คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หล่อ รวย ดัง
ณ โรงแรมในเครือ พิทักษ์วงค์ ได้จัดงานเลี้ยงครบครอบแปดสิบปี ของการดำเนินงาน พนักงานต่างตั้งตารอให้มาถึงวันนี้ เพราะถือว่าทุกคนที่อยู่ต่างสาขาจะได้พบปะพูดคุยกัน โดยเฉพาะหนุ่มๆ สาวๆ ที่จะได้มองหาเนื้อคู่ไปด้วย ทุกคนต่างถือกันว่างานนี้เป็นงานหาคู่ เพราะมีหลายคู่แล้วที่เจอและถูกใจกันจนแต่งงานแต่งการกันไป
และเมื่อไม่กี่ปีมานี้บริษัทได้เปิดให้บุคคลภายนอกอย่าง ลูกค้าและบริษัทพันธมิตรต่างก็มายินดีกับประธานและครอบครัว และที่แน่ๆ ต่างพาลูกหลานมาเปิดตัวกันโดยเฉพาะลูกชาย เพราะต่างได้ยินกิตติศัพท์กันว่าลูกหลานของตระกูลนี้ทั้งสวยและก็ฉลาด ถ้าใครได้ไปเป็นภรรยาและสะใภ้ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะได้ทั้งสาวสวยแถมรวยทรัพย์อีกต่างหาก
ไม่นานทุกคนก็ต่างฮือฮากัน โดยเฉพาะสาวๆ ต่างกรีดร้องกันจนผู้คนในงานสงสัยที่มาของเสียงทั้งหลายแหล่ก็เป็นหนุ่มๆ สามคนที่เดินเข้ามาในงาน ดูเหมือนจะเพิ่มสีสันของงานในวันนี้
หนุ่มคนแรกที่ถือช่อดอกไม้อยู่ในมือก็คือ ภานุวัฒน์ กิตติเจริญ หนุ่มเพลย์บอยที่สาวๆ ทั้งหลายต่างยอมมอบตัวและหัวใจให้กับเขา ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทผ้าเนื้อดีสีขาวทำให้ร่างของเขาที่สูงอยู่แล้วดูสูงเพรียวยิ่งขึ้น เขาดูสง่า น่าหลงใหล ภูมิฐานอย่างผู้นำ ด้วยนิสัยที่เข้ากับคนง่าย คุยเก่งจึงทำให้เขาเป็นที่ดึงดูดคนได้ง่าย
“ฉันอยากได้ช่อดอกไม้นั้นจังเลย จะมีวาสนาได้จากเขาบ้างไหมนะ”
“แต่ฉันอยากได้คนถือมากกว่า”
“อ๊ายยยยย เห็นด้วย”
เสียงซุบซิบดังขึ้นจากสาวๆ หลายคน แต่ก็ไม่ทำให้พวกเขาสะทกสะทานได้
ส่วนหนุ่มคนที่สอง ในมือถือกล่องของขวัญมาด้วย คือ นนธิวัฒน์ กิตติเจริญ เขาคนนี้มาในชุดสูทสีเข้มเนื้อดีไม่แพ้กันทำให้เขาดูดี เรือนร่างสูงใหญ่ ตาคมเรียวบนใบหน้าที่ขรึมเฉยแทบจะไม่ยิ้มทำให้เขาดูมีเสน่ห์น่าค้นหา
“วันเกิดปีนี้ฉันอยากได้เขามาเป็นของขวัญจัง”
“ให้เขาผูกโบไว้ที่คอเพื่อรอให้ฉันแกะเขาให้หมดเปลือก”
“ว๊ายยยยยหลังจากนั้นไม่อยากจะคิดต่อเลย”
รู้สึกว่าเจ้าตัวจะเริ่มเหงื่อไหลออกมานิดหน่อย
ส่วนหนุ่มคนสุดท้าย เขาก็ถือช่อดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดี คือ ยุทธนา ประสิทธิพิมล เขาสวมชุดสูทสีเทา ทำให้เขาดูหล่อใส เขาเป็นที่รู้จักในนามของเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดัง ดังนั้นเขาจึงมาร่วมอวยพรด้วย
“ฉันอยากเป็นเจ้าสาวของเขาจัง”
“แล้วนึกถึงห้องหอที่โปรยไปด้วยดอกกุหลาบที่เขาถือมา”
“โอ๊ววววววววมันช่างโรแมนติกอะไรเช่นนี้”
รู้สึกว่าทั้งสามหนุ่มจะเริ่มเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“คนนั้นก็หล่อหาตัวจับยาก”
“คนนั้นก็หล่อดูดีจนน่าหลงใหล”
“คนนั้นก็หล่อน่ารักจนอดใจไว้ไม่อยู่”
“ช่วยห้ามฉันให้หยุดรักพวกเขาที”
เมื่อใกล้เข้ามาถึงกลุ่มผู้บริหาร ภานุวัฒน์ก็เอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับคุณน้าทั้งสี่ ทั้งคุณอาภูดิส คุณน้าณัฐธิดา คุณอาณัฐพงษ์ และก็คุณน้านภาด้วยครับ พวกผมขอแสดงความยินดีกับการครบครอบแปดสิบปีของบริษัทพิทักษ์วงค์ด้วยครับ” ภานุวัฒน์ พูดนำขึ้นแล้วตามมาด้วยนนธิวัฒน์ พร้อมกับยื่นช่อดอกไม้และกล่องของขวัญไปให้
“ขอให้คุณน้าทั้งสี่มีสุขภาพแข็งแรงและบริษัทพิทักษ์วงค์ เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ”
“และก็ขอให้คุณน้าทั้งสี่ หล่อๆ สวยๆ อย่างนี้ตลอดไปนะครับ” เสียงขี้เล่นของยุทธนา ทำให้บุคคลทั้งสี่ยิ้มและหัวเราะในคำพูดของเขา
“จ๊ะ ขอบใจหลานทั้งสามคนมาก” ณัฐธิดาพูดขึ้นหลังจากรับช่อดอกไม้และกล่องของขวัญเอาไว้รวมถึงนภาด้วย
“ไม่ได้เจอกันเสียนาน ดูหล่อขึ้นกันทุกคนนะ น้าเกือบจำแทบไม่ได้” นภาพูดขึ้นบ้างหลังจากนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาเป็นลูกเลี้ยงของพรพรรณ เพื่อนเก่าของพวกหล่อนเอง
“แล้วคุณพ่อคุณแม่ไม่มาด้วยรึจ๊ะ เห็นนัดเอาไว้เสียดิบดี”
“ต้องขอโทษแทนคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยนะครับที่พวกท่านมาร่วมงานด้วยไม่ได้ เพราะพวกท่านติดพายุที่ญี่ปุ่นคงอยู่เที่ยวกันอีกหลายวันครับ”
“ตายแล้ว....แล้วเป็นอะไรกันมากรึเปล่า” ณัฐธิดาพูดขึ้นอย่างตกใจเพราะเป็นห่วงรุ่นพี่ที่เคยทำงานมาด้วยกัน
“ไม่ครับพวกท่านแค่บินกลับมาไม่ได้”
“งั้นน้าก็โล่งใจ”
“คุณแม่ฝากมาบอกคุณน้าทั้งสองว่า จะซื้อของฝากมาไถ่โทษนะครับ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกจ๊ะ”
“บอกคุณแม่ด้วยว่า ถ้ากลับมาถึงแล้วให้รีบมาหาพวกน้าด้วยนะ ไม่เจอกันเสียนานมีเรื่องให้เมาท์เยอะแยะเลย” นภายิ้มแก้มแทบปริ
“ครับแล้วผมจะบอกให้” ภานุวัฒน์พยักหน้ารับแล้วอมยิ้มให้สักพักก็หันไปทางภูดิสแล้วพูดขึ้น
“จริงสิครับคุณอาภูดิสผมมีเรื่องเรียนอยากจะปรึกษาเรื่องงานนะครับ คุณพ่อท่านแนะให้ผมมาหาคุณอาภูดิสครับเรื่อง......” แล้วสองหนุ่มก็หันมาคุยกันเรื่องงานโดยปล่อยให้คนอื่นพูดทักทายกันไปแล้วอยู่ณัฐธิดาก็เอ่ยขึ้นเหมือนนึกได้
“จริงสินภาเห็นลูกๆ ของเรารึเปล่าจนป่านนี้ยังไม่มาเลย”
“นั่นสิ ฉันก็ว่ายังไม่เห็นเลยนะแล้วคุณล่ะค่ะเห็นลูกบ้างรึเปล่า”
“ผมก็ไม่เห็น”
“จะเริ่มงานแล้วนะค่ะนี่ยังไม่มากันอีก”
“เอาน่าเอาน่า เดี๋ยวพี่โทรตามให้ อาขอตัวก่อนนะ” พูดจบณัฐพงษ์ก็เดินออกจากงานไป
“ไม่ไหวเลยนะเด็กพวกนี้นี่”
“ไม่เอาน่าธิดาสาวๆ ก็เป็นแบบนี้แหละออกงานทั้งทีต้องให้สวยไว้ไม่งั้นก็ไม่ใช่ลูกของพวกเราสิ”
“จ๊ะๆ”
“น้าต้องขอโทษแทนลูกสาวน้าด้วยนะจ๊ะ ว่าจะแนะนำให้หลานๆ รู้จักกันเสียหน่อย ไม่รู้ว่าจะจำกันได้อยู่รึเปล่า”
"แล้วตอนนี้ เอ่อ..น้องๆ ทำอะไรกันอยู่ครับ" ภานุวัฒน์ถามขึ้นหลังจากคุยกับภูดิสเสร็จก็รีบมาสมทบ
"ตอนนี้เหรอจ๊ะ น้องๆ ต่างก็ทำงานกันแล้วหล่ะจ๊ะ น้องเมย์ ตั้งแต่จบมาก็เริ่มมาทำงานที่่บริษัท ตอนนี้ก็รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ คนนี้เขาเก่งไปหมดเสียอย่างเดียว นิสัยเอาแต่ใจและหวงน้องสาวมาก มากจนหนุ่มๆที่ตามจีบทั้งตนและน้องต่างหนีหายกันไปหมด" ณัฐธิดาหัวเราะแล้วเล่าถึงวีรกรรมของลูกสาวคนโตให้ฟัง
"อย่างนี้คงหาแฟนยากสิครับ" ยุธนาพูดขึ้น
"น้าก็ว่าอย่างนั้น ไม่รู้จะทำยังไง"
"น้าธิดาเขากลัวว่าลูกสาวจะขายไม่ออกนะจ๊ะ" นภาแซวขึ้น
"นภาก็...." นภาหัวเราะชอบใจ
"ส่วนน้องมาย ตอนนี้ก็ขอไปทำงานที่ตัวเองชอบก่อนแต่ก็มาช่วยงานที่บริษัทบ้างเป็นบางครั้ง คนนี้ไม่ชอบอยู่ในกรอบจ๊ะ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ น้าก็เลยต้องปล่อยไปสักพักก่อน"
"ส่วนน้องมิน ตอนนี้ก็รับหน้าที่ต่อจากอานัททำบริษัทโฆษณาต่อจ๊ะ เพราะทั้งน้าและอานัทต่างก็ต้องมาช่วยงานทางบริษัทพิทักวงค์กัน เขาทำงานได้ไม่กี่ปีตอนนี้กลับปั้นดาราดังหลายคน เห็นว่าตอนนี้มีอยู่คนหนึ่งกำลังดังมาก ชื่ออะไรน้า....ไลไล นานา อะไรนี่แหละจ๊ะน้าก็จำไม่ค่อยได้" นภาพูดจบยุธนาก็พูดขึ้น
"ใช่ ไลลา ฮิเวอร์สัน ไหมครับ" เขารู้จักเพราะอยู่ในวงการนี่ดี
"ใช่จ๊ะใช่"
"ใครกันเหรอธนา ไลลา ฮิเวอร์สัน"
"ดารานางแบบชื่อดังคนใหม่ที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้ อย่าบอกนะว่าหนุ่มเพลย์บอยอย่างนายจะไม่รู้จัก"
"ขอโทษทีที่ไม่รู้จักเพราะช่วงนี้งานฉันยุ่งมากไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้หรอก"
"จริงเหรอคร๊าบ..เห็นว่าตอนนี้คุณมีดารามาติดพันธ์อยู่ไม่ใช่เหรอไง"
"ใช่ซะที่ไหนล่ะ เพื่อนกันทั้งนั้น" ภานุวัฒน์ตอบพลางแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่ก็อย่างที่เขาพูด ตอนนี้เขากับแพรวทิพย์ยังเป็นแค่เพื่อนกันอยู่ ถึงเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับเขาแต่เขาก็ไม่คิดที่จะสานสัมพันธ์ต่อ
"แล้วทำไมธนาถึงรู้รายละเอียดจัง"นภาสงสัยขึ้นเลยถาม
"ผมก็ทำงานบริษัทโฆษณาเหมือนกันครับก็เลยรู้รายละเอียดมาก"
"จริงเหรอจ๊ะงั้นก็ต้องรู้จักยัยมินสิจ๊ะ"
"ครับรู้จัก รู้จักดีเสียด้วย"
"ไอ้ที่ว่ารู้จักดีเสียด้วยเนี้ย หมายความว่าไง" เสียงเข้มๆ จากข้างหลังของยุธนา ทำให้เขาตกใจแล้วจึงรู้ว่าเป็นเสียงของณัฐพงษ์เขาได้แต่ยิ้มแหย่ๆ ตอบ
"คนเขาทำงานสายเดียวกันก็ต้องรู้จักกันมากสิค่ะคุณ"
"คือ จะว่าไปลูกสาวคุณน้ากับผม เราชอบทะเลาะกันครับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลย คุณมินเธอแค่เข้าใจผิดคิดว่าผมจะแย่งนางแบบต้นสังกัดของเธอที่บังเอิญมาเจอกันเราเป็นญาติกันครับ ผมพยายามอธิบายให้เธอเข้สใจแต่เธอไม่ยอมฟังตั้งแต่นั้นมาเมื่อเราเจอกันก็ไม่แต่ทะเลาะกันครับ"
"เป็นอย่างนี้นี่เอง ยังไงน้าก็ต้องขอโทษแทนลูกสาวน้าด้วยนะจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือโทษโกรธเธอหรอกครับ แต่ผมกลับชอบที่ได้ทะเลาะกับเธอมากกว่า ไม่รู้ว่ามันเป็นความเคยชินไปเสียแล้วมั้งครับ" ยุทธนายิ้มเมื่อนึกถึงภาพที่เขาและหญิงสาวทะเลาะกัน
นภามองดูยุทธนาที่พูดถึงลูกสาวตน หล่อนเจอแล้วสินะคนที่รับความเป็นตัวตนของลูกสาวตนแล้วหันไปยิ้มกับเพื่อนรักต่างรู้กัน ทางฝ่ายสามีเองก็มองเห็น แล้วมองสบตากัน ต่างรู้ว่าภรรยาของตนนั้นคงคิดแผนอะไรเอาไว้อีกแน่ๆ
"ยังไงน้าก็ฝากยัยมินด้วยนะจ๊ะ"
"เอ่อ.....ครับ"
"จริงสิพี่นัทแล้วสาวๆ ว่าไงกันบ้างค่ะมาถึงหรือยัง"
"ออกมากันแล้ว คงจะถึงกันแล้วมั้ง"
"ขอประทานโทษนะค่ะท่านคือ แขกจากทางยุโรปมากันแล้วค่ะ"สมอศรีเลขาเข้ามารายงาน
"เหรอ สมอศรีช่วยต้อนรับก่อนนะเดียวจะตามไป"ภูดิสและรับพลางขอตัวนำไปก่อนพร้อมด้วยณัฐพงษ์
"ได้ค่ะท่าน"
"ยังไงพวกน้าขอตัวก่อนนะจ๊ะ"
"หลานๆ ทำตัวตามสบายนะหาเครื่องดื่มดื่มกันไปก่อน ประเดี๋ยวจะเริ่มงานแล้วก็จะมีงานเต้นรำ ตอนนี้มองหาคู่เต้นรำกันไปก่อนนะจ๊ะ"นภาพูดขึ้นก่อนจะหันไปทางเพื่อนให้เดินตามอันออกมา
"ครับ/ครับ/ครับ"
“งั้นพวกหลานๆ ก็ตามสบายนะจ๊ะ เดี๋ยวพวกน้าขอตัวไปเตรียมตัวก่อนแล้วเจอกันนะ”ก่อนเดินตามเพื่อนออกมาณัฐธิดาหันมาพูดกับหนุ่มๆ อีกครั้ง
“ครับ/ครับ/ครับ”
ทั้งสามคนยิ้มให้เป็นคำตอบ
“แหม...น่าเสียดายจัง” ยุทธนาเอ่ยขึ้นหลังจากยืนกันมาสักพัก
“เสียดายอะไรของแกวะไอ้ยุท” ภานุวัฒน์สงสัยเลยถามออกไป
“นั้นสิครับ”นนธิวัฒน์ก็งงเหมือนกัน
“นี่พวกแกไม่รู้ใช่ไหมนี่ ว่าลูกหลานตระกูลนี้สวยๆ กันทุกคน และที่ฉันมาร่วมงานนี้ก็เพราะอยากจะเจอพวกสาวๆ มากกว่า”
“โถ..ไอ้บ้านึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องผู้หญิง” ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับเพื่อน
“อ้าวแล้วแกเคยเห็นหรือยังแหละ”
“ยังอ่ะ แต่ก็ได้ยินมาเหมือนกัน”
“อะโถ”
“ผมคิดว่าผมไปหาอะไรดื่มดีกว่า” นนธิวัฒน์เอ่ยขึ้นแล้วแยกตัวออกไปทันที
“น้องแกเป็นอะไรวะพูดเรื่องผู้หญิงเมื่อไหร่เป็นแบบนี้ทุกที”
“.......” เขาได้แต่เงียบแต่ลึกๆ แล้วรู้สาเหตุดีว่าน้องชายของเขามีเรื่องที่ทุกข์ใจ
............................................................................................................................................
ความคิดเห็น