คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : :PaRalleL 9:
CHAPTER 9
01.15 น.
นาฬิกาข้อมือเรือนหรูตีบอกเวลาดึกมากแล้วสำหรับการทำงาน
แต่ที่ยอดของตึกสูงยังคงมีแสงไฟส่องสว่างอยู่ บ่งบอกว่ายังมีใครอยู่บนนั้นถึงแม้มันจะดึกมากแล้วก็ตาม
รถตู้คันสีดำสนิทที่พลางตัวอยู่ในเงามืด
ภายในถูกดัดแปลงในกลายเป็นสูญบัญชาการเคลื่อนที่ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกมากมายคอยสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ
รอคอยเวลาที่จะบุกโจมตีตามแผนที่วางเอาไว้
“โอเคมั้ย?”
เสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเรียกสติที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอมอนิเตอร์ของเด็กหนุ่มผมฟ้าให้หันมามองใบหน้าขาวของคิเสะช้าๆ
เจ้าตัวทำเพียงแค่พะงกหัวเบาๆด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“จำที่ฉันบอกได้มั้ย...
ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวแม้แต่เพียงนิดเดียวก็ให้กลับมา!” เป็นเสียงของฮิวงะที่ดังแทรกขึ้นมา
ใบหน้าที่ตึงเครียดจับจ้องไปยังมอนิเตอร์อย่างไม่วางตา
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างแข็งขัน
แต่ในใจกลับร้อนรุ่มไปด้วยความกังวลที่พยายามจะกดมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด
ฝ่ามือขาวของคนข้างกายเอื้อมมาลูบกลุ่มผมสีฟ้าสดใสราวกับจะคลายความกังวลให้
“ใกล้ได้เวลาแล้วนะ!” ฮิวงะเอ่ยขณะเดินไปหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่ข้างในบรรจุอาวุธต่างๆมากมายมาวางไว้ตรงหน้าเด็กผมฟ้า
“นายถนัดแบบไหน?”
ฮิวงะที่ตอนนี้ถอดแว่นแล้วเปลี่ยนมาใส่เลนส์แทนเพื่อความสะดวกเงยหน้าขึ้นมองคุโรโกะ
“ครับO.O?”
“ก็แบบถนัดระยะใกล้หรือไกล
ชอบมีดหรือปืน อะไรเทือกๆนั่นน่ะ!” พูดจบก็ก้มหน้ารื้อๆค้นๆในกระเป๋าก่อนจะดึงเอาปืนสั้นแบบเซมิออโต้สีดำสนิทขึ้นมาสองกระบอกก่อนจะเก็บใส่ซองใส่ปืนที่เน็บอยู่ข้างเอว
แม็กกาซีนบรรจุลูกกระสุนแบบสิบเจ็ดนัดอีกสิบอันเก็บเข้ากระเป๋าคาดเอว และอีกมากมายที่เจ้าตัวหยิบขึ้นมายัดๆใส่ตรงนู่นตรงนี้ตามตัว
เด็กผมฟ้ายืนมองตาแป๋วอย่างไม่รู้จะตอบยังไง
ก็ในเมื่อในชีวิตนี้นอกจากมีดในครัวเคยจับอาวุธที่ใช้ฆ่าคนจริงๆซะทีไหนล่ะ
“ผมขอไปลุยด้วยได้มั้ยหัวหน้า!?” หนุ่มหน้าสวยที่นั่งมองทั้งสองคนเงียบๆมานานพูดขึ้นบ้างด้วยใบหน้าจริงจัง
“ไม่ได้
แกน่ะอยู่สนับสนุนที่นี่แหละ!”
“แต่ว่า....” อ้าปากเถียงกลับได้ไม่กี่คำ
ทุกคำพูดที่กำลังจะพ่นออกมาเป็นอันต้องกลืนลงคอเมื่อปลายมีดสั้นจากมือผู้ที่ได้ชื่อว่าหัวหน้าชี้มาที่ตัวเอง
“ถ้าขัดคำสั่งฉันอีกแม้แต่คำเดียว
แกได้ไปนอนรอที่โรงพยาบาลแทนแน่!”
พูดจบก็หันไปช่วยคุโรโกะเลือกอาวุธที่เหมาะกับตัวเองต่อ
ปล่อยให้ลูกน้องผู้น่าสงสารนั่งทำหน้าเป็นเด็กโดนขัดใจอยู่คนเดียว
ผ่านไปไม่นานอาวุธต่างๆนานๆก็ถูกจับยัดใส่มือเด็กหนุ่มผมฟ้าเป็นที่เรียบร้อย
ทั้งดาบยาว มีดสั้นสามเล่ม ปืนอีกสองกระบอก และอื่นๆอีกมากมาย
“จะใช้อันไหนมันก็แล้วแต่สถานการณ์อ่ะนะ
ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็ง ทำตามสัญชาตญาณก็พอ เข้าใจมั้ย!” ฮิวงะกำชับเสียงเครียดขณะที่ช่วยคนตัวเล็กเก็บอาวุธที่ตนเป็นคนเลือกให้ใส่ช่องต่างๆตามชุดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการต่อสู้โดยเฉพาะ
“ได้เวลาแล้วหัวหน้า!” คิเสะที่หันกลับไปสนใจจอสี่เหลี่ยมพูดขึ้นก่อนจะลุกเดินมาหาคุโรโกะ
“เต็มที่นะ อย่ากลัว
อย่าตื่นเต้น ใจเย็น วิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าให้ออก...”
ฝ่ามือขาวตบเบาๆที่หัวไหล่ก่อนจะเอื้อมไปแตะที่หูของคนตัวเล็กกว่าที่มีเครื่องสื่อสารแบบไร้สารเสียบอยู่
“ฉันยังอยู่กับนาย
ฟังเสียงของฉันเอาไว้ ฉันจะนำทางนายเอง เข้าใจมั้ย!”
นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องใบหน้านิ่งๆของเด็กตรงหน้าอย่างเป็นห่วงสุดใจ
คุโรโกะพยักหน้ารับก่อนที่วงแขนเล็กจะเอื้อมมากอดคนผมทองตรงหน้าอย่างเงียบเฉียบ
สร้างความประหลาดใจให้อีกสองชีวิตที่เหลือ
‘ขอบคุณครับ!’
เสียงที่ส่งผ่านมาทางจิตใจทำให้คิเสะยกยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วกอดคนตัวเล็กตอบเพื่อให้กำลังใจ
...ทั้งตัวเล็ก
ทั้งบอบบางราวกับจะแตกสลายหากเผลอทำรุนแรงเข้า
สำหรับเขาคนตัวเล็กในอ้อมแขนถึงจะพึ่งรู้จักกันได้เพียงไม่นาน
แต่เขาก็รักและห่วงใยไม่ต่างจากน้องชายแท้ๆคนหนึ่งเลย
“ไปกันเถอะ!” ฮิวงะร้องบอกอีกสองคนที่กำลังกอดกันกลมก่อนจะเดินไปที่ประตูรถ
“สู้ๆนะ!” คิเสะลูบหัวเด็กผมฟ้าแล้วยกยิ้ม
อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหาฮิวงะที่ยืนรออยู่
“พร้อมนะ”
มันไม่ใช่ประโยคคำถามคนตัวเล็กรู้ดี
แต่มันคือประโยคคำสั่งที่บอกว่าถึงไม่พร้อมก็ต้องพร้อม จึงพยักหน้ารับ
ข่มความกลัวเอาไว้ให้ลึกสุดใจแล้วก้าวขาออกไปสู่ความมืดมิดเบื้องหน้าที่กำลังรออยู่
..............................................................................
01.30 น.
นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองเลขดิจิตัลสีแดงที่ปรากฏอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาแขวนพนัง
ก่อนจะเบนสายตาออกไปที่กระจกใสบานใหญ่ที่กันเขาเอาไว้จากทัศนียภาพยามค่ำคืนของเมืองใหญ่เบื้องหน้า
เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่ฟุริฮาตะนอนเยียดกายเงียบๆบนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น
ภายใสถานที่ที่เรียกว่าบ้านเวลาไม่มีคนอยู่มันช่างเงียบสงบ
เงียบซะจนเหมือนอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ทั้งๆที่บอกตัวเองว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว
แต่ในใจกับรู้สึกแปลกๆ พอจะข่มตาให้หลับก็ทำไม่ได้
จนท้ายที่สุดก็มาจบลงที่การมานอนแหมะกับโซฟาแบบนี้
“น่ารำคาญจริง…!” บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากโซฟาตรงดิ่งเข้าห้องตัวเองทันที
และเพียงเวลาไม่กี่นาทีก็กลับออกมาในชุดใหม่
จากแต่เดิมใส่ชุดสบายๆอย่างเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำ
ตอนนี้กลายเป็นฮูดแขนยาวกับกางเกงขายาวสีดำแทน
เจ้าตัวเดินไปคว้ากุญแจรถของตัวเองที่นานๆครั้งจะได้จับซะทีเพราะส่วนใหญ่จะไปไหนก็ไปกับฮิวงะตลอด
ก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปโดยไม่สนใจจะปิดไฟปิดแอร์เลยสักนิดเดียว
รถยี่ห้อดังสีดำเงาขับออกจากลานจอดรถใต้ดินมุ่งหน้าสู่ถนนสายหลักที่ดูจำนวนยานพนะจะน้อยลงเพราะมันดึกมากแล้ว
ส่วนจุดมุ่งหมายน่ะหรอ...ไม่มี!? แค่สมองมันสั่งให้ขับออกมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องการจะไปที่ไหนกันแน่
...แต่พอรู้ตัวอีกที
ก็มาโผล่อยู่ใกล้ๆตึกสูงที่จำได้ว่าเป็นภารกิจของหน่วยสองของตัวเองแล้ว!?
“โถ่เว้ย!” ด้วยความหงุดหงิดตัวเองเลยฟาดมือลงไปที่พวงมาลัยรถอย่างแรง
...จะมาทำไม? ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
แต่พอมาถึงตรงนี้แล้ว ไอ้คั้นจะกลับมันก็คงทำไม่ได้แล้วล่ะ
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสมองหรือความรู้สึกเป็นตัวสั่ง
แต่ตอนนี้ก็ดับเครื่องยนต์จอดไว้ใกล้ๆในที่ลับตาคน ก่อนจะเอาผ้าปิดจมูกสีดำที่ติดไว้ในรถมาปิดพร้อมกับคว้าหมวกแล้วลงจากรถมา
เดินอ้อมไปที่ประตูท้ายก่อนจะเปิดออก
จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ารถคันหรูแบบนี้แท้จริงแล้วมันก็คลังแสงเคลื่อนที่ดีๆนี้เอง
ทั้งมีด ปืนสั้น ปืนยาว หรือแม้กระทั่งดาบ สารพัดสารเพที่ได้ชื่อว่าอุปกรณ์สำหรับฆ่าถูกจัดเรียงอยู่ข้างในอย่างไม่ค่อยจะเป็นระเบียบเท่าไร
ฟุริฮาตะหยิบมาสองสามอย่างก่อนจะปิดประตูท้ายลงแล้วล็อคไว้อย่างเดิม
หมวกสีดำในมือยกขึ้นมาสวมแล้วออกเดินอย่างระมัดระวังตรงไปยังตึกสูงที่อยู่ตรงหน้า
พยายามกลืนหาไปกับเงามืดให้ได้มากที่สุด
เดินเลอะๆจนสุดท้ายก็มาถึงประตูหลังที่มีร่องรอยการโดนงัดทำร้าย
...ไม่บอกก็รู้ว่าฝีมือใคร ก็ดี!
จะได้ไม่เสียเวลา
ฟุริฮาตะเปิดเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ปืนคู่ถูกยกขึ้นมาแนบอกเตรียมลั่นไกตลอดเวลา
นัยน์ตาสีน้ำตาลที่มองเห็นได้ดีในความมืดคอยสอยส่องซ้ายทีขวาทีเพื่อความปลอดภัย
โครงสร้างของตึกนี่คล้ายๆกับตึกสำนักงานของเขา
ตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นยี่สิบเต็มไปด้วยโต๊ะทำงานและกองเอกสารต่างๆ มันดูไม่มีมีอะไรมาก
แต่หลังจากนี้ก็ไม่แน่เมื่อหูดันได้ยินเสียงแว่วๆคล้ายเสียงปืนดังขึ้น ไม่รอช้าขาออกวิ่งไปยังต้นเสียงทันที่
แต่ทว่า...!!!
ปัง!!!
เสียงปืนดังลั่นระเบียงโล่งๆพร้อมกับร่างที่สะบัดไปตามแรงปะทะ
ความเจ็บแล่นแปลบจากหัวไหล่ เลือดสีแดงไหลลงมาตามแขนเป็นทาง
ด้วยความที่ทรงตัวไปอยู่เลยเซถลาไปกระแทกพนังที่อยู่ข้างๆก่อนจะทรุดลงกับพื้น
ตัวการที่ดูแล้วก็คงเป็นฝ่ายศัตรูแน่ๆเดินย่างสามขุมเข้ามาหาช้าๆ
ปลายเท้าเตะไปที่ต้นขาเพื่อเช็คว่าตายสนิทแล้วรึยัง...
“มันเจ็บนะเฮ้ย...!” น้ำเสียงเย็นๆเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
และเมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองพึ่งยิงไปเมื่อครู่ยังไม่ตายก็เตรียมยกปากกระบอกปืนจ่อหมายจะยิงซ้ำอีกครั้ง
แต่ก็ยังช้ากว่าร่างบางที่คว้าข้อมือที่ยู่ตรงหน้ากระชากลงมาอย่างแรง
ศอกแหลมๆตั้งขึ้นกระแทกหน้าด้วยความเร็วและแรงจนเลือดกลบปากก่อนจะยัดลูกกระสุนเข้าไปในกะโหลกจนเลือดทะลัก
นัยน์ตาสีน้ำตาลที่บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยสีแดงฉานจ้องมองไปที่ร่างไร้วิญญาณอย่างเรียบนิ่งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วออกเดินอีกครั้งอย่างไม่คิดจะแยแสบาดแผลที่หัวไหล่เลยสักนิด
จุดมุ่งหมายตอนนี้ไม่มีอยู่ในหัวสมอง
รู้แค่ต้องฆ่า ฆ่า แล้วก็ฆ่าให้ศัตรูมันเหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แถมจะต้องคอยหลีกเลี่ยงไม่ให้ฮิวงะหรือคุโรโกะมาเจอตัวอีกต่างหาก
แต่รู้สึกพระเจ้าจะเป็นคนตลก....
“คุณ... เป็นใครครับ?” เสียงนิ่งๆที่เอ่ยถามพร้อมกับดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสที่จ้องมองมามันทำให้ฟุริฮาตะต้องค่อยๆก้าวถอยหลังไปในเงามืด
มือดึงหมวกลงมาปิดหน้าให้ได้มากที่สุด
...ตึกก็ออกจะใหญ่ดันบังเอิญเลี้ยวมาเจอกันซะได้ ...ประเมินแบบเผินๆก็ดูจะปล่อยภัยดีอย่างไม่น่าเชื่อถึงแม้จะมีแผลเล็กแผลน้อยก็ตามที
แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น...!?
“เพื่อนแกหรอไอ้เปี๊ยก!” เสียงทุ้มๆของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆคนตัวเล็กทำให้ฟุริฮาตะเลิกคิ้ว
...ใคร?
“ไม่รู้สิครับ
แต่เหมือนจะไม่ใช่ศัตรู!” คนตัวเล็กหันไปพูดกับผู้ชายคิ้วแฉก
อีกคนทำหน้างงเล็กน้อยก่อนจะหันมาทางฟุริฮาตะ
“แกเป็นใครห๊ะ!”
“...........!?”
“ปากมีมั้ยเฮ้ย
หรือจะต้องให้ช่วยง้าง!”
ร่างสูงเดินเข้ามาหมายจะทำอย่างที่ปากพูดแต่ก็โดนคนตัวเล็กท้วงไว้ก่อน
“เค้าไม่ทำอะไรเราก็บุญเท่าไรแล้วครับ
ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัว!” คุโรโกะทำหน้าเหนื่อยๆ
ร่างสูงเลยเดินดุ่มๆกลับไปหาพร้อมใบหน้าที่เตรียมจะขย้ำหัวคนตัวเล็กเต็มที่
“แกว่าไงนะไอ้เปี๊ยก!!!” คนตัวสูงตวาดลั่น
“ผมชื่อคุโรโกะครับ
ทำไมคุณสมองกลวงแบบนี้ล่ะคุณคิ้วแฉก!”
พูดนิ่งๆอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“มาตัวตัวกันสักยกมั้ยไอ้เตี้ยนี่!!!”
“ไม่เอาครับ เสียเวลา!”
“แก!!!!”
และอีกสารพัดที่ทั้งสองคนงัดมาปะทะคารมกันอย่างเมามันจนลืมไปว่ามีใครอีกคนที่ยืนดูอยู่เงียบๆ
ฟุริฮาตะมองนิ่งๆก่อนจะเดินจากมา
...ดูเหมือนจะไม่น่าห่วงอย่างที่คิด!
แต่เดี๋ยวสิ! เค้าไม่ได้เป็นห่วงอะไรซะหน่อยนี่
ก็แค่มาหาอะไรทำฆ่าเวลาเฉยๆไม่ได้จะมาช่วยหรืออะไรทั้งนั้นแหละ
ฟุริฮาตะสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดต่างๆนาๆออกจากหัว
ขาพาเดินสะเปะสะปะไม่ทั่ว
จนรู้ตัวอีกทีก็มาโผล่อยู่สักที่ในตึกซึ่งไม่คุ้นทางเท่าไร
ร่างไร้วิญญาณที่นอนกองอยู่กับพื้นมากมายทำให้คิ้วเริ่มผูกเป็นปมอีกครั้งด้วยความสงสัย
...ฝีมือใคร ...คุณฮิวงะหรอ?
ฟุริฮาตะก้าวข้ามไปช้าๆอย่างระวัง
บรรยากาศที่อยู่โดยรอบมีแรงกดดันบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ
“อ่ะ...!”
ร่างของฟุริฮาตะเซถลาอย่างทรงตัวไม่อยู่เมื่อจู่ๆหัวก็มึนขึ้นมากะทันหัน
ภาพตรงหน้าพร่าเลื่อนจนต้องสะบัดหัวไล่อาการต่างๆออกไป
ความเจ็บปวดจากบาดแผลแล่นแปลบขึ้นมาอีกครั้งมันทำให้รู้ว่าตัวเองเสียเลือดมากเกินไป
ประกอบกับร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็น
จังหวะนั้นเองที่มีเสียงดังแว่วเข้ามาในหูที่เริ่มอื้อ
ไม่ใช่เสียงคุโรโกะ ไม่ใช่เสียงฮิวงะ แล้วมันจะเป็นใครได้นอกจาก... ศัตรู!
“บ้าเอ้ย!” ฟุริฮาตะฝืนอาการมึนๆออกวิ่งอีกครั้ง
...ถ้าให้สู้ในสภาพนี้ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ไม่น่ารอดหรอก
ปัง!!!
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง
ลูกกระสุนพุ่งตรงมาที่ต้นขาอย่างแม่นยำจนร่างของฟุริฮาตะทรุดฮวบลงกับพื้น
เลือดสดๆไหลนองออกมาจากปากแผล มันทำให้อาการเสียเลือดเริ่มกลับมาคุกคามอีกครั้ง
ร่างทั้งร่างแทบจะไร้เรี่ยวแรง
ดวงตาพร่าเลื่อนจนมองไม่เป็นรูปเป็นร่าง
รู้แค่ว่ากำลังมีคนเดินเข้ามาสามคนพร้อมปืนในมือที่อีกไม่นานก็คงลั่นไก
...จะได้นอนแบบยาวๆแล้วสินะ
ร่างบางหลับตานิ่งเตรียมรับชะตากรรมที่อยู่ตรงหน้า
“อ๊าก!!!”
“แก... อ๊ากก!!!”
“ปะ ปีศาจ....
อ๊ากก!!!”
เสียงร้องโหยหวนเรียกสติของฟุริฮาตะให้กลับมา
เปลือกตาปรือขึ้นมองภาพตรงหน้าอย่างยากลำบาก...
สามคนก่อนหน้าลงไปนอนกองอยู่กับพื้นโดยมีชายคนหนึ่งยืนค้ำอยู่
นัยน์ตาสองสีเป็นประกายในความมืดเหลือบมองมาที่ฟุริฮาตะเรียบๆ
ก่อนที่ร่างนั้นจะก้าวเข้ามาหาช้าๆอย่างไม่รีบร้อน แรงกดดันที่ถูกส่งมามันทำให้หัวเริ่มปวดตุบๆขึ้นมาอีกครั้ง
“นายเป็นใคร?” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นเรียบๆก่อนจะประคองร่างที่สติเลื่อนลางเต็มทีขึ้นมาในอ้อมแขน
ฝ่ามือยกขึ้นดึงผ้าปิดจมูกสีดำออก
“ถ้าจะปล่อยให้ตายก็น่าเสียดายแย่!”
นัยน์ตาสองสีทอประกายวูบไหว...
และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ฟุริฮาตะรับรู้ก่อนที่สติจะหลุดลอยไป
TBC.......
-----------------------------------------------------------
กะจะให้ฟุริกับอาคาชิตีกันซะหน่อย แต่งไปแต่งมามันดันลงเอ่ยแบบนี้เฉยเลย55555555
เดี๋ยวฟุริฟื้นเมื่อไรค่อยจัดล่ะกันนะครับ ว่าแต่ทำไมคุโรโกะไปอยู่กับคากามิได้ล่ะเนี่ย???
เม้นๆเป็นกำลังใจเน้อออ
◈ B L & W H ◈
ความคิดเห็น