คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER IV
CHAPTER IV
“ยังตอบไม่ครบเลยนะครับคนสวย
เมื่อกี้ผมถามด้วยว่ามีแฟนหรือยังเอ่ย?”
ผมเบือนหน้าหนีทันที ไม่ใช่เพราะเขินนะครับ คือมันเอือม จะว่าไงดีล่ะ
ชื่อผู้ชายขนาดนี้ยังจะเรียกผมว่าคนสวย เหนื่อยใจกับมันจริง ๆ แล้วจะตอบยังไงดีล่ะ
ถ้าตอบว่าไม่มีแฟนมันจะต้องรุกหนักกว่านี้แน่นอน
“ม..ไม่บอ...”
“เห้ย
พวกแก ยัยนี่เป็นเมดส่วนตัวของฉัน ห้ามมายุ่ง ถ้าไม่รู้จากนี้ก็รู้ไว้ซะ..” ดูจากบริบทคำพูดแล้ว
คงไม่ต้องเดาล่ะครับว่าเจ้าของประโยคนี้เป็นใคร
ต้องเป็นนายท่านเจ้ากรรมนายเวรของผมแน่นอน
“เป็นคนของคุณชานซองเหรอครับ ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ทราบมาก่อน” กลุ่มผู้ชายที่ซุบซิบกันว่าจะมาจีบมาขอเบอร์บัดนี้ได้สลายหายไปกับฝูงชน รวมถึงสายตาอื่น
ๆ ที่จ้องมองก็หายไปเช่นกัน เป็นเมดของหมอนี่ก็มีข้อดีเหมือนกันแฮะ รู้สึกเหมือนมีที่คุ้มกะลาหัวเลย
“ทำงานวันแรกก็ร่านมาหาผู้ชายเลยงั้นเหรอ
ไม่รู้หรือไงว่าฉันรอนาน...” โอ้โห ดูคำพูดสิ
นี่ถ้ามันไม่ใช่ลูกอธิการบดีที่มีเส้นใหญ่เส้นยาว(?)ขนาดนี้
ผมอาจจะชกมันไปสักเปรี้ยง
“ไม่ใช่ซะหน่อย..”
“หางเสียงหายไปไหน”
ชานซองถามเสียงเข้ม ทำไมต้องเข้มด้วย มันผิดมากขนาดนั้นเลยหรือยังไง คิดแล้วก็...
“ค..ค่ะ(ก็ได้วะ)”
ผมได้แต่ก้มหน้างุด เผด็จการจริงๆ นะหมอนี่
“ช้า
ทำงานไม่ได้เรื่อง ไม่ต้องไปซื้อแล้ว วันนี้ฉันจะกินข้าวข้างนอก”
ชานซองจับแขนผมแล้วลากไปที่รถ
รถของชานซองสีดำขลับ
ดูท่าทางหรูมาก ๆ เป็นยี่ห้อที่ผมไม่คุ้นตา และผมคิดว่าจะต้องแพงมากแน่ ๆ เพราะผมบ้านจนนี่นา
รู้จักแต่รถยี่ห้อตลาดที่เขาขายกันทั่วไปเท่านั้นล่ะ
รถหรูหราอะไรไม่รู้จักสักอย่างหรอก
“ขึ้นไป”
ชานซองสั่งเสียงเรียบ ผมทำตามอย่างว่าง่าย แล้วเจ้าตัวก็ขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ
“ทำงานไม่ได้เรื่องแบบนี้ สงสัยจะโดนลงโทษตั้งแต่วันแรก” ชานซองหันมาพูดพลางแสยะยิ้มใส่ผมอย่างน่าสยองขวัญ
..ขนลุก..
นี่แค่วันแรกที่ผมมารับใช้ชานซอง
ผมก็ไม่ได้เรื่องจนจะโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัยนี้แล้วเหรอ
ตอนนี้ในหัวผมมีแต่ความเครียด ถ้าผมโดนไล่ออกจริง ๆ แล้วผมจะทำยังไง
ผมจะมองหน้าพ่อแม่ติดไหม พ่อแม่จะรู้สึกยังไง
แทนที่จะเรียนจบเอาใบปริญญากลับบ้านแล้วหาเงินเลี้ยงชีพพ่อแม่ กลับเรียนไม่จบเพราะดันไปมีเรื่องกับกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอธิการบดีมหาลัย
แอร์ในรถเย็นฉ่ำ
แต่ผมกลับรู้สึกร้อน เหงื่อแตกเต็มตัว ‘นี่ผมเครียดมากไปหรือเปล่า?
ความจริงมันอาจจะไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิดก็ได้มั้ง’ ผมพยายามปลอบใจตัวเอง
ชานซองขับรถออกจากมหาวิทยาลัยเข้ามาในตัวเมือง
ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว ร้านเหล้า ผับต่าง ๆ ก็ทยอยเปิดร้าน
แล้วนี่จะพาผมไปกินข้าวที่ไหนกันล่ะเนี่ย หวังว่าจะไม่พาเข้าสถานที่อโคจรพวกนั้นนะ
ในสภาพชุดนี้ผมรู้สึก..(โคตร)ไม่พร้อม
“บทลงโทษข้อที่หนึ่ง...”
ม..มันกำลังจะมาแล้วบทลงโทษ ผมหลับตาปี๋ ลุ้นในชะตากรรมตัวเอง
“ข้าวไม่ต้องกิน กินเหล้าแทน” ...ฟู่ว โล่งไป ที่ยังไม่ใช่ไล่ออก ว่าแต่
เดี๋ยวก่อนนะ...
“ต..แต่ผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์นะ”
ผมเถียงเสียงดัง ชานซองคงไม่ได้คิดจะฆ่ากันทางอ้อมหรอกใช่ไหม
ท้องว่างกับแอลกอฮอล์นี่มันนรกมาก แล้วยิ่งผมไม่ถูกกับแอลกอฮอล์อย่างแรง หมอนี่อยากเห็นผมหมดสภาพมากใช่ไหม
“สรรพนามเธอผิดอีกแล้ว..
เอาบทลงโทษนี้แหละ ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไป!”
ชานซองพูดเสียงเรียบหน้าตาย ยอมกินนิดหน่อยดีกว่าโดนไล่ออกหมดอนาคต
ไม่มีเงินไปเลี้ยงพ่อแม่นะจุนโฮ ท่องไว้
ชานซองกำลังขับรถมาจอดยังลานจอดรถของร้านเหล้าแห่งหนึ่งที่ดูหรูหรา
ในร้านมีผู้คนอยู่เล็กน้อยประปรายต่างจากร้านข้างเคียงในบริเวณนั้น
สาเหตุอาจจะเป็นเพราะราคาสูงเกินกว่าที่นักศึกษาทั่วไปจะมานั่งก็ได้กระมัง
ผมเดินตามชานซองลงมายังร้านเหล้าหรูที่ว่า
จากนั้นมีพนักงานสาวนุ่งสั้นจำนวนมากเกินจำเป็นออกมาต้อนรับ อาห์..
อย่าบอกนะว่าร้านนี้เป็นกิจการของพ่อหมอนี่น่ะ
“สวัสดีค่ะคุณชานซอง
วันนี้มา 2 ที่เหรอคะ จะรับอะไรดีคะ?” สาวนุ่งสั้นหนึ่งในนั้นพูด
“วันนี้ขอ
Grey
Goose เอามาแค่ขวดเดียวพอ” ชานซองสั่งเครื่องดื่มที่ผมไม่รู้จักไป
ผมได้แต่ภาวนาว่าให้มันเป็นแค่เครื่องดื่มที่ไม่แรงมากเถอะ สาธุในใจ
“เชิญทางนี้ค่ะ” สาวนุ่งสั้นคนที่เหลือเดินนำทางเราสองคนไปยังโซนวีไอพี
ดูส่วนตัวดีแฮะ ท่าทางราคาจะไม่ใช่เบา ๆ ด้วย ทำไมหมอนี่ต้องลงทุนขนาดนี้เพื่อที่จะทำโทษเขาด้วยนะ
หรือจะเป็นแบบที่ใคร ๆ เขาว่า ว่าคนรวยทำได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของตัวเอง
“จ..จะให้กินจริง
ๆ เหรอคะ” ผมมองชานซองอย่างเกร็ง ๆ ไม่กล้ามองตรง ๆ วุ้ย กลัว
“ยัยงี่เง่า
เธอคิดว่าฉันจะล้อเล่นหรือไง? หึ อย่าบอกนะว่าทำไม่ได้?”
“ทำได้ค่ะ!!”
ผมตอบอย่างไม่คิดชีวิตเลย ณ จุด ๆ นั้น
.
.
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น
ผมรู้สึกปวดหัวมากครับ
สงสัยจะเมาค้างเสียแล้ว วันนี้โชคดีที่ไม่มีเรียน เมื่อวานหลังจากกระดกไอ้ของเหลวที่ชานซองเรียกมันว่า
Grey
Goose ลงไป ผมก็รู้สึกมึนตั้งแต่อึกแรก รสชาติของมันบาดคอผมมาก ๆ
ผมนึกว่าผมกำลังกินเหล้าขาว 40 ดีกรีตรารวงข้าว ที่คนเมาแถวบ้านผมชอบพูดถึง
แต่ผมจะคิดเสียว่ามันคือรวงข้าวราคาแพงแล้วกันนะครับ
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนผมไปทำวีรกรรมอะไรไว้บ้าง
ไม่รู้เรื่อง เมา มึน ผมพยุงตัวขึ้นจากเตียงแล้วก็มองไปรอบ ๆ ปรากฏว่า
ที่นี่ไม่ใช่หอของผมและพี่มินจุน เตียงนี้ก็ไม่ใช่เตียงของผมด้วย อย่าบอกนะว่า...
“อืมมม...มมม...”
เสียงครางของคนนอนหลับที่อยู่ข้างตัวผมดังขึ้น แย่แล้ว แล้วอย่างนี้เมื่อคืนนี้ผมโดนทำมิดีมิร้ายอะไรไปบ้างหรือเปล่าเนี่ย
ว่าแล้วก็เช็คสภาพตัวเอง
..เสื้อผ้าอยู่ครบ..
เห้อออ
โล่งอกไปที ผมสะบัดความคิดเรื่องอยู่บนที่นอนกับชานซองออกจากหัว ก่อนจะค่อย ๆ
ลุกขึ้น ก่อนจะ
“ห..เห้ยยยย!!!!!”
ชานซองที่ผมคิดว่าหลับอยู่ อยู่ดี ๆ ก็ดึงตัวผมลงไปกอดซะแน่น อย่างกับผมเป็นหมอนข้าง
หน้าผมแนบอยู่กับแผงอกของชานซอง กลิ่นกายแบบผู้ชายโชยเข้าจมูก แต่โอยยย.. อึดอัด
หายใจไม่ออก เวียนหัวด้วย
“อูยองงี่
คิดถึงจางงงง~” ชานซองพูดขึ้นมา แต่ดูจากน้ำเสียงและชื่อที่หมอนี่เรียก
ผมค่อนข้างมั่นใจมากว่ามันกำลังละเมอ! อูยองคือใคร? ผมผลักตัวเองออกจากอ้อมกอดของชานซอง
แต่อีกคนแรงเยอะกว่ามาก พอผมพยายามดิ้น ชานซองก็รวบแขนผมทั้งสองข้างไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว
ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่งั้นแย่แน่ ๆ
“นายท่านคะฉันไม่ใช่อู....อื้อออออ..ออออ”
ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค ชานซองประกบริมฝีปากลงมายังริมฝีปากของผมอย่างรุนแรง ไม่นะ!! จูบแรกของผม.. จากที่ตอนแรกผมรู้สึกมึนหัวเพราะเมาค้าง ตอนนี้สร่างเลยครับ
ผมพยายามที่จะหาทางปลุกให้ชานซองตื่น ดิ้นก็แล้ว อะไรก็แล้วก็ยังไม่ได้ผล
ผมก็เลยกัดลิ้นของชานซองไปเต็ม ๆ
“โอ้ยยยย!!!!” ชานซองที่เพิ่งตื่นทำหน้าเหวอแรงมากที่เห็นผมอยู่ตรงนี้
แทนที่จะเป็นอูยองในฝันของมัน(?) จึงรีบถอนริมฝีปากออกแล้วลุกขึ้น
“ธ..เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
ผมไม่ตอบคำถามชานซอง ตอนนี้ผมอยากจะร้องไห้ให้ได้เลย พ่อของผมเคยบอกว่าควรมอบจูบแรกให้กับผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญหรือเป็นรักแรก
และผมก็มีคนที่ตั้งใจจะมอบให้แล้วด้วย แต่จูบแรกของผมกลับเป็นคนไอ้หมอนี่ละเมอมาจูบ!
‘ผัวะ!’
ผมต่อยหน้าชานซองไปหนึ่งหมัดก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องมันทั้งน้ำตา บ้าจริง ให้มันได้อย่างนี้สิจุนโฮ
นี่แกจะอ่อนแอขนาดสู้ใครไม่ได้เลยหรือไง แย่ แย่มาก ๆ
ผมวิ่งมาจนถึงหอของผม
เจอพี่มินจุนเปิดประตูสวนออกมาพอดี
“อ้าวจุนโฮ เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
“พี่มินจุนครับ
จ..จูบแรกของผม ฮรืออออออออออออออออออ” เมื่อเจอหน้าพี่ชายที่รัก
ผมก็ปล่อยโฮแล้วโผเข้ากอดทันที
“ใจเย็นก่อน
มีอะไรค่อย ๆ คุย เข้ามาในห้องก่อนมา” พี่มินจุนตบหลังผมเบา ๆ 2-3 ครั้ง
จากตอนแรกที่พี่มินจุนดูเหมือนจะออกไปข้างนอก ตอนนี้กลับจูงมือผมเข้ามาในห้อง
“พี่มินจุนครับ ไอ้ชานซอง..ฮึกก ไอ้ชานซองมันจูบผม!!!” ผมโวยวายไปร้องไห้ไป
รู้สึกเฟลในชีวิตเอามาก ๆ ความซวยที่เกิดขึ้นใน 3 วันที่ผ่านมานี้คือสิ่งที่ผมสมควรจะได้รับแล้วงั้นหรือ?
“โถ่
เรื่องแค่นี้เองจุนโฮ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้สิ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับแกนะ”
ดูเหมือนพี่มินจุนจะคิดว่าจูบไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็แหงสิ พี่เค้าเคยจูบแล้วนี่นา
“ต..แต่ว่...”
“ไม่ต้องแต่
ถ้าแกคิดจะขอคำแนะนำจากฉัน ถามฉันร้อยรอบฉันก็จะแนะนำให้แกทำยังไงก็ได้ไม่ให้โดนไล่ออก”
พี่มินจุนสวนขึ้นมาหลังจากที่ผมกำลังจะเถียง
“ฉันต้องไปเรียนแล้ว
หยุดคิดเล็กคิดน้อยในเรื่องไร้สาระแล้วนอนพักซะ อย่าให้เป็นห่วง” พูดเสร็จพี่มินจุนก็เดินออกจากห้องไป
หยุดคิดเล็กคิดน้อยงั้นเหรอ
ถ้าคิดซะว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
แล้วไม่นับว่ามันเป็นจูบแรกก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? แล้วผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า
ไม่น่าไปต่อยชานซองแบบนั้นเลย อุตส่าห์ยอมไปเป็นเมดให้มันตั้ง 1 วัน
ถ้าโดนไล่ออกถือว่าขาดทุนมาก! เอาเถอะ ไว้ทำใจได้แล้วจะไปขอโทษแล้วกัน
.
.
.
Chansung’s Part
หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อกี้แล้ว
ผมนั่งมึนงงอยู่บนเตียงประมาณ 10 นาทีกว่าสมองของผมจะกลับมาประมวลผลตามปกติ รู้สึกเจ็บนิดหน่อยกับแผลที่ลิ้น
ผมลุกขึ้นจากเตียงเพื่อที่จะมาอาบน้ำให้หายฟุ้งซ่าน
แต่เรื่องจูบนั่นก็ยังทำให้ผมหายคิดมากไม่ได้
..หวาน..
ในฝันของผม
นั่นเป็นจูบที่หวานมากเสียจนผมคิดว่าจุนโฮเป็นอูยองจริง ๆ อ้อลืมแนะนำไปสินะครับ
อูยองหรือจางอูยองคือคู่หมั้นของผมเอง ที่ผมคิดถึงอูยองมากไปจนละเมอได้ขนาดนี้ก็เพราะว่าตอนนี้อูยองดรอปเรียนไปหาประสบการณ์ที่ประเทศแถบยุโรปครับ
แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจที่ผมมีคู่หมั้นเป็นผู้ชายหรอกครับ เราหมั้นกันด้วยเหตุผลที่เป็นเรื่องของของผู้ใหญ่ทั้งนั้น
ผมเองก็ไม่อาจทราบได้หรอกครับว่าเหตุผลนั้นคืออะไร ครั้งแรกที่โดนจับให้หมั้นกับอูยอง
ผมคัดค้านในทันที ใครมันจะบ้าไปมีคู่หมั้นเป็นผู้ชายกันล่ะ
ตัวผมเองไม่ใช่เกย์เสียหน่อย ยังชอบผู้หญิง ยังปกติดี แต่พอได้รู้จักกันนาน ๆ
เข้าก็พบว่าอูยองไม่ได้เลวร้ายแบบที่ผมคิด ออกจะอ่อนหวาน เรียบร้อย พูดน้อย เย็นชาเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
ถึงหน้าตาจะคล้ายกันแต่ก็ไม่แสบแบบยัยเมดจุนโฮ
มีหลายครั้งที่เผลอนึกว่าอูยองเป็นผู้หญิง
จนอูยองต้องบอกผมว่าจะให้เขาแต่งตัวเป็นผู้หญิงก็ได้นะ ผมจะได้ไม่รู้สึกอายขายขี้หน้าใครที่มีคู่หมั้นเป็นผู้ชาย
โอ้โหหห ดูความดีงามของอูยองสิครับ และความดีงามของอูยองนี่เองที่ทำให้ผมรู้สึก ‘ชอบ’ จริง ๆ ขึ้นมา แต่ดูท่าทางแล้วอาจจะเป็นชอบข้างเดียวก็ได้ครับ
บางทีความเย็นชาของอูยองก็ทำให้ผมรู้สึกหวั่น ๆ ว่าจะแห้ว
อาบน้ำเสร็จผมก็หยิบหนังสือนิติปรัชญาขึ้นมาเล่มหนึ่ง
ก่อนจะหย่อนก้นตัวเองลงบนโซฟาหรูสีคราม ยังไม่ทันจะเปิดหน้าแรก เหตุการณ์เมื่อเช้าก็วนกลับมาในหัว
ยัยตุ๊ดจุนโฮทำผมไว้แสบมาก จะปลุกกันดี ๆ ก็ไม่ได้ นี่ต้องกัดลิ้นให้ผมเสียเลือด
ผมไม่ใช่คนปลุกยากขนาดนั้นเสียหน่อย (เหรอ) ผมแอบเห็นว่าจุนโฮร้องไห้ แค่เรื่องจูบอะไรมันจะขนาดนั้น
แต่ว่าตั้งแต่บังคับยัยนี่มารับใช้ นี่ก็เป็นครั้งแรกแฮะนี่เห็นว่าร้องไห้
จะให้ไปขอโทษงั้นหรือ? ไม่มีทางหรอก นอกจากเสียว่ายัยเมดงี่เง่านี่จะมาขอโทษเรื่องที่กัดลิ้นผมจนได้แผลก่อนน่ะนะ!!
.
.
End Chansung’s Part
รีดเดอร์ได้รับข้อมูลของตัวละครเพิ่ม 1 ea
.
.
ห้องพักอาจารย์แทคยอน
‘ก๊อก
ก๊อก’
เสียงเคาะประตูกระจกใสดังขึ้น อาจารย์หนุ่มผิวเข้มชูคอชะเง้อมองอีกด้านของกระจกใสก็พบว่าเป็นประธานนักเรียนชาวต่างชาตินั่นเอง
“เข้ามาก่อนสิ”
แทคยอนเดินไปเปิดประตูให้
“แทค ฉันมีเรื่องจะปรึกษา” เสียงนุ่มทุ้ม สำเนียงแปร่ง ๆ เอ่ยขึ้น
“ว่าไงล่ะ
คุนนี่~”
.
.
.
-
TO BE CONTINUE –
รีดเดอร์ได้รับข้อมูลของตัวละครเพิ่ม 1 ea
.
.
.
บ่น
ในที่สุดก็ออกมาซะทีตัวละครลับทั้ง
2
เราจะไม่อัพเดทที่หน้าแนะนำนิยายค่ะ
แต่เราจะอัพเดทในตอนเดียวกัน เพื่อไม่เป็นการสปอยล์ผู้อ่านมากเกินไป
!!
ทำเหมือนเควสเกมเลยอะ
55555555555
อ่านถึงตอนนี้ปุ๊บมีอันนี้อันนี้เด้งขึ้นมาเรื่อย
ๆ ไรงี้
หวังว่าจะมีคนอ่านนะคะ
>__<
จะเงาไม่เงาไม่รู้อะ อ่านก็ดีใจแล้วววว
เข้ามาคุยกันที่
@Aisenpie
ได้เน้อ <3
ความคิดเห็น