คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER VII
-
VII –
Chansung’s Part
‘ปึ้ก! ปึ้ก!’ เสียงประหลาดแว่วเข้าโสตประสาทของผม
นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ใครมันทำอะไรเสียงดังเอาป่านนี้วะ คนจะนอน
‘ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!’ ยัง.. ยังอีก ยังไม่หยุดอีก ผมสไลด์จอสมาร์ทโฟนเพื่อดูเวลา
‘04.37 น.’ นี่มันตีสี่.. ใครมันยังไม่หลับไม่นอน
ผมดึงผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกออกจากเตียงขึ้นมาหาต้นตอของเสียงดังกล่าวก่อนจะพบว่าเป็นจุนโฮที่กำลังทุบหน้าต่างที่เป็นบานกระจกอยู่ข้างนอก
“นายท่านคะ!
เปิดกระจกให้หน่อยค่ะ!” จุนโฮทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้
นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกสะใจเล็กน้อยที่ได้เห็นใบหน้าแบบนั้น
ผมเดินไปยังบานกระจกดังกล่าวเพื่อมองสีหน้าอ้อนวอนของยายเมดตัวแสบให้ชัด
ๆ จุนโฮยังคงทุบกระจกอย่างต่อเนื่อง โอ้ ๆ ยายนี่จะร้องไห้แล้ว
ผมควรจะเปิดให้ไหมนะ? หรือจะไม่เปิดดี? แต่จุนโฮเป็นคนเลือกที่จะไม่นอนสบาย ๆ
บนเตียงกับผมเองนะ ก็ต้องโดนลงโทษแบบนี้ถึงจะถูกแล้วสิ J
ผมแสยะยิ้มให้จุนโฮก่อนจะทำหน้าตาจะร้องไห้เพื่อเป็นการล้อเลียน
จุนโฮร้องไห้ออกมาจริง ๆ แล้ว จุนโฮใช้แรงเฮือกสุดท้ายทุบกระจกก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก
ยิ่งทำให้ผมนึกสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุ
แล้วสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นแมลงสาบที่อยู่ตรงระเบียง
จำนวนของมันค่อนข้างมากทีเดียว ยายนี่กลัวแมลงสาบนี่เอง ..มิน่าล่ะ
ผมเห็นจุนโฮร้องไห้สะอึกสะอื้นจนจะขาดใจตายแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมา ..ให้เข้ามาก็ได้
ผมไม่อยากให้ระเบียงห้องผมมีศพเมด
คิดแล้วก็ปลดล็อกประตูกระจก
ก่อนจะเดินออกไปเอากุญแจไขตัวล็อกโซ่
จุนโฮรีบวิ่งเข้ามาในห้องประหนึ่งหนีจากสงครามมา
“ฮ..ฮือออ..อออ
นายท่านคนใจร้าย!
ปล่อยให้ฉันอยู่กับแมลงสาปทั้งคืนได้ยังไง? หนาวก็หนาว
นอนก็นอนไม่ได้! บ้า บ้า บ้าที่สุด!” พอกลับเข้ามาในห้องก็ปากเก่งทันทีครับ
ขอบคุณอะไรสักคำก็ไม่มี จุนโฮทุบอกผมอย่างบ้าคลั่ง ถึงแรงจะมีไม่มาก
แต่ผมก็เริ่มชักจะหงุดหงิดแล้วนะ ไม่มีคนสอนมารยาทให้ยายนี่หรืออย่างไร...?
ผมจับแขนจุนโฮที่เมื่อกี้กำลังทุบอกผมอยู่เอาไว้
หึ.. สงสัยจะต้องลงโทษเพิ่ม
“ขยันหาเรื่องใส่ตัวจังเลยนะจุนโฮ~ เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าการปลุกคนที่กำลังนอนน่ะมันเป็นบาปขนาดไหน J”
ผมส่งยิ้มกวนไปให้อีกคนพลางพูดต่อ “แถมปล่อยให้เข้ามาดี ๆ
ก็ยังไม่ขอบคุณสักคำ ต้องโดนฉันสั่งสอนมารยาทสักหน่อยแล้วมั้ง” เมื่อผมพูดเสร็จจุนโฮก็ทำหน้าซีดเผือกอย่างที่คิดเลย
จากที่เมื่อครู่กำลังหงุดหงิดอยู่
เมื่อเห็นจุนโฮเป็นแบบนั้นแล้วผมกลับอารมณ์ดีขึ้นมาเสียเฉย ๆ การแกล้งยายเมดให้เครียดเล่น
ๆ เป็นเรื่องสนุกสำหรับผมนะ จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก
แต่ยายเมดทำตัวน่าแกล้งเอง ช่วยไม่ได้
“ข..ขออภัยค่ะนายท่าน”
จุนโฮรีบก้มหัวขอโทษผมยกใหญ่ “ตอนนี้จะให้ทำอะไรก็ได้ค่ะ ที่ไม่ใช่อยู่กับ..
เอ่อ.. แมลงสาบพวกนั้น” จุนโฮมองหน้าผมเหมือนหมาหงอยที่กำลังพยายามจะอ้อนเจ้านาย
“ถือว่าเป็นโชคดีของเธอ
ที่ฉันง่วง ฉันจะไม่ลงโทษเธอในคืนนี้ แต่เธอต้องมานอนกับฉันบนเตียงอยู่ดี”
ผมยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะเดินไปปิดไฟเตรียมตัวนอนต่อ
ที่ผมอยากให้จุนโฮมานอนบนเตียงกับผมนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ
ผมรู้สึกว่าจุนโฮน่ะดูเหมือนพวกเกย์หรือตุ๊ดเอามาก ๆ แล้วผมก็อยากจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดเป็นความจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ถ้าหมอนั่นหวั่นไหวกับผมแสดงว่า บิงโก!
เป็นตุ๊ดแน่นอน และนี่ก็เป็นอีกเรื่องสนุกในชีวิตผมเช่นกันครับ
จุนโฮขึ้นไปนอนบนเตียงในท่าที่หันหลังให้ผม
ยายเมดใช้พื้นที่เพียงขอบเตียงในการนอน ดูท่าทางจะกลัวผมมากสินะ หึ
ผมเริ่มทำเรื่องสนุกอีกเรื่องโดยการเอื้อมมือไปกอดจุนโฮจากด้านหลังแล้วดึงเข้าหาตัว
หน้าจุนโฮตอนนี้จะเป็นอย่างไรนะ? หน้าบึ้งหรือขมวดคิ้ว? ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะแกล้งหายใจรดต้นคอจุนโฮ
“ย...อย่านะคะ
นายท่าน!”
จุนโฮหันหน้ามาทางผมเพื่อทำสายตาอาฆาต(?)
แต่เหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมาก หน้าของผมกับจุนโฮอยู่ห่างกันไม่ถึงสองเซนติเมตรครับ
ผมแสยะยิ้มเป็นครั้งที่หนึ่งล้านของวัน จุนโฮหน้าแดงจัดและพยายามจะหลบตาผม ผมค่อนข้างพึงพอใจกับปฏิกิริยากิริยาของจุนโฮในตอนนี้
ผมยื่นริมฝีปากของตัวเองลงไปประกบริมฝีปากบางของอีกคน
จุนโฮดูตื่นกลัวแต่ก็ไม่กล้าขัดขืน ผมใช้นิ้วมือแทรกเข้าไปตามเส้นผมบางของจุนโฮพลางสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากบาง
จุนโฮดูไม่กล้าที่จะเปิดรับผมเข้าไป แต่ผมใช้ความรุนแรงเพื่อรุกเข้าไป
“อ..อื้ออ..อออออ” จุนโฮพยายามจะขัดขืนแต่ช่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
เมื่อได้ลิ้มรสความหวานจากโพรงปากเล็กเพียงพอประมาณ
ผมก็ถอนริมฝีปากออกมา ผมสังเกตเห็นตาของจุนโฮแดงก่ำ อา.. ยายนี่ร้องไห้อีกแล้ว
จะอ่อนไหวไปถึงไหนกัน น่ารำคาญเสียจริง แต่ตอนนี้ความง่วงเริ่มเข้ามาครอบงำผมแล้ว ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงด้วย
ก็เลยกอดคนตัวเล็กมาซุกอกผมก่อนจะลูบหัวเบา ๆ เพื่อกล่อมให้หลับ
ยายเมดนี่ก็มีข้อดีเหมือนกันนะ
ช่วยแก้เบื่อให้ผมตอนที่อูยองไม่อยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนอูยองมาอยู่ใกล้ ๆ ถึงจะแทนกันได้ไม่ทุกประการก็ตาม...
End Chansung’s Part
Minjun’s Part
เมื่อวานผมกลับมาถึงหอด้วยความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยจริง ๆ ผมไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร
แต่ที่ชัดเจนคือผมรู้สึกไม่ดีกับการที่แทคยอนร้องไห้เพราะคำพูดของเขา ความจริงแล้วผมไม่ได้รู้สึกรำคาญแทคยอนขนาดนั้นเสียหน่อย
แต่ด้วยเพราะผมพยายามปฏิเสธตัวเองว่าไม่ได้ใจเต้นกับแทคยอน ทำให้ผมเผลอใช้อารมณ์กับแทคยอน
ทำไมผมถึงได้พูดแรงขนาดนั้นนะ มินจุนนะมินจุน ผมต้องหาเวลาไปขอโทษหรือปรับความเข้าใจสินะ
ผมคิดได้ดังนั้นจึงเข้าไปเช็คตารางสอนของแทคยอนในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเพื่อที่แทคยอนจะได้ไม่เอามาเป็นข้ออ้างเผื่อเขาจะหลบหน้าผมหรืออะไรก็ตาม
ด้วยความที่ผมมีเรื่องให้คิดมากขนาดนี้
เรื่องบทละครที่นิชคุณมอบหมายมาให้จึงยังไม่ค่อยคืบหน้า ได้แต่เพียงชื่อเรื่อง
ตัวละคร ฉากคร่าว ๆ เท่านั้น แย่จัง
“เห้อออออออออ” วันนี้มีคลาสภาษาอังกฤษตอนเช้าด้วย ถ้าผมต้องเจอกับแทคยอนแล้วจะทำตัวอย่างไรละนี่
ผมได้แต่ถอนหายใจและบ่นกับตัวเอง ถึงจะรู้ว่าบ่นไปก็ไม่ช่วยให้แก้ปัญหาได้ก็ตาม
แต่อย่างน้อยมันก็รู้สึกดีขึ้นละนะ
แล้วความคิดชั่วร้ายก็เข้ามาในหัวของของผม
‘หรือจะโดดเรียนดี?’ แต่อีกความคิดที่มาจากจิตใต้สำนึกก็แทรกเข้ามา
‘แต่ถ้าคืนดีกับแทคยอนไม่ได้สักที จะต้องโดดจนไม่มีสิทธิ์สอบอย่างนั้นหรือ?’ ไม่ได้ ผมจะหนีปัญหาไม่ได้ ผมจะต้องเผชิญกับมัน
ผมเดินเข้ามายังตึกภาษาอังกฤษอย่างหวาดระแวง
ถึงแม้ผมจะต้องเจอแทคยอนอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังไม่อยากเจอก่อนถึงเวลานี่นา
ยังไม่ได้เตรียมใจเลย ผมยังไม่พร้อม
และแล้วผมก็มาถึงห้องเรียนได้โดยสวัสดิภาพครับ
ก็เลยตัดสินใจจึงรีบเปิดประตูเข้าไป
“โอ้ย!”
ผมอุทานขึ้นมาอย่างดัง ส่วนเหตุผลก็คือ ดั้งโด่ง ๆ ของผมมันไปกระแทกกับอะไรบางอย่างน่ะสิ
แล้วเมื่อผมมองสิ่งที่ผมชนก็คือ
...
อ๊ค แทคยอน ...
“น..นี่นาย
มันเจ็บนะ...” ผมลูบจมูกตัวเอง นึกคำพูดในสถานการณ์นี้ไม่ออกจริง ๆ เลยพยายามเหวี่ยงแก้ขัดออกไปตามปกติ
“คุณเดินไม่ดูทางเอง
ผมผิดงั้นหรือ?” แทคยอนพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ มันไม่ปกติเลย
แทคยอนไม่เคยนิ่งขนาดนี้ ผมจะทำยังไงดี
“อีกอย่างนะครับ
คุณคิมมินจุน คุณไม่ควรใช้สรรพนามเรียกอาจารย์ของคุณว่า ‘นาย’ มันแสดงถึงความไม่มีมารยาทนะครับ” ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปากออกไป
แทคยอนกลับพูดแทรกขึ้นมาด้วยประโยคที่ทำให้ผมหน้าชา...
ผมไม่ได้รู้สึกแย่ที่เขาบอกว่าผมไม่มีมารยาทหรอกนะครับ...
แต่ด้วยความที่ผมไม่เคยคิดว่าแทคยอนคืออาจารย์
แต่เป็นไอ้บ้าคนหนึ่งเท่านั้น ผมจึงรู้สึกแปลก ๆ ค่อนไปทางแย่เมื่อเขาบอกให้ผมพูดแบบนั้น
ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกก็ใช้คำว่า ‘นาย’ เรียกแทคยอนมาตลอด นี่ผมเป็นอะไรไป ตามปกติผมจะต้องรำคาญแทคยอนสิ
ผมอยากไล่ให้เขาออกไปจากชีวิตจะตาย
แต่ทำไมพอเจอแทคยอนทำแบบนี้เข้าใส่กับรู้สึกไม่ดีแบบนี้นะ ผมจะต้องเรียกเขาว่าอาจารย์จริง
ๆ เหรอ? ไม่คุ้นชินเลยเสียจริง ความคิดหลากหลายไหลเข้ามาในหัวของผม
กว่าผมจะรู้สึกตัวว่าผมยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาประมาณ
10 นาทีเห็นจะได้ก็ตอนที่เพื่อนคนอื่นเข้ามาทักว่ายืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงประตูห้องนี่ล่ะครับ
ผมจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะเลคเชอร์ตัวประจำ
วันนี้การเรียนการสอนดำเนินไปอย่างปกติดี(มั้ง)ครับ
แทคยอนไม่แกล้งผมแล้ว แต่ถ้าจะพูดให้ถูกเลยคือ เขาไม่สนใจผม ไม่มองผม
ผมยกมือถามยังทำเป็นไม่เห็นเลยเสียด้วยซ้ำ มันจะมากเกินไปแล้ว ผมชักเริ่มจะเหลืออดแล้วนะ!
“อาจารย์ครับ! ผมมีคำถาม ผมยกมือ 5 รอบแล้ว ไม่คิดจะเรียกชื่อผมให้ผมถามหน่อยเหรอครับ!”
ผมลุกขึ้นและตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด ผมจ้องหน้าแทคยอนอย่างเอาเรื่อง ความไม่พอใจถูกแสดงออกมาทางสีหน้าของผมทั้งหมด
“ผมไม่คิดจะตอบคำถามของนักศึกษาที่ไม่เคยตั้งใจเรียน
ไม่เคยสนใจที่สิ่งผมสอนหรอกนะครับ” จบประโยคของแทคยอน ผมก็หน้าชาขึ้นมาอีกครั้ง
ก็เพราะประโยคนี้มันมีความหมายแฝงน่ะสิ
..เย็นชา..
..เกินไปแล้ว...
ผมทนความอึดอัดนี้ไม่ไหวจริง
ๆ จึงวิ่งหนีออกมาจากคลาสภาษาอังกฤษมานั่งที่โต๊ะเก้าอี้หินอ่อนหน้าตึกภาษา
หัวผมตื้อไปหมดเลยครับตอนนี้ ผมไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกแบบนี้อย่างไร
มันค่อนข้างเลวร้ายเลยทีเดียว
ความอึดอัดนี้ทำให้น้ำตาของผมออกมาอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง
ถึงมันจะดูอ่อนแอ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าทำให้รู้สึกดีที่ได้ระบายออกมาจริง ๆ
ผมเริ่มรู้สึกเพลียเล็กน้อย
จึงฟุบหน้าลงกับโต๊ะตามความเคยชิน
แล้วสติผมก็ขาดหายไป...
End Minjun’s Part
02.00 PM
บ่ายสองโมงเป็นเวลาที่แทคยอนออกมาจากตึกภาษาแห่งนั้น
ความจริงเขาสอนเสร็จตั้งแต่เที่ยงแล้ว ที่ยังไม่ออกมาจากตึกสักทีไม่ใช่เพราะเขาต้องเคลียร์งานและตรวจการบ้านของนักศึกษาแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะเขากำลังครุ่นคิดเรื่องของคนบางคนอยู่นั่นเอง
แทคยอนก้าวขาออกจากตึกภาษาด้วยความว่องไว
แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างโปร่งร่างหนึ่งที่นอนฟุบกับโต๊ะหินอ่อนหน้าตึก
‘มินจุนไม่ไปเรียนวิชาทฤษฎีดนตรีตะวันตกหรือ?’ เขาคิด
เขาน่ะสืบจนรู้ตารางเรียนของมินจุนและจำได้ทุกวิชารวมถึงตารางเรียนเสริมด้วย
ความสตอกเกอร์ของเขาเป็นนิสัยที่ยากจะแก้เสียจริง ๆ
ขายาว
ๆ ของแทคยอนเดินฉับฉับไปยังโต๊ะหินอ่อนตัวดังกล่าว
ก่อนเขาจะคิดได้ว่าเขาต้องทำตัวเย็นชาใส่มินจุน ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกห่างจากโต๊ะตัวนั้น
ก็มีบุคคลที่สามตะโกนขึ้นมา
“อ้าวแทค! ช่วงบ่ายไม่มีสอนเหรอ” เป็นนิชคุณที่เดินผ่านมานั่นเอง
“อ้าวคุณนี่
อืม ตอนบ่ายฉันไม่มีสอน กำลังจะกลับหอ” เสียงจากบทสนทนากันของทั้งคู่ทำให้มินจุนสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“อ้าวมินจุน!
นายไม่มีเรียนเหรอ? แล้วนั่นเป็นอะไรน่ะ ทำไมตาบวมแล้วก็แดงก่ำเลย!” นิชคุณทักเพื่อนอย่างเป็นห่วง
มินจุนสังเกตว่าแทคยอนก็อยู่ตรงนั้นด้วย
จึงตอบประชดกระแทกออกไป
“อ๋อพอดีวันนี้ฉันกะจะโดดเรียนทั้งวันน่ะ
หงุดหงิดอาจารย์สอนไม่ได้เรื่อง” มินจุนพูดพลางจ้องหน้าแทคยอนให้เจ้าตัวรู้สึกตัวว่ากำลังโดนพูดกระทบอยู่
“ส่วนที่ตาบวมสงสัยเพราะนอนดึกน่ะ ขอบใจมากที่เป็นห่วงนะ”
ส่วนประโยคนี้มินจุนหันไปยิ้มให้กับนิชคุณที่เป็นห่วงเขา
นิชคุณผู้ไม่ได้รู้สึกถึงความมาคุของมินจุนและแทคยอนจึงยิ้มให้กับทั้งคู่และพยายามที่จะหาเรื่องให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน
เพื่อให้แทคยอนทำคะแนน
“ถ้าอย่างนั้นพวกนายก็ว่างทั้งคู่น่ะสิ?
วานนายสองคนไปเอาเอกสาร xxx ที่ตึก b ให้หน่อยสิ พอดีมันมีค่อนข้างเยอะน่ะ คนเดียวน่าจะยกมาไม่ไหว
แล้วเอามาให้ฉันที่ห้องประชุมสภานะ”
“ไม่ว่างสักหน่อย!/ฉันไม่ได้ว่างนะ!” มินจุนและแทคยอนสวนขึ้นมาพร้อมกันทันที
นิชคุณไม่งงที่มินจุนปฏิเสธ
เพราะปกติมินจุนจะไม่ชอบไปไหนมาไหนกับแทคยอนอยู่แล้ว
แต่เขางงที่แทคยอนเองก็ปฏิเสธเหมือนกัน มีอะไรที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้อย่างนั้นหรือ?
“ฉันว่างก็ได้”
มินจุนคิดอีกที เขาควรจะคุยกับแทคยอนให้รู้เรื่องมากกว่าหนี จึงเปลี่ยนใจ
“มาด้วยกันนี่ ไอ้หูกาง! ฉันรู้ว่านายว่าง
ฉันเช็คตารางสอนของนายมาหมดแล้ว”
และประโยคนี้ของมินจุนทำให้ทั้งนิชคุณและแทคยอนต่างก็อึ้งกันไปตาม ๆ กัน
เป็นเรื่องที่แปลกมากที่มินจุนจะเช็คตารางสอนของแทคยอน
นิชคุณแอบยิ้มในปฏิกิริยาของมินจุน
แทคยอนหลุดทำหน้าเหวอได้สักครู่นึงก็กลับมาเก็กขรึมเช่นเดิม
มินจุนจับแขนแทคยอนแล้วลากคนตัวสูงไปรอรถประจำทาง
“ฉันไม่เรียกนายว่าอาจารย์
มีปัญหาอะไรไหม?” มินจุนจ้องหน้าคนตัวสูง
“....”
แทคยอนเงียบ ไม่ตอบ
“นี่ หูหนวกหรือเป็นใบ้หรือไง!? ฉันคุยด้วยก็คุยกับฉันสิ! ทีในคลาสยังกัดฉันได้เลย!” มินจุนผลักแทคยอน
“....”
แทคยอนยังคงเงียบอยู่
“น..นี่
น..นายไม่คิดว่าสิ่งที่นายทำกับฉันมันมากเกินไปเหรอ...” มินจุนเสียงสั่น
เขากำลังจะร้องไห้อีกครั้ง
“ก..ก็ได้!
ฉันขอโทษที่พูดไปแบบนั้น พอใจนายหรือยัง!”
มินจุนลดทิฐิของตัวเองลงแล้วขอโทษแทคยอน เขารู้สึกต้องการแทคยอนคนเดิมกลับมาจริง ๆ
ตอนนี้น้ำตาของมินจุนมันไหลออกมาแล้ว เขาพยายามเบนหน้าหนีแล้วเช็ดน้ำตาเพื่อไม่ให้แทคยอนรู้ว่าเขาร้องไห้
“คุณทำแบบนี้
คุณต้องการอะไร...? คิมมินจุน”
.
.
.
TO
BE CONTINUE
.
.
.
TALK
จบความหน่วงไปซะทีค่ะ
ไม่ได้หมายถึงในเรื่องนะคะ
หมายถึงคนแต่งนี่แหละค่ะ
แก้หลายรอบชิบหายเลยค่ะ
เหตุการณ์มันไม่สัมพันธ์กัน ถถถถถถถถถ
ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ
กราบ
จะแต่งให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถค่ะ
55555555555
และถ้ามีคนอ่านเรื่อย
ๆ ไม่ว่าจะเงาไม่เงา
ก็สัญญาว่าจะมาต่อนะคะ
ถ้าไม่ติดธุระที่ทำให้ไม่ว่างจริง ๆ
ความคิดเห็น