ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [2PM] CNN : I'M YOUR MAN

    ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER VII

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 58


    - VII –

     

    Chansung’s Part

     

              ‘ปึ้ก! ปึ้ก!’ เสียงประหลาดแว่วเข้าโสตประสาทของผม นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ใครมันทำอะไรเสียงดังเอาป่านนี้วะ คนจะนอน

     

              ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!’ ยัง.. ยังอีก ยังไม่หยุดอีก ผมสไลด์จอสมาร์ทโฟนเพื่อดูเวลา


              ‘04.37 น.นี่มันตีสี่.. ใครมันยังไม่หลับไม่นอน

     

              ผมดึงผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกออกจากเตียงขึ้นมาหาต้นตอของเสียงดังกล่าวก่อนจะพบว่าเป็นจุนโฮที่กำลังทุบหน้าต่างที่เป็นบานกระจกอยู่ข้างนอก

     

              “นายท่านคะ! เปิดกระจกให้หน่อยค่ะ!” จุนโฮทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกสะใจเล็กน้อยที่ได้เห็นใบหน้าแบบนั้น

     

              ผมเดินไปยังบานกระจกดังกล่าวเพื่อมองสีหน้าอ้อนวอนของยายเมดตัวแสบให้ชัด ๆ จุนโฮยังคงทุบกระจกอย่างต่อเนื่อง โอ้ ๆ ยายนี่จะร้องไห้แล้ว ผมควรจะเปิดให้ไหมนะ? หรือจะไม่เปิดดี? แต่จุนโฮเป็นคนเลือกที่จะไม่นอนสบาย ๆ บนเตียงกับผมเองนะ ก็ต้องโดนลงโทษแบบนี้ถึงจะถูกแล้วสิ J

     

              ผมแสยะยิ้มให้จุนโฮก่อนจะทำหน้าตาจะร้องไห้เพื่อเป็นการล้อเลียน จุนโฮร้องไห้ออกมาจริง ๆ แล้ว จุนโฮใช้แรงเฮือกสุดท้ายทุบกระจกก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก ยิ่งทำให้ผมนึกสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุ

     

              แล้วสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นแมลงสาบที่อยู่ตรงระเบียง จำนวนของมันค่อนข้างมากทีเดียว ยายนี่กลัวแมลงสาบนี่เอง ..มิน่าล่ะ ผมเห็นจุนโฮร้องไห้สะอึกสะอื้นจนจะขาดใจตายแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมา ..ให้เข้ามาก็ได้ ผมไม่อยากให้ระเบียงห้องผมมีศพเมด

     

              คิดแล้วก็ปลดล็อกประตูกระจก ก่อนจะเดินออกไปเอากุญแจไขตัวล็อกโซ่ จุนโฮรีบวิ่งเข้ามาในห้องประหนึ่งหนีจากสงครามมา

     

              “ฮ..ฮือออ..อออ นายท่านคนใจร้าย! ปล่อยให้ฉันอยู่กับแมลงสาปทั้งคืนได้ยังไง? หนาวก็หนาว นอนก็นอนไม่ได้! บ้า บ้า บ้าที่สุด!” พอกลับเข้ามาในห้องก็ปากเก่งทันทีครับ ขอบคุณอะไรสักคำก็ไม่มี จุนโฮทุบอกผมอย่างบ้าคลั่ง ถึงแรงจะมีไม่มาก แต่ผมก็เริ่มชักจะหงุดหงิดแล้วนะ ไม่มีคนสอนมารยาทให้ยายนี่หรืออย่างไร...?

     

              ผมจับแขนจุนโฮที่เมื่อกี้กำลังทุบอกผมอยู่เอาไว้ หึ.. สงสัยจะต้องลงโทษเพิ่ม

     

              “ขยันหาเรื่องใส่ตัวจังเลยนะจุนโฮ~ เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าการปลุกคนที่กำลังนอนน่ะมันเป็นบาปขนาดไหน Jผมส่งยิ้มกวนไปให้อีกคนพลางพูดต่อ “แถมปล่อยให้เข้ามาดี ๆ ก็ยังไม่ขอบคุณสักคำ ต้องโดนฉันสั่งสอนมารยาทสักหน่อยแล้วมั้ง” เมื่อผมพูดเสร็จจุนโฮก็ทำหน้าซีดเผือกอย่างที่คิดเลย จากที่เมื่อครู่กำลังหงุดหงิดอยู่ เมื่อเห็นจุนโฮเป็นแบบนั้นแล้วผมกลับอารมณ์ดีขึ้นมาเสียเฉย ๆ การแกล้งยายเมดให้เครียดเล่น ๆ เป็นเรื่องสนุกสำหรับผมนะ จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ยายเมดทำตัวน่าแกล้งเอง ช่วยไม่ได้

     

              “ข..ขออภัยค่ะนายท่าน” จุนโฮรีบก้มหัวขอโทษผมยกใหญ่ “ตอนนี้จะให้ทำอะไรก็ได้ค่ะ ที่ไม่ใช่อยู่กับ.. เอ่อ.. แมลงสาบพวกนั้นจุนโฮมองหน้าผมเหมือนหมาหงอยที่กำลังพยายามจะอ้อนเจ้านาย

     

              “ถือว่าเป็นโชคดีของเธอ ที่ฉันง่วง ฉันจะไม่ลงโทษเธอในคืนนี้ แต่เธอต้องมานอนกับฉันบนเตียงอยู่ดี” ผมยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะเดินไปปิดไฟเตรียมตัวนอนต่อ

     

              ที่ผมอยากให้จุนโฮมานอนบนเตียงกับผมนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ ผมรู้สึกว่าจุนโฮน่ะดูเหมือนพวกเกย์หรือตุ๊ดเอามาก ๆ แล้วผมก็อยากจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดเป็นความจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง ถ้าหมอนั่นหวั่นไหวกับผมแสดงว่า บิงโก! เป็นตุ๊ดแน่นอน และนี่ก็เป็นอีกเรื่องสนุกในชีวิตผมเช่นกันครับ

     

              จุนโฮขึ้นไปนอนบนเตียงในท่าที่หันหลังให้ผม ยายเมดใช้พื้นที่เพียงขอบเตียงในการนอน ดูท่าทางจะกลัวผมมากสินะ หึ

     

              ผมเริ่มทำเรื่องสนุกอีกเรื่องโดยการเอื้อมมือไปกอดจุนโฮจากด้านหลังแล้วดึงเข้าหาตัว หน้าจุนโฮตอนนี้จะเป็นอย่างไรนะ? หน้าบึ้งหรือขมวดคิ้ว? ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะแกล้งหายใจรดต้นคอจุนโฮ

     

              “ย...อย่านะคะ นายท่าน!” จุนโฮหันหน้ามาทางผมเพื่อทำสายตาอาฆาต(?) แต่เหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมาก หน้าของผมกับจุนโฮอยู่ห่างกันไม่ถึงสองเซนติเมตรครับ ผมแสยะยิ้มเป็นครั้งที่หนึ่งล้านของวัน จุนโฮหน้าแดงจัดและพยายามจะหลบตาผม ผมค่อนข้างพึงพอใจกับปฏิกิริยากิริยาของจุนโฮในตอนนี้

     

              ผมยื่นริมฝีปากของตัวเองลงไปประกบริมฝีปากบางของอีกคน จุนโฮดูตื่นกลัวแต่ก็ไม่กล้าขัดขืน ผมใช้นิ้วมือแทรกเข้าไปตามเส้นผมบางของจุนโฮพลางสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากบาง จุนโฮดูไม่กล้าที่จะเปิดรับผมเข้าไป แต่ผมใช้ความรุนแรงเพื่อรุกเข้าไป

     

              “อ..อื้ออ..อออออ จุนโฮพยายามจะขัดขืนแต่ช่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

     

              เมื่อได้ลิ้มรสความหวานจากโพรงปากเล็กเพียงพอประมาณ ผมก็ถอนริมฝีปากออกมา ผมสังเกตเห็นตาของจุนโฮแดงก่ำ อา.. ยายนี่ร้องไห้อีกแล้ว จะอ่อนไหวไปถึงไหนกัน น่ารำคาญเสียจริง แต่ตอนนี้ความง่วงเริ่มเข้ามาครอบงำผมแล้ว ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงด้วย ก็เลยกอดคนตัวเล็กมาซุกอกผมก่อนจะลูบหัวเบา ๆ เพื่อกล่อมให้หลับ

     

              ยายเมดนี่ก็มีข้อดีเหมือนกันนะ ช่วยแก้เบื่อให้ผมตอนที่อูยองไม่อยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนอูยองมาอยู่ใกล้ ๆ ถึงจะแทนกันได้ไม่ทุกประการก็ตาม...

     

    End Chansung’s Part

             

     

    Minjun’s Part

     

              เมื่อวานผมกลับมาถึงหอด้วยความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยจริง ๆ ผมไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร แต่ที่ชัดเจนคือผมรู้สึกไม่ดีกับการที่แทคยอนร้องไห้เพราะคำพูดของเขา ความจริงแล้วผมไม่ได้รู้สึกรำคาญแทคยอนขนาดนั้นเสียหน่อย แต่ด้วยเพราะผมพยายามปฏิเสธตัวเองว่าไม่ได้ใจเต้นกับแทคยอน ทำให้ผมเผลอใช้อารมณ์กับแทคยอน ทำไมผมถึงได้พูดแรงขนาดนั้นนะ มินจุนนะมินจุน ผมต้องหาเวลาไปขอโทษหรือปรับความเข้าใจสินะ

     

              ผมคิดได้ดังนั้นจึงเข้าไปเช็คตารางสอนของแทคยอนในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเพื่อที่แทคยอนจะได้ไม่เอามาเป็นข้ออ้างเผื่อเขาจะหลบหน้าผมหรืออะไรก็ตาม

     

              ด้วยความที่ผมมีเรื่องให้คิดมากขนาดนี้ เรื่องบทละครที่นิชคุณมอบหมายมาให้จึงยังไม่ค่อยคืบหน้า ได้แต่เพียงชื่อเรื่อง ตัวละคร ฉากคร่าว ๆ เท่านั้น แย่จัง

     

              “เห้อออออออออ” วันนี้มีคลาสภาษาอังกฤษตอนเช้าด้วย ถ้าผมต้องเจอกับแทคยอนแล้วจะทำตัวอย่างไรละนี่

     

              ผมได้แต่ถอนหายใจและบ่นกับตัวเอง ถึงจะรู้ว่าบ่นไปก็ไม่ช่วยให้แก้ปัญหาได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็รู้สึกดีขึ้นละนะ

     

              แล้วความคิดชั่วร้ายก็เข้ามาในหัวของของผม หรือจะโดดเรียนดี?แต่อีกความคิดที่มาจากจิตใต้สำนึกก็แทรกเข้ามา แต่ถ้าคืนดีกับแทคยอนไม่ได้สักที จะต้องโดดจนไม่มีสิทธิ์สอบอย่างนั้นหรือ? ไม่ได้ ผมจะหนีปัญหาไม่ได้ ผมจะต้องเผชิญกับมัน

     

              ผมเดินเข้ามายังตึกภาษาอังกฤษอย่างหวาดระแวง ถึงแม้ผมจะต้องเจอแทคยอนอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังไม่อยากเจอก่อนถึงเวลานี่นา ยังไม่ได้เตรียมใจเลย ผมยังไม่พร้อม

     

              และแล้วผมก็มาถึงห้องเรียนได้โดยสวัสดิภาพครับ ก็เลยตัดสินใจจึงรีบเปิดประตูเข้าไป

     

              “โอ้ย!” ผมอุทานขึ้นมาอย่างดัง ส่วนเหตุผลก็คือ ดั้งโด่ง ๆ ของผมมันไปกระแทกกับอะไรบางอย่างน่ะสิ แล้วเมื่อผมมองสิ่งที่ผมชนก็คือ

     

              ... อ๊ค แทคยอน ...

     

              “น..นี่นาย มันเจ็บนะ...” ผมลูบจมูกตัวเอง นึกคำพูดในสถานการณ์นี้ไม่ออกจริง ๆ เลยพยายามเหวี่ยงแก้ขัดออกไปตามปกติ

     

              “คุณเดินไม่ดูทางเอง ผมผิดงั้นหรือ?” แทคยอนพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ มันไม่ปกติเลย แทคยอนไม่เคยนิ่งขนาดนี้ ผมจะทำยังไงดี

     

              “อีกอย่างนะครับ คุณคิมมินจุน คุณไม่ควรใช้สรรพนามเรียกอาจารย์ของคุณว่า นายมันแสดงถึงความไม่มีมารยาทนะครับ” ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปากออกไป แทคยอนกลับพูดแทรกขึ้นมาด้วยประโยคที่ทำให้ผมหน้าชา...

     

              ผมไม่ได้รู้สึกแย่ที่เขาบอกว่าผมไม่มีมารยาทหรอกนะครับ...

     

              แต่ด้วยความที่ผมไม่เคยคิดว่าแทคยอนคืออาจารย์ แต่เป็นไอ้บ้าคนหนึ่งเท่านั้น ผมจึงรู้สึกแปลก ๆ ค่อนไปทางแย่เมื่อเขาบอกให้ผมพูดแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกก็ใช้คำว่า นาย เรียกแทคยอนมาตลอด นี่ผมเป็นอะไรไป ตามปกติผมจะต้องรำคาญแทคยอนสิ ผมอยากไล่ให้เขาออกไปจากชีวิตจะตาย แต่ทำไมพอเจอแทคยอนทำแบบนี้เข้าใส่กับรู้สึกไม่ดีแบบนี้นะ ผมจะต้องเรียกเขาว่าอาจารย์จริง ๆ เหรอ? ไม่คุ้นชินเลยเสียจริง ความคิดหลากหลายไหลเข้ามาในหัวของผม

     

              กว่าผมจะรู้สึกตัวว่าผมยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาประมาณ 10 นาทีเห็นจะได้ก็ตอนที่เพื่อนคนอื่นเข้ามาทักว่ายืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงประตูห้องนี่ล่ะครับ ผมจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะเลคเชอร์ตัวประจำ

     

              วันนี้การเรียนการสอนดำเนินไปอย่างปกติดี(มั้ง)ครับ แทคยอนไม่แกล้งผมแล้ว แต่ถ้าจะพูดให้ถูกเลยคือ เขาไม่สนใจผม ไม่มองผม ผมยกมือถามยังทำเป็นไม่เห็นเลยเสียด้วยซ้ำ มันจะมากเกินไปแล้ว ผมชักเริ่มจะเหลืออดแล้วนะ!

     

              “อาจารย์ครับ! ผมมีคำถาม ผมยกมือ 5 รอบแล้ว ไม่คิดจะเรียกชื่อผมให้ผมถามหน่อยเหรอครับ!” ผมลุกขึ้นและตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด ผมจ้องหน้าแทคยอนอย่างเอาเรื่อง ความไม่พอใจถูกแสดงออกมาทางสีหน้าของผมทั้งหมด

     

              “ผมไม่คิดจะตอบคำถามของนักศึกษาที่ไม่เคยตั้งใจเรียน ไม่เคยสนใจที่สิ่งผมสอนหรอกนะครับ” จบประโยคของแทคยอน ผมก็หน้าชาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เพราะประโยคนี้มันมีความหมายแฝงน่ะสิ

             

              ..เย็นชา..

     

              ..เกินไปแล้ว...

     

              ผมทนความอึดอัดนี้ไม่ไหวจริง ๆ จึงวิ่งหนีออกมาจากคลาสภาษาอังกฤษมานั่งที่โต๊ะเก้าอี้หินอ่อนหน้าตึกภาษา หัวผมตื้อไปหมดเลยครับตอนนี้ ผมไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกแบบนี้อย่างไร มันค่อนข้างเลวร้ายเลยทีเดียว

     

              ความอึดอัดนี้ทำให้น้ำตาของผมออกมาอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง ถึงมันจะดูอ่อนแอ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าทำให้รู้สึกดีที่ได้ระบายออกมาจริง ๆ

     

              ผมเริ่มรู้สึกเพลียเล็กน้อย จึงฟุบหน้าลงกับโต๊ะตามความเคยชิน

     

              แล้วสติผมก็ขาดหายไป...

     

    End Minjun’s Part

     

    02.00 PM

     

              บ่ายสองโมงเป็นเวลาที่แทคยอนออกมาจากตึกภาษาแห่งนั้น ความจริงเขาสอนเสร็จตั้งแต่เที่ยงแล้ว ที่ยังไม่ออกมาจากตึกสักทีไม่ใช่เพราะเขาต้องเคลียร์งานและตรวจการบ้านของนักศึกษาแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขากำลังครุ่นคิดเรื่องของคนบางคนอยู่นั่นเอง

     

              แทคยอนก้าวขาออกจากตึกภาษาด้วยความว่องไว แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างโปร่งร่างหนึ่งที่นอนฟุบกับโต๊ะหินอ่อนหน้าตึก

     

              มินจุนไม่ไปเรียนวิชาทฤษฎีดนตรีตะวันตกหรือ?’ เขาคิด เขาน่ะสืบจนรู้ตารางเรียนของมินจุนและจำได้ทุกวิชารวมถึงตารางเรียนเสริมด้วย ความสตอกเกอร์ของเขาเป็นนิสัยที่ยากจะแก้เสียจริง ๆ

     

              ขายาว ๆ ของแทคยอนเดินฉับฉับไปยังโต๊ะหินอ่อนตัวดังกล่าว ก่อนเขาจะคิดได้ว่าเขาต้องทำตัวเย็นชาใส่มินจุน ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกห่างจากโต๊ะตัวนั้น ก็มีบุคคลที่สามตะโกนขึ้นมา

     

              “อ้าวแทค! ช่วงบ่ายไม่มีสอนเหรอ” เป็นนิชคุณที่เดินผ่านมานั่นเอง

     

              “อ้าวคุณนี่ อืม ตอนบ่ายฉันไม่มีสอน กำลังจะกลับหอ” เสียงจากบทสนทนากันของทั้งคู่ทำให้มินจุนสะดุ้งตื่นขึ้นมา

     

              “อ้าวมินจุน! นายไม่มีเรียนเหรอ? แล้วนั่นเป็นอะไรน่ะ ทำไมตาบวมแล้วก็แดงก่ำเลย!” นิชคุณทักเพื่อนอย่างเป็นห่วง

     

              มินจุนสังเกตว่าแทคยอนก็อยู่ตรงนั้นด้วย จึงตอบประชดกระแทกออกไป

     

              “อ๋อพอดีวันนี้ฉันกะจะโดดเรียนทั้งวันน่ะ หงุดหงิดอาจารย์สอนไม่ได้เรื่อง” มินจุนพูดพลางจ้องหน้าแทคยอนให้เจ้าตัวรู้สึกตัวว่ากำลังโดนพูดกระทบอยู่ “ส่วนที่ตาบวมสงสัยเพราะนอนดึกน่ะ ขอบใจมากที่เป็นห่วงนะ” ส่วนประโยคนี้มินจุนหันไปยิ้มให้กับนิชคุณที่เป็นห่วงเขา

     

              นิชคุณผู้ไม่ได้รู้สึกถึงความมาคุของมินจุนและแทคยอนจึงยิ้มให้กับทั้งคู่และพยายามที่จะหาเรื่องให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เพื่อให้แทคยอนทำคะแนน

     

              “ถ้าอย่างนั้นพวกนายก็ว่างทั้งคู่น่ะสิ? วานนายสองคนไปเอาเอกสาร xxx ที่ตึก b ให้หน่อยสิ พอดีมันมีค่อนข้างเยอะน่ะ คนเดียวน่าจะยกมาไม่ไหว แล้วเอามาให้ฉันที่ห้องประชุมสภานะ”

     

              “ไม่ว่างสักหน่อย!/ฉันไม่ได้ว่างนะ!” มินจุนและแทคยอนสวนขึ้นมาพร้อมกันทันที

     

              นิชคุณไม่งงที่มินจุนปฏิเสธ เพราะปกติมินจุนจะไม่ชอบไปไหนมาไหนกับแทคยอนอยู่แล้ว แต่เขางงที่แทคยอนเองก็ปฏิเสธเหมือนกัน มีอะไรที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้อย่างนั้นหรือ?

     

              “ฉันว่างก็ได้” มินจุนคิดอีกที เขาควรจะคุยกับแทคยอนให้รู้เรื่องมากกว่าหนี จึงเปลี่ยนใจ

     

              “มาด้วยกันนี่ ไอ้หูกาง! ฉันรู้ว่านายว่าง ฉันเช็คตารางสอนของนายมาหมดแล้ว” และประโยคนี้ของมินจุนทำให้ทั้งนิชคุณและแทคยอนต่างก็อึ้งกันไปตาม ๆ กัน เป็นเรื่องที่แปลกมากที่มินจุนจะเช็คตารางสอนของแทคยอน

     

              นิชคุณแอบยิ้มในปฏิกิริยาของมินจุน แทคยอนหลุดทำหน้าเหวอได้สักครู่นึงก็กลับมาเก็กขรึมเช่นเดิม มินจุนจับแขนแทคยอนแล้วลากคนตัวสูงไปรอรถประจำทาง

     

              “ฉันไม่เรียกนายว่าอาจารย์ มีปัญหาอะไรไหม?” มินจุนจ้องหน้าคนตัวสูง

     

              “....” แทคยอนเงียบ ไม่ตอบ

     

              “นี่ หูหนวกหรือเป็นใบ้หรือไง!? ฉันคุยด้วยก็คุยกับฉันสิ! ทีในคลาสยังกัดฉันได้เลย!” มินจุนผลักแทคยอน

     

              “....” แทคยอนยังคงเงียบอยู่

     

              “น..นี่ น..นายไม่คิดว่าสิ่งที่นายทำกับฉันมันมากเกินไปเหรอ...” มินจุนเสียงสั่น เขากำลังจะร้องไห้อีกครั้ง

     

              “ก..ก็ได้! ฉันขอโทษที่พูดไปแบบนั้น พอใจนายหรือยัง!” มินจุนลดทิฐิของตัวเองลงแล้วขอโทษแทคยอน เขารู้สึกต้องการแทคยอนคนเดิมกลับมาจริง ๆ ตอนนี้น้ำตาของมินจุนมันไหลออกมาแล้ว เขาพยายามเบนหน้าหนีแล้วเช็ดน้ำตาเพื่อไม่ให้แทคยอนรู้ว่าเขาร้องไห้

     

              “คุณทำแบบนี้ คุณต้องการอะไร...? คิมมินจุน”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    TO BE CONTINUE

     

    .

     

    .

     

    .

     

    TALK

    จบความหน่วงไปซะทีค่ะ

    ไม่ได้หมายถึงในเรื่องนะคะ หมายถึงคนแต่งนี่แหละค่ะ

    แก้หลายรอบชิบหายเลยค่ะ เหตุการณ์มันไม่สัมพันธ์กัน ถถถถถถถถถ

    ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ กราบ

    จะแต่งให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถค่ะ 55555555555

    และถ้ามีคนอ่านเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเงาไม่เงา

    ก็สัญญาว่าจะมาต่อนะคะ ถ้าไม่ติดธุระที่ทำให้ไม่ว่างจริง ๆ

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×