ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KNB] Love PaRalleL

    ลำดับตอนที่ #9 : :PaRalleL 8:

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 58


      

    Chapter 8

     

                    กระสับกระสาย กังวลใจ เป็นห่วง ความรู้สึกตอนนี้ของผมมันปะปนกันไปหมดจนผมแทบอยากจะวิ่งออกไปตามทั้งสองคนนั้นเดี๋ยวนี้เลย แต่ติดอยู่ที่ว่าคุณทาคาโอะที่สั่งให้ผมอยู่เฉยๆ ซึ่งผมก็คงต้องทำตาม เพราะอย่างน้อยเค้าก็ถือว่าเป็นหัวหน้าชั่วคราวของผม

     

                    "เป็นอะไรหรอครับ หน้าเครียดเชียว" บุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถามขึ้น ผมเลยเงยหัวมองใบหน้าขาวที่มีแววเป็นห่วงอยู่น้อยๆ

     

                    อ่า... ผมลืมไปเลยว่ายังมีคนๆนี้อยู่ด้วย

                   

                    "ป่าวครับ ไม่มีอะไร" ผมยิ้มแห้งๆส่งให้พี่ฮิมุโระ ซึ่งดูจากสายตาแล้วพี่เค้าก็คงไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ

     

                    "อร่อยมั้ย" ผมที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กระดกหัวขึ้นมองหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มอย่างมึนๆ

     

                    "ครับ?"                 

     

                    "เล็บที่กัดอยู่น่ะ อร่อยมั้ย ^^" ผมรีบชักมือเก็บอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าเผลอยกมือขึ้นมากัดเล็บตามนิสัยที่เวลาเครียดมากๆจะทำแบบนี้โดยไม่รู้ตัว

     

                    "เรานี่ก็แปลก สั่งเค้กมาให้กินดันไม่กิน ไปกินเล็บตัวเองซะงั้น ฮ่าๆ" ผู้ชายหน้าหวานตรงหน้าผมหัวเราะน้อยๆอย่างอารมณ์ดี ผมก็อยากจะยิ้มตามนะ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ผมเครียดโคตรๆเลยอ่ะ

     

                    "ขอโทษครับ" ได้แต่นั่งก้มหน้าแบบเดิมจนหัวแทบจะจมเข้าไปในโต๊ะแล้ว

     

                    "พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเราสักหน่อยนี่ เด็กน้อยเอ้ย!"

     

                    มือเอื้อมมาขยี้หัวผมเบาๆ ก่อนจะกลับไปตักเค้กบราวนี่ของตัวเองเข้าปาก

     

                    แปลกแหะ พึ่งจะรู้จักกันแท้ๆ แต่เค้าทำเหมือนรู้จักผมมานาน เหมือนเราสนิทกันจนเล่น

    หัวได้เลย นี่สินะที่เค้าเรียกว่ามนุษยสัมพันธ์ดี

     

                    น่าอิจฉานิดๆแหะ...

     

                    "ว่าแต่ทำไมพี่เธอไปนานจังล่ะ"

     

                    ...ก็นั่งอยู่ด้วยกันแล้วตูจะตรัสรู้มั้ยครับ ทำไมไม่ถามกูเกิลดูล่ะ

     

                    "สงสัยจะยังไม่เสร็จธุระมั้งครับ" ผมตอบเรียบๆ ก่อนจะดูดวานิลาเช็คในแก้วที่มันแทบจะละลายจนหมดเข้าปากช้าๆ ในใจก็คิดไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และกำลังจะเกิดต่อจากนี้ซึ้งมันจะออกมาดีหรือไม่ดีก็อาจทราบได้

     

                    ผมคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่ทำแบบนี้?

     

                    "เธอได้ยินข่าวที่ว่ามีพ่อประกาศตามหาลูกที่หนีออกจากบ้านมั้ย?"

     

                    "ที่ว่าทะเลาะกับพ่ออย่างหนักน่ะหรอ ชื่ออะไรนะฉันจำไม่ได้"

     

                    บทสนทนาของพนักงานสาวในร้านที่กำลังซุบซิบกันอยู่ใกล้ๆทำให้ผมเลิกคิ้วสงสัย เพราะมันคล้ายๆเรื่องของผม แต่ผมอาจจะคิดมากไปเองล่ะมั้ง พ่อจะตามหาผมไปเพื่ออะไรล่ะ ในเมื่อผมพยายามจะฆ่านังเด็กผีนั่นเชียวนะ

     

                    "นั่นไงๆ ข่าวมาพอดีเลย"

     

                    ผมกำลังจะเลิกสนใจแต่เสียงใสๆของสาวพนักงานทำให้ผมหันควับไปมองจอสี่เหลี่ยมที่ติดอยู่กับผนังร้านทันที

     

                    โทรทัศน์เครื่องหรูกำลังฉายภาพของผู้ชายคนหนึ่ง คนที่ผมไม่เคยลืม คนที่ผมคิดถึงมาตลอด เขากำลังให้สัมพาษท์นักข่าสาวด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้าจนผมใจหาย

     

                    "เท็ตสึยะ ตอนนี้ลูกอยู่ไหน พ่อเป็นห่วงมากนะ กลับมาหาพ่อนะลูก พ่อขอโทษทุกเรื่องที่ผ่านมา พ่อรู้แล้วว่าถ้าไม่มีลูกพ่ออยู่ไม่ได้จริงๆ ลูกคือสิ่งสุดท้ายที่พ่อเหลืออยู่นะเท็ตสึยะ พ่อขอโทษ..."

                   

     

                    หัวใจที่ตายด้านของผมกระตุกวูบกับประโยคบอกเล่านั้น ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมจ้องใบหน้าที่อ่อนล้าผ่านจอสี่เหลี่ยม แต่ดวงตาที่แดงก่ำและหยดน้ำสีใสที่คลออยู่ในดวงตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อนั้นผมกลับเห็นชัดเจน มันทำให้หัวใจของผมบีบแรงจนปวดหนึบ อยากจะเข้าไปกอดแล้วบอกว่าอย่างร้องไห้ แต่ตอนนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมมาไกลเกินกว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว

     

                    ...ผมขอโทษ ผมรักพ่อนะ...

     

                    "คุโรโกะคุง..."

     

                    เสียงเรียกเบาๆทำให้ผมหลุดออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ผมค่อยๆหันหน้ามามองช้าๆ คนตรงหน้าผมขมวดคิ้วยุ่ง มือขวาของเขายกขึ้นมาแตะแก้มผมเบาๆ

     

                    "อย่าร้องไห้..." ผมปัดมือพี่ฮิมุโระออกแล้วก้มหน้านิ่ง

     

                    ผมไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตามันไหลออกมาตอนไหน ผมรู้แค่ว่าตอนนี้มันตื้อไปหมดจนพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ

     

                    "เด็กที่ว่าน่ะ เธอสินะ คุโรโกะคุง..." ผมสะดุ้งเล็กๆกลับคำถามของคนตรงหน้า จะปฏิเสธก็ไม่ได้ จะให้บอกตรงๆก็คงไม่ได้อีก ผมเลยได้แต่ก้มหน้าปิดปากเงียบ

     

                    "..........." ความเงียบเข้าปกคลุมเราของคนจนผมอึดอัด ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ อยากจะลุกหนีออกไปให้พ้นๆ ไม่อยากจะเจอหน้าใคร

     

                    "ไม่เป็นไรนะ..." สัมผัสที่ศีรษะทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง คนตรงหน้าผมกำลังยิ้ม มันเป็นยิ้มที่อ่อนโยนและสดใสในขณะที่มือก็ลูบหัวผมไปมาเบาๆเหมือนกำลังปลอบโยน

     

                    "พี่จะไม่ถามอะไรแล้วล่ะนะ ไม่ต้องห่วง" ผมพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาออก เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์เครื่องหรูที่คิเสะคุงซื้อให้ดังขึ้นพอดี

                   

                    "ครับ?" ผมกดรับทั้งๆที่ไม่ได้ดูว่าใครโทรมา

                   

                    [คุโรโกจจิอยู่ไหน!] เสียงคิเสะคุงสวนขึ้นมาด้วยความร้อนรนจนผมตกใจ

                   

                    "ผมมาหาอะไรกินน่ะครับ ว่าแต่คิเสะคุงปลอดภัยดีนะ"

                   

                    [ช่างหัวฉันเถอะ ว่าแต่เรานั่นแหละหายไปไหนห๊ะ คนอื่นเค้าเป็นห่วงแทบแย่นึกว่าโดนลากไปฆ่าแล้วซะอีก!!!] ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ฟังแล้วคิเสะคุงคงจะปลอดภัยดีแถมกำลังโมโหซะด้วยแหะ

     

                    "ขอโทษครับ จะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ" ผมกดวางสายทันทีที่พูดจบ ก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคน เขายกยิ้มน้อยๆเหมือนจะรู้ว่าผมต้องการจะบอกว่าอะไร

     

                    "จะกลับแล้วสินะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง" พี่ฮิมุโระทำท่าจะลุกขึ้นผมเลยรีบร้องห้ามเอาไว้

     

                    "ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง ผมเดินไปเองได้ครับ" ผมฝืนยิ้ม พี่ฮิมุโระเงียบไปสักพักก่อนจะนั่งลงที่เดิม

     

                    ไม่ใช่ว่ารังเกียจอะไรหรอกนะ แค่กลัวว่าถ้าคิเสะคุงกับคุณทาคาโอะเห็นจะเป็นเรื่องเอา เพราะผมดันไปไหนกับคนแปลกหน้า เลยคิดว่ากลับเองน่าจะดีกว่า

     

                    "งั้นก็... ระวังตัวด้วยนะ"

     

                    ผมโค้งน้อยๆก่อนจะเดินออกมา รู้สึกตะหงิดๆกับคำบอกลาของพี่ฮิมุโระชอบกล แต่ช่างเหอะ ตอนนี้ผมต้องรีบไปให้เร็วที่สุด

     

     

    ………………………………………………………………

     

     

                    ฮิมุโระมองตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่วิ่งออกไปจากร้านนิ่งๆก่อนจะคลี่ยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของอีกฝ่าย ถึงจะพึ่งเจอกันแต่เขากับถูกชะตากับเด็กคนนั้นแต่ในความรู้สึกฟุริดูที่มีให้มันกับแฝงไปด้วยความรู้สึกแปลกๆบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ มันทั้งสงสัย ระแวง จนแอบรู้สึกไม่ดีนิดๆ จนเจ้าตัวสับสนไปหมด

     

                    “โอ! ไอ้เราก็นึกว่าหนีไปตายที่ไหน ที่แท้มาหาหนุ่มน้อยนี่เองน้าเสียงที่ติดจะเบื่อๆของใครบางคนดังขึ้นก่อนที่ตัวโตๆจะเดินมาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้โซฟาฝั่งตรงข้าม มือขาวๆเอื้อมมาคว้าแก้วกาแฟจากมืออีกฝ่ายอย่างไม่ใยดีใบหน้าเรียบๆที่มองมา

     

                    “แหวะ! ขมตายชัก กินเข้าไปได้ไงเนี่ยมุโรจินใบหน้าเบื่อโลกเหยเกด้วยความขมก่อนจะเอาแก้วกาแฟยัดใส่มือคืนอีกฝ่าย

     

                    “ก็ฉันไม่ได้สั่งมาให้นายกินนี่  เจ้าโย่ง!ไม่ว่าป่าว มือเอื้อมมาดีดหน้าผากคนตัวโตแรงๆหนึ่งทีจนอีกฝ่ายร้องน้อยๆด้วยความเจ็บ ก่อนจะยู่หน้า

     

                    “ฉีกโบท็อกใส่สมองรึไง ทำไมมันถึงไม่มีรอยหยัก แค่จำชื่อมุราซากิบาระเนี่ยมันยากตรงหนายยยยย!มือใหญ่จิ้มแรงๆไปที่หัวทุยของอีกคนอย่างหมั่นไส้ก่อนจะโดดกลับมานั่งที่เดิม

     

                    “เอาไว้นายเตี้ยกว่าฉันเมื่อไรจะเรียกมุราซากิบาระ ล่ะกันนะ ^^” พูดจบก็ยกยิ้มกวนประสาทจนคนตัวใหญ่เบ้ปากใส่ ก่อนหันไปกวักมือเรียกพนักงานสาวประจำร้าน

     

                    “รับอะไรดีค่ะ^^” พนักงานสาวยิ้มหวานให้มุราซากิบาระน้อยๆ แล้วหันหน้าไปฉีกยิ้มกว้างอวดขี้ฟันให้ฮิมุโระแทน

     

                    “คนจะสั่งอยู่นี่คร้าบมุราซากิบาระถอนหายใจมองหน้าฮิมุโระอย่างเซ็งๆ

     

                    “ค่ะ รับอะไรดีคะเธอหันมายิ้ม

     

                    “เอาโกโก้ปั่น เค้กช็อคโกแลต เค้กบราวนี่ ช็อคบอล การ์โตร์เมอแรงค์ เลเยอร์เค้กด้วยพนักงานจิ้มๆไปที่เครื่องรับเมนูก่อนจะโค้งน้อยๆแล้วหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฟากแทน มุราซากิบาระก็ได้แต่นั่งเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

     

                    “ไม่เอา ไม่หึงดิฮิมุโระยกยิ้มกวนประสาทก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมสีม่วงนุ่นสลวยอย่างหมั่นเคี้ยว

     

                    “หึงอะไรเล่า แค่รำคาญเฉยๆมุราซากิบาระแยกเคี้ยวใส่ ก่อนจะปัดมือที่ขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงออกอย่างแรงแต่อีกคนก็เอาแต่หัวเราะร่างด้วยความสนุกที่ได้แกล้งคนตัวใหญ่

     

                    “คนมันหล่ออ่ะนะ ช่วยไม่ได้

     

                    “หลงตัวเองจริงๆเลยนะมุโระจินมุราซากิบาระส่ายหัวน้อยๆเลิกสนใจคนที่เอาแต่ยิ้มหน้าบานแล้วล่วงโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาจิ้มเล่นแทน ส่วนคนถูกเมินก็เท้าคางมองใบหน้าของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หูคนใหม่นิ่งๆ

     

                    ใช่แล้ว... พวกเขาเองก็เป็นคนของโลกเบื้องหลัง มองเผินๆเหมือนจะเป็นแค่เด็กธรรมดาๆไม่มีพิษภัย แต่ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้วทั้งคู่เป็นถึงนักฆ่ามีอันดับขององค์กรที่มีชื่อว่า โครนอสหนึ่งในสามมหาอำนาจของโลกเบื้องหลัง ส่วนหน้าที่ก็คงไม่ต้องสงสัย ขึ้นชื่อว่านักฆ่า มันก็ต้องฆ่า ฆ่าคนที่เป็นศัตรูขององค์กร และทำทุกอย่างตามคำสั่ง

     

                    ฮิมุโระก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกปลูกฝังเรื่องการฆ่ามาตั้งแต่เด็ก ถูกฝึกให้จับอาวุธแทนของเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ ถูกสั่งสอน ถูกปลูกฝั่งต่างๆนาๆ ถูกทรมานจนเกิดจิตใจที่ด้านชาต่อการฆ่าฟัน ซึ่งมันต่างจากคนตัวสูงที่กำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์อยู่ตอนนี้ เขาไม่ได้ถูกฝึก ไม่ได้ถูกจับยัดความคิดเรื่องการฆ่าใส่สมอง เขาสามารถเรื่องรู้ทุกอย่างได้ด้วยดวงตาและสัญชาตญาณ และที่สำคัญ เขาไม่เคยลังเลที่จะฆ่าใคร เพราะทุกอย่างคือเรื่องสนุกสำหรับคนคนหนึ่ง

     

                    “นี่...ฮิมุโระเปิดปากพูดหลังจากนั่งเงียบๆมองคนตัวสูงเล่นเกมพลางล้วงจนมห่อใหญ่ที่ติดมือมาเข้าปากอยู่นานสองนาน

     

                    “หืม?มุราซากิบาระล่ะสายตาจากจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้ามองคู่หูตัวเอง

     

                    “เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่... ฉันเจอคนของ วาสท์เนซด้วยฮิมุโระทำหน้าเครียดมองหน้าอีกฝ่าย

     

                    “หรอ... บังเอิญดีเนอะ ฉันก็เจอคนของวอลันเทียร์เหมือนกัน...มุราซากิบาระวางโทรศัพท์ลงก่อนจะท้าวคางมองหน้าฮิมุโระกลับ เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานสาวยกของมาเสิร์ฟพอดี มุราซากิบาระหันไปพยักหน้ารับ เธอโค้งตอบแล้วยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินจากไป

     

                    “แปลกแหะ ที่จู่ๆคนของสามมหาอำอาจจะบังเอิญมาเจอกันแบบนี้...ฮิมุโระบอก

     

                    “มันก็มีอยู่หลายกรณีอ่ะนะ อาจจะแค่บังเอิญหรืออาจจะมีเป้าหมายเดียวกันก็ได้ ตัวอย่างเช่น...มุราซากิบาระค่อยๆหันหน้าออกไปนอกร้านที่เริ่มมีพนักงานของบริษัทแถวๆนั้นออกมาพักกลางวัน

     

                    “กำจัดไอ้แก๊งกระจอกๆนั่นสินะ!ฮิมุโระพูดเสริม ทั้งคู่ค่อยๆหันหน้ามาสบตากันก่อนจะยกยิ้ม

     

                    “กะอีแค่แก๊งเล็กๆ แต่ดันกระตุกหนวดเสือตั้งสามตัวพร้อมกันแบบนี้ คงไม่ได้มีแผนอะไรหรอกน้ามุราซากิบาระพูดอย่างสบายใจก่อนจะดูดโกโก้ปั่นที่สั่งมาเข้าปาก แล้วเอาหลอดไปจ่อปากอีกคนเป็นเชิงว่าให้กินด้วยกัน ฮิมุโระที่ไม่อยากขัดใจเด็กดื้อก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วทำตามอย่างว่าง่าย

     

                    “น่าสนุกแหะ ดีไม่ดีเราอาจจะได้เพื่อนต่างองค์กรก็ได้นะ แบบร่วมมือกันถล่มไอ้แก๊งกระจอกนั่นให้เละไปเลยแบบเนี่ย คิดแล้วสนุก ว่าม่ะฮิมุโระที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวก็หันไปขอความเห็นอีกคนที่นั่งนิ่งมองตัวเองอยู่เงียบๆ

     

                    “เพื่อนหรอ... สำหรับนักฆ่าอย่างเราคงไม่มีคำนั้นหรอกมั้ง ในโลกของเราน่ะมันไว้ใจใครไม่ได้หรอกนะ... แม้แต่ตัวฉันเอง วันหนึ่งถ้าฉันคลั่งเมื่อไร มุโระจินอาจจะโดนฆ่าเป็นคนแรกก็ได้นะ!มุราซากิบาระมองหน้าคนตัวเล็กนิ่งๆ อีกฝ่ายหุบยิ้มทันทีก่อนจะนั่งลงที่เดิม

     

                    “ไม่หรอก... ถึงมนายจะชอบแกล้ง หรือบางครั้งจะชอบบ่นชอบขี้เกียจ แต่ยังไงฉันก็เชื่อใจนายนะ เพราะฉันมีแค่นายนี่น่า มีแค่นายที่คอยอยู่ข้างๆตลอดไม่ว่าฉันจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นไม่ว่านายจะเลวร้ายแค่ไหนฉันก็จะอยู่ข้างนาย ไม่ว่านายจะชอบหรือไม่ก็ตาม ^_^” ฮิมุโระเดินอ้อมไปกอดคออีกคนที่ยังคงนั่งนิ่ง ก่อนจะอาศัยจังหวะที่คนหัวใหญ่เผลอขยี้กลุ่มผมนุ่มนั้นจนยุ่งเหยิงแล้วหัวเราะร่าอย่างชอบอกชอบใจ จนโดนคนตัวสูงตวัดสายตาดุๆมาให้

     

                    เด็กโข่งอย่างนายนี่มัน... น่าแกล้งชะมัด!

     

    ...................................................................................

     

     

    [KUROKO’S PART]

     

    20.34 น.

                    เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทั้งผมคิเสะคุงและคุณทาคาโอะมานั่งรวมกันอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้องเพื่อรอใครบางคนกลับมา ซึ่งอันที่จริงกะจะไปเที่ยวกันตามที่นัดไว้เมื่อเช้าแต่รู้สึกตอนนี้คงไม่มีอารมณ์ไปทำอะไรแบบนั้นแล้วล่ะ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตั้งแต่กลับมาจากที่นั่นก็เอาแต่ทำหน้าเครียดกันใหญ่เลย

     

                    “มีอะไรกันรึป่าวครับ!ผมถามออกไปอย่างเก้ๆกังๆหลังจากต้องทนสงสัยมานานแสนนาน จนตอนนี้จะไม่ทนครับบอกเลย

     

                    “เอาไว้รุ่นพี่ฮิวงะมาเมื่อไรค่อยพูดทีเดียวล่ะกันนะคุณทาคาโอะหันมาตอบ ผมเลยได้แต่พยักหน้าเข้าใจ

     

                    ท่าทางจะเป็นเรื่องภารกิจแหง่ๆเลย...

     

                    แก็ก!

     

                    พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงจากประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของคนสองคนเดินเข้ามา คุณฮิวงะดูจะเหนื่อยๆเดินมานั่งลงข้างๆคิเสะคุง ต่างจากอีกคนที่เอาแต่ล้วงกระเป๋าใส่หูฟังหน้าตาบอกบุญไม่รับเดินแบบไม่คิดจะทักทายใคร จะมีก็แต่สายตาเย็นๆที่เหลือบมองมาที่คุณทาคาโอะน้อยๆแล้วหันกลับไปเปิดประตูเข้าห้องตัวเองอย่างไม่ใยดีทั้งที่คุณทาคาโอะก็ยิ้มให้แท้ๆ

     

                    “เฮ่อ~~~!” ผมแอบได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆจากคนที่โดนเมินอย่างคุณทาคาโอะเลยหันไปยิ้มให้

     

                    เหนื่อยใจแทนบอกเลย...

     

                    “จะมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะเนี่ย!คุณฮิวงะพูดขึ้นก่อนจะคว้าคอคิเสะคุงที่นั่งอยู่ข้างๆมากอดแล้วขยี้หัวแรงๆจนโดนอีกคนโวยใส่

     

                    “ก็พอรู้ว่ารุ่นพี่ฮิวงะไม่ได้ไปกะเด็กพวกนี้ด้วยก็เลยรีบมาน่ะ ไม่ได้บอกใครเลยเหมือนกันคุณทาคาโอะพูดไปยิ้มไปอย่างเป็นกันเอง

     

                    “แม้แต่คุณมิโดริมะก็ไม่ได้บอกหรอ...?” คุณฮิวงะที่ยังกอดคอคิเสะคุงพร้อมลูบหัวเบาๆราวกับเป็นลูกแมวถามเรียบ คนถูกถามถึงกลับหุบยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

     

                    “นายนี่จริงๆเลยน้า ดื้อชะมัด เหมือนเด็กบ้านนี้ไม่มีผิดพูดจบมือขาวๆก็โขกหัวคนที่กอดคออยู่แรงๆจนเกือบจะโดนอีกคนสวนหมัดกลับแต่ยังดีที่หลบทัน ไม่งั้นหน้าแหกนี่บอกเลย

     

                    คนที่นี่เค้าหยอกกันแรงนะครับ = =

     

                    “แล้ววันนี้ได้ไรมาบ้าง ไหนรายงานดิ!แล้วจู่ๆหันมาทางนี้ทำไมครับ

     

                    “คือ... เอ่อ...ถ้าบอกว่าไม่ได้ทำไรเลยจะโดนฆ่าหมกโซฟามั้ย คิเสะคุงช่วยผมด้วย

     

                    ผมได้แต่นั่งใบ้กินหันไปสบตากับคิเสะคุง แล้วดูเหมือนจะรู้ว่าผมจะสื่ออะไรเลยยกยิ้มเบาๆแล้วล้วงเอาแล็ปท็อปเครื่องเล็กพกพาสะดวกขึ้นมาเปิด คลิกนู่นกดนี่อยู่สะพักแล้วหันหน้าจอไปให้คุณฮิวงะดู

     

                    “ผมไปแฮ็กเอาพิมพ์เขียวของตึกนั้นมาเรียบร้อยล่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องเส้นทางหายห่วง ข้อมูลเป้าหมายก็เรียบร้อย ล็อคเป้าเรียบร้อยไม่ผิดตัว แล้วดูถ้าทางนั้นเองจะรู้ตัวแล้วด้วยว่าโดนหมายหัว ดูจากการที่จ้างนักฆ่าฝีมือดีมาคุ้มกัน!ผมนั่งฟังคิเสะคุงพูดเงียบๆ คนที่เหลือก็ทำหน้าเครียดกันไปหมด

     

                    “กี่คน?” คุณฮิวงะถาม

     

                    “ถ้าไม่รวมที่มีอยู่ในแก็งก็ห้าคน!คุณทาคาโอะตอบ

     

                    “แล้วถ้ารวม?”

     

                    “ก็... สิบกว่าคน!

     

                    “ทางเรามีสาม... ถ้าตัดคิเสะที่เป็นฝ่ายข้อมูลก็เหลือสอง ซึ่งหนึ่งในสองก็ไม่มีประสบการณ์ ก็เท่ากับว่า...สิบต่อหนึ่งคุณฮิวงะหน้าเครียดขึ้นมาจนผมใจหาย

     

                    ก็จริงอยู่ที่ผมไม่มีประสบการณ์เลย มันเท่ากับว่าทั้งหน่วยเหลือคุณฮิวงะคนเดียว จะทำไงดี เวลาแบบนี้ผมกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักอย่าง...

     

                    “อย่าพึ่งพาคนอื่นเครียดดิหัวหน้า ดูหน้าน้องด้วยจะร้องไห้อยู่แล้วนั่น!คิเสะคุงชกเบาๆไปที่ต้นแขนของคุณฮิวงะก่อนจะเขยิบๆเข้ามากอดไหล่ผมไว้หล่วมๆเป็นเชิงปลอบใจ

     

                    ไม่ได้จะร้องไห้สักหน่อยนี่...

     

                    ผมคิดในใจ คิเสะคุงยิ้มน้อยๆก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ

     

                    “ที่จริงผมออกแนวหน้าก็ได้นะหัวหน้าคิเสะคุงหันไปบอก

     

                    “พอเลยแกน่ะ นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกนะเว้ย!

     

                    “ก็ใครบอกว่าใช่ล่ะ... เออ มีอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอก!คิเสะคุงเอื้อมมือไปคว้าแล็ปท็อปที่อยู่ตรงหน้าคุณฮิวงะมากดไล่หาไฟล์อะไรสักอย่างอยู่สักพักก่อนจะหันกลับไป

     

                    “ในไฟล์ข้อมูลที่ผมไปแฮ็กมาน่ะ ไม่ได้มีแค่องค์กรเราที่มันเป็นหนอน!คิเสะคุงใช้นิ้วจิ้มๆไปที่จอเป็นเชิงว่าให้ดูตรงนี้ก่อนจะไล่ลงไปเรื่อยๆ

     

                    “นี่มัน...คุณฮิวงะขมวดคิ้วจ้องไปที่จอสี่เหลี่ยมเล็กๆ

     

                    “ใช่... ทั้งวอลันเทียร์ของเรา วาสท์เนซ และโครนอส รู้สึกมันจะเป็นหนอนให้ทั้งสามองค์กร เอาข้อมูลขององค์กรหนึ่งมาขายให้อีกสององค์กร สลับกันไปมาจนยุ่งเหยิง!คุณทาคาโอะอธิบาย

     

                    “ก็นั่นแหละ พอเรื่องมันแดงขึ้นมาก็เลยโดนสามมหาอำนาจเพ่งเล็งพร้อมกัน มันเลยกลายเป็นว่าไม่ได้มีแค่เราที่คิดลบล้างมัน... พูดแบบนี้พอจะเข้าใจมั้ยคิเสะคุงพูดเสริมก่อนจะหันมามองหน้าผม

     

                    ที่อธิบายมาทั้งหมด แปลแบบรวบรัดก็เท่ากับว่าเราได้กำลังเสริมแบบฟรีๆสินะ...

     

                    “ปิ้งป่อง! อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ เราจะได้กำลังเสริมแบบฟลุ๊คๆ ซึ่งมีแต่พวกฝีมือดีทั้งนั้นจากแต่ละองค์กรคิเสะคุงยกยิ้มแล้วขยี้หัวผม

     

                    “แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีข้อเสียนะ ถึงจะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่ยังไงศัตรูก็คือศัตรู มีสิทธิ์จะโดนรอบกัดได้ทุกเมื่อ!คุณทาคาโอะพูดแทรกขึ้นมา

     

                    “เรื่องนั้นก็รู้อยู่แล้วล่ะ แต่นักฆ่าอย่างเราก็มีจรรยาบรรณนะ ไม่ทำอะไรนอกเหนือภารกิจหรอก อาจจะมีเขม่นกันบ้างเล็กน้อยตามประสา แต่เดี๋ยวค่อยไปซัดกันนอกรอบก็ได้

     

                    คิเสะคุงพูดไปยิ้มไปเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ผมว่าข้างในจริงๆแล้วต้องแอบเครียดบ้างล่ะ แค่ไม่อยากแสดงออกให้คนอื่นเครียดหนักกว่าเดิมแค่นั้นแหละ

     

                    “ถ้าไม่มั่นใจ จะดึงฟุริฮาตะคุงกลับมาร่วมภารกิจมั้ยล่ะ เดี๋ยวคุยกับมิโดริมะให้!ทุกคนหันขวับกลับไปจ้องหน้าคุณทาคาโอะทันทีที่ประโยคก่อนหน้ามันลอยมาเข้าหู

     

                    “ได้หรอ!คิเสะคุงยิ้มอย่างมีความหวัง สายตาเป็นประกาย

     

                    “ก็ไม่แน่ใจอ่ะนะ แต่จะลองคุยให้!คุณทาคาโอะยิ้ม มันเป็นยิ้มที่ทำให้ผมมีความหวังสุดๆ อย่างน้อยก็ตอนนี้อ่ะนะ จะได้ไม่ได้ก็อยู่ที่คุณมิโดริมะแล้วล่ะ

     

                    ขอให้ได้ทีเถอะ...

     

                    คิเสะคุงหันมายิ้มให้ผมแล้วลูบหัวเบาๆ ผมเลยยิ้มตอบน้อยๆ ก็มีแต่คนคนนี้ล่ะนะที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอยู่ตลอดเหมือนเวลาที่อยู่กับแม่ไม่ผิดเลย มันทำให้ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาก็ได้คิเสะคุงที่ช่วยตลอด คราวนี้ล่ะ เราจะต้องทำอะไรเพื่อคิเสะคุงบ้าง อย่างน้อยก็ในภารกิจ ไม่ต้องให้คิเสะคุงมาออกแนวหน้าล่ะนะ

     

                    “หมดเรื่องรายงานแล้วก็แยกย้ายไปพักผ่อนเถอะนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงลุย!คุณทาคาโอะบอกยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจสองสามที

     

                    “จะไปไหนอ่ะ!คิเสะคุงหันไปถาม

     

                    “ก็กลับไง... แต่อันที่จริงก็จะไปหาอะไรกินก่อนอ่ะนะ ฮ่ะๆ

     

                    “นอนนี่ก็ได้นะ เดี๋ยวผมทำอะไรให้กิน

     

                    “ไม่เป็นไร ต้องไปทำงานที่ค้างต่อพอดีน่ะ ไอ้คุณมิโดริมะของพวกเธอสั่งมาอ่ะนะคุณทาคาโอะเดินไปคว้ากระเป๋าสะพายและกุญแจรถของตัวเองแล้วเดินไปที่ประตู

     

                    “แล้วเจอกันใหม่นะ!ฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้ผมอย่างสดใสจนผมยังอดยิ้มตามไม่ได้

     

                    “แล้วเจอกันใหม่นะครับ ขอบคุณสำหรับวันนี้!ผมลุกขึ้นยืนแล้วโค้งน้อยๆให้เป็นการเคารพ คุณทาคาโอะโบกมือลาแล้วเปิดประตูออกไปทันที

     

                    “ฉันเข้าห้องก่อนนะ เมื่อยมาทั้งวันล่ะ พวกแกเองก็ไปอาบน้ำนอนเลยเดี๋ยวนี้ ไปๆ!ไม่พูดป่าว ฝ่ามือขาวก็พยายามงัดคิเสะคุงที่นอนรวมเป็นเนื้อเดียวกับโซฟาให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบากจนผมต้องไปช่วยอีกแรงถึงจะยอมลุกขึ้น

     

                    ถึงตัวจะโตกว่า แต่นิสัยดูจะเด็กกว่าเราอีกแหะ...

     

                    “ได้ยินนะเฟ้ย = =!คิเสะคุงหันขวับมาคว้าคอผมก่อนจะขยี้หัวจนยุ่งเหยิงแล้วหัวเราะเยาะอย่างชอบอกชอบใจ

     

                    “พวกแกนี่น้า -_-” คุณฮิวงะเกาหัวแกรกๆก่อนจะเดินแยกไปเข้าห้องตัวเอง ผมเลยเดินจูงมือคิเสะคุงเข้าห้องตัวเองบ้างเหมือนกัน

     

                    พรุ่งนี้แล้วสินะ ตื่นเต้นชะมัด ขอให้ผ่านไปด้วยดีเถอะนะ...

     

    TBC.......






    ----------------------------------------------------------------------------------
    ตอนหน้าบุคคลสำคัญจะมีบทบาทแล้วหลังจากที่เงียบมาหลายตอน5555
    เตรียมซื้อกรรไกรมาบูชาได้เลย อาจจะมีปะทะคารมกับชิวาว่าก็เป็นได้ หิหิ

    ปล.รูปแหกมากกก55555555




     

    T H E M E
    ◈ B L & W H ◈
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×