบัติเหตุในการซ้อมฝีมือ

    ดาร์คยอมปลดผนึกลาลิลล่าตัวจริง พร้อมกับปล่อยองค์ราชาและทุกๆ คนออกจากคุก ทั้งห้ายังได้รับเชิญในฐานะแขกกิตติมศักดิ์ของพิธีแต่งตั้งมกุฎราชกุมารีอีกด้วย และในพิธี ลาลิลล่าทูลขอท่านพ่อของพระนางให้จัดงานแต่งงานของพระองค์กับคาราทิลด้วย (ตรงนี้...หน้าเหวอกันทั้งท้องพระโรง)

    ตอนแรกดาร์คเกือบได้รับโทษจำคุก แต่โซลได้ขอให้ไว้โทษ อีกอย่างบเลเซดอร์มีกฎว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนในครอบครัว หากรู้เรื่องก็ต้องสะสางกันเองด้วย ดาร์คจึงได้รับการละเว้นโทษ (ถึงโซลจะไม่ให้โทษอะไรเลยก็ตามที เพราะที่ทำไปทั้งหมดคือการเข้าใจผิดล้วนๆ)

    หลังจากนั้นดาร์คก็เอ่ยปากขอโทษ ซึ่งโซลก็ให้อภัย และยังชวนให้กลับบ้านไปด้วยกัน ทั้งยังชวนให้ลิวอิสมาอยู่เมืองเดียวกันด้วย ซึ่งเขาเองก็รับคำ

    ฝั่งลีเฟียสที่ได้รับรายงานผลเรียบร้อยจากปากของเรย์ (โดยมีลิวอิสแจมมาเป็นระยะเพื่อจะถามถึงวงเวทต่างๆ) ก็พยักหน้าเข้าใจ รู้สึกดีใจที่ผลออกมาไม่ซ้ำรอยเดิม

    และทุกคนก็ได้อยู่กันอย่างมีความสุข จบ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×