SF โน่ริท *68 : Once Upon a Memory. - SF โน่ริท *68 : Once Upon a Memory. นิยาย SF โน่ริท *68 : Once Upon a Memory. : Dek-D.com - Writer

    SF โน่ริท *68 : Once Upon a Memory.

    SF NoRitz Yaoi(?)

    ผู้เข้าชมรวม

    1,166

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.16K

    ความคิดเห็น


    23

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 พ.ย. 54 / 11:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     Once upon a memory
    Fic โน่ริท
    โหมดอินพรีเมียร์คอนจัด -*-
    งงๆมึนๆอึนๆแต่อ่านไปเถอะ

    ________________________________________

    **EDIT***
    1. RATE เปลี่ยนจาก PG เป็น G ><

    2. สำหรับภาคต่อ.... ไม่มี -0- ไรท์เตอร์เขียนฟิคแฮปปี้เอนดิ้งไม่เป็น

    3. มันใช่ฟิคยาโอยมั๊ยเนี่ย ==

    4. เปลี่ยนจาก SF เป็น One Shot แล้วกัน


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Fiction: Once upon a time.

      Pair: NoRitz

      Rate: G

      Inspiration: Clip Premier Soft – หนังสือรุ่น

      Soundtrack: อยากจะรู้ นท the star ft. จูเนียร์ เดอะสตาร์

       

      “เป็นเรื่องยากที่จะตื่นจากความฝันที่สวยงามแต่สุดท้าย เราก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง...”

       

      .

      .

      .

       

      มือขาวๆหมุนลูกกุญแจเล่นอย่างเลื่อนลอย ร่างบางนั้นสวมชุดนอนตัวเก่าที่ใส่เมื่อหลายปีที่แล้ว ขณะเดินไปหยิบของจากห้องใต้บันใดของตัวบ้านที่แทบไม่เคยเปิดเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่ ลักษณะของชายหนุ่มร่างเล็กดูอ่อนวัยขึ้นเมื่อไม่ได้เครียดกับเรื่องภาระงาน เขาแทบจะทิ้งคราบหมอกลับไปเป็นเด็กหนุ่มในความทรงจำอันเลือนรางของตน

      ของในห้องใต้บันใดทุกชิ้นโดนฝุ่นจับหน้ากันถ้วนหน้า จนคุณหมอปรารภกับตัวเองว่าต้องทำความสะอาดเสียบ้างขณะรื้อนู่นค้นนี่ ลังพลาสติกใบใหญ่ที่กินเนื้อที่ส่วนมากของห้องถูกใช้เป็นฐานวางของจิปาถะมากมาย หนังสือเล่มเก่าๆที่ตั้งใจจะมาหยิบถูกวางไว้ข้างๆตัว ส่วนเจ้าตัวก็หันไปสนใจกล่องใบใหญ่ที่แทบจะยัดตัวเองลงไปอยู่ในนั้นได้แทน

      กล่องใบนี้ใส่ของในห้องนอนจากบ้านหลังเก่า ของที่ช่วยปลุกความทรงจำของเด็กหนุ่มแสนซนเมื่อกาลครั้งหนึ่งที่ชีวิตเขามีเส้นทางเดินแตกต่างจากจุดที่ยืนอยู่ลิบลับ

      ของชิ้นบนสุดคือรูปถ่ายใบใหญ่ใส่กรอบอย่างแน่นหนา รูปของเด็กหนุ่มหน้าตาน่าเอ็นดู เป็นที่สนใจของผู้คน เป็นที่มาของเสียงกรี๊ด เสียหัวเราะ รอยยิ้ม ของคนรอบข้าง ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานกับงานที่ทำ สร้างความประทับใจ สร้างความบันเทิง คนที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง ชื่อที่แทบไม่มีใครไม่รู้จัก เขาเองเรียกเด็กหนุ่มคนนั้นว่า ริท เดอะสตาร์

      เขาแทบจำไม่ได้ว่าความรู้สึกของตนตอนนั้นเป็นอย่างไร แต่เมื่อนึกถึงทีไรช่วงเวลาเหล่านั้นก็ยังงดงามในความทรงจำเสมอ เพียงแต่เขาไม่ได้นึกถึงมันบ่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งการศึกษา อาชีพ วงสังคม ก็ค่อยๆหลอมให้เขาเป็นเหมือนตุ๊กตาที่สวยงามตามแบบพิมพ์ของความเป็น “นายแพทย์” อย่างสมบูรณ์ คล้ายๆกับตอนที่เขาก็เป็น “นักร้อง” อย่างสมบูรณ์

      เขารื้อค้นกล่องใส่ความทรงจำนั้นพร้อมกับใจสั่นๆ เมื่อคิดว่าเขาเกือบลืมเรื่องราวพวกนี้ไปเสียแล้ว... เกือบลืมว่าต้องนึกถึง... เกือบลืมความรู้สึก... เกือบลืมใบหน้านับร้อยพันที่มีส่วนผลักดันให้เขาเป็นที่รู้จัก... เกือบลืมเสียงสดใสของ “แฟนคลับ”... เกือบลืมวิธีการอยู่หน้ากล้องมากมาย... เกือบลืมวิธีการยิ้มอย่างมีความสุข...

      นอกจากรูปภาพมากมายที่เขาก็สงสัยถึงที่มาแล้ว ยังมีแผ่นซีดีเพลงสีสันสดใส ตุ๊กตา หมอน ผ้าห่ม ไปจนถึงกางเกงชั้นใน ช่วยตอกย้ำให้เขารู้สึกเสียดายที่ขังความทรงจำพวกนี้ไว้ในกล่องที่ถูกลืมและไม่สนใจใยดี

      แน่นอนว่าแฟนคลับของเขาชัดเจนในความทรงจำยิ่งกว่าภาพใดใด เสื้อสีเขียว ป้ายไฟกระพริบวูบวาบ ของฝาก ความห่วงใย แจ่มชัดในความทรงจำไม่เคยลืม

      ภาพเมื่อตอนเริ่มต้น ดาวหลายดวงกระจุกตัวรวมกันอยู่ในบ้านเดอะสตาร์ ถูกปิดบังข่าวสารว่าพวกเขาโด่งดังแค่ไหน

      ภาพทีมงานที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

      ภาพเพื่อนๆที่ประสบความสำเร็จร่วมกัน

      ภาพของคนที่อยู่บ้านเดียวกัน

      ภาพของคนที่อยู่ห้องเดียวกัน

      ภาพของคนที่นอนเตียงเดียวกัน...

      แต่เรื่องราวเหล่านั้นมันก็จางหายไปในตอนสุดท้าย...

      เขาเป็นแค่คุณหมอคนหนึ่งที่มีผู้ชื่นชมเพียงกลุ่มคนไข้ของเขา คนที่รู้จักเขาคือคนที่เขารู้จัก คนที่ห่วงใยเขาก็เหลือเพียงเพื่อนร่วมงาน พ่อแม่ หรือญาติสนิท คนที่เรียกชื่อเขาเหลือเพียงคนที่ต้องการประโยชน์จากเขา คนที่รักเขาเหลือเพียงตัวเขาและครอบครัว...

      ชั้นล่างสุดของกล่องใบใหญ่เป็นรูปภาพของเขาคู่กับ “พี่ชาย” มากมายพอๆกับรูปเดี่ยวของเขาเอง พี่ชายคนที่เคยอยู่บ้านเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน คนที่เคยห่วงใยใกล้ชิด...

      เขายังจำได้ในวันที่เขาเครียดพี่ชายคนนี้มันมีวิธีการปลอบโยนแปลกๆมาใช้เสมอ เวลาที่เขาร้องไห้ ไหล่อุ่นๆของพี่ชายคนนี้ก็ช่วยซับซ่อนน้ำตาทุกครั้ง

      “ไอ้ขี้แย”คือคำประจำที่พี่ชายพูดบ่อยเมื่อปลอบจนริทหลายสะอื้น เขามักจะมีคำเหน็บให้น้องชายลืมเรื่องเศร้าๆได้เสมอ บางครั้งหลายๆคนก็ว่าให้ว่าริทติดพี่ชายคนนี้แจ มีเรื่องนิดเรื่องหน่อยก็เรียกหาพี่โน่ๆ และเพราะนิสัยเหมือนเด็กเล็กๆที่พร้อมจะตื่นเต้นตกใจวิ่งหาพี่ชายได้ทุกเมื่อแบบนี้ “พี่โน่” ก็เลยถูกลงมติว่าติดน้องไปด้วยอีกคน

      ในกล่องพลาสติกใบใหญ่ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้วแต่นายแพทย์เรืองฤทธิ์ก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าที่มีร่องรอบความเครียด ความกังวลจากงานหนัก ตอนนี้ดูผ่อนคลายจนแทบจะไม่ใช่นายแพทย์หนุ่มอนาคตไกล แต่ก็ว่างเปล่าเกินกว่าจะเป็นริทผู้ร่าเริงได้

      “ริท...”เสียงกระซิบเรียกแผ่วเบาดังขึ้นในความทรงจำของเขา วันที่เขายังสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของ“พี่ชาย” ซุกหน้าไว้กับแผ่นอกกว้าง วันที่เขาต้องลาจากสถานะ “นักร้อง” และคืนสภาพกระเป็นนักศึกษาแพทย์

      “ริทฟังพี่นะ” พี่ชายปลอบด้วยถ้อยคำสุภาพที่ริทไม่ค่อยจะได้ยิน “ริทต้องดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าทำให้พ่อแม่ริทผิดหวัง อย่าทำให้คนที่รักริทผิดหวัง อย่าทำให้พี่ผิดหวัง รีบๆเรียนให้จบพี่จะรอ พี่สัญญา”

      ไม่มีใครคิดจะทวงถามสัญญานั้น ไม่มีใครใส่ใจมันอีกเลย ทั้งพี่โน่ ทั้งตัวเขาเองราวกับคำสัญญานั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน เขาเรียนหนัก ส่วนพี่โน่ก็ทำงานหนัก ระยะปีแรกพี่ชายเทียวบินไปบินกลับเดือนละหลายรอบ ปีต่อมาก็โทรศัพท์ไม่ขาดสาย จากนั้นข่าวคราวก็เริ่มหายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาเรียนจบ ก็ไม่มีพี่ชายมาร่วมแสดงความยินดีในขณะที่เขาก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไร

      ...พี่สัญญา... คำนั้นดูจะก้องสะท้อนวนไปมาอยู่ในความคิดของเขาไม่เท่ากับคำสุดท้ายในประโยคนั้น

      “พี่รักริทมาก...รู้ใช่ไหม?”

      เหมือนการกดปลดล็อคความทรงจำต่างๆไหลพร่างพรูมาไม่ขาดสาย ความทรงจำที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกที่ไม่ถูกนึกถึง คำพูด การกระทำ สัมผัส ความรู้สึก ความรัก

      “ริทคือซุปเปอรสตาร์สำหรับพี่...”

      “ริทเป็นคนมีความหวังดีให้ผมอย่างจริงใจ ผมว่าผมโชคดีที่ได้รู้จักเขา”

      “ขอบคุณไอ้คุณเตี้ยที่เป็นน้องที่น่ารัก ถึงบางครั้งจะหน้าเตะ หวังว่าไอ้คุณเตี้ยจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กไทยและคอยมอบความสุขให้กอง เชียร์แบบนี้ตลอดไป ? สู้ไปด้วยกันโว้ย

      สำหรับผมแล้วเค้าเป็นนักร้องที่น่ารักที่สุดในประเทศไทย

      ริทชอบกินไก่ ระวังเป็นเก๊า แต่ถึงเป็นเก๊าเค้าก็รักตัวเองนะ

      ให้ริทซื้อบ็อคเซอร์ตัวเล็กๆหน่อยเพราะริทไม่มีอะไรเลย”

       

      น้ำตาที่เขาไม่ได้เห็นมานานแล้วไหลลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีอกอุ่นๆของพี่ชายให้ซบ ไม่มีคำพูดปลอบโยน... เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อีกคนอยู่ที่ไหน... เป็นยังไง...

      คำพูดคำสัญญาต่างๆของแฟนคลับ ของพี่โน่ ของใครต่อใครอีกหลายคนพร่างพรูออกมาจากความทรงจำ...แต่มันก็เป็นเพียงความทรงจำ เมื่อในตอนสุดท้าย นายแพทย์เรืองฤทธิ์ก็เหลือเพียงตัวเขาและวิถีชีวิตของนายแพทย์เท่านั้น ไม่มีพี่โน่ ไม่มีเสียงกรี๊ด ไม่มีเสียงเรียกชื่อ ไม่มีแสงแฟลช ไม่มีสปอร์ตไลท์ ไม่มีแฟนคลับ... เหลือเพียงตัวเขาเท่านั้น

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      เบอร์โทรเก่าเก็บในโทรศัพท์เครื่องเก่าของริทถูกรื้อค้นออกมาใช้อีกครั้งหนึ่ง ครั้งล่าสุดที่เขาติดต่อไปเบอร์นี้คือเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว เพื่อถามสารทุกข์สุกดิบ เขาต่อสายเบอร์โทรศัพท์ด้วยหัวใจพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับวันคือเก่าๆได้หวนกลับมาอีกครั้ง ภาพของเขาในกระจกแม้จะเป็นนายแพทย์วัยกลางคนที่ทรงภูมิ ในสำนึกและความทรงจำเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาก็กลับไปเป็นเด็กหนุ่มขี้อ้อนคนเดิม เป็นริทของพี่โน่ ริทของแฟนคลับ

      ...(สวัสดีครับ)...

      “พี่โน่... นี่ริทนะ”

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      เรื่องราวของเราทุกคน เดินทางจากจุดเริ่มต้นไปสู่จุดสิ้นสุดเพื่อที่จะเริ่มต้นเรื่องราวใหม่อีก และเป็นอย่างนี้เสมอมา เราพบบางอย่างเพื่อจะทิ้งบางอย่างไป และแน่นอน เราต้องเสียอะไรบางอย่างเพื่อจะไปเจอกับสิ่งอื่นต่อๆไป เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคงไม่ใช่จุดเริ่มต้นจุดใดจุดหนึ่ง หรือจุดจบจุดใดจุดหนึ่ง แต่เป็น ความทรงจำ ที่ผ่านมาต่างหาก...

      เรื่องบางเรื่องงดงามเกินกว่าที่จะทำใจให้จบลงได้ แต่สุดท้าย มันก็จบลง เราอาจเศร้าโศกเสียใจแต่ในเวลาไม่นาน เรื่องทั้งหมดก็กลับกลายเป็นเพียงความทรงจำที่สดใสเจิดจ้า เมื่อนึกถึงก็สร้างได้ทั้งรอยยิ้ม เสียหัวเราะ หรือแม้กระทั่งน้ำตา หรือต่อๆไปมันอาจเป็นเพียงความทรงจำที่ไม่มีผลใดต่อชีวิตของเราเลย

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×