คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องราวครั้งยังเด็ก...
มันเป็นเรื่องราวของเด็ก 2 คนที่เล่น เรียน ด้วยกันมานานกว่า 5 ปี โดยที่เราเล่นกันอย่างเพื่อนที่สนิทและเมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มรู้สึกว่าผม......ไม่ได้คิดกับเค้าว่าเค้า... “เป็นแค่เพื่อน”...
ผมมีชื่อว่า ไมค์ ผมและเธอเรียนหนังสือที่เดียวกันมาตั้งแต่ ป.2 เราเล่นกันมาตลอด ซึ่งผมก็ยังเด็กเลยไม่คิดอะไรมากไปกว่า “วันนี้จะทำอะไรดีให้มันสนุก” เธอเป็นเด็กที่ดูสดใส คึกคักและดูเหมือนกับว่าเธอจะสามารถผูกมิตรได้กับทุกคนเลยซะด้วย ต่างจากผมที่เป็นเด็กที่ค่อนข้างจะไม่มีสังคมอาจมาจากการที่เราย้ายมาจากที่อื่น......แต่เธอเป็นคนแรกที่เดินเข้ามายื่นมือมาหาผมและชวนผมเข้าไปเล่นกับกลุ่มเพื่อนๆ....
ผมเล่นกับเธอมาตลอด 5 ปี เวลาในตอนนั้นช่างมีความสุขนัก และก็ไม่ได้คิดเลยว่า “มันต้องมีวันที่จะต้องจากกัน” พอเราอยู่ชั้น ป.5 ผมกลับเริ่มรู้สึกแปลกๆเวลาที่มองเธอ รู้สึกเหมือนว่า ใจผมมันไม่ใช่ของผมอีกต่อไป มันเต้นระส่ำระส่าย เหมือนกับจะถูกกระชากออกได้ทุกเมื่อ......น่าแปลกใจที่ทันทีผมก็เกิดความคิดด้านปฎิเสธว่า มันไม่ใช่ความรัก...มันเป็นเพียงความรู้สึกที่ชอบจะเล่นกับเค้าเท่านั้น ผมจึงพยายามไม่ใส่ใจในความรู้สึกนั้นของผม จนเวลาผ่านไปเมื่อเข้ามาถึงช่วง ปิดเทอมแรกของ ป.6 วันเวลาที่เราจะต้องจากกันก็เริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ผมใช้เวลาในวันหยุดปิดเทอมแรกกลางปีของ ป.6 หมกตัวเฝ้าแต่จะหาคำตอบของคำถามที่ว่า “ผมเป็นอะไรไป?” ยิ่งผมคิด ผมกลับยิ่งพบว่ามันไปสุดได้เพียงอย่างเดียว แต่ผมกลับปฎิเสธความคิดนั้นๆ ผมยังไม่เชื่อว่า เด็กป.6 จะรักกันซะแล้ว.....มันไม่ใช่เลย หรือเพราะว่าสังคมของผมมันเล็ก........ทำให้ผมสรุปได้อย่างนั้น
ช่วงเวลาทั้งปิดเทอมผมรู้ตัวเลยละว่าผมทำอะไรไม่เหมือนเด็กป.6 ผมควรจะเล่นมันให้สุดเหวี่ยง ไม่ใช่มานั่งคิดถึงเธอ ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะผมแค่แกล้งหลอกตัวเองว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว.....ในระหว่างที่ผมคิดหาคำตอบนั้นๆวันเวลาก็ไม่เคยรอให้ผมได้คิด อีกเพียง 2 อาทิตย์ก็จะจบภาคเรียน เรารู้แล้วละว่าเพื่อนๆเราคนไหนจะออกจากร.ร.นี้บ้าง เราจะต้องลาจากใครบ้าง.....รวมถึงเธอคนนั้นด้วย.......เมื่อเวลายิ่งจำกัด ผมก็ยิ่งรนที่จะต้องหาคำตอบ.....เช้าวันสุดท้ายก็มาถึงและแล้วเมื่อผมได้พบกับเธอในตอนเช้าที่ร.ร. เธอหันมามองผมแล้วส่งยิ้มให้ผม ทันใดนั้นเองผมก็ค้นพบแล้วละว่า “เรารักเค้าหรือไม่? นั้นไม่ใช่ปัญหาเลย ปัญหามันอยู่แค่ตรงที่เรายอมรับความรู้สึกของเราเองแล้วเหรอยัง?” ใช่....ผมรู้สึกว่าผมมันบื้อมากๆเลยทั้งๆที่คำตอบก็มีอยู่อย่างเดียวแต่ผมก็กลับรั้นที่จะไม่ยอมรับมัน......ไม่ยอมรับว่า “ผมรักเธอเข้าแล้ว” .....สำหรับผมการที่เด็ก ป.6 จะมีความรักนั้นผมว่ามันยังเร็วไปมากนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมคอยแต่จะปฎิเสธความรู้สึกของตัวเอง
ผมได้ค้นพบคำตอบของตัวเองแล้วครับ........แต่ช่างน่าเสียดาย.......น่าเสียดายที่คนอย่างผมพึ่งจะมาหาคำตอบพบ เพราะเพียงแค่เย็นวันนั้น เรื่องราวทั้งหมดของผมและเธอก็คงจะจบลง เราต่างฝ่ายก็คงจะเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อนรอวันเปิดภาคเรียนใหม่.......เย็นวันนั้นผมตัดสินใจไม่ถูก ทำตัวก็เลิ่กลั่กไปหมด ตอนนั้นผมจำได้แม่นเลยว่าเวลาคือ 5.30 น. เพื่อนๆเดินทางกันกลับบ้านกันไปเกือบหมดแล้ว ผมและเธอก็มัวแต่เล่นกันที่ห้องเรียนจนเย็น และแล้วสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น เสียงประกาศจากห้องธุรการโรงเรียนก็ดังขึ้น เค้าขานชื่อเธอและประกาศว่า ผู้ปกครองของเธอมารับแล้ว.......ไม่รู้เพราะอะไรผมก็ตัดสินใจได้ว่าผมต้องบอกเธอออกไปว่าผมรู้สึกกับเธออย่างไรแม้มันจะสายเกินไป แม้เธออาจจะไม่คิดอะไรเลยเพราะว่ายังเด็ก แม้มันอาจไม่มีประโยชน์ ผมเรียกชื่อเธอ ผมอ้าปากกำลังจะพูดออกไป แต่เธอคว้ากระเป๋าเป้ของเธอกำลังจะเดินลงบรรไดไปแล้ว ผมเรียกชื่อเธออีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น ผมยื่นมือออกไปหาเธอพลางคิดว่าถ้าผมไม่คว้าเธอไว้และบอกเธอตอนนี้ผมก็คงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว...........เธอหันกลับมามองผม......ส่งยิ้มให้ผมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเบิกบาน และพูดกับผมว่า “เราไปก่อนน่ะ ขอให้เธอโชคดี และขอให้มีความสุขมากๆน่ะ บ๊าย บาย” เธอโบกมือให้ผม มือที่ผมจะคว้าไหล่เธอไว้ก็ทำได้เพียงเปลี่ยนท่าทีเป็นโบกมือตอบ ปากผมยะงอ้าค้างอยู่ ผมตัดสินใจเรื่อกชื่อเธออีกครั้ง และพูดออกไป บอกความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอให้หมดเปลือกเลย แต่น่าเสียดาย ทันทีที่ผมเปล่งเสียง ประกาศจากทางร.ร.ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นประกาศย้ำอีกครั้งว่าผู้ปกครองของเธอรอเธออยู่ ขอให้รีบลงไปหา......เสียงประกาศดังจนกลบเสียงของผมได้สนิท เธอได้ยินประกาศแล้วเธอก็บอกกับผมว่า..... “ลาก่อนน่ะ ไมค์”..........แล้วเธอก็วิ่งหายไป..................ผมในตอนนั้นยืนค้างอยู่บนตึกเรียนชั้น 4 ตรงที่เราจากกันครั้งสุดท้าย อยู่นาน จน 6.30 น. ในหัวของผมมันว่างเปล่าแต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยว ผมอยู่ในสภาพท้อแท้สุด ผมรู้สึกสมเพศตัวเองในเวลาต่อมา ทำไมน่ะ ทำไม ผมไม่ยอมรับให้มันเร็วกว่านี้ ทำไมผมไม่บอกเธอให้เร็วกว่านี้ เพราะอะไรผมถึงมัวแต่อ้ำๆอึ้งๆอยู่อย่างนั้น.........จนสุดท้าย.......ผมก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้บอกเธอเลยว่าผมรู้สึกกับเธออย่างไร ได้แต่เพียงยิ้มด้วยใบหน้าเจื่อนๆและโบกมือลาเธอ.............................................
................แล้วในชีวิตของพวกคุณเคยเป็นแบบผมมั้ยครับ?.....................
ไมค์
ความคิดเห็น