ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KNB] Love PaRalleL

    ลำดับตอนที่ #10 : :PaRalleL 9:

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 58


        

    CHAPTER 9

     

                    01.15 น.

                    นาฬิกาข้อมือเรือนหรูตีบอกเวลาดึกมากแล้วสำหรับการทำงาน แต่ที่ยอดของตึกสูงยังคงมีแสงไฟส่องสว่างอยู่ บ่งบอกว่ายังมีใครอยู่บนนั้นถึงแม้มันจะดึกมากแล้วก็ตาม

     

                    รถตู้คันสีดำสนิทที่พลางตัวอยู่ในเงามืด ภายในถูกดัดแปลงในกลายเป็นสูญบัญชาการเคลื่อนที่ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกมากมายคอยสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ รอคอยเวลาที่จะบุกโจมตีตามแผนที่วางเอาไว้

     

                    โอเคมั้ย?” เสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเรียกสติที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอมอนิเตอร์ของเด็กหนุ่มผมฟ้าให้หันมามองใบหน้าขาวของคิเสะช้าๆ เจ้าตัวทำเพียงแค่พะงกหัวเบาๆด้วยใบหน้าเรียบเฉย

     

                    จำที่ฉันบอกได้มั้ย... ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวแม้แต่เพียงนิดเดียวก็ให้กลับมา!” เป็นเสียงของฮิวงะที่ดังแทรกขึ้นมา ใบหน้าที่ตึงเครียดจับจ้องไปยังมอนิเตอร์อย่างไม่วางตา

     

                    ครับ เด็กหนุ่มตอบอย่างแข็งขัน แต่ในใจกลับร้อนรุ่มไปด้วยความกังวลที่พยายามจะกดมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด ฝ่ามือขาวของคนข้างกายเอื้อมมาลูบกลุ่มผมสีฟ้าสดใสราวกับจะคลายความกังวลให้

     

                    “ใกล้ได้เวลาแล้วนะ!” ฮิวงะเอ่ยขณะเดินไปหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่ข้างในบรรจุอาวุธต่างๆมากมายมาวางไว้ตรงหน้าเด็กผมฟ้า

     

                    นายถนัดแบบไหน? ฮิวงะที่ตอนนี้ถอดแว่นแล้วเปลี่ยนมาใส่เลนส์แทนเพื่อความสะดวกเงยหน้าขึ้นมองคุโรโกะ

     

                    ครับO.O?”

     

                    “ก็แบบถนัดระยะใกล้หรือไกล ชอบมีดหรือปืน อะไรเทือกๆนั่นน่ะ!” พูดจบก็ก้มหน้ารื้อๆค้นๆในกระเป๋าก่อนจะดึงเอาปืนสั้นแบบเซมิออโต้สีดำสนิทขึ้นมาสองกระบอกก่อนจะเก็บใส่ซองใส่ปืนที่เน็บอยู่ข้างเอว แม็กกาซีนบรรจุลูกกระสุนแบบสิบเจ็ดนัดอีกสิบอันเก็บเข้ากระเป๋าคาดเอว และอีกมากมายที่เจ้าตัวหยิบขึ้นมายัดๆใส่ตรงนู่นตรงนี้ตามตัว

     

                    เด็กผมฟ้ายืนมองตาแป๋วอย่างไม่รู้จะตอบยังไง ก็ในเมื่อในชีวิตนี้นอกจากมีดในครัวเคยจับอาวุธที่ใช้ฆ่าคนจริงๆซะทีไหนล่ะ

     

                    ผมขอไปลุยด้วยได้มั้ยหัวหน้า!?” หนุ่มหน้าสวยที่นั่งมองทั้งสองคนเงียบๆมานานพูดขึ้นบ้างด้วยใบหน้าจริงจัง

     

                    ไม่ได้ แกน่ะอยู่สนับสนุนที่นี่แหละ!”

     

                    แต่ว่า.... อ้าปากเถียงกลับได้ไม่กี่คำ ทุกคำพูดที่กำลังจะพ่นออกมาเป็นอันต้องกลืนลงคอเมื่อปลายมีดสั้นจากมือผู้ที่ได้ชื่อว่าหัวหน้าชี้มาที่ตัวเอง

     

                    ถ้าขัดคำสั่งฉันอีกแม้แต่คำเดียว แกได้ไปนอนรอที่โรงพยาบาลแทนแน่!” พูดจบก็หันไปช่วยคุโรโกะเลือกอาวุธที่เหมาะกับตัวเองต่อ ปล่อยให้ลูกน้องผู้น่าสงสารนั่งทำหน้าเป็นเด็กโดนขัดใจอยู่คนเดียว

     

                    ผ่านไปไม่นานอาวุธต่างๆนานๆก็ถูกจับยัดใส่มือเด็กหนุ่มผมฟ้าเป็นที่เรียบร้อย ทั้งดาบยาว มีดสั้นสามเล่ม ปืนอีกสองกระบอก และอื่นๆอีกมากมาย

     

                    จะใช้อันไหนมันก็แล้วแต่สถานการณ์อ่ะนะ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็ง ทำตามสัญชาตญาณก็พอ เข้าใจมั้ย!” ฮิวงะกำชับเสียงเครียดขณะที่ช่วยคนตัวเล็กเก็บอาวุธที่ตนเป็นคนเลือกให้ใส่ช่องต่างๆตามชุดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการต่อสู้โดยเฉพาะ

     

                    ได้เวลาแล้วหัวหน้า!” คิเสะที่หันกลับไปสนใจจอสี่เหลี่ยมพูดขึ้นก่อนจะลุกเดินมาหาคุโรโกะ

     

                    เต็มที่นะ อย่ากลัว อย่าตื่นเต้น ใจเย็น วิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าให้ออก... ฝ่ามือขาวตบเบาๆที่หัวไหล่ก่อนจะเอื้อมไปแตะที่หูของคนตัวเล็กกว่าที่มีเครื่องสื่อสารแบบไร้สารเสียบอยู่

     

                    “ฉันยังอยู่กับนาย ฟังเสียงของฉันเอาไว้ ฉันจะนำทางนายเอง เข้าใจมั้ย!” นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องใบหน้านิ่งๆของเด็กตรงหน้าอย่างเป็นห่วงสุดใจ คุโรโกะพยักหน้ารับก่อนที่วงแขนเล็กจะเอื้อมมากอดคนผมทองตรงหน้าอย่างเงียบเฉียบ สร้างความประหลาดใจให้อีกสองชีวิตที่เหลือ

     

                    ขอบคุณครับ!’

     

                    เสียงที่ส่งผ่านมาทางจิตใจทำให้คิเสะยกยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วกอดคนตัวเล็กตอบเพื่อให้กำลังใจ

     

                    ...ทั้งตัวเล็ก ทั้งบอบบางราวกับจะแตกสลายหากเผลอทำรุนแรงเข้า สำหรับเขาคนตัวเล็กในอ้อมแขนถึงจะพึ่งรู้จักกันได้เพียงไม่นาน แต่เขาก็รักและห่วงใยไม่ต่างจากน้องชายแท้ๆคนหนึ่งเลย

     

                    ไปกันเถอะ!” ฮิวงะร้องบอกอีกสองคนที่กำลังกอดกันกลมก่อนจะเดินไปที่ประตูรถ

     

                    สู้ๆนะ!” คิเสะลูบหัวเด็กผมฟ้าแล้วยกยิ้ม อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหาฮิวงะที่ยืนรออยู่

     

                    พร้อมนะ

     

                    มันไม่ใช่ประโยคคำถามคนตัวเล็กรู้ดี แต่มันคือประโยคคำสั่งที่บอกว่าถึงไม่พร้อมก็ต้องพร้อม จึงพยักหน้ารับ ข่มความกลัวเอาไว้ให้ลึกสุดใจแล้วก้าวขาออกไปสู่ความมืดมิดเบื้องหน้าที่กำลังรออยู่

     

    ..............................................................................

     

                    01.30 น.

     

                    นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองเลขดิจิตัลสีแดงที่ปรากฏอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาแขวนพนัง ก่อนจะเบนสายตาออกไปที่กระจกใสบานใหญ่ที่กันเขาเอาไว้จากทัศนียภาพยามค่ำคืนของเมืองใหญ่เบื้องหน้า

     

                    เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่ฟุริฮาตะนอนเยียดกายเงียบๆบนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น ภายใสถานที่ที่เรียกว่าบ้านเวลาไม่มีคนอยู่มันช่างเงียบสงบ เงียบซะจนเหมือนอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ทั้งๆที่บอกตัวเองว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว แต่ในใจกับรู้สึกแปลกๆ พอจะข่มตาให้หลับก็ทำไม่ได้ จนท้ายที่สุดก็มาจบลงที่การมานอนแหมะกับโซฟาแบบนี้

     

                    น่ารำคาญจริง…!” บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากโซฟาตรงดิ่งเข้าห้องตัวเองทันที

     

                    และเพียงเวลาไม่กี่นาทีก็กลับออกมาในชุดใหม่ จากแต่เดิมใส่ชุดสบายๆอย่างเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำ ตอนนี้กลายเป็นฮูดแขนยาวกับกางเกงขายาวสีดำแทน เจ้าตัวเดินไปคว้ากุญแจรถของตัวเองที่นานๆครั้งจะได้จับซะทีเพราะส่วนใหญ่จะไปไหนก็ไปกับฮิวงะตลอด ก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปโดยไม่สนใจจะปิดไฟปิดแอร์เลยสักนิดเดียว

     

                    รถยี่ห้อดังสีดำเงาขับออกจากลานจอดรถใต้ดินมุ่งหน้าสู่ถนนสายหลักที่ดูจำนวนยานพนะจะน้อยลงเพราะมันดึกมากแล้ว ส่วนจุดมุ่งหมายน่ะหรอ...ไม่มี!? แค่สมองมันสั่งให้ขับออกมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องการจะไปที่ไหนกันแน่

     

                    ...แต่พอรู้ตัวอีกที ก็มาโผล่อยู่ใกล้ๆตึกสูงที่จำได้ว่าเป็นภารกิจของหน่วยสองของตัวเองแล้ว!?

     

                    “โถ่เว้ย!” ด้วยความหงุดหงิดตัวเองเลยฟาดมือลงไปที่พวงมาลัยรถอย่างแรง

     

                    ...จะมาทำไม? ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่พอมาถึงตรงนี้แล้ว ไอ้คั้นจะกลับมันก็คงทำไม่ได้แล้วล่ะ

     

                    ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสมองหรือความรู้สึกเป็นตัวสั่ง แต่ตอนนี้ก็ดับเครื่องยนต์จอดไว้ใกล้ๆในที่ลับตาคน ก่อนจะเอาผ้าปิดจมูกสีดำที่ติดไว้ในรถมาปิดพร้อมกับคว้าหมวกแล้วลงจากรถมา เดินอ้อมไปที่ประตูท้ายก่อนจะเปิดออก

     

                    จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ารถคันหรูแบบนี้แท้จริงแล้วมันก็คลังแสงเคลื่อนที่ดีๆนี้เอง ทั้งมีด ปืนสั้น ปืนยาว หรือแม้กระทั่งดาบ สารพัดสารเพที่ได้ชื่อว่าอุปกรณ์สำหรับฆ่าถูกจัดเรียงอยู่ข้างในอย่างไม่ค่อยจะเป็นระเบียบเท่าไร

     

                    ฟุริฮาตะหยิบมาสองสามอย่างก่อนจะปิดประตูท้ายลงแล้วล็อคไว้อย่างเดิม หมวกสีดำในมือยกขึ้นมาสวมแล้วออกเดินอย่างระมัดระวังตรงไปยังตึกสูงที่อยู่ตรงหน้า พยายามกลืนหาไปกับเงามืดให้ได้มากที่สุด เดินเลอะๆจนสุดท้ายก็มาถึงประตูหลังที่มีร่องรอยการโดนงัดทำร้าย

     

                    ...ไม่บอกก็รู้ว่าฝีมือใคร ก็ดี! จะได้ไม่เสียเวลา

     

                    ฟุริฮาตะเปิดเข้าไปอย่างระมัดระวัง ปืนคู่ถูกยกขึ้นมาแนบอกเตรียมลั่นไกตลอดเวลา นัยน์ตาสีน้ำตาลที่มองเห็นได้ดีในความมืดคอยสอยส่องซ้ายทีขวาทีเพื่อความปลอดภัย

     

                    โครงสร้างของตึกนี่คล้ายๆกับตึกสำนักงานของเขา ตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นยี่สิบเต็มไปด้วยโต๊ะทำงานและกองเอกสารต่างๆ มันดูไม่มีมีอะไรมาก แต่หลังจากนี้ก็ไม่แน่เมื่อหูดันได้ยินเสียงแว่วๆคล้ายเสียงปืนดังขึ้น ไม่รอช้าขาออกวิ่งไปยังต้นเสียงทันที่

     

                    แต่ทว่า...!!!

     

                    ปัง!!!

                    เสียงปืนดังลั่นระเบียงโล่งๆพร้อมกับร่างที่สะบัดไปตามแรงปะทะ ความเจ็บแล่นแปลบจากหัวไหล่ เลือดสีแดงไหลลงมาตามแขนเป็นทาง ด้วยความที่ทรงตัวไปอยู่เลยเซถลาไปกระแทกพนังที่อยู่ข้างๆก่อนจะทรุดลงกับพื้น

     

                    ตัวการที่ดูแล้วก็คงเป็นฝ่ายศัตรูแน่ๆเดินย่างสามขุมเข้ามาหาช้าๆ ปลายเท้าเตะไปที่ต้นขาเพื่อเช็คว่าตายสนิทแล้วรึยัง...

     

                    มันเจ็บนะเฮ้ย...!” น้ำเสียงเย็นๆเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ

     

                    และเมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองพึ่งยิงไปเมื่อครู่ยังไม่ตายก็เตรียมยกปากกระบอกปืนจ่อหมายจะยิงซ้ำอีกครั้ง แต่ก็ยังช้ากว่าร่างบางที่คว้าข้อมือที่ยู่ตรงหน้ากระชากลงมาอย่างแรง ศอกแหลมๆตั้งขึ้นกระแทกหน้าด้วยความเร็วและแรงจนเลือดกลบปากก่อนจะยัดลูกกระสุนเข้าไปในกะโหลกจนเลือดทะลัก

     

                    นัยน์ตาสีน้ำตาลที่บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยสีแดงฉานจ้องมองไปที่ร่างไร้วิญญาณอย่างเรียบนิ่งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วออกเดินอีกครั้งอย่างไม่คิดจะแยแสบาดแผลที่หัวไหล่เลยสักนิด

                   

                    จุดมุ่งหมายตอนนี้ไม่มีอยู่ในหัวสมอง รู้แค่ต้องฆ่า ฆ่า แล้วก็ฆ่าให้ศัตรูมันเหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แถมจะต้องคอยหลีกเลี่ยงไม่ให้ฮิวงะหรือคุโรโกะมาเจอตัวอีกต่างหาก

     

                    แต่รู้สึกพระเจ้าจะเป็นคนตลก....

     

                    “คุณ... เป็นใครครับ?” เสียงนิ่งๆที่เอ่ยถามพร้อมกับดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสที่จ้องมองมามันทำให้ฟุริฮาตะต้องค่อยๆก้าวถอยหลังไปในเงามืด มือดึงหมวกลงมาปิดหน้าให้ได้มากที่สุด

     

                    ...ตึกก็ออกจะใหญ่ดันบังเอิญเลี้ยวมาเจอกันซะได้ ...ประเมินแบบเผินๆก็ดูจะปล่อยภัยดีอย่างไม่น่าเชื่อถึงแม้จะมีแผลเล็กแผลน้อยก็ตามที แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น...!?

     

                    “เพื่อนแกหรอไอ้เปี๊ยก!” เสียงทุ้มๆของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆคนตัวเล็กทำให้ฟุริฮาตะเลิกคิ้ว

     

                    ...ใคร?

     

                    “ไม่รู้สิครับ แต่เหมือนจะไม่ใช่ศัตรู!” คนตัวเล็กหันไปพูดกับผู้ชายคิ้วแฉก อีกคนทำหน้างงเล็กน้อยก่อนจะหันมาทางฟุริฮาตะ

     

                    แกเป็นใครห๊ะ!”

     

                    ...........!?”

     

                    ปากมีมั้ยเฮ้ย หรือจะต้องให้ช่วยง้าง!” ร่างสูงเดินเข้ามาหมายจะทำอย่างที่ปากพูดแต่ก็โดนคนตัวเล็กท้วงไว้ก่อน

     

                    เค้าไม่ทำอะไรเราก็บุญเท่าไรแล้วครับ ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัว!” คุโรโกะทำหน้าเหนื่อยๆ ร่างสูงเลยเดินดุ่มๆกลับไปหาพร้อมใบหน้าที่เตรียมจะขย้ำหัวคนตัวเล็กเต็มที่

     

                    แกว่าไงนะไอ้เปี๊ยก!!!” คนตัวสูงตวาดลั่น

     

                    ผมชื่อคุโรโกะครับ ทำไมคุณสมองกลวงแบบนี้ล่ะคุณคิ้วแฉก!” พูดนิ่งๆอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

     

                    มาตัวตัวกันสักยกมั้ยไอ้เตี้ยนี่!!!”

     

                    ไม่เอาครับ เสียเวลา!”

     

                    แก!!!!”

     

                    และอีกสารพัดที่ทั้งสองคนงัดมาปะทะคารมกันอย่างเมามันจนลืมไปว่ามีใครอีกคนที่ยืนดูอยู่เงียบๆ ฟุริฮาตะมองนิ่งๆก่อนจะเดินจากมา

     

                    ...ดูเหมือนจะไม่น่าห่วงอย่างที่คิด!

     

                    แต่เดี๋ยวสิ! เค้าไม่ได้เป็นห่วงอะไรซะหน่อยนี่ ก็แค่มาหาอะไรทำฆ่าเวลาเฉยๆไม่ได้จะมาช่วยหรืออะไรทั้งนั้นแหละ

     

                    ฟุริฮาตะสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดต่างๆนาๆออกจากหัว ขาพาเดินสะเปะสะปะไม่ทั่ว จนรู้ตัวอีกทีก็มาโผล่อยู่สักที่ในตึกซึ่งไม่คุ้นทางเท่าไร ร่างไร้วิญญาณที่นอนกองอยู่กับพื้นมากมายทำให้คิ้วเริ่มผูกเป็นปมอีกครั้งด้วยความสงสัย

     

                    ...ฝีมือใคร ...คุณฮิวงะหรอ?

     

                    ฟุริฮาตะก้าวข้ามไปช้าๆอย่างระวัง บรรยากาศที่อยู่โดยรอบมีแรงกดดันบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ

     

                    อ่ะ...!”

                    ร่างของฟุริฮาตะเซถลาอย่างทรงตัวไม่อยู่เมื่อจู่ๆหัวก็มึนขึ้นมากะทันหัน ภาพตรงหน้าพร่าเลื่อนจนต้องสะบัดหัวไล่อาการต่างๆออกไป ความเจ็บปวดจากบาดแผลแล่นแปลบขึ้นมาอีกครั้งมันทำให้รู้ว่าตัวเองเสียเลือดมากเกินไป ประกอบกับร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็น

     

                    จังหวะนั้นเองที่มีเสียงดังแว่วเข้ามาในหูที่เริ่มอื้อ ไม่ใช่เสียงคุโรโกะ ไม่ใช่เสียงฮิวงะ แล้วมันจะเป็นใครได้นอกจาก... ศัตรู!

     

                    บ้าเอ้ย!” ฟุริฮาตะฝืนอาการมึนๆออกวิ่งอีกครั้ง

     

                    ...ถ้าให้สู้ในสภาพนี้ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ไม่น่ารอดหรอก

     

                    ปัง!!!

                    เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง ลูกกระสุนพุ่งตรงมาที่ต้นขาอย่างแม่นยำจนร่างของฟุริฮาตะทรุดฮวบลงกับพื้น เลือดสดๆไหลนองออกมาจากปากแผล มันทำให้อาการเสียเลือดเริ่มกลับมาคุกคามอีกครั้ง

     

                    ร่างทั้งร่างแทบจะไร้เรี่ยวแรง ดวงตาพร่าเลื่อนจนมองไม่เป็นรูปเป็นร่าง รู้แค่ว่ากำลังมีคนเดินเข้ามาสามคนพร้อมปืนในมือที่อีกไม่นานก็คงลั่นไก

     

                    ...จะได้นอนแบบยาวๆแล้วสินะ

     

                    ร่างบางหลับตานิ่งเตรียมรับชะตากรรมที่อยู่ตรงหน้า

     

                    อ๊าก!!!”

     

                    แก... อ๊ากก!!!”

     

                    “ปะ ปีศาจ.... อ๊ากก!!!”

     

                    เสียงร้องโหยหวนเรียกสติของฟุริฮาตะให้กลับมา เปลือกตาปรือขึ้นมองภาพตรงหน้าอย่างยากลำบาก...

     

                    สามคนก่อนหน้าลงไปนอนกองอยู่กับพื้นโดยมีชายคนหนึ่งยืนค้ำอยู่ นัยน์ตาสองสีเป็นประกายในความมืดเหลือบมองมาที่ฟุริฮาตะเรียบๆ ก่อนที่ร่างนั้นจะก้าวเข้ามาหาช้าๆอย่างไม่รีบร้อน แรงกดดันที่ถูกส่งมามันทำให้หัวเริ่มปวดตุบๆขึ้นมาอีกครั้ง

     

                    นายเป็นใคร?” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นเรียบๆก่อนจะประคองร่างที่สติเลื่อนลางเต็มทีขึ้นมาในอ้อมแขน ฝ่ามือยกขึ้นดึงผ้าปิดจมูกสีดำออก

     

                    ถ้าจะปล่อยให้ตายก็น่าเสียดายแย่!”

     

                    นัยน์ตาสองสีทอประกายวูบไหว... และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ฟุริฮาตะรับรู้ก่อนที่สติจะหลุดลอยไป

     

                    

    TBC.......

     

     

    -----------------------------------------------------------

    กะจะให้ฟุริกับอาคาชิตีกันซะหน่อย แต่งไปแต่งมามันดันลงเอ่ยแบบนี้เฉยเลย55555555

    เดี๋ยวฟุริฟื้นเมื่อไรค่อยจัดล่ะกันนะครับ ว่าแต่ทำไมคุโรโกะไปอยู่กับคากามิได้ล่ะเนี่ย???

    เม้นๆเป็นกำลังใจเน้อออ




     

     

    T H E M E
    ◈ B L & W H ◈
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×