คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : InTro
INTRO
“เท็ตสึยะมากินข้าวได้แล้วลูก!”
เสียงเรียกจากผู้ชายที่รักที่สุดในชีวิตดังขึ้น
สายตาที่จดจ่ออยู่ที่หน้าคอมเบนไปทางประตูห้อง ก่อนจะขานรับอย่างสดใส
“ครับผม!”
“ครับก็ปิดคอมซะทีสิเรา!”
ประตูถูกเปิดเข้ามาด้วยฝีมือของหัวหน้าครอบครัวที่ยืนมองลูกชายเพียงคนเดียวอยู่หน้าห้อง
“ครับคุณพ่อ”
จัดการปิดคอมเรียบร้อยก็กระโดดไปหน้าประตูอย่างรวดเร็ว
คนเป็นพ่อยกมือขยี้หัวลูกชายด้วยความฟุริดูก่อนจะพากันลงไปชั้นล่าง
[KUROKO
PART]
ความสุข...
มักอยู่ได้ไม่นาน
ครอบครัวสุขสันต์
คำๆนี้คือคำที่ผมรู้สึกมาตลอดสิบเจ็ดปีที่อยู่บ้านหลังนี้ ถึงจะมีแค่พ่อกับผมสองคน
แต่เพราะพ่อช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย
มันเลยทำให้ผมไม่รู้สึกว่าขาดความรักหรือความอบอุ่นเลยสักนิด...
อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้!
“เท็ตสึยะ!”
เสียงเรียกแผ่วเบาดังมาจากฝั่งตรงข้าม
ผมเงยหน้ามองเล็กน้อยด้วยความสงสัยก่อนจะกลับไปสนใจข้าวที่อยู่ในจานต่อ
“ครับ!”
“คือ...
ถ้าบ้านเราจะมีคนเพิ่ม ลูกจะว่าอะไรมั้ย!” ผมชะงักกับคำที่พ่อพึ่งพูดออกมา
เงยหน้าจากจานข้าวแล้วมองผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจ
อะไรคือคนเพิ่ม..
“หมายความว่าไงครับ”
ผมขมวดคิ้วจ้องหน้าพ่อเขม็ง พยายามลบล้างความคิดบางอย่างออกจากหัว
“จำน้าแอนนี่ที่พ่อพามาบ้านเมื่อวันก่อนได้มั้ย...!?”
“ผมไม่ต้องการ..!”
ผมพูดเสียงเย็นตัดหน้าผู้เป็นพ่อ ก่อนจะหันไปสนใจข้าวในจานต่อ
พ่อเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
คนเพิ่มอย่างงั้นหรอ...
ผมไม่เคยต้องการเลยสักนิด แค่พ่อคนเดียวก็เกินพอ ‘คนอื่น’
นอกเหนือจากนี้ ผมไม่ต้อนรับ!!!
“อิ่มละครับ”
ผมลุกพรวดออกมาจากตรงนั้นทันทีโดยไม่รอให้พ่อพูดอะไร
ก่อนจะเดินขึ้นห้องมาทันที
ผมทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างอย่างเหนื่อยล้าทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง
แต่ที่เหนื่อยน่ะไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นหัวใจต่างหาก...
ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ผมก็เหลือแค่พ่อคนเดียวไม่มีฉันหรือน้อง
ไม่มีญาติที่ไหน พ่อดูแลผมดีมากเหมือนกับกำลังทดแทนส่วนของแม่
ผมไม่เคยเรียกร้องอะไรขอแค่พ่ออยู่กับผมแค่นั้นก็พอใจ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป
พ่อเริ่มพาผู้หญิงที่ชื่อแอนนี่อะไรนั่นเข้ามาในบ้าน จากเดือนละครั้งมันกลายเป็นอาทิตย์ละหลายครั้ง
และมีบางทีที่พ่อกลับบ้านดึกมากทั้งที่ผ่านมาพ่อกลับไวเพื่อมากินข้าวกับผม
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าพ่อไปกับผู้หญิงคนนั้น
แต่การที่ปล่อยผมไว้คนเดียวแบบนั้นมันเกินไปรึป่าว
และครั้งนี้พ่อถึงกับจะพามาอยู่ที่บ้านด้วยนี่มันอะไรกัน
ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผมไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น
“ไม่มีใครมาแทนที่แม่ได้ทั้งนั้น!”
ภาพของหญิงสาวที่กำลังยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนฉายชัดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง
วันวานที่เคยมีความสุขกับอ้อมกอดที่แม่มอบให้
มันทำให้น้ำตาที่พยายามเก็บซ้อนเอาไว้ตลอดหลายปีเออล้นออกมาจากดวงตาคู่สวยทั้งสองข้าง
“เมื่อไรแม่จะกลับมา...”
คำพูดแผ่วเบาราวกับคนใกล้จะหมดลมหายใจ
ผมได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่แบบนั้นเพื่อเป็นการระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจ
แม่ทิ้งผมไปตั้งแต่อายุได้แค่สิบขวบ
วันนั้นจู่ๆแม่ก็กลับบ้านมาด้วยความร้อนรนแปลกๆ ข้าวของถูกยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆก่อนจะวิ่งไปที่ประตูบ้านโดยไม่พูดกับผมซักคำ
พ่อพยายามเกลี้ยงกล่อมทั้งน้ำตาแต่แม่กลับบอกแค่ว่าขอโทษ
‘แม่ทำเพื่อลูกและพ่อ!’
ประโยคสุดท้ายที่แม่กระซิบบอกกับผมก่อนที่จะจากไป
ซึ่งจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง แม่ทำเพื่อผมกับพ่อ?
แล้วแม่ทำอะไร? ทำไมต้องทิ้งผมกับพ่อด้วย?
ตั้งแต่วันนั้นก็เจ็ดปีแล้ว
ไม่มีวี่แวว ไม่มีข่าวคราว มีแค่ความว่างเปล่า ผมได้แต่หวังว่าสักวันแม่จะกลับมา
พ่อเองก็เคยบอกว่าไม่มีใครมาแทนที่แม่ได้ แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว เวลาเปลี่ยน
อะไรๆก็เปลี่ยน เหมือนกับที่อีกไม่นาน
จะมีบุคคลที่สามเข้ามาอยู่ในบ้านของแม่หลังนี้ ซึ่งผมไม่เคยต้องการเลยสักนิด!!!
โครม!!! เพล้ง!!!
ผมสะดุ้งโหยงขึ้นจากเตียงทันทีเมื่อมีเสียงดังโครมครามที่ชั้นล่าง
ในใจก็คิดว่าพ่อคงทำอะไรตกแตก แต่ว่าเสียงมันจะดังเกินไปรึป่าว
ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะค่อยๆก้าวขาลงจากเตียงตรงไปยังประตู
“พะ... พ่อ ขะ...
ขอโทษ อ๊ากกก!!!”
มือที่กำลังกำลูกบิดประตูชะงักนิ่งเมื่อเสียงของพ่อดังขึ้นจากชั้นล่าง
เมื่อได้สติผมรีบกระชากประตูแล้ววิ่งลงบันไดมาอย่างรวดเร็วจนแทบจะสะดุดล้ม
“.............”
เงียบสนิท... ผมยืนมองสภาพบ้านด้วยหัวใจเต้นระรัว
ข้าวของที่เคยเป็นระเบียบกับกระจัดกระจาย
แจกันดอกไม้ที่เคยวางอยู่บนโต๊ะแตกละเอียดลงมากองอยู่ที่พื้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น...
แล้วพ่อไปไหน...
ความกลัวเริ่มเข้ามากัดกินหัวใจที่บีบตัวแรงจนปวดหนึบ
ผมก้าวขาอย่างหวาดระแวงตรงไปยังห้องครัวที่มีเสียงอะไรสักอย่างดังอยู่
“หึหึหึ!”
ผมชะงักฝีเท้าในทันทีที่เมื่อเสียงที่แผ่วเบาดังขึ้น
เสียงหัวเราะที่เยือกเย็นราวกับกำลังเยาะเย้ยอะไรสักอย่างดังมาจากในห้องครัว
ตอนนี้ผมกลัวมาก กลัวจนขาสั่น กลัวจนไม่กล้าเข้าไปให้ห้องครัว
ไอเย็นน่าขยะแขยงแผ่กระจายจนเสียวสันหลังวาบ
รู้สึกได้เลยว่าเวลานี้บ้านตัวเองไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง
ผมรวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดค่อยๆลากขาที่สั่นระริกเข้าไปในครัวอย่างยากลำบาก
มีคนอยู่ในนั้น...
และที่สำคัญคือเป็นผู้ชาย!
“พ่อครับ!!!”
เหมือนกับหัวใจโดนฉีกกระชาก
ผมมองภาพตรงหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง แข้งขาทรุดฮวบลงกับพื้น
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสั่นระริกเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
มองร่างของพ่อที่นอนจมกองเลือดด้วยความกลัวสุดขีด ยิ่งแผลเหวะหวะที่อกซ้ายยิ่งทำให้สติแทบหลุด
“จะร้องไห้...
ทำไม!” น้ำเสียงราบเรียบที่คุ้นหูดังมาจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าร่างของพ่อ
ผมปกปิดใบหน้าที่ก้มต่ำ มือขวาถือมีดปลายแหลมที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน
“คุณเป็นใคร”
ผมจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว มือทั้งสองกำแน่นด้วยความเคียดแค้นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
อีกคนหัวเราะในลำคออย่างน่าขนลุก ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นและหันมาทางผมอย่างช้าๆ
ม่านน้ำตาทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเบลอจนมองไม่เห็นหน้า
“ฉัน... เป็น...
ใคร...!”
บุคคลปริศนานั่งยองๆลงตรงหน้าผม
มือซ้ายที่เปื้อนเลือดยกขึ้นมาไล่เกลี่ยไปตามข้างแก้มที่เต็มไปด้วยน้ำตาช้าๆ
รอยยิ้มเย็นที่ถึงจะมองไม่ชัดแต่รับรู้ได้เลยว่ามันน่าขนลุกที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
อยากจะลุกหนีไปจากตรงนี้แต่ร่างกายไม่ยอมทำตามคำสั่งเลยแม้แต่น้อย
“อย่าร้องไห้สิคนดี
แบบนี้จะมองหน้าฉันเห็นมั้ยล่ะ!” นิ้วมือค่อยๆปาดน้ำตาของผมออกช้าๆ
ภาพที่เคยพร่าเลื่อนเด่นชัดเจนขึ้น มันเป็นภาพที่ทำให้ผมแทบจะหยุดหายใจ
“ตกใจหรอ!”
เหมือน...
ตั้งแต่รูปร่างหน้าตายันน้ำเสียง เหมือนกับผมราวกับฝาแฝด เหมือนจนผมกลัว!
“ไม่จริงน่า!”
ผมพูดออกมาอย่างเลื่อนลอยราวกับคนเสียสติ จับจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“เด็กดี!” แสยะยิ้มมุมปากอย่างน่าขนลุก มือก็เอาแต่ลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา
“ค...คุณเป็นใคร!”
น้ำเสียงสั่นเครือของผมทำให้คนตรงหน้ายกยิ้ม
“ฉัน... ก็คือ...
นาย!” เสียงเย็นก้มลงกระซิบที่ข้างหู
“ไม่จริง! ไม่ใช่ผม
คุณไม่ใช่ผม!!!” ผมโวยวายลั่น
เรี่ยวแรงที่เคยหายไปกลับมาอีกครั้ง ผลักคนตรงหน้าออกอย่างแรง แล้วยันตัวลุกขึ้น
ก่อนจะหันวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นอย่างไม่คิดชีวิต
“ฉันก็คือนาย...
คือตัวนาย...” เสียงที่ดังแผ่วเบาไล่หลังมาทำให้ผมแทบประสาทกิน
หลับหูหลับตาวิ่งออกจากบ้านอย่างคิดชีวิต
“อ๊ะ!!!”
ทางตรงหน้าที่มืดมิดมันทำให้ผมมองไม่เห็นอะไรเลย
เหมือนกับว่าผมวิ่งเข้าหาเหวลึก ร่างของผมล่วงลงอย่างรวดเร็ว
มือที่คว้าสะเปะสะปะด้วยความกลัวมันไปคว้าได้ขอบอะไรสักอย่างทำให้ผมห้อยต่องแต่งอยู่แบบนั้น
“ฉันออกมาเองไม่ได้
เพราะฉะนั้น....!” โทนเสียงราบเรียบดังขึ้นพร้อมๆกับร่างที่ยืนค้ำหัวผมอยู่
มันจ้องมองผมอย่างเหยียดหยามก่อนจะแสยะยิ้มแล้วก้มหน้าลงมาหาผม
“เคียดแค้นเข้าไป...
เกลียดชังเข้าไป... อิจฉาริษยาเข้าไป... เพราะสิ่งนั้นมันจะทำให้ฉันมีตัวตน
หึหึหึ!!!” มันกระทืบเท้าลงบนฝ่ามือของผมอย่างแรงจนเผลอปล่อยมือ
ร่างของผมล่วงลงมายังความมืดมิดเบื้องล่าง
ผมได้แต่หลับตารอรับชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
ตุบ!!!
เหมือนโลกหมุนไปชั่วขณะ
แผ่นหลังที่ตกกระแทกยังไม่เจ็บเท่าศีรษะที่โหม่งพื้นอย่างจังจนมึนหัวไปหมด
ต้องยกมือขึ้นกุมอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ตาย...
ผมลืมตาขึ้นมอง
สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องสีขาวสะอาดกับหลอดนีออน
แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาที่ระเบียงห้องมันทำให้รู้ว่าเช้าแล้ว
และที่สำคัญผมอยู่ที่พื้นห้องของตัวเอง
“ฝันบ้าอะไรเนี่ย”
ผมดันตัวเองที่มีผ้าห่มผืนหนาพันอยู่ขึ้นนั่ง
ก่อนจะลูบหัวตัวเองปอยๆด้วยความเจ็บที่ยังไม่หายไป
หันไปดูนาฬิกาก็ต้องเหลือกตาค้างเมื่อพอว่ามันสิบโมงกว่าแล้ว
แต่ยังดีวันนี้วันหยุดเลยไม่มีเรียน
ผมลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
คว้าผ้าขนหนูได้ก็ควานหาชุดที่จะใส่ แต่มือก็ต้องชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
ทำไมวันนี้พ่อไม่มาปลุก....
หนึ่งคำถามที่ทำให้ผมสตั๊นไปนานหลายนาที
ภาพความฝันที่ไม่อยากจะจำที่สุดในชีวิตก็ฉายซ้ำขึ้นมาอย่างกับภาพสามมิติ
ขนแขนลุกเกรียวเมื่อนึกถึงตัวเองอีกคนที่ยืนถือมีดปลายแหลมอยู่ในครัว
ไม่ใช่มั้ง...
มันเป็นแค่ความฝันนี่!
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ในใจก็อดหวั่นไม่ได้
เดินไปยังประตูห้องก่อนจะเปิดออกช้าๆ แล้วเดินลงชั้นล่าง ทุกอย่างเงียบสนิทๆ
ข้าวของทุกอย่างยังคงวางอย่างเป็นระเบียบ ผมเบนสายตาไปทางห้องครัว
หัวใจเต้นแรงอย่างลุ้นระทึก ถ้าเกิดเดินเข้าไปแล้วเจอสภาพแบบในฝัน
ผมต้องช็อคตายแน่ๆ
“พ่อครับ...!”
ผมร้องเรียก แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
เลยต้องทำใจเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
แต่สุดท้ายมันก็ว่าเปล่าไม่ได้มีอะไรอย่างที่ผมคิด
จะมีก็แต่กับข้าวที่อยู่บนโต๊ะพร้อมโพสต์อิทที่แปะไหวข้างๆ
‘พ่อไปทำธุระข้างนอกสายๆถึงจะกลับ
อุ่นกับข้าวกินเอานะ อย่าทำครัวระเบิดล่ะ’
ผมระบายยิ้มอย่างโล่งอก
ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้อง
ประตูตู้เสื้อผ้าที่เปิดค้างไว้ถูกปิดลงเมื่อได้ชุดที่จะใส่
ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายใจ
ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเพียงไม่นานก่อนจะเดินออกมานั่งอยู่หน้ากระจก
ใช้ผ้าขนหนูที่คลุมหัวอยู่ขยี้เบาๆไปตามเส้นผมที่เปียก
ก่อนจะเอาไดฟ์มาเป่าอีกทีเพื่อให้มันแห้งสนิท
เสียงรถเคลื่อนตัวเข้ามาทำให้ผมรู้ว่าพ่อกลับมาแล้ว
ผมลุกขึ้นจากหน้ากระจกแล้วเดินไปที่ระเบียงห้องเพื่อจะดูว่าใช่พ่อจริงๆรึป่าว
และภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมขมวดคิ้วอีกครั้ง
ผู้หญิงคนนั้นมาอีกแล้ว...
แต่ครั้งนี้กับพาเด็กผู้หญิงที่ดูจะอายุน้อยกว่าผมมาด้วยอีกคน
ผมมองอย่างไม่สบอารมณ์
จ้องเขม็งไปยังเด็กที่ยืนอยู่ข้างๆผู้หญิงคนนั้น และยัยเด็กนั่นก็คงจะรู้ว่าถูกมอง
มันเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะแลบลิ้นกวนประสาทมาให้
ผมกำราวระเบียงแน่นด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเผลอยกนิ้วกลางให้มันอย่างลืมตัว
แล้วสะบัดเดินเข้าห้องมา
นังเด็กบ้านั่น
คงไม่ได้จะเอามันมาอยู่ด้วยอีกคนหรอกนะ แค่เห็นหน้าก็อยากจะจับมาหักคอแล้ว!!!
ผมเลือกที่จะนั่งเล่นคอมอยู่เงียบๆบนห้อง
ก่อนหน้านี้กะจะอาบน้ำเสร็จแล้วลงไปกินข้าว
แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะกระเดือกอะไรเลยสักนิดเดียว
ยิ่งต้องเห็นหน้าเด็กนั่นกับผู้หญิงคนนั้นผมยิ่งอยากจะอ๊วก
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นพ่อแน่นอน ผมขานรับแต่สายตาก็ยังไม่ละไปจากหน้าจอคอม
เสียงประตูเปิดดังขึ้นช้าๆก่อนจะปิดลงอย่างเงียบๆ
ผมขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปมองก็พบกับยัยเด็กผีก็ยืมอยู่ตรงประตู
“เข้ามาทำไม”
ผมถามเสียงแข็ง
แสดงออกว่าไม่พอใจอย่างชัดเจนแต่เด็กนี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเลยสักนิด
แถมยังทำหน้ากวนประสาทแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงหน้าตาเฉย
“ก็นายอนุญาตเองนี่!”
ถ้าผมจะกระทืบเด็กนี่จะมีใครว่าอะไรมั้ย
หน้าตาก็น่ารักดีแต่สันดารนี่โคตรทรยศหน้าตาเลย
“เรียกฉันห้วนๆแบบนั้น
แม่คงไม่เคยสอนเรื่องมารยาทเลยสินะ!” มันหันขวับมามองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
ผมยกยิ้มอย่างพอใจในผลงานของตัวเอง แต่ก็ยิ้มได้ไม่นานก็ต้องหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเด็กผีนี่คว้าเอาสร้อยคอของรักของหวงของผมมาเล่น
“วางมันลง
ก่อนที่ฉันจะโมโห!” ผมพยายามทำใจให้เย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้กลัวจะเผลอหักคอยัยเด็กนี่เข้าจริงๆ
“ทำไมหวงหรอ
แฟนให้รึไง เอ๊ะ! หรือว่าเมียกันแน่ ฮ่าๆ”
เหมือนเส้นความอดทนขาดผึงลง
ผมเดินไปกระชากสร้อยออกจากมือนังเด็กผีก่อน
ผลักมันจนล้มลงไปกับพื้นห้องอย่างแรงจนมันร้องครำครวญ
“แม่ฉันเป็นคนให้มา
ผมคงไม่ได้ใจแตกเหมือนเธอหรอกนังเด็กผี!!!” ผมตะโกนลั่นห้อง
พลางชี้หน้ามัน
เพลียะ!!!
ฝ่ามือเล็กฟาดลงบนแก้มของผมอย่างแรงจนหน้าหัน
“แล้วไหนแม่แกล่ะ
หนีไปมีผัวใหม่แล้วรึไง!!!” มันตะโกนแข่งกับผม
ผมกำหมัดแน่น
เดินตรงเข้าไปผลักมันอย่างแรงก่อนจะตามไปคร่อมแล้วง้างหมัดเตรียมเสยปากสีชมพูระเรื่อให้กลายเป็นสีแดงของเลือดมันแทน
“เท็ตสึยะหยุดนะ!!!”
หมัดที่กำลังเคลื่อนตัวไปกระแทกปากนังเด็กปากหมาหยุดชะงักเมื่อเสียงของพ่อดังขึ้นที่หน้าประตู
ตัวผมถูกกระชากออกอย่างแรงด้วยมือของพ่อ ก่อนจะลงไปช่วยประคองนังเด็กผีแทน
“ทำไมทำน้องแบบนี้ล่ะเท็ตสึยะ
น้องเค้าเป็นผู้หญิงนะ!!!” พ่อมองผมด้วยแววตาตัดพ้อ
แต่นังเด็กผีกลับแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผมแทน พอพ่อหันไปมองก็สำออยทำเป็นร้องโอดครวญ
ตีสองหน้าเก่งจริงๆ
“...........” ผมยังคงยืนเงียบ
มือกำแน่นเพื่อเก็บอารมณ์
“เท็ตสึยะเรามีเรื่องต้องคุยกัน...
แอนนาลงไปหาคุณแม่ข้างล่างก่อนนะ!” ประโยคหลังพ่อหันไปบอกนังเด็กผีที่ชื่อแอนนา
ยัยนั่นตีหน้าเศร้าก่อนจะพยักหน้างึกงัก
“คุณอาอย่าทำอะไรพี่เท็ตสึยะเลยนะครับ
แอนนาเป็นคนไปกวนพี่เค้าเองล่ะครับ” ก็ยังไม่วายกระแดะจนวินาทีสุดท้าย
“ตอแหล” ผมมองหน้ามันเรียบนิ่งก่อนที่มันจะปิดประตูห้อง
“เท็ตสึยะพ่อไม่เคยสอนให้ลูกพูดจาแบบนี้นะ!!!”
พ่อขึ้นเสียงจนผมเองยังตกใจ
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาพ่อไม่เคยขึ้นเสียง ไม่เคยตะคอก ไม่เคยดุผมสักครั้ง
แต่ครั้งนี้ผมกับเป็นคนผิดทั้งที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะนังเด็กผีนั่นคนเดียว
“...........” ผมเลือกที่จะเงียบแทนคำพูดใด
“ไม่ชอบอะไรพวกเค้าไหนลองบอกพ่อมาสิ
เค้าก็ดูเป็นคนดี แอนนาเค้าก็เป็นเด็กดีจะตาย!” สาธยายเสร็จสรรพแบบนี้พูดอะไรไปก็หาว่าใส่ร้ายอยู่ดี
“ถ้าพ่อมองว่าผมผิด
ผมก็ผิดอยู่วันยันค่ำไม่ว่าจะพูดอะไรไปพ่อก็คงจะคิดว่าแก้ตัว
แล้วผมจะพูดไปเพื่ออะไร ใครมันจะไปดีแบบยัยเด็กแอนนานั่นล่ะ!” ผมเสมองไปทางอื่นเพื่อปกปิดแววตาที่กำลังน้อยใจไม่ให้พ่อรับรู้
“เท็ตสึยะจะประชดพ่อทำไมเนี่ย
เดี๋ยวนี้เริ่มเป็นเด็กไม่ดีแล้วนะเราน่ะ!”
“................”
“พรุ่งนี้พวกเค้าจะย้ายมาอยู่กับเรา
ช่วยทำตัวดีๆด้วยล่ะ ถือว่าพ่อขอ!” ผมหันขวับไปมองหน้ามองอย่างรวดเร็ว
มันจะกะทันหันไปมั้ย
“แต่...”
“ไม่มีแต่
พ่อตัดสินใจแล้ว!” พูดจบก็เดินออกจากห้องไป
ทิ้งให้ผมยืนกำหมัดแน่นอย่างหงุดหงิดอยู่คนเดียว
ตุบ!!!!
หมัดหนักๆถูกปล่อยใส่กำแพงห้องอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์
ไม่ได้สนใจเลือดที่ค่อยๆไหลลงมาตามง้ามนิ้วเลยแม้แต่น้อย
พรุ่งนี้งั้นหรอ....
เสือสองตัวอยู่ถ่ำเดียวกันไม่ได้
ไม่ผมก็นายต้องตายกันไปข้าง
ผมจะไม่ยอมอยู่รวมโลกกับนังเด็กผีตีสองหน้าอย่างเธอแน่นอน....
TBC.......
---------------------------------------------------------------
ครกไม่ใส ครกไม่เรียบร้อย เตือนแล้วนะครับ หิหิ
◈ B L & W H ◈
ความคิดเห็น