ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KNB] Love PaRalleL

    ลำดับตอนที่ #7 : :PaRalleL 6:

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 58


     

                      

     

    CHAPTER 6

     

                    22.30 น.

                    ผมนั่งอ่านข้อมูลรายละเอียดต่างๆทั้งในใบเอกสารและคอมของคิเสะคุงอยู่บนโซฟา มีบ้างที่ผมไม่เข้าใจก็มีคิเสะคุงคอยอธิบายและชี้แจงอยู่ข้างๆ ในขณะที่คุณฮิวงะนอนดูทีวีอยู่บนโซฟาตัวยาวอีกตัว

     

                    มีแต่เรื่องเลวร้ายทั้งนั้นที่ถูกบันทึกไว้ในเอกสาร จนผมชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะทำภารกิจนี้ได้รึป่าว เพราะถ้าพลาดไม่ใช่แค่ผมจะเจ็บ แต่ทั้งคิเสะคุงและคุณฮิวงะก็อาจจะเจ็บไปด้วย และถึงจะรอดจากการโดนฝ่ายศัตรูฆ่า กลับมาก็อาจจะโดนคุณซึงโฮทำโทษอยู่ดี

                   

                    มีแค่ทางเลือกเดียวคือต้องทำให้สำเร็จ....

     

                    มันหายไปไหนของมันวะเนี่ย!” จู่ๆคุณฮิวงะก็โพลงขึ้นมาเสียงดังก่อนจะกดรีโมทปิดทีวีอย่างหัวเสีย ผมสีดำถูกขยี้จนยุ่งเหยิงก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็ว

     

                    หมายถึงฟุริฮาตะคุงสินะ...

     

                    จะไปไหน!” คิเสะคุงถามขึ้นเมื่อเห็นคุณฮิวงะเดินไปคว้ากุญแจรถที่วางอยู่บนเคาวเตอร์

     

                    ออกไปตามฟุรินะสิ ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่กลับมาอีก โทรไปก็ปิดเครื่อง ป่านนี้โดนลากไปฆ่าแล้วมั้ง!”

     

                    “นั่นปากหรอน่ะ! โคคิจจิโตแล้วนะ อาจจะอยากไปเที่ยวบ้างไรบ้าง เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละน่าคิเสะคุงทำหน้าเอื่อมๆแล้วหันกลับมาสนใจกระดาษในมือต่อ คุณฮิวงะฟึดฟัดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินกระแทกเท้าตึงตังมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม แถมทำหน้าบูดเหมือนลูกสาวที่โดนแม่ไม่ให้ออกไปเที่ยวไม่มีผิด

     

                    ถ้ามันเป็นอะไรไปฉันจะฆ่าแก คุณฮิวงะจ้องหน้าคิเสะคุงทีเล่นทีจริงแต่คนถูกจ้องกลับยกยิ้มน้อยๆแล้วหันหน้าไปมอง

     

                    ถ้ามันกระจอกขนาดนั้นคงอยู่ไม่ถึงตอนนี้หรอกนะหัวหน้า!”

     

                    คุณฮิวงะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วทิ้งตัวลงนอนราบบนโซฟา ผมกับคิเสะคุงก็หันมาอ่านข้อมูลต่ออย่างตั้งใจ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแต่พอมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงโทรศัพท์ของคิเสะคุงดังขึ้นมา คนตัวเล็กรีบคว้ามือถือแล้ววิ่งเข้าไปในห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโทรทำไมคิเสะคุงถึงต้องแอบคุยขนาดนั้นด้วย

     

                    หรือว่าจะเป็นแฟน...

     

                    ผมสะบัดหัวไล่ความคิดต่างๆออกไปแล้วเอนตัวลงนอนกับโซฟา หันไปมองอีกฝั่งก็เห็นคุณฮิวงะนอนหลับพลิ้วอย่างมีความสุขไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

     

                    ผมถอนหายใจหนักอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะหลับตาลง นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่ไม่ได้ทำงานที่มันหนักสมองขนาดนี้ แถมยังมีอะไรหลายๆอย่างคอยกดดันอีกต่างหาก มันเหนื่อยใช่เล่นเลยแหะ แต่ถ้ามองอีกมุมมันก็มีความสุขนะที่ได้หลุดพ้นจากวงจรบัดซบในอดีต

     

                    มีความสุขมากเลยหรอ.... หึหึหึ!’

     

                    ผมลืมตาโพลงเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงเย็นๆที่เหมือนกับผมดังขึ้นในโสตประสาท หัวใจเต้นรัวมองซ้ายหันขวาอย่างตื่นตระหนก เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นมาตามใบหน้า

     

                    สุขซะให้พอ เพราะต่อจากนี้นายจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป.... หึหึหึ

     

                    เสียงหัวเราะน่าขยะแขยงดังระงมอยู่ในโสตประสาทจนต้องยกมือขึ้นปิดหู

     

                    ไม่นะ!”

                    ผมหลับตาปรี๋เมื่อเสียงหัวเราะมันดังขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนมันมาดังอยู่ข้างหู สมองปวดหนึบๆราวกับมีคนเอามือมาบีบ สัมผัสอุ่นๆที่ฝ่าทั้งสองข้างที่ปิดหูอยู่ทำให้ผมสะดุ้งจนเผลอถอยหลังจนแนบกับผนักโซฟาพลางก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว

     

                    ออกไปจากชีวิตฉันสักที!!!” ผมตวาดลั่น มือไม้สั่นไปหมด ฝ่ามือที่บีบมือของผมอยู่ถูกคลายออกก่อนที่ร่างของผมจะถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน

     

                    ปล่อยฉัน!!!” ผมรัวมือทุบอกใครก็ตามที่กอดผมอยู่ตอนนี้อย่างแรง

     

                    ตั้งสติดีๆสิ นี่ฉันเองนะ ฮิวงะไง!” น้ำเสียงอ่อนโยนของคนที่คุ้นเคยดังเข้ามาในหูพร้อมๆกับข้อมือที่ถูกรวบ ผมหยุดดิ้นแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตา

     

                    ลืมตาสิ เป็นอะไรไป!”

                    ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆก่อนจะเงยหน้ามองบุคคลที่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอด ใบหน้าสวยส่งยิ้มมาให้ผมอย่างอ่อนโยน มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับคนๆหนึ่งที่ผมโหนหามาตลอด

     

                    แม่...

     

                    ขอโทษครับ ผมก้มหน้าลงก่อนที่อ้อมกอดจะถูกคลาย ฝ่ามือเรียวเอื้อมมาลูบหัวผมเบาๆ

     

                    เขาคนนั้นแผลงฤทธิ์อีกแล้วหรอ!” ผมเงยหน้ามองคุณฮิวงะที่ยังคงยิ้มมาให้ ไม่รู้จะตอบยังไงก็ได้แต่พยักหน้ารับน้อยๆ

     

                    ทำไมไม่ลองปล่อยออกมาล่ะ!”

     

                    ไม่ได้หรอกครับ เพราะผมจะคุมมันไม่อยู่!” ผมตอบเสียงแผ่วเบา

     

                    งั้นหรอ แต่ถ้าฉันเป็นนายฉันจะลองปล่อยมันออกมานะ เพราะถ้าเอาแต่เก็บไว้นานๆไปยังไงมันก็ต้องมาออกมาอยู่ดี สู้ปล่อยมันออกมาตอนนี้แล้วหาทางควบคุมมันแต่เนิ่นๆ ดีกว่าปล่อยให้มันออกมาเองแล้วเราไม่รู้วิธีจัดการ แบบไหนมันดีกว่ากันล่ะนายว่า!”

     

                    มันก็ถูกอย่างที่คุณฮิวงะว่าล่ะนะ แต่ผมกลัวน่ะสิ กลัวว่าถ้ามันออกมาแล้วผมจะคุมมันไม่ได้ กลัวว่ามันจะไปทำร้ายใครเข้า

     

                    อย่าลืมซินายไม่ได้อยู่คนเดียว อย่างน้อยตอนนี้ข้างๆนายก็มีฉัน ถ้ามันออกมาแล้วนายคุมไม่อยู่จริงๆฉันจะเป็นคนลากสตินายกลับมาเอง!” รอยยิ้มที่สดใสของคุณฮิวงะทำให้ผมอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

     

                    ขอบคุณมากนะครับ!” ผมยิ้มตอบ ก่อนจะโดนฝ่ามือเรียวขยี้หัวจนยุ่งเหยิงพร้อมกับเสียงห้าวๆของคุณฮิวงะที่กระโดดไปนั่งหัวเราะอยู่ที่เดิมพลางชี้มาที่หัวผม

     

                    หน้านายโคตรจี้เลยวะ ฮ่าๆๆ

     

                    “อย่าหัวเราะสิครับ ผมจับหมอนที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาปาใส่คุณฮิวงะที่ยังไม่หยุดหัวเราะสักทีก่อนจะรีบจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่

     

                    อ้าว! คิเสะไปไหนมาวะ แล้วทำไมทำหน้าเป็นพะยูนขาดน้ำแบบนั้นล่ะ!” คุณฮิวงะทักขึ้นขณะเช็ดน้ำใสๆที่ปริ่มอยู่ตรงหางตาออก พลางจ้องไปที่ร่างเล็กที่เดินมานั่งลงที่โซฟาข้างผม

     

                    ป่าวหรอก คิเสะคุงตอบนิ่งๆ ใบหน้าหวานที่เคยสดใสตอนนี้กลับหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัดจนผมสงสัย มันอาจจะเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่โทรเขามาก็ได้เพราะก่อนหน้านี้คิเสะคุงยังปกติอยู่เลยแท้ๆ

     

                    ปัง!!!

                    เสียงกระแทกประตูเข้ามาอย่างดังทำให้ผมสะดุ้งโหยงหลุดออกจากวงจรความคิดอย่างรวดเร็ว สายตาสามคู่จับจ้องไปยังร่างที่กำลังถอดรองเท้าอยู่หน้าประตูก่อนจะเดินเข้ามาเงียบๆอย่างไม่คิดจะทักทายใครเลยสักคนเดียว

     

                    ไปไหนมา? เสียงของคุณฮิวงะทำให้ร่างที่กำลังเดินไปที่ประตูห้องของตัวเองชะงักฝีเท้า

     

                    ไม่เกี่ยวกับคุณ... ตอบเรียบๆโดยที่ไม่หันหน้ามามองก่อนจะเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไปทันที คุณฮิวงะทำท่าจะลุกตามไปแต่โดนคิเสะคุงห้ามไว้ซะก่อน

     

                    มันอาจจะกำลังอารมณ์ไม่ดีก็ได้ ปล่อยมันอยู่คนเดียวเหอะหัวหน้า!”

     

                    เย็นชาเกินไปรึป่าว... คนอื่นเขาอุตส่าเป็นห่วงแท้ๆเลย แต่ดันทำเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกของใครแบบนั้นมันน่าโมโหชะมัดเลย

     

                    เฮ่อ คุณฮิวงะถอนหายใจหนักๆก่อนจะเดินเลี่ยงไปเข้าห้องตัวเองเงียบๆ ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมกับคิเสะคุงสองคน

     

                    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวจนผมเริ่มจะอึดอัด เลยเบนเป้าหมายไปทางเอกสารที่อ่านค้างไว้ก่อนหน้าขึ้นมาอ่านต่อ ในขณะที่คิเสะคุงเอาแต่นั่งมองโทรศัพท์ในมือนิ่งๆ

     

     

                    คิเสะคุงไปนอนก่อนก็ได้นะครับ  สีหน้าไม่ค่อยดีเลย ผมพูดแทรกขึ้นมาทำลายความเงียบ คิเสะคุงหันมามองหน้าผมยิ้มๆ มันเป็นยิ้มที่เหมือนจะสดใสแต่มันกับแฝงไปด้วยความเศร้าเล็กๆ

     

                    งั้นหรอ!” คิเสะคุงหลุบตาลงต่ำ

     

                    มีอะไรรึป่าวครับ ผมถามออกไปตรง คิเสะคุงยกยิ้มก่อนจะหันมาตอบ

     

                    ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่เหนื่อยๆน่ะ สงสัยนอนไม่พอล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ!” พูดจบก็หัวเราะแห้งๆก่อนจะยืนบิดขี้เกียจ

     

                    งั้นฉันไปนอนก่อนนะ นายเองก็อย่าฝืนล่ะ พรุ่งนี้ยังมีงานสำคัญรออยู่!”

     

                    อ่านนี่จบก็ไปอาบน้ำนอนแล้วล่ะครับ ผมชูกระดาษที่อยู่ในมือขึ้น คิเสะคุงก้มลงขยี้หัวผมเบาๆก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องไป

                   

                    ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้นะว่าคิเสะคุงกำลังเศร้า แต่ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเท่านั้นเอง รู้สึกไม่ค่อยดีเลยนะที่เห็นคิเสะคุงเป็นแบบนั้น ผมเองก็อยากจะช่วยอะไรได้บ้างเหมือนกัน เพราะคิเสะคุงช่วยผมไว้ตั้งหลายอย่างในขณะที่ผมทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่นั่งมองคิเสะคุงทุกข์ใจอยู่เงียบๆเท่านั้น

     

    .........................................................................

     

                   

                    แก็ก~~ แก็ก~~

     

                    เสียงอะไรบางอย่างที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้ร่างที่นอนหลับพลิ้มอยู่บนเตียงได้สติ เปลือกตาสีมุกค่อยๆปรือขึ้นช้าๆก่อนจะมองไปรอบๆห้องที่มีแสงสลัวๆจากพระอาทิตย์อ่อนๆยามเช้าส่องเข้ามาตามร่องม่าน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองไปทั่วห้องก่อนจะพบกับร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงโซฟามุมห้อง

     

                    ทำอะไรน่ะ? ฮิวงะถามเหมือนเห็นชัดๆว่าคนๆนั้นคือใครก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมองผู้ใต้บัญชาของตัวเองที่ยังไม่ยอมเปิดปากตอบ

     

                    ฟุริ...? เสียงเรียกที่เพิ่มระดับขึ้นทำให้อีกคนถึงกับถอนหายใจ ค่อยๆหันกลับมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉย

     

                    แก้ว... เจ้าตัวพูดนิ่งๆก่อนจะชี้ไปที่แก้วสีดำที่ยังมีร่องรอยการใช้งานเป็นคราบติดอยู่แล้วใช้นิ้วชี้เกี่ยวไว้ที่หูยกขึ้นมาแล้วจ้องไปที่หัวหน้าของตัวเอง

     

                    “....ของผม!” เขาพูดเรียบๆ คนถูกมองถึงกับยิ้มแห้งๆเพราะตอบอะไรไม่ถูก

     

                    คือว่า... ฉันหาแก้วตัวเองไม่เจออ่ะนะ เลย...!”

     

                    ซื้อให้ใหม่ด้วย...!” ฮิวงะพูดยังไม่ทันจบก็โดนอีกฝ่ายตัดบททันทีก่อนจะเดินดุ่มๆออกจากห้องไป ในใจกะจะเรียกเอาไว้เพื่อจะขอโทษ แต่เขารู้ดีว่าเด็กที่เกลียดการใช้ของร่วมกับคนอื่นแบบฟุริไม่มีทางฟังแน่นอน เลยได้แต่นั่งปลงตกในความผิดพลาดของตัวเองอยู่บนเตียงเพียงลำพัง

     

                    05.31 น.

                    เหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องก็ต้องแปลกใจ เพราะปกติเวลาเช้าขนาดนี้ไม่น่าจะมีใครตื่นยิ่งเป็นฟุริยิ่งแล้วใหญ่ รายนั้นตื่นทีไม่ต่ำกว่าสิบโมง แต่วันนี้กับตื่นก่อนชาวบ้านเค้าเลย มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ

     

                    คิดมากไปรึป่าววะ...

     

                    หาว~~~!” หาวไปทีหนึ่งแล้วเอนหลังลงนอนต่อ

     

                    นอนคิดนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยแล้วเผลอตัวหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ มาสะดุ้งตื่นก็ตอนที่เสียงฟ้าร้องแล่นแปลบเข้ามาในหูเลยจำใจต้องลุกขึ้น นั่งเกาหัวอยู่สักพักแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าคว้าเอาผ้าขนหนูออกมา

     

                    ทำไมมันเบลอๆวะช่วงนี้ พึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินไปเปิดผ้าม่านพร้อมๆกับประตูกระจกเลื่อนที่เชื่อมระหว่างระเบียงห้อง แล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่อึมครึมไปด้วยเมฆสีเทาและหยาดฝนที่ไม่รู้ตกลงมาตั้งแต่ตอนไหน

     

                    “ฝนตกหน้าหนาวหรอเนี่ย ทำไมไม่เป็นหิมะวะ... อิฝนบ้าทีอยากให้ตกดันไม่ตกฮิวงะบ่นอุบอิบอย่างหัวเสียก่อนจะก้าวถอยหลังเพื่อปิดประตูกระจก

     

                    พรึบ!

                    มือที่กำลังจะเลื่อนประตูหยุดชะงักค้าง เมื่อจู่ๆกระแสลมที่เคยนิ่งสงบพัดโหมเข้ามาอย่างกะทันหันจนเอกสารต่างๆที่อยู่ในห้องปลิวกระจัดกระจายเต็มไปหมด ตัวหนังสือก็เลอะเทอะไปหมดด้วยละอองน้ำฝนที่สาดกระเซ็นเข้ามา แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ไม่สามารถเรียกความสนใจของได้อีกแล้วในตอนนี้

     

                    นี่มัน...!” ฮิวงะขนลุกซู่ไปทั้งตัวซึ่งไม่ใช่เพราะอากาศเย็น แต่เพราะสิ่งที่ปะปนมากับสายฝนต่างหาก เขายกมือขึ้นปาดของเหลวข้นๆที่ติดอยู่ข้างแก้ม แทบจะไม่ต้องดูก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้คืออะไร เพราะกลิ่นคาวที่ลอยมาแตะจมูกมันฟ้องอยู่เห็นๆ

     

                    เลือด!” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนที่จะวิ่งออกไปเกาะขอบระเบียงหันซ้ายแลขวาเพื่อหาที่มาของหยดเลือดปริศนา แต่ไม่ว่าจะทางไหนก็ยังปกติ แล้วเลือดหยดนี้เป็นของใครกันล่ะ...?

     

                    เพล้ง!!!

                    เสียงบางอย่างตกกระแทกพื้นดังมาจากนอกห้อง มันเรียกความสนใจของชายหนุ่มที่กำลังยืนงงกับชีวิตคนนี้ แล้วที่สำคัญที่สุดเพนท์เฮ้าส์นี้นอกจากเขาและอีกสองคนที่อยู่ในห้องแล้ว ยังเหลือใครอีกคนซึ่งตอนนี้อยู่นอกห้องเพียงลำพัง

     

                    ฟุริ...!

     

                    ร่างกายไปไวกว่าความคิด เขาแทบอยากจะพังประตูออกมาจากห้อง สมองแทบจะไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากอยากจะเห็นหน้าทื่อๆเป็นผีตายซากของลูกน้องตัวเอง

     

                    ฟุริ!!!” ฮิวงะถลาเข้าไปในห้องนั่งเล่น หันซ้ายแลขวาแต่กับว่างเปล่าไร้เงาของคน

     

                    ไอ้บ้าเอ้ยหายไปไหนเอาตอนนี้เนี่ย!!!” เขาสบถขึ้นมาอย่างร้อนรน ก่อนจะวิ่งไปยังห้องครัว

     

                    หัวใจของเขากระตุกวูบเมื่อไปถึงห้องครัวแล้วพบว่ามันว่างเปล่า จะมีก็แต่เศษแก้วที่ตกแตก แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาตกใจจนหน้าซีดได้เท่ารอยเลือดที่หยดอยู่รอบๆและมันก็ตรงไปที่หน้าประตูห้องน้ำก่อนที่จะหายไป เขาวิ่งเข้าไปเปิดทันทีด้วยใจที่หวังจะเจอลูกน้องหน้านิ่งอยู่ในนั้น แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเพราะในนั้นว่างเปล่าอีกเช่นเคย ทั้งในห้องนอนของเจ้าตัวและห้องของไอ้ยูก็ไม่มี

     

                    ฮิวงะร้อนใจจนเข่าแทบจะทรุดลงกับพื้น ตอนนี้สมองมันตื้อไปหมดคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง ไม่รู้จะทำยังไง เลยฟาดแข่งเตะถังขยะที่อยู่ไม่ไกลกระเด็นไปกระแทกผนังอย่างแรง

     

                    เป็นบ้าอะไร...!” เสียงเรียบๆที่คุ้นหูดังขึ้นที่หน้าประตูห้องครัว เขาเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้านิ่งๆที่กำลังส่งสายเคืองๆมาให้ แต่เขาไม่สนใจอะไรแล้วตอนนี้ กระโจนออกไปคว้าตัวฟุริเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว

     

                    ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้สึกอยากกอดแกขนาดนี้มาก่อนเลย!” ส่วนคนโดนกอดก็ถึงกับสตั๊น ข้าวของที่ถือติดมือมาด้วยล่วงกราวลงพื้น

     

                    “!!!”

                    โดยไม่ทันได้ตั้งตัวหมัดงามๆอัดเข้าท้องอย่างจังจนลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น ทั้งจุกและเจ็บจนร้องไม่ออกได้แต่นอนพะงาบๆเป็นปลาขาดน้ำกับพื้น

     

                    ประสาท...!” เสียงหักนิ้วดังเข้าหูของเขาเป็นสัญญาณบอกว่าเขาคนนี้คงหงุดหงิดอย่างแน่นอน

     

                                    คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง...!!!

                      มือขึ้นนป้องเอาไว้ะตูถูกเปิดออกที่ชั้นหนึ่งอนตัวเองห์ขึ้นมาตาม

                     ได้แต่คิดในใจเพราะถ้าขืนพูดออกไปตรงๆมีหวังโดนลูกน้องหน้านิ่งคนนี้ฆ่าตายแน่...

     

                    ฮิวงะค่อยๆดันตัวขึ้นอย่างเชื่องช้าด้วยความจุกที่ยังคงเหลืออยู่ ลุกมานั่งพิงผนังมองเด็กหนุ่มที่กำลังใช้ไม้กวาดกวาดเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่บนพื้นอย่างยากลำบาก เขาพึ่งจะเห็นว่าที่มือของเด็กหนุ่มมีพาสเตอร์แปะเอาไว้ ทันใดนั้นสมองก็ประมวลผลทันทีเลยว่าเลือดที่อยู่บนพื้นต้องมาจากการที่เขาโดนแก้วบาดขณะเก็บเศษแก้วแน่ๆ แล้วไอ้ที่หายไปก็คงไปทำแผลกับไปเอาอุปกรณ์มาทำความสะอาดแหงๆ ดันคิดไปว่ามีศัตรูบุกเข้ามาฆ่าซะอีก

     

                    มานี่เดี๋ยวทำเอง!” ฮิวงะลุกเดินเข้าไปคว้าไม้กวาดจากมือของฟุริแล้วดันตัวเขาออกไปห่างๆ

     

                    ไม่ต้องยุ่ง... เขาแย่งไม้กวาดคืนแล้วจัดการดันหลังของหัวหน้าตัวเองออกไปจากห้องครัว

     

                    ไม่ดื้อสักวันมันจะตายใช่มั้ยเนี่ย!”

     

                    “=*=” แล้วสงครามประสาทเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยไม่มีใครยอมใคร จ้องเขม็งจนหน้าแทบทะลุ

     

                    ชิ!” ฟุริเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหว เขาเหวี่ยงทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในมือใส่หัวหน้าของตัวเองแล้วเดินกระแทกเท้าตึงตังออกจากห้องครัวไป

     

                    ดื้อชะมัด ฮิวงะเกาหัวแกร็กๆ ก่อนจะเก็บกวาดทุกอย่างที่เด็กหนุ่มเป็นคนทำเอาไว้ให้เรียบร้อย

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    [KUROKO PART]

     

                    ปัง!!!

                    เสียงกระแทกประตูเข้ามาอย่างแรงทำให้ผมสะดุ้งตื่นทันที ลุกขึ้นมาหันซ้ายแลขวาก็เห็นคุณฮิวงะวิ่งวุ่นเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง เจ้าตัวไม่เปิดโอกาสให้ผมถามอะไรเดินดุ่มๆออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วจนผมงงเป็นไก่ตาแตก

                                    ัวเองเป็นพี่

                    อะไร ผมเกาหัวแกรกๆก่อนจะหันไปมองคนข้างๆตัวที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง นึกแปลกใจปกติคิเสะคุงไม่เคยตื่นสายนี่น่า แล้วทำไมวันนี้ยังไม่ตื่นอีก

     

                    ผมปล่อยให้คนหน้าหวานนอนต่อไปส่วนตัวเองก็เดินมาคว้าผ้าขนหนูที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแบบมึนๆ ใช้เวลาแค่ครึ่งช่วงโมงก็เดินออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่พร้อมจะทำงานในวันนี้

     

                    อรุณสวัสดิ์ครับ ผมทักคิเสะคุงที่นั่งสะลึมสะลือเหมือนคนยังไม่ตื่นอยู่บนเตียง คิเสะคุงยิ้มแห้งๆขณะขยี้ตาตัวเองไปมา

     

                    เดี๋ยวผมไปรอข้างนอกนะครับ เมื่อจัดการตัวเองเสร็จก็หันไปบอกอีกคนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน คิเสะคุงพยักหน้าให้น้อยๆผมเลยเดินออกจากห้องมา

     

                    ที่โซฟาปรากฏร่างของคนที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอตอนเช้าๆแบบนี้ ผมเลยเดินเลี่ยงไปที่ห้องครัวที่มีคุณฮิวงะกำลังชงกาแฟอยู่

     

                    อรุณสวัสด์ครับ ผมโค้งให้น้อยๆก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องนมสดขึ้นมาเจาะดื่ม

     

                    เมื่อเช้าหาอะไรหรอครับ!” ผมถาม คุณฮิวงะหันมายิ้มให้ผม

     

                    หาของสำคัญน่ะ แต่ตอนนี้เจอแล้วล่ะ.... เออว่าแต่คิเสะล่ะ!”

     

                    “พึ่งตื่นตอนออกจากห้องมานี่เองครับ!”

     

                    “วันนี้มันแปลกวะ ฟุริที่เคยตื่นสายดันตื่นเช้า ส่วนคิเสะที่เคยตื่นเช้าดันตื่นสายซะงั้น!” คุณฮิวงะเกาหัวก่อนจะเดินออกจากห้องครัว ผมเลยเดินตามไป

     

                    คุณฮิวงะเดินไปนั่งลงข้างๆฟุริฮาตะคุงที่ใส่หูฟังนั่งชันเข่าทั้งสองข้างอยู่บนโซฟาก่อนจะกดเปิดทีวี ผมเลยเลือกที่จะนั่งลงที่โซฟาอีกตัวที่ห่างออกมา ทำยังไงก็ไม่ชินสักทีกับไอ้บรรยากาศแปลกๆที่อยู่รอบตัวฟุริฮาตะคุง ไหนจะไอ้คำพูดที่คอยเสียดแทงแถมสายตานิ่งเฉยนั่นอีก

     

                    เตรียมตัวพร้อมรึยัง!” จู่ๆคุณฮิวงะก็ถามขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าก่อนจะยิ้มรับ

     

                    พร้อมแล้วครับ ว่าแต่คุณฮิวงะกับคิเสะคุงจะไปด้วยรึป่าวครับ!”

     

                    “ก็....!”

     

                    เกิดปอดแหกขึ้นมาแล้วรึไง...!” น้ำเสียงราบเรียบดังแทรกขึ้นมา ทั้งผมและคุณฮิวงะเบนสายตาไปทางอีกบุคคลที่นั่งอยู่ เขาไม่ได้มองผม สายตายังคงจ้องไปที่โทศัพท์เครื่องหรูของตัวเอง

     

                    ฉันต้องเข้าสำนักงานน่ะ แต่เดี๋ยวคิเสะไปกับนายด้วย วันนี้แค่ไปล็อคเป้าหมายกับหาทางหนีทีไล่เฉยๆยังไม่ใช่ลงมือจริงๆ นายไม่ต้องกังวลหรอกนะ แค่อย่าทำให้โดนจับได้ก็พอแล้ว!” คุณฮิวงะยิ้มให้ผม จังหวะนั้นเองที่ผมเหลือบไปเห็นสายตาเย็นๆของฟุริฮาตะคุงก่อนที่เจ้าตัวจะลุกหนีไปนั่งอยู่ที่เคาวเตอร์คนเดียว

     

                    บางครั้งผมก็อยากจะถามไปตรงๆนะว่าข้องใจอะไรกับผมรึป่าว ทำไมต้องทำเหมือนดูถูกอยู่ตลอดเวลาด้วย อยากรู้จังว่าคิเสะคุงได้ยินเสียงใจจิตใจขอคนๆนี้บ้างรึป่าว

     

                    เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่....

     

     

     

                    ติ๊งต่อง~~~ ติ๊งต่อง~~~

                    เสียงกริ่งดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

     

                    สวัสดีครับ!” เสียงทักทางอย่างสดใสดังขึ้นเหนือหัว ผมเลยต้องเงยหน้ามอง

                   

                    ผู้ชายตัวขาวผอมบาง ความสูงไล่ๆกับคุณฮิวงะ เขาใส่เสื้อยืดสีเทากางเกงขายาวสีดำสบายๆเหมือนเวลาอยู่บ้าน รอยยิ้มสดใสที่มาพร้อมกับลักยิ้มเล็กๆข้างแก้มทำให้คนตรงหน้าดูดีมาก แถมยังหน้าตาหวานๆน่ารักๆนี่ก็ดูมีเสน่ห์ไม่น้อยเลย

     

                    ที่นี่มันแหล่งรวมคนหน้าตาดีใช่มั้ย....

     

                    ใครมาหรอ!” คุณฮิวงะโผล่มาเงียบๆจนผมถึงกับสะดุ้งเล็กๆ

     

                    สวัสดีครับ ผมชื่อยูกิครับ อยู่ชั่นล่างนี่เอง!” เขาโค้งน้อยๆผมจึงโค้งตอบ

     

                    มีอะไรหรอครับ!” คุณฮิวงะถาม

     

                    จะมาขอไม้กวาดกับที่ตักขยะคืนนะครับ พอดีว่าต้องใช้เหมือนกัน!” พูดจบก็ฉีกยิ้ม อยากจะถามเหลือเกินว่าชีวิตนี้เคยเศร้าเสียใจบ้างมั้ย

     

                    ไม้กวาดหรอ?” คุณฮิวงะเลิกคิ้ว

     

                    อันที่ฟุริฮาตะคุงยืมไปน่ะครับ!”

     

                    อ้าวอันนั้นของคุณหรอ ผมนึกว่าของที่บ้านซะอีก O.O?” คุณฮิวงะพูดจบก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านแล้วกลับมาพร้อมกับไม้กวาดด้ามสีฟ้ากับที่ตักขยะก่อนจะยื่นให้คุณฮงบิน เมื่อได้ของที่ต้องการก็โค้งน้อยๆแล้วเตรียมตัวจะกลับห้องตัวเอง

     

                    เดี๋ยวก่อน! คุณรู้จักฟุริได้ไง???” คุณฮิวงะถามขึ้น อีกคนก็เลยหันมายิ้มให้

     

                    พึ่งจะรู้จักเมื่อเช้านี่เองครับ จู่ๆเขาก็มากดกริ่งห้องผม เห็นทีแรกก็ตกใจนะนึกว่าจะมาหาเรื่องผมซะอีกที่แท้มายืมไม้กวาด ฮ่าๆๆ!” พูดไปก็ยิ้มไป

     

                    แล้วคุณรู้ชื่อฟุริได้ไง???

     

                    ผมถามเขาน่ะครับ เห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านเลยจะทำความรู้จัก!”

     

                    แล้วมันก็บอกเนี่ยนะ มันที่แทบจะไม่ปริปากพูดกับใครเนี่ยนะ!” ไม่ใช่แค่คุณฮิวงะที่แปลกใจหรอกนะ ผมเองก็โคตรแปลกใจเลยล่ะ

     

                    ไง หวัดดีครับ!” คุณยูกิมองข้ามหัวทั้งผมและคุณฮิวงะไปทักใครอีกคน ผมหันหลังกลับไปมองก็พบกับฟุริฮาตะคุงที่ยืนกอดอกมองอยู่น่ารักๆนี่ก็ดูมีเสน่ห์ไม่น้อยเลย

     

                    ...!” ไม่ตอบแต่พะหงกหัวรับน้อยๆ

     

                    แปลกมาก!

     

                    “โอ้ย!!! วันนี้มันวันไรวะเนี่ย ประสาทจะแดก!!!” คุณฮิวงะร้องขึ้นก่อนจะเดินหนีเข้าบ้านไป เหลือแค่ผมกับอีกสองคนที่ยังยืมมองหน้ากันตาไม่กระพริบ

     

                    ยินดีที่ได้รู้จักนะ ชื่อไรหรอ!” เขาชี้มาทางผมก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

     

                    คุโรโกะ เท็ตสึยะครับ!”

     

                    ตัวเล็กแหะ อยู่ประถมหรอ!” เขาจะรู้มั้ยว่าที่พูดมามันจี้ใจผมเต็มๆเลย

     

                    ฮ่าๆ!” ก็ได้แต่ฝืนหัวเราะแห้งกลับไป

     

                    นายกลับไปได้แล้วไป!” ฟุริฮาตะคุงเดินมาบังหน้าผมไว้ ก่อนจะคว้าประตูปิดทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดลาเลยสักคำ

     

                    ....... ฟุริฮาตะคุงเหลือบมองผมนิ่งๆแล้วเดินกลับเข้าไป

                   

                    เมื่อกี้ฟุริฮาตะคุงทำเพราะจะปกป้องผมหรือว่ารำคาญผู้ชายคนนั้นกันแน่นะ แต่ผมคงเข้าข้างตัวเองเกินไปหน่อยแล้วมั้ง อย่างฟุริฮาตะคุงน่ะนะจะปกป้องผม ไม่มีทางซะล่ะ...


     

     

     

    T H E M E
    ◈ B L & W H ◈
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×