ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KNB] Love PaRalleL

    ลำดับตอนที่ #4 : :PaRalleL 3:

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 58


     

     

     

     

    CHAPTER 3

                   

    [KISE PART]

     

                    แล้วคิเสะคุงล่ะครับ?

     

                    ยังทำงานไม่เสร็จน่ะ วันนี้กะจะโต้รุ่ง ไม่ต้องห่วงหรอกไปนอนเถอะ!”

     

                    หลังจากที่ผมพูดจบ เจ้าตัวก็ขานรับน้อยๆแล้วเดินเข้าห้องไป ผมยังอดห่วงไม่ได้กลัวจะไปสะดุดกองแฟ้มในห้องล้มหัวฟาดพื้นตายคาที่ขึ้นมาขี้เกียจเก็บศพ แล้วอีกอย่างเอกสารก็สำคัญทั้งนั้นถ้าเสียหายขึ้นมา มีหวังโดนหัวหน้าผู้เลอโฉมสวดยับแน่

     

                    เอาล่ะ! ผมจะขอแนะนำตัวสักหน่อยนะ อุตส่ามีบทเป็นของตัวเองสักที... อะแฮ่มๆ ผมชื่อคิเสะ เรียวตะ อายุปีนี้ก็พึ่งจะสิบเก้าหมาดๆ เป็นมันสมองของหน่วยย่อยนี้ งานที่มีก็หนักกว่าชาวบ้านเค้า สังเกตได้จากกองเอกสารในห้องนั่นที่มีไม่ต่ำกว่าสิบกอง สักวันสมองของผมต้องฟ่อแน่ๆเนื่องจากการโดนใช้งานที่หนักเกินไป

                   

                    บางคนอาจจะสงสัยว่างานที่พวกผมทำมันคืองานอะไร จะตอบให้หายสงสัยเลยล่ะกัน... งานที่ทำอยู่ทุกวันนี้คืองานขององค์กรมืดที่มือกฎหมายในโลกเบื้องหน้าไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็เหมือนมันเป็นอีกโลกที่แบ่งแยกออกมา และแน่นอนในเมื่อไม่มีกฎหมายมันก็ย่อมโหดร้ายเป็นธรรมดา คนที่จะอยู่รอดเลยต้องเก่งและฉลาด รู้จักเอาตัวรอด และที่สำคัญต้องใจแข็ง เพราะถ้าเราไม่เป็นผู้ล่า เราจะโดนล่าซะเอง

     

                    สิ่งสำคัญในโลกมืดก็มีแค่เงินและอำอาจ หน้าที่ของพวกผมก็แค่สนองนีดให้พวกระดับสูง คอยก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งเหมือนเบี้ยในกระดาน กำจัดทุกคนที่เป็นเสี้ยนหนามหรือท้าทายอำนาจของบอสใหญ่ และสิ่งที่ได้ตอบแทนหลังจากทำภารกิจแต่ละครั้งสำเร็จคือเงินที่มีค่าไม่ต่ำกว่าหกหลัก

     

                    หน่วยย่อยที่สองของผมถือว่าเป็นหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดในองค์กร เพราะอะไรน่ะหรอ คำตอบง่ายๆ ก็เพราะเป็นหน่วยที่อายุน้อยที่สุดไง มากสุดก็หัวหน้าที่อายุพึ่งจะยี่สิบห้าเอง ในขณะที่หน่วยอื่นเค้าปาเข้าไปสามสิบแล้ว แล้วอีกอย่างหน่วยผมมันแหล่งรวมความเป็นที่สุด อาทิเช่น อายุน้อยสุด ฉลาดที่สุด ใจดีที่สุด  ไม่ปกติที่สุด และที่สำคัญหน้าตาดีที่สุดด้วย

     

                    ในโลกเบื้องหลังพวกผมอยู่ในนามของปีศาจไร้เงาที่ออกล่าเหยื่อยามค่ำคืน แต่ในโลกเบื้องหน้าพวกผมก็เป็นแค่เด็กมหาลัยธรรมดาๆที่มันดันโดดเด่นกว่าคนอื่น ด้วยความที่อยู่คอนโดหรูมีผู้ปกครองอย่างฮิวงะจุนเปคอยขับรถสปอร์ตราคาไม่ต่ำกว่าสิบล้านมาคอยรับส่งทุกวัน เลยกลายเป็นจุดสนใจของคนอื่นไปโดยปริยาย

     

                    “เมื่อยเว้ย” ผมบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะเอนกายนอนราบไปกลับโซฟาตัวยาวด้วยความเหนื่อยล้า หันไปมองนาฬิกาแขวนผนังก็พบว่ามันพึ่งจะตีสองกว่าๆเอง

     

                    ครืด!!! ครืด!!! ครืด!!!

                    กำลังจะพักสายตาไอ้โทรศัพท์เครื่องหรูก็ดันกะแดะสั่นขึ้นมา ด้วยความหงุดหงิดเลยคว้ามากดรับสายแบบไม่ได้ดูเลยว่าใครเป็นคนโทรมา

     

                    ใครมันโทรมาตอนตีสองวะ...

     

                    “อะไร!!!” ผมกรอกเสียงใส่ปลายสายอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเด้งตัวขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อเสียงของใครบางคนตอบกลับมา

     

                    [ฉันโทรมากวนเวลานอนรึป่าว!] อยากจะบอกว่าโคตรกวนเลยครับ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะคนที่โทรมาเป็นถึงแฟนของผมเอง... ใช่! คุณอ่านไม่ผิดหรอก คนๆนี้คือแฟนของผมเอง

     

                    “ป่าวๆ ไม่กวนหรอก ฉันยังไม่ได้นอนเลย โทรมามีไรหรอ!” ผมหัวเราะแห้งๆตอบกลับไป

     

                    [คิดถึงน่ะ ทำอะไรอยู่หรอ] ตีกอล์ฟอยู่มั้งถามมาได้ นี่มันตีสองนะเว้ย - -

     

                    “ดูหนังอยู่น่ะ แล้วนี่ยังไม่นอนอีกหรอ ดึกแล้วนะ!

     

                    [ยังไม่เลิกงานเลย แค่แว็บมาเข้าห้องน้ำเลยโทรหาได้น่ะ เดี๋ยวก็กลับไปทำงานต่อแล้วล่ะ]

     

                    “หรอ... เออนี่คาซามัตสึ” ปากเรียกคนในสายแต่สายตาของผมจับจ้องหน้าจอคอมเป็นประกาย

     

                    [ว่าไงหรอ]

     

                    “พรุ่งนี้ฉันจะไปหาที่ทำงานนะ ผับเปิดกี่โมงหรอ”

     

                    [เปิดสองทุ่มน่ะ จะมาจริงๆหรอ ให้ฉันไปรับมั้ย] ปลายสายดูจะดีใจไม่น้อยฟังจากน้ำเสียงที่ตื่นเต้นแบบนั้น

     

                    “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวฉันไปเอง ฉันไปช้าน่ะ เดี๋ยวนายเสียเวลางาน!

     

                    [อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจัง... อ่ะ! ฉันไปทำงานก่อนนะ คิดถึงนะ พรุ่งนี้เจอกัน!] พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็วางสายไปโดยไม่รอให้ผมพูดอะไรเลยสักคำเดียว

     

                    คาซามัตสึ... คือแฟนผมก็จริงอยู่ แต่แค่ในนามเท่านั้นแหละ ผมไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเค้าทั้งนั้น ที่ยอมคบก็เพราะมีประโยชน์ต่อการทำงานของผมก็เท่านั้น เค้าเป็นบาริสต้าอยู่ที่ผับที่ผมต้องไปสืบข้อมูลคำคัญ... ข้อมูลของเป้าหมายรายต่อไป

     

                    เห็นว่าพวกมันเป็นแค่แก็งค์มาเฟียเล็กๆที่พยายามจะแทรกซึมเข้ามาทำลายองค์กรของผมอย่างเนียนๆ แต่ขอโทษนะ มันยังไม่เนียนพอที่จะหลอกคนฉลาดๆอย่างคุณมิโดริมะบอสใหญ่ขององค์กรผม เลยมีคำสั่งลงมาให้ถอนรากถอนโคนทั้งแก๊งไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว

     

                    ที่เห็นผมก้มหน้าก้มตาอยู่แต่กับโน๊ตบุ๊คก็เพราะกำลังพยายามแฮ็คฐานข้อมูลของผับนั้นอยู่ ได้ข้อมูลมาน้อยนิดแต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าระบบฐานข้อมูลของผับหรูนั้นเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายใหญ่ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่ามันใหญ่แค่ไหนเพราะติดไฟร์วอลเลยเจาะต่อไม่ได้ มันอาจจะใหญ่ถึงขนาดสาวไปถึงตัวบอสเลยก็เป็นได้ ผมเลยจะลงพื้นที่ไปขโมยข้อมูลมันตรงๆซะเลย

     

                    “โคคิจิจะหายทันมั้ยเนี่ย!” ผมพึมพำเบาๆกับตัวเองพลางนึกถึงสภาพของเพื่อนร่วมหน่วยที่ยังหลับไม่ได้สติ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาทำภารกิจแล้วแท้ๆ นี่คุณมิโดริมะคงไม่ได้คิดจะตัดกำลังของหน่วยผมใช่มั้ยเนี่ย ถึงจะมีหัวหน้าก็จริงแต่คนๆเดียวจะให้ไล่ฆ่าคนทั้งแก๊งนี่มันก็หนักเอาการเลยนะ เห็นทีผมคงต้องออกแนวหน้าบ้างซะแล้ว

     

                    “เอาวะ ตายเป็นตาย!” ผมเด้งตัวลุกขึ้นยืน รู้สึกมีไฟอย่างบอกไม่ถูก เห็นผมเอาแต่ใช้สมองไม่ได้หมายความว่าผมจะสู้ไม่เป็นนะ ไม่งั้นผมคงไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้หรอก แต่คุณมิโดริมะกับห้ามไม่ให้ผมสู้ซะงั้น เหตุผลที่ให้ก็แค่บอกว่ามีพวกชอบใช้กำลังเยอะแล้วแค่เนี่ย

     

                    ผมเดินไปชงกาแฟในห้องครัวสักพักก่อนจะเดินออกมาประจำอยู่หน้าคอมตามเดิม ลงมือเรียบเรียงข้อมูลที่มีอยู่น้อยนิดเอาให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายที่สุด ก็อย่างที่บอกหน่วยผมมันมีแต่พวกชอบใช้กำลัง พื้นที่ในสมองเลยไม่ค่อยมีที่วางสำหรับข้อมูลสักเท่าไร ไปถึงที่หมายก็ซัดแหลกลูกเดียวเลยต้องมีผมไว้คอยซับพล็อตตลอดเวลา

     

                    ผมก้มหน้าก้มตาทำนู่นทำนี่ในคอมอย่างขะมักเขม้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หัวหน้าคนสวยเดินออกมาจากห้องนั่นแหละ หันไปมองนาฬิกาก็พบว่ามันหกโมงเช้าแล้ว ไม่แปลกที่จะไม่รู้ตัว ผมมันประเภทถ้าจมอยู่กับอะไรสักอย่างแล้วเหมือนถูกตัดออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

     

                    “ทำงานลืมวันลืมคืนอีกแล้วนะ เดี๋ยวก็ช็อคตายคาคอมหรอก!” หัวหน้าพูดขึ้นขณะที่เดินผ่านผม ฝ่ามือขาวๆขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงก่อนจะเดินหายวับเข้าไปในครัว

     

                    ถ้าผมไม่ทำแล้วไอ้หน้าไหนมันจะทำวะครับ... คำตอบคือไม่มีไง ตูเลยต้องนั่งทำงานงกๆอยู่คนเดียวในขณะที่คนอื่นนอนอย่างสบายใจเชิบ แต่บ่นไปก็เท่านั้น เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เข้าหูหมาทะลุหูควายป่าวๆ = =

     

                    “จะไปไหนแต่เช้า!” เมื่อบ่นเองจนพอใจก็หันไปถามหัวหน้าที่พึ่งสังเกตว่าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เดินถือแก้วกาแฟมานั่งลงที่โซฟา

     

                    “คุณมิโดริมะเรียกน่ะสิ ไม่รู้จะมีภารกิจอีกรึป่าว” เมื่อได้ยินคำว่าภารกิจผมถึงกับคิ้วกระตุกทันที

     

                    “จะบ้าหรอ งานนี้ยังไม่ทันได้จัดการเลย คุณมิโดริมะคงไม่ให้งานซ้อนหรอกมั้ง” ผมจัดการบันทึกงานทุกอย่างที่ทำทั้งคืนก่อนจะปิดคอม แล้วทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างเมื่อยล้า

     

                    “แกก็พักบ้างเถอะเดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะซวยเอา!

     

                    “รู้แล้วน่า!” ผมนอนเอามือก่ายหน้าผาก สงสัยเรื่องที่จะไปผับคืนนี้คงต้องเก็บเป็นความลับซะแล้ว ถ้าขืนบอกมีหวังโดนห้ามแน่ๆ หัวหน้ายิ่งชอบเป็นห่วงจนเกินเหตุซะด้วยสิ

     

                    “แกมีอะไรจะบอกฉันรึป่าว!” ผมเบนสายตาไปทางหัวหน้าที่นั่งจิบกาแฟมองผมอยู่อย่างหวาดๆ นี่คงไม่ได้แอบฟังผมคุยกับคาซามัตสึหรอกนะ เอ๊ะ! หรือหัวหน้าจะอ่านใจคนอื่นได้แบบผม

     

                    “จะว่ามีก็มีน่ะนะ...  เรื่องของคุโรโกจจิน่ะ!” แถไปเรื่อยครับผม

     

                    “จะถามว่าทำไมฉันถึงตกลงงั้นสิ!” ผมพยักหน้ารับ หัวหน้าถอนหายใจน้อยๆก่อนจะวางแก้วกาแฟลง

     

                    “คงจะเหมือนที่ฉันช่วยแกกะฟุรินั่นแหละมั้ง...!”  หัวหน้ายกยิ้ม มันเป็นยิ้มที่อ่อนโยนมากๆจนผมอดยิ้มตามไม่ได้

     

                    “แววตาของเด็กคนนั้นน่ะ บางครั้งก็แข็งกร้าวเหมือนจะเกลียดชังทุกสิ่งบนโลก แต่ลึกๆแล้วก็หวั่นไหวและเจ็บปวด พยายามจะทำตัวให้ปกติที่สุดเพื่อกักเก็บความรู้สึกต่างๆมากมายไว้ข้างในเพียงคนเดียวเหมือนแกกับฟุริ แต่ดีที่แกสองคนยังมีฉัน แต่เด็กคนนั้นไม่มีใครเลย แกก็เห็นไม่ใช่หรอ... ฉันอยากยื่นมือไปให้เด็กคนนั้น ถึงแม้ทางที่ฉันจะพาเค้าเดินมามันมืดมิดแค่ไหนก็เถอะ”

     

                    มันก็จริงอย่างหัวหน้าพูดนะ มองเผินๆเหมือนคุโรโกะจะปกติดี แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเคียดแค้น สิ่งที่ผมมองเห็นในใจของเด็กคนนั้นมันมากมายจนเจ้าตัวเผลอไปสร้างตัวตนอีกด้านจากความรู้สึกเหล่านั้นซึ่งน้อยคนนักที่จะเป็น ซึ่งผมบังเอิญไปเจอเข้า อีกด้านของเด็กคนนั้นท่าทางจะร้ายกาจใช่ย่อยเลยล่ะ

     

                    “ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ก็ดูแลสองคนนั้นด้วยล่ะกัน เดี๋ยวขากลับซื้อขนมมาฝากนะ!” พูดจบก็ลุกพรวดจากโซฟาแล้วเดินหนีไปทันทีโดยไม่รอให้ผมเถียงกลับเลยสักคำ แถมยังวิ่งกลับมาเอาตีนขาวๆเขี่ยผมซะเกือบกลิ้งตกโซฟาอีกต่างหาก

     

                    นี่ถ้าไม่ติดคำว่าหัวหน้านะ... ตูจะเอาแก้วกาแฟฟาดหัวให้เลือดอาบเลย = =

     

                    “จะกลับตอนไหนอ่ะ!” ผมลุกขึ้นตะโกนถามคนที่กำลังใส่รองเท้าอยู่หน้าประตู

     

                    “ไม่รู้ดิ ทำไม จะหนีเที่ยวหรอ!” ผมล่ะเกลียดคนรู้ทัน แต่อันที่จริงก็ไม่ได้ไปเที่ยวหรอก ไปทำงานต่างหาก

     

                    “พอดีคาซามัตสึโทรมาชวนไปกินข้าวน่ะ!” หัวหน้าเบ้ปากใส่ผม

     

                    “หน้าอย่างแกรักใครจริงๆจังๆเป็นด้วยรึไงห๊ะ ฉันเห็นแกเขี่ยทิ้งไปไม่รู้กี่คนล่ะ หรือว่าคนนี้แกเอาจริง!” ทำไมต้องทำหน้าเอือมระอาซะเต็มประดาแบบนั้นด้วยฟะ = =

     

                    “ก็คงจริงมั้ง...!” ผมตอบก่อนจะยักไหล่น้อยๆแล้วกลับลงไปนอนที่เดิม

     

                    “ไม่ใช่แค่คนๆนั้นจะเจ็บ ตัวแกเองก็จะเจ็บไปด้วย เล่นกับความรู้สึกของคนมันไม่สนุกหรอกนะ...” หัวหน้าหยุดพูดพร้อมๆกับเสียงเปิดประตูดังขึ้น

     

                    “...ถึงมันจะเป็นงานก็เถอะ!

     

                    ผมลืมตาโพลงเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาทันที หันไปมองที่หน้าประตูก็พบแค่ความว่างเปล่ากับบานประตูที่แง้มปิดพอดี

     

                    หัวหน้ารู้อยู่แล้วงั้นหรอ..

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

                    08.31 น.

                    ผมหันหน้ามองนาฬิกาน้อยๆก่อนจะหันกลับมาสนใจจอสี่เหลี่ยมที่มีผู้ประกาศข่าวแสนสวยกำลังทำหน้าที่อยู่ข้างในอย่างขะมักเขม้น กะจะนอนเอาแรงตั้งแต่ที่หัวหน้าออกไปแล้วซะหน่อยแต่กลับหลับไม่ลงเลยซะวินาทีเดียว สุดท้ายก็มาจบอยู่ที่การนั่งดูทีวีที่ไม่ค่อยจะมีอะไรดูนอกจากข่าว

     

                    ผมคว้ารีโมทมากดปิดอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินไปที่กระจกใสบานใหญ่ที่อยู่อีกฟากของห้องโถงกว้างเพื่อดูวิวยามเช้า เสียงเปิดประตูทำให้ผมละความสนใจจากภาพเบื้องหน้าแล้วหันไปมองบุคคลที่เดินออกมาจากห้อง

     

                    “หิวรึป่าว เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กินมั้ย!” ผมส่งยิ้มให้คุโรโกจจิก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วยกมือขึ้นทาบหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ

     

                    เงียบจังแหะ ยังไม่ตื่นกันหรอ...

     

                    เสียงในใจที่ถูกส่งเข้าสมองมาโดยการสัมผัสร่างกายของคนตรงหน้า ผมยกยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบคำถามที่เจ้าตัวพึมพำขึ้นในใจคนเดียว

     

                    “หัวหน้าออกไปตั้งแต่เช้าแล้วน่ะ ส่วนโคคิจิคงไม่ตื่นง่ายๆหรอก!” อีกคนส่งยิ้มมาให้บางๆ ผมเลยดันหลังให้เจ้าตัวไปนั่งลงบนโซฟา

     

                    ...โคคิจจิ???

     

                    “อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย เดี๋ยวฉันทำให้กิน!

     

                    “ไม่ล่ะครับ  ยังไม่หิวเท่าไรเลย!” คุโรโกจจิส่ายหัวไปมา

     

                    ผมพึ่งสังเกตว่าเด็กคนนี้ยังใส่ชุดเดิมที่ผมเป็นคนเปลี่ยนให้ตั้งแต่สามวันที่แล้ว ความคิดหนึ่งเลยผุดขึ้นมาบนหัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมทิ้งให้อีกคนนั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียว ส่วนตัวเองเดินมาเปิดประตูห้องของไอ้เพื่อนร่วมหน่วยที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง ตรงดิ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้ารื้อนั่นค้นนี่อยู่สักพักก่อนจะกลับมาด้วยชุดลำลองในมือ

     

                    “ไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวไปข้างนอกกับฉัน!” ผมจัดการยัดชุดที่ยืมมาจากตู้เสื้อผ้าฟุริใส่มือของคนตัวเล็ก เจ้าตัวยังดูงงๆแต่ก็ยอมลุกเดินไปอย่างว่าง่าย

     

                    ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมกับชุดใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม เสื้อฮูดแขนยาวสีดำกับกางเกงขาสามส่วนสีดำดูเข้ากันดีมากๆกับผิวขาวๆของคุโรโกจจิ แต่ติดอยู่ตรงผมเผ้าที่ยังยุ่งๆอยู่ผมเลยจักการหวีดีๆให้เข้าทรงอย่างชำนาญ

     

                    “แหล่มเลย!.. งั้นเราไปกันเถอะ” ผมยกนิ้วโป้งให้ผลงานของตัวเองก่อนจะคว้ามืออีกคนออกมาทันที

    .

    .

    .

    .

     

                    ผมเลี้ยวรถเข้ามาในลานจอดของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง หาที่จอดที่พอเหมาะก่อนจะจัดการล็อครถแล้วเดินจูงมืออีกคนเข้ามาภายในตัวห้างทันที

     

                    “อยากได้ตัวไหนก็หยิบเอาเลยไม่ต้องเกรงใจ!” ผมสั่งอีกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มขณะกำลังเดินมายังร้านเสื้อผ้าเบรนด์ดัง เจ้าตัวดูจะอึกอักไม่น้อยเลยทีเดียว

     

                    “แต่ว่านี่มันแพงมากเลยนะครับ” คนตัวเล็กชี้ไปที่ป้ายราคาที่ขึ้นหลักพัน ผมเลยฉีกยิ้มกว้างเดินไปคล้องคอคนเป็นน้อง

     

                    “มากับเสี่ยจะกลัวอะไร แค่นี้ไม่เดือดร้อนเงินในบัญชีหรอกน่า!

     

                    เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมขยับไปไหนผมเลยคว้ามือไปโซนเสื้อผ้าวัยรุ่น จับตัวนู่นตัวนี้มาวัดเข้ากับร่างกายของอีกคนอย่างสนุกสนาน เห็นตัวไหนที่ตัวเองอยากได้ก็เอาด้วย จ่ายเงินเสร็จก็เดินออกมาจากร้าน ถุงเสื้อผ้าในมือไม่ต่ำกว่าห้าถุง ในแต่ละถุงมีเสื้อผ้าไม่ต่ำกว่าสามชุด

     

                    เดินเข้าร้านนู่นออกร้านนี้ได้ของมาจนหนำใจก็หาร้านอาหารบรรยากาศดีๆอาหารอร่อยๆกินจนพุงกลางก่อนจะพาคุโรโกจจิไปเปิดหูเปิดตาที่อื่นต่ออีกหลายที่ จนตะวันลับขอบฟ้าเลยจำเป็นต้องกลับบ้าน

     

                    “วันนี้สนุกป่าว!” หลังจากช่วยกันหอบข้าวของต่างๆมากมายมาว่าไว้บนโต๊ะผมก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเมื่อยล้า

     

                    “สนุกมากเลยล่ะครับ ขอบคุณคิเสะคุงมากนะที่ซื้อของให้ตั้งเยอะแยะเลย!” เด็กตรงหน้ายิ้มน้อยๆอย่างจริงใจ ผมเลยเอื้อมมือไปขยี้ผมอย่างสนุกมือ

     

                    ‘Rrrrrr….’

                    จู่ๆโทรศัพท์เครื่องหรูก็แหกปากร้องขึ้นมาดังลั่นจนผมสะดุ้ง ล้วงมือเข้าไปควานหาในกระเป๋าสะพายข้างก่อนจะหยิบขึ้นมาดูรายชื่อก็พบว่าเป็นสายของคาซามัตสึ ผมเลยหลบมายืนคุยอีกมุมให้ห่างจากคุโรโกจจิ

     

                    “ว่าไงหรอ”

     

                    [ออกมารึยังหรอ!]

     

                    ออก... ออกไปไหนวะ = =

     

                    “ออกไปไหนอ่ะ!” ผมเอียงคออย่างมึนๆ เหมือนกำลังลืมอะไรสักอย่างไปเสียสนิท

     

                    [อ้าว! ก็ไหนบอกวันนี้จะมาหาที่ผับไง]

     

                    ชิบหาย... ลืมสนิทเลยครับ O[]O!!!

     

                    “อ้อๆ กำลังจะออกไปพอดีเลยล่ะ ไว้เจอกันที่ผับนะ ฮ่าๆๆ” หัวเราะแห้งๆแก้เก้อก่อนจะตัดสายทิ้งไป หันไปมองนาฬิกาก็พบว่ามันสามทุ่มกว่าแล้วผมเลยรีบเดินไปคว้ากุญแจรถกับกระเป๋าสะพายตรงดิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว

                   

                    “ฉันจะออกไปทำธุระข้างนอก ดึกๆถึงจะกลับ ถ้าหิวก็ทำกินเอานะอย่าทำครัวระเบิดล่ะ ฝากดูบ้านด้วยนะ ไปละ!” สั่งเสร็จก็ใส่รองเท้าแล้วเปิดประตูออกมาทันที กดลิฟท์ลงมาชั้นบีซึ่งเป็นลานจอดรถเดินตรงดิ่งไปยังรถสปอร์ตสีขาวสะอาดคู่ใจ นั่งประจำที่คนขับก่อนจะบึ่งออกไปทันที

     

                    ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงป้ายไฟของผับหรูก็เด่นหลาอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมเลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถที่เต็มไปด้วยรถราคาแพงของลูกค้าที่ดูก็รู้ว่ามีฐานะทั้งนั้น จัดการกับรถตัวเองเสร็จก็เดินเข้าประตูผับไปทันทีและก็ไม่ลืมมองหาทางหนีเตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉินด้วย

     

                    “น้ำเปล่าแก้วหนึ่งครับ!” ผมตะโกนสั่งแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม บาเทนเดอร์หนุ่มที่ดูก็รู้ว่าใครหันมายิ้มให้ผมก่อนจะส่งแก้วที่บรรจุน้ำเปล่ามาให้

     

                    “กินอะไรมารึยัง หิวรึป่าว!” คาซามัตสึก้มลงมาถาม ผมยิ้มก่อนจะส่ายหัวเบาๆ

     

                    “รำคาญเสียงรึป่าว ไปนั่งในห้องวีไอพีมั้ย!” ผมมองไปตามมือที่คาซามัตสึชี้ ห้องวีไอพีที่ว่ามันอยู่ติดกับตรอกทางที่จะเข้าห้องทำงานพอดีซึ่งผมเล็งเอาไว้นานตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วล่ะ

     

                    “ก็เอาสิ นายหาอะไรมาให้ฉันกินหน่อยนะ!” ผมบอก ก่อนที่คาซามัตสึจะหันไปสะกิดเพื่อนบาริสต้าอีกคนก่อนจะพูดอะไรสักอย่างที่ผมไม่ได้ยินเพราะเพลงที่เปิดอยู่ในผับ คาซามัตสึหันมายิ้มให้ผมแล้วเดินอ้อมออกมาจากหลังเคาเตอร์ก่อนจะพาเดินไปที่ห้องวีไอพี

     

                    ระหว่างทางผมแทบอยากจะเอาหมัดงามๆทะลวงลูกตาไอ้พวกผู้ชายหน้าม่อที่มองตามผมตาเป็นมัน แถมยังมีผู้หญิงอีกที่คอยส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ บางคนก็ส่งเสียงหาเหวอะไรก็ไม่รู้ บางคนถึงขนาดเดิมมาคว้าเอวผมเลยก็มี แต่ยังดีที่คาซามัตสึช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นผมอาจจะโดนลากไปไหนแล้วก็ได้

                   

                    “ฉันว่าคราวหลังนายไม่ต้องมาดีกว่านะ!” ตูดถึงโซฟาปั๊ปเสียงห้วนๆติดจะไม่พอใจเล็กๆก็ดังขึ้นปุ๊ป ผมหันไปมองคนที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตูอย่างมึนๆ

     

                    “ทำไมอ่ะ นายไม่อยากให้ฉันมาหาหรอ!

     

                    “ไอ้อยากก็อยากอยู่ แต่ถ้ามาแล้วโดนพวกผีเสือกลางคืนทั้งหลายมันส่งสายตามาลวนลามแบบนี้ก็อย่ามาเลยดีกว่า ฉันเป็นห่วง!” คาซามัตสึเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาทำให้ผมเกิดอาการหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

     

                    สงสัยผมต้องรีบจัดการงานนี้ให้เสร็จโดยเร็วซะแล้ว ก่อนที่อะไรๆมันจะเกินเลยไปมากกว่านี้...

     

                    “ขออนุญาตครับ!” เสียงเด็กเสริฟดังขึ้นจากหน้าประตูทำให้คาซามัตสึรีบเด้งตัวออกห่างจากผมทันที เขาส่งยิ้มให้ผมก่อนจะวางจานที่มีก้อนเค้กวางอยู่ด้านบน โค้งน้อยๆแล้วเดินออกไปเงียบๆ

     

                    “ผับแบบนี้มีเค้กด้วยอ่อ!” ผมถาม คาซามัตสึหัวเราะน้อยๆ

     

                    “ฉันซื้อมาไว้ให้นายเองแหละ เห็นว่าชอบกินของหวานไม่ใช่หรอ!” ผมพยักหน้ารับก่อนจะฉีกยิ้มกว้างไปให้คาซามัตสึ

     

                    “งั้นเดี๋ยวฉันไปทำงานต่อนะ เดี๋ยวจะแว็บมาหาบ่อยๆ” เดินมาโยกหัวผมเล่นอย่างสนุกมือก่อนจะส่งยิ้มแล้วเดินออกจากห้องไป

     

                    คาซามัตสึเป็นคนดีมาก ดีจนผมเริ่มมีความรู้สึกไม่อยากจะทำร้ายเค้าซะแล้ว ผมไม่น่าตบปากรับคำที่เค้าขอเป็นแฟนเลย ผมไม่อยากเห็นเค้าเจ็บปวด... นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย!

     

                    ผมสะบัดหัวแรงๆไล่ความคิดแปลกๆออกไปจากสมอง ก่อนจะคว้าเอาโน๊ตบุ๊คที่ติดกระเป๋ามาเปิดเครื่องแล้วจัดการเชื่อต่อกับระบบเครือข่ายของผับ ก่อนจะทำการแฮ็คอย่างระมัดระวัง กำแพงทุกอย่างของระบบเครือข่ายผมเจาะผ่านได้อย่างสบายๆแต่ก็มาติดที่เดิมเหมือนเมื่อวาน

     

                    “น่ารำคาญจริง!” ผมสถบอย่างหัวเสีย ก่อนจะป้อนคำสั่งแคร็กรหัสผ่าน ผมนั่งจ้องตัวเลขแปดหลักที่หมุนวนอย่างลุ้นระทึกจนถึงตัวสุดท้าย เสียงเตือนเมื่อทำกาแคร็กเสร็จสิ้น ผมยกยิ้มอย่างพอใจเริ่มเจาะลึกเข้าไปเรื่อยๆจนถึงระบบฐานข้อมูลของแก๊งมาเฟียกระจอกที่เป็นเป้าหมายต่อไป

     

                    “ระบบรักษาความปลอดภัยโคตรห่วยเลยวะ!”  ผมหัวเราะเบาๆในลำคอ ข้อมูลมากมายปรากฏต่อสายตา ผมทำการดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดไว้ในคอมของผมก่อนจะนั่งขัดสมาธิพลางกินเค้กที่คาซามัตสึซื้อมาให้อย่างสบายใจขณะมองขีดสีเขียวที่เกือบจะโหลดเต็มแล้ว

     

                    แต่ข้อมูลที่ผมต้องการรู้สึกมันจะไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในฐานของมูลของแก๊ง ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะอยู่ในรูปแบบของลายลักษณ์อักษรซึ่งมันน่าจะอยู่ที่ผับนี้

     

                    เมื่อเห็นว่าโหลดเสร็จแล้วผมก็จัดการออกจากระบบ ไม่ลืมลบร่อยรอยต่างๆที่จะทำให้ตามรอยผมได้จากเลขไอพีแอสเดรส ก่อนจะปิดเครื่องแล้วเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม เป้าหมายต่อไปคือห้องทำงานที่อยู่ข้างๆ

     

                    ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องมองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใครสนใจเลยค่อยๆย่องแล้วแทรกตัวเข้าไปทางตรอกเล็กๆ เดินไปได้สักพักก็เจอประตูที่เขียนชัดเจนว่าห้ามเข้าแถมมันยังต้องใส่รหัสอีกต่างหาก สงสัยจะมีของสำคัญแหะถึงได้ล็อคแน่นหนาขนาดนี้

     

                    “กระจอกจริงๆ!” ผมพึมพำก่อนจะล้วงเอาอุปกรณ์ที่ไว้ใช้แคร็กรหัสผ่านขึ้นมา รอสักพักเลขแปดหลักก็ปรากฏขึ้น ผมรีบใส่รหัสแล้วแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว

     

                    ห้องทั้งห้องมืดสนิท ผมหยิบไฟฉายขนาดเล็กขึ้นมาคาบไว้ก่อนจะลงมือรื้อนู่นค้นนี่ไปทั่วห้อง ผมไล่มองเอกสารต่างๆไปทั่วจนในที่สุดก็หาเจอ รีบทำทุกอย่างให้เป็นปกติแล้วซ้อนแผ่นเอกสารที่ต้องการไว้ในกระเป๋าก่อนจะรีบเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

     

                    “ไปไหนมา!” พอเปิดประตูเข้ามาในห้องวีไอพีอีกครั้งก็พบกับคาซามัตสึที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

     

                    “ไป... เข้าห้องน้ำมาน่ะ” ผมส่งยิ้มแห้งๆ พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด คาซามัตสึมองผมนิ่งๆไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร

     

                    “คือ... ฉันกะว่าจะกลับแล้วน่ะ พอดีพี่ฮิวงะโทรมาตามเมื่อตอนอยู่ในห้องน้ำ!” ผมไม่กล้าแม้แต่สบตาของคาซามัตสึ ตัวของผมถูกดึงเข้าไปกอดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก ผมเองก็ไม่ได้ขัดขืนเพราะอย่างน้อยตอนนี้ผมก็ยังอยู่ในฐานะแฟนของเค้า

     

                    ฉันรักนายนะ

     

                    เสียงในใจของคาซามัตสึที่ส่งผ่านมาทำให้ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก มันเจ็บที่อกข้างซ้ายแปลกๆ

     

                    “ให้ฉันไปส่งมั้ย!” อ้อมกอดถูกคลายออก คาซามัตสึยิ้มให้ผมอย่างที่เคย

     

                    “ไม่เป็นไร ฉันเอารถมา นายไปทำงานเถอะ!” ผมฝืนยิ้มให้เค้า คาซามัตสึลูบหัวผมเบาๆก่อนจะจูงมือพาเดินออกมาจากห้อง

     

                    ผมโบกมือลาคาซามัตสึก่อนจะเดินออกมาทางหลังร้าน หันซ้ายแลขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็ล้วงเอาเอกสารมาตรวจดู

     

                    ได้เวลาจบเรื่องนี้สักที....

     


    TBC....

    ------------------------------------------------------
    กลิ่นมาม่าลอยมาแต่ไกล55555
    เม้นๆหน่อยน้า เป็นกำลังใจ


     

    T H E M E
    ◈ B L & W H ◈
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×