ตอนที่ 1 : Intro: Good morning,
เวนดี้รู้ดีอยู่แล้วว่าการคาดหวังให้ปีนี้เป็นปีที่ดี มันก็มีแต่จะทำให้เธอผิดหวัง แต่ดูเหมือนว่าปีนี้ก็คงจะเป็นอีกปีที่เธอจะต้องพูดประโยคเดิมๆ ว่า ‘ปีนี้ไม่ใช่ปีของฉัน แต่ฉันมั่นใจว่าปีหน้า---‘ ขนาดแค่เป็นเสียงในความคิดก็ฟังดูเป็นชีวิตที่เฮงซวยเป็นบ้า ไม่อยากจะย้อนความหลังว่าเธอก็คิดแบบนี้มาทุกปี
แต่---แต่ปีนี้มันแย่กว่าเดิมรูมเมทของเธอ แกเบรียล เบียงก้า หรือเบียทริก อะไรสักอย่างที่เธอไม่คิดจะใส่ใจ ย้าย—ไม่สิ ควรใช่คำว่าหนี หนีออกไปในตอนที่เธอกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่โอมาฮา คงจะดีถ้าแม่นั่นพอจะมีความเป็นมนุษย์มากพอที่จะทิ้งเงินค่าเช่าที่ค้างเธอไว้สามเดือน แทนที่จะงัดเข้าห้องของเธอแล้วหอบเงินที่ช่องลับใต้พื้นไปซะหมด หลังจากเห็นที่เกิดเหตุเวนดี้ใช้เวลากว่าสามสิบหกชั่วโมงในการนั่งโทษตัวเองที่เห็นเงินก้อนโตวางตรงหน้าเมื่อเจ็ดเดือนก่อนแล้วยอมรับแม่สาวใจแตกติดโคเคนนั่นเป็นรูมเมท
มันผ่านมาเกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว แต่เวนดี้ยังหยุดนึกถึงมันไม่ได้สักที เธอพยายามจะไม่นึกถึงจำนวนเงินถึงแม้ว่าเธอจะเห็นใบหน้าของเบนจามิน แฟรงกลินบนแบงค์หนึ่งร้อยดอลล่าร์เรียงกันไม่มีที่สิ้นสุดแม้ยามหลับตา
“นังสารเลว” เธอสบถออกมาในที่สุด เธอสบถคำหยาบทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ แต่ต้องยอมรับว่ามันทำให้เธอมีพลังขับเคลื่อนในทำงานขึ้นเยอะ
“ดูเหมือนจะไม่ใช่วันที่ดีสินะคะ”
ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใคร ในช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมาการได้ยินภาษาเกาหลีในดินแดนเสรีภาพนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ปีนี้ของเวนดี้เฮงซวย เธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับภาษาเกาหลีหรอกนะ ที่บ้านเธอเองก็ใช้เหมือนกัน แต่แม่สาวเพื่อนบ้านตรงข้ามห้องเนี่ยสิ ฝันร้ายชัดๆ
“ฮ่า คงงั้นมั้งคะ” เวนดี้หันไปยิ้มสุดเสแสร้งที่หวังให้อีกคนสังเกตเห็น
“คิดถึงบริทนีย์นะคะ เธอตลกดีฉันชอบ” ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มตาหยีให้เวนดี้ เธอชื่ออะไรสักอย่างที่เวนดี้ไม่ได้สนใจจะจำ แค่ชื่อคนภาษาอังกฤษตัวเวนดี้เองยังจำไม่ค่อยจะได้ ไม่ต้องพูดถึงภาษาเกาหลี เธอจำได้แค่ชื่อคนในครอบครัวเท่านั้น
“ขอโทษนะคะ แต่ใครคือบริทนีย์เหรอคะ” เวนดี้ถามออกไป ชื่อไม่คุ้นหูเอาซะเลย เธอไม่คิดว่าเธอเคยแนะนำเพื่อนคนไหนในชีวิตให้แม่สาวตรงหน้านี่รู้จักนะ
“รูมเมทเก่าคุณไง” พอเห็นเวนดี้นิ่งไป เธอก็รีบอธิบายเพิ่ม ราวกับรอเวลาที่จะได้คุยกับเพื่อนบ้านคนนี้มานาน “ฉันยังจำได้เลยวันที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรกบริทนีย์นั่งฉี่อยู่ตรงพรมที่คุณเหยียบอยู่ ตล--” เวนดี้ตาแทบจะทะลุออกมาจากเบ้า เธอแทบจะกระโดดออกจากพรมเมื่อได้ยินแบบนั้น ทำให้สาวหน้าบื้อตรงหน้าเอามือปิดปากตัวเองไว้แทบไม่ทัน ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในอกทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งใจจะปิดไว้เป็นความลับ เพราะคงไม่มีรูมเมทคนไหนพอใจแน่ เมื่อเพื่อนร่วมห้องตัวเองฉี่ใส่พรมหน้าห้อง
เวนดี้กระทืบเท้ากระชากประตูเข้าห้องปิดกระแทกหน้าเพื่อนบ้านปากโป้ง ทิ้งให้เพื่อนบ้านยืนเกาหัว ทำหน้ารู้สึกผิดอีกครั้ง แผนการตีสนิทเพื่อนบ้านล่มลงอีกครั้ง ซึลกิจะพยายามทำความเข้าใจอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเพื่อนบ้านห้องตรงข้ามแม้จะยากเกินเข้าใจ
“ฉันชื่อซึลกิ คัง ซึลกิ” ซึลกิเอ่ยเสียงอ่อย
เธอหยิบสมุดจดสีเหลืองเล่มเล็กขึ้นมา มองไปที่บานประตูสีแดง ข้างหน้าที่ป้ายติด ‘ไปเคาะห้องพ่อมึงนู้น’ ช่างดูน่าทำความรู้จักเสียจริง แต่ซึลกิเป็นชาวต่างชาติตัวคนเดียว ภาษาอังกฤษก็ยังไม่แข็งมาก การมีเพื่อนบ้านห้องตรงข้ามที่เป็นชาวเกาหลีถึงแม้จะมีช่วงเวลาเกรี้ยวกราดมากกว่าน่าคบก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ต้องคว้าไว้
วันที่ 23 มกราคม
· เวนดี้ยังไม่เรียกชื่อฉัน (ทั้งๆ ที่ฉันบอกเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน)
เป็นได้ที่ชื่อภาษาเกาหลีอาจจะยากเกินไปสำหรับคนที่อยู่ต่างถิ่นมานานอย่างเธอ บางทีซึลกิควรจะคิดชื่อฝรั่งด้วยดีไหมนะ ซินดี้? …อ่า ไม่เข้ากับหน้าเลยแฮะ
· ดูเหมือนว่าเวนดี้จะชอบสีฟ้าจริงๆ ไม่มีใครซื้อรองเท้าสีฟ้าสามสี่คู่หรอก
บางทีอาจจะควรใส่ของอะไรที่เป็นสีฟ้าบนตัวให้เยอะขึ้น ตามหลักจิตวิทยา ถ้าการที่เราชอบอะไรเหมือนกันจะทำให้สนิทกันเร็วมากยิ่งขึ้น
· **อย่าพูดถึงบริทนีย์**
…เสียดายจัง เธอตลกออก ซึลกิคิดว่าอารมณ์ขันของเวนดี้นั้นแย่มาก ขนาดร้านกาแฟที่เธอทำงานอยู่ยังชื่อว่ากรัมปี้ (บูดบึ้ง) เลย
เวนดี้คิดว่าวันตอนเช้าเป็นเวลาที่ข้อมือของเธอทำงานได้ดีกว่าเครื่องตีแป้ง อย่างกับเป็นข้อกฎหมายที่ถูกตราไว้ในรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาว่าพนักงานออฟฟิศทุกคนจะต้องดื่มกาแฟก่อนเข้าทำงาน เวรกรรมจึงตกเป็นของพนักงานพาร์ทไทม์ของร้านกาแฟทั่วโลก
เวนดี้ทำงานอยู่ร้านกรัมปี้มาตั้งแต่เข้ามานิวยอร์กใหม่ๆ มันเป็นร้านกาแฟที่ไม่ได้มีประวัติอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้มีกาแฟ หรือ ขนมหวานที่อร่อยกว่าร้านอื่น พนักงานที่นี่ก็นิสัยเฮงซวยเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นครอบครัว หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน เอาเป็นว่าเวนดี้ยอมใส่ผ้ากันเปื้อนหน้าบึ้งงี่เง่าทำงานอย่างงกๆ ก็เพราะว่าที่อื่นมันหาไม่ได้ และเป็นที่เดียวที่เวนดี้ยังไม่โดนไล่ออกในเวลาที่แรงงานหาเช้ากินค่ำทุกคนกำลังแย่งงานกันทำไปทั่วแอปเปิ้ลเน่าๆ ลูกนี้
“พิโคโลลาเต้ค่ะ”
สำเนียงนี้
เวนดี้ถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นปั้นยิ้มเสแสร้ง เยี่ยม ขอบคุณแม่สาวตรงข้ามห้องที่ทำให้เธอเริ่มต้นวันด้วยการเสแสร้ง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเวนดี้” เวนดี้ยิ้มรับพยักหน้ากำลังจะเริ่มทำตามสั่งของลูกค้า แต่รอยยิ้มที่ค้างอยู่บนหน้าของผู้หญิงตรงหน้าทำให้เธอหยุดแล้วเอ่ยถาม
“ต้องการอะไรอีกรึเปล่าคะ ของหวานประจำวันนี้คื---”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเวนดี้”
หยุดยิ้มโง่ใส่ฉันนะ ยัยตัวประหลาด
“เอ่อ…เช่นกันค่ะ” ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าต้องการ เวนดี้ก็ยอมที่จะตอบกลับ ก่อนที่เธอจะก้มหน้าก้มตาจัดการเคลียร์รายการเครื่องดื่มต่อ
“ฉันซึลกินะคะ” เพื่อนบ้านแดนตายพูดออกมาเป็นภาษาเกาหลี “คัง-ซึล-กิ”
“ค่ะ ฉันรู้” เพราะคุณเอาแต่พูดชื่อประหลาดๆ นั้นกรอกหูฉันอยู่ทุกวัน
“เรียกฉันสิคะ!” ซึลกิร้องขึ้นมา “คัง ซึลกิ!”
โอเค ผู้หญิงคนนี้เพี้ยนแน่นอน
“คุณลูกค้าเชิญนั่งรอก่อนดีกว่าค่ะ” เวนดี้ตัดบท เธอรีบหันไปสนใจลูกค้าคนต่อไป “อรุณสวัสดิ์ค่ะ รับอะไรดีคะ เมนูของหวานประจำวันนี้---”
“นิวยอร์คชีสเค้ก! น่ากินนะคะ ซื้อเลยๆ” เสียงเพื่อนบ้านแดนตายแทรกขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเปล่งๆ ของหล่อน เวนดี้หันขวับเกือบจะอ้าปากพ่นคำหยาบตามประสาคนปากไวออกไปแล้ว แต่สายตาไปหยุดที่ผู้จัดการพอดี ทำให้เธอต้องรีบปั้นยิ้ม
“ขอบคุณนะคะคุณลูกค้า แต่คุณลูกค้าไปนั่งรอที่โต๊ะดีกว่าค่ะ เมื่อได้เครื่องดื่มแล้วทางร้านจะนำไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะค่ะ” เวนดี้เลือกใช้โทนเสียงมีมารยาท แต่ถ้ามากกว่านี้มึงตาย
รอยยิ้มนั้นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าโง่ๆ ของหญิงสาวตรงหน้า
“คุณเวนดี้ คุณยังไม่ได้บอกอรุณสวัสด์ฉันเลยนะคะ”
เวนดี้ถอนหายใจ ดูเหมือนพระเจ้าจะคิดว่าชีวิตของเธอยังไม่แย่พอสินะ นอกจากส่งอดีตรูมเมทขี้ยามาแล้ว ยังส่งคนตรงข้ามห้องที่มีแนวโน้มสูงว่าเพี้ยนมาอีกคน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณตึลกิ”
ซึลกิหลุดขำ “ซึล-กิค่ะ” เธอพูดช้าลง
“ซึล-กิ?” เวนดี้ทวน
“ค่ะ” เสียงของอดัมพนักงานอีกคนดังขึ้นมาว่าพิโคโลลาเต้ได้แล้ว ซึลกิยิ้มให้กับแก้วตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาโชว์รอยยิ้มโง่ๆ นั้นอีกครั้งเธอเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินไป “แต่ที่คุณเรียกว่าตึลกิก็น่ารักดีนะ ขอให้เป็นวันที่ดีค่ะ เวนดี้”
เจอคนประหลาดแต่เช้า คงจะเป็นวันที่ดีหรอก เหอะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบภาษามากเลยค่ะ ติดตามตอนต่อไปเน้ออ~