ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[+In My Mind+]]----(SNSD TVXQ SJ SHINEE)

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 35 ท้า

    • อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 54





                ในโลกนี้มีน้อยเรื่องนักที่จะสามารถทำให้คนที่มี่อุปนิสัยง่ายๆ ร่าเริง รักสนุกอย่างควอน ยูริถึงกับอดรนทนไม่ได้ หนึ่งในนั้นก็คือคำท้าทายดูถูก ซึ่งมันมีอิทธิพลกับเธอเสมอ ยิ่งหลุดออกมาจากปากคนที่พูดสบประมาทเธอไว้ มันยิ่งเป็นแรงกระตุ้นความยากเอาชนะ และตอนนี้คนตรงข้ามเธอก็กำลังทำสิ่งที่ร้ายแรงที่ว่านั้นอยู่...............

     “ได้!” คำสั้นๆหลุดจากปาก เธอจ้องชายหนุ่มไม่ละสายตา พร้อมกระดกของเหลวในแก้วเข้าปากอย่างง่ายดาย

    แจจุงแสยะยิ้ม นิสัยอวดเก่งของผู้หญิงเป็นหนึ่งในน้อยข้อที่เค้าไม่ชอบ โดยเฉพาะเมื่อมันถูกแสดงออกมาจากเธอด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้เค้าอยากจะปราบความพยศนั้น

    ชายหนุ่มรินไวน์รสเลิศให้ตัวเอง พร้อมบริการคนตรงหน้าอย่างมีมารยาท เค้าชูแก้วของตัวเองเชิดขึ้นเล็กน้อย เชื้อเชิญคนตรงหน้าให้ร่วมชน หากแต่ยูริดื่มมันเข้าไปแล้ว เธอลิ้มรสไวน์ชั้นดีอย่างใจเย็นแต่ก็หมดในเวลาเพียงไม่นาน ทิ้งให้แจจุงชูแก้วค้างในอากาศเก้อ

    “เหอะ....ไม่มีมารยาท..” ชายหนุ่มสบถ ก่อนจะพาของเหลวใสให้ไหลรื่นผ่านลำคออย่างหัวเสีย

    ยูริไม่โต้ตอบ เธอจ้องคนตรงข้ามอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะรินไวน์ใส่แก้วตัวเองจำนวนมากพอดู แล้วดื่มมันเข้าไปอย่างไม่ระคาย

    แจจุงก็เช่นเดียวกัน.....

    ทั้งสองโต้ตอบกันไปมาอยู่สักพัก หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่คารมหรือฝีปาก คนที่สติเหลือน้อยเต็มทีตรงหัวโต๊ะมองทั้งคู่สลับกันไปมา เมื่อพวกเค้าต่างกระดกของเหลวใสๆเข้าปากเหมือนดื่มน้ำเปล่า โดยที่ไม่สนใจรอบข้างเลย

    “เห้ย!! ช้านยังนั่งอยู่ตรงนี้นาเว้ยย” ยูชอนโวยวาย เรียกร้องความสนใจ

    แต่ดูเหมือนไม่มีใครได้ยินเค้าเลย.......

    “หึ....คอทองแดงใช้ได้เลยนะ” แจจุงพูดเหยียดๆ ตามด้วยน้ำเมาที่เข้าปาก

    “ทำไมค่ะ.......พี่เริ่มไม่ไหวแล้วละสิ...ผู้ชายอะไร...” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เธอกระดกแก้วในมือตามเข้าไป แถมยังคว่ำแก้วใสในอากาศ เขย่าขึ้นลงสองสามทีโดยที่ไม่เหลืออะไรหล่นลงมาสักหยด

    ........

    “มิคกี้!!! นายไปเอาเหล้าออกมาให้หมดเลยนะ อะไรก็ได้ เอาออกมาให้หมด” ชายหนุ่มเลือดขึ้นหน้าออกคำสั่งสียงดัง ก่อนจะเทไวน์ลงในแก้วจนหมดขวด ดื่มมันเข้าไปอย่างกระหาย ก่อนจะเช็ดมุมปากด้วยหลังมือแบบลวกๆ

    “ใจเย็นๆสิค่ะพี่แจจุง เกิดสำลักขึ้นมา ชั้นช่วยพี่ไม่ได้นะค่ะ” ยูริพูดอ้อยอิ่ง เอามือสองข้างท้าวคางบนโต๊ะ ดวงตาช่ำเยิ้มเกินจริงส่งเยาะเย้ยไปให้คนตรงข้าม

    “เร็วสิ!!!!!!

    คนหัวโต๊ะสะดุ้งโหยง ความคิดที่จะไม่ทำตามที่บอกในตอนแรกสลายไปทันที ยูชอนเดินโซซัดโซเซเค้าไปในครัว หอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาให้มากที่สุดเท่าที่สองมือจะทำได้ ทั้งที่พวกเค้าซื้อเก็บไว้เอง หรือแม้แต่ที่แฟนๆซื้อให้ก็ตาม

    ยูริชี้นิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด เมื่อขวดมากมายหลายยี่ห้อมากองอยู่ตรงหน้าเค้าและเธอ

    “เอาอันนี้แล้วกัน...ชั้นชอบ..” เธอยิ้ม ชี้ไปที่ขวดสวยสีทอง ก่อนจะคว้ามันอย่างรวดเร็ว เปิดฝาเทของเหลวสีเหลืองอำพันลงในแก้วของตัวเอง

    “เบาๆหน่อยยูล...” ยูชอนพยายามเตือน ชายหนุ่มที่อาการหนักกว่าใครคว้าข้อมือของน้องสาวด้านที่ถือแก้วไว้ในมือ

    ยูริมองมือหนาๆนั้น ก่อนจะชายตาขวางใส่เจ้าตัว หญิงสาวถอนหายใจ เธอสลับแก้วไปให้มืออีกข้าง ก่อนจะกรอกของเหลวสีอำพันลงไปในปากคนพูดมาก

    เสียงกริ๊กๆจากเข็มวินาทีของนาฬิกาข้างฝาเดินไปไม่ถึงห้าครั้ง........

    ยูชอนก็ฟุบลงไปกับโต๊ะ......

    “โอโห้ ...นี่พวกเธอดื่มแก้วเดียวกันเลยหรอเนี่ย” แจจุงออกอาการโอเว่อร์

    “ทำไมค่ะ....พี่ก็อยากดื่มแก้วเดียวกับชั้นหรอ” ยูริยิ้ม

    รอยยิ้มนั้นทำให้ชายหนุ่มค้างไปชั่วขณะ ก่อนที่เค้าจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนห้องหมุนหน่อยๆ เดินอ้อมมาหาหญิงสาวพร้อมกับกำแก้วในมือแน่น โดยที่มืออีกข้างท้าวโต๊ะตัวใหญ่ไปด้วย และนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเธอ

    “หลงตัวเอง...” แจจุงหลุดคำพูดนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น พร้อมจ้องหน้าเธอ

    หญิงสาวหันไปมองคนข้างๆทันควัน เธอเหยียดริมฝีปากอย่างหมั่นไส้ จากนั้นจึงหันไปลงกับขวดแก้วสีทอง เธอรินของเหลวในนั้นให้ตัวเอง และจัดการรินให้แก้วของคนข้างๆอย่างเดือดดาล   

    “แหมมมมม.....ทีพี่ละ.....ชั้นจะบอกอะไรให้ ที่มาถึงที่เนี่ย ไม่ใช่เพราะว่าทิฟเค้าคิดถึงพี่หรอกนะ รู้ไว้ซะ...”ยูริดื่มเข้าไปอีกแก้ว คำถากถางที่เธอคิดว่าแทงใจดำเหลือเกินทำให้คนที่พูดยิ้มย่ามใจ แต่ชายหนุ่มที่ได้ฟังกลับโพล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

    “เธอนี่ยังไม่รู้อะไรอีกตามเคยเลยนะ ควอน ยูริ  ฮ่ะฮ่ะ.....เพื่อนเธอเค้าไม่ได้บอกอะไรเลยหรอออ”

    “บอก.......บอกอารายย....พี่อย่ามามั่วนะ”

    “ช่างเถอะๆ ก็เธอเป็นยัยจอมจุ้นอย่างนี้งาย ฟานี่เลยไม่หลุดปากบอกเธอ....โถๆๆ น่าสงสารจัง...”แจจุงกลั้นหัวเราะ พร้อมใช้มืออีกข้างลูบหัวหญิงสาวเหมือนลูกสุนัขหลงทาง

    ยูริจ้องคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ แววตาเดือดดาลจิกกัด หญิงสาวปัดมือหนาๆบนหัวตัวเองออกไป ก่อนจะคว้ามืออีกข้างของชายหนุ่มที่ถือแก้วดันมันเข้าปากคนตรงหน้า ซึ่งเค้าก็กลืนน้ำเมาในแก้วลงไปจนหมด

    “คำก็ม่ายรู้ สองคำก็ม่ายรู้.....แล้วมันอารายกันล่าวว...พี่บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้นะ บอกมาให้หมดดดด!!!” หญิงสาวตาปรือโวยวายลั่นห้อง เธอคว้าคอเสื้อเชิ้ตคนตรงหน้าที่ตอนนี้โงนเงนไปมา และกระชากมันตามอารมณ์โมโหเท่าที่แรงจะมี

    “โอเคๆๆ” ชายหนุ่มที่เริ่มเวียนศีรษะ ยกมือสองข้างขึ้นประมาณหัวไหล่เป็นเชิงยอมแพ้ ยูริจึงหยุดกระชากคอเสื้อของเค้า แต่เธอก็ยังไม่ปล่อยมือจากมัน

    “คนที่เพื่อนเธอ ฮวัง มิยอง แห่งโซนยอชิแดชอบจริงๆ ......คือ............ท่านหัวหน้าของดงบังชิงกิ ชอง ยุนโฮ ที่สองคนนั้นออกไปด้วยกันเมื่อกี้เธอไม่สังเกตเลยหรอ.....”

    “ถามจริงงงง??......”

    “ตอบตรงงงงง.....ส่วนชั้นน่ะนะ แฟนกำมะล๊อออออ ถ้าม่ายด้ายชั้น สองคนนั้น....ม่ายมีวันได้อยู่ด้วยกันตอนนี้หร๊อกกก....”แจจุงชี้ไม้ชี้มือเข้าตัวเองอย่างภูมิใจ

    “แผนพี่ใช่ม่ะ....” ยูริดึงคอเสื้อเค้าเข้ามา จ้องใบหน้าใกล้ๆนั้นเพื่อเค้นคำตอบ

    ชายหนุ่มเงียบ ตาที่รี่เล็กลงมองสาวเจ้า แล้วยักไหล่แทนคำพูด

    แต่แทนที่หญิงสาวจะเดือดดาลกับท่าทีกวนๆนั้น แววตาของเธอกลับอ่อนลง มือที่กำคอเสื้อชายหนุ่มแน่นเริ่มคลายแล้วตกลงข้างตัว ยูริเม้มกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ตาปรือๆเริ่มรื้อไปด้วยน้ำใสๆ

    “ฮือออๆๆ.....ทำไมฟานี่ไม่ยอมบอกช้านเลยยย.....ชั้นเป็นเพื่อนเธอนะ...ยัยบ้า!!!” หญิงสาวร้องไห้โวยวาย ดิ้นไปดิ้นมาเหมือนเด็กถูกแย่งของเล่น

    “ฮือออๆ มิยองอ่า....มีความลับกับช้านได้งายยย....เรารู้จักกันมาตั้งนานนน...ฮือๆๆ”

    ......

    แจจุงกลอกตา เค้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เสียงโวยวายของเธอทำให้เค้ายิ่งมึนหัวเข้าไปอีก ชายหนุ่มจึงจับมือหญิงสาวที่โบกปัดไปมาในอากาศด้วยมือข้างเดียวและดึงร่างอ่อนโอนเอนนั้นเข้ามา ส่งผลให้ตัวเธอปะทะเข้ากับอกกว้าง

    “โอ๋ๆๆๆๆ ชู่ววว.....เงียบนะๆๆๆ” ชายหนุ่มพูดปลอบ ศีรษะที่หนักอึ้งของเค้าเกยวางไว้บนไหล่หญิงสาว เค้าลูบหัวเธอไปมาเมื่อคนในอ้อมกอดยังไม่หยุดดิ้นโวยวาย

    “ฮือๆๆ...มิยองอ่า ชั้นม่ายช่ายเพื่อนเธอหรออ...เห็นชั้นเป็นคนยังงายยย ฮือๆๆ”

    “โถๆๆ ก็เธอนะ...เป็นยัยจอมจุ้นวุ่นวายแบบนี้งายย โอ๋ๆ อย่าร้องนะๆๆ”

    ยูรินิ่งชะงักหลังสิ้นเสียงคำพูดเรื่อยเปื่อย หญิงสาวค้างไปสักครู่ แล้วพละตัวเองออกจากอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ศีรษะของเธอเกือบจะกระแทกกับพนักเก้าอี้แน่หากไม่มีมือใหญ่มารองมันไว้ก่อน

    “ถ้าช้านเป็นคนวุ่นวาย......พี่ก็ด้วยน่ะแหละ......ผู้ชายเจ้าเล่ห์....ไว้ใจไม่ได้....คนอย่างนายมันแย่ที่สุด...” หญิงสาวชี้หน้า

    “เหอะ!!.....ผู้หญิงอย่างเธอมันก็ม่ายได้ดีนักหร๊อกก ....ทั้งจู้จี้จุกจิก ขี้บ่น ขี้โมโห พูดมากกก ที่สำคัญชอบจุ้นวุ่นวายยยย” แจจุงพูดไม่หยุดปาก

    “หรา......” ยูริคว้าขวดที่เปิดอยู่ จัดการรินของเหลวในนั้นใส่แก้วตัวเอง แล้วกระดกมันเข้าไปอย่างหนักหน่วง  วางแก้วลงบนโต๊ะเสียงดังกังวาน และใช้นิ้วปาดของเหลวที่เลอะมุมปากออกอย่างไม่ใส่ใจ

    “จริงที่สุด.....” แจจุงเอาบ้าง เค้าดื่มมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว แม้สติจะเลือนรางเต็มที

    การกระทำนั้น กลืนน้ำตาของหญิงสาวให้หายไป กลายเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ ยูริรินของเหลวสีอำพันให้ตัวเองอีกครั้ง เธอทำเช่นเดียวกันกับแก้วของชายหนุ่ม อย่างนุ่มนวลและมีมารยาท.....

    “อย่ามาหลงรักชั้นทีหลังก็แล้วกัน.......”

    ยูริจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มด้วยแววตายั่วยวน หญิงสาวชูแก้วขึ้นเล็กน้อย ยักคิ้วให้เค้าอย่างจงใจ ชายหนุ่มยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เธอ มองตอบสนองดวงหน้าเย้ายวนนั้น เสียงใสของแก้วสองใบกระทบกันดังกังวาน  

    “ไม่ มี วัน........” คำพูดสั้นหลุดออกมา แจจุงเน้นคำช้าๆชัดๆเหมือนกับที่เธอเคยพูดเย้ยเค้า

    ทั้งสองดื่มเข้าไปพร้อมกันขณะที่ยังจ้องหน้ากันนิ่ง ต่างคนต่างสติหลุดลอยไปไกลมากขึ้นทุกที ดวงตาของหญิงสาวพร่ามัว ในขณะที่โลกของชายหนุ่มหมุนติ้ว

    เสียงกริ๊กๆจากเข็มวินาทีของนาฬิกาข้างฝาเดินไปไม่ถึงห้าครั้ง...........

    ยูริและแจจุงก็ฟุบลงไปกับโต๊ะ...........

    โดยที่ใบหน้าสวยๆนั้นก็ห่างกันเพียงฝ่ามือเดียว............

     

     

     

    ฮอทดอก.....ขนมปัง.....โซดา.....น้ำอัดลม.....ขนมขบเคี้ยว.....น้ำผลไม้.....ไอศกรีม.....

    หญิงสาวอยู่ตรงบริเวณทางเดิน เธออ่านรายการสิ่งของที่พวกพี่ๆฝากซื้อในใจ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังซุปเปอร์มาเกตใกล้ๆนี้ หากแต่มีเสียงเรียกรั้งเธอไว้ก่อน

    “ทิฟฟานี!!...” ชายหนุ่มสวมฮูทเรียก เค้าวิ่งมาไม่กี่ก้าวก็ตามเธอมาทัน

    “พี่จะเอาอะไรเพิ่มหรอคะ..”

    “เปล่า...ชั้นไปด้วย....เธอรู้จักทางที่นี่ดีแล้วรึไง...”

    “ร้านขายของอยู่ตรงหัวมุมนี่เองนะค่ะ ตอนชั้นเดินมาที่นี่ก็ยังผ่านอยู่เลย”

    ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่เค้ากลับเดินนำหน้าเธอไปกดลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว

    “พี่ยุนโฮค่ะ...พี่จะลงไปได้ยังไง...ในเมื่อ.....คน...เอ่อ..” ทิฟฟานีอ้ำอึ้ง สาเหตุที่เธออาสาออกมาก็เพราะเหตุนี้ จะให้ดงบังชิงกิเดินซื้อของในญี่ปุ่นตอนดึก........อย่าดีกว่า.....

    และดูเหมือนยุนโฮจะรู้ความหมายที่แฝงไว้ในประโยคนั้นดี.....

    “ชั้นเดินเล่นแถวนี้บ่อยเกินกว่าที่เธอจะคาดไว้อีก.....อีกอย่าง คนอื่นเค้าก็คงคิดว่าชั้นนอนโทรมอยู่ที่ไหนสักแห่ง” ชายหนุ่มอธิบายอย่างหนักแน่น ประตูลิฟท์เปิดออก เค้าเดินนำเข้าไปทันที ตามด้วยหญิงสาวที่เดินตามเข้าไปอย่างจนปัญญา

    ชายร่างใหญ่เปิดประตูให้ทันทีเมื่อเห็นคนทั้งสอง ทิฟฟานียิ้มให้เป็นการขอบคุณ ซึ่งคนชุดดำตัวใหญ่ก็ยิ้มตอบพร้อมใบหน้าแดงซ่าน แต่เค้าก็ต้องรีบทำสีหน้าเรียบเฉย เมื่อชายหนุ่มข้างๆเธอส่งสายตาดุดันไปให้

    ทั้งสองเดินออกมาริมท้องถนน ยุนโฮสวมฮูทปิดบังใบหน้าไว้เกือบครึ่ง และก็เป็นไปตามที่ชายหนุ่มบอกไว้ ผู้คนรอบข้างที่เดินสวนไปมาไม่มีท่าทีว่าจะสนใจพวกเค้าเลย

    “เดี๋ยวทิฟฟานี” ยุนโฮท้วงก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปในซุปเปอร์มาเกต

    “เธอ...อยากไปเดินเล่นก่อนไหม เดี๋ยวขากลับค่อยแวะมาซื้อเข้าไปก็ได้”

    “เอ๊ะ..แต่..พวกพี่ๆเค้าไม่รอเราหรอคะ..” หญิงสาวท้วง แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความคิดเค้าอีกตามเคย  เพราะยุนโฮเดินนำออกไปอีกแล้ว

     


    ทิฟฟานีมองออกไปด้านนอกเมื่อพวกเค้าอยู่สูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย ชายหนุ่มถอดฮูทที่บดบังใบหน้าออก เมื่อที่นี่ไม่มีใครอื่นนอกจากเค้าและเธอ ภายใต้กระจกกลมๆที่ล้อมรอบพวกเค้าไว้

     “พี่รู้ไหมคะ ว่าชั้นไม่ได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์มานานเท่าไร่แล้ว” หญิงสาวพูดอย่างตื่นเต้นพลางมองวิวรอบๆซ้ายทีขวาที

    ทิฟฟานียิ้มอย่างสดใส ดวงตาของเธอเป็นประการเจิดจ้า ส่องสว่างจนทำให้เค้าแสบตา

    “เธอยิ้มแบบนี้ให้ทุกคนเลยรึเปล่า....” คนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น

    “ค่ะ??....อ..เอ่ออ...” หญิงสาวอ้ำอึ้ง พยายามนึกหาคำตอบให้กับคำถามที่ไม่เข้าใจความหมาย

    “ช่างเถอะ...คราวหลังอย่าไปยิ้มให้ใครพร่ำเพรื่อก็แล้วกัน” ยุนโฮเอ่ยเสียงแข็ง เมื่อนึกถึงใบหน้าแดงซ่านของบอร์ดิการ์ดหนุ่มขึ้นมา

    “อ..อ่อ...คะ...” ทิฟฟานีตอบรับงงๆ เค้าทำให้เธอคิดไปไกลอีกแล้ว

    ทิวทัศน์ของโตเกียวในตอนกลางคืนทำให้หญิงสาวตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แม้จะเป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่แสงสีรอบๆเมืองก็ยังคงไม่หมดไป ทิฟฟานีเกาะกระจกใสมองวิวสวยสักครู่ ก่อนที่เธอจะเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะนี่เป็นหนึ่งในน้อยครั้งที่เค้าและเธอได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง โดยเฉพาะเมื่อกระเช้าลอยฟ้าพาพวกเค้าสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าท่ามกลางผืนฟ้าที่มืดสนิทนี้มีเพียงเค้าและเธอเท่านั้น

    “ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว เธอวางแผนจะทำอะไรรึเปล่า” อยู่ดีๆชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้นมา

    “ชั้นไม่ได้คิดเลยคะ ความจริง...ชั้นแค่อยากจะมาเยี่ยมพี่อย่างเดียว..”หญิงสาวตอบตามความจริง คำพูดนั้นทำเอาคนที่ได้ฟังมองหน้าเธอนิ่ง

    “เอ่ออ...คะ....พี่ถามชั้นเหมือนเหมือนยูริเลย ...แต่เห็นเธอเปรยๆว่าจะไปช๊อปปิ้งวันพรุ่งนี้ ชั้นก็คงจะไปเป็นเพื่อนเธอนะคะ คิดแล้วก็น่าสนุกดีเหมือนกัน...” ทิฟฟานีคุยเรื่องอื่นแก้เขิน

    “แล้ว..เธอจะกลับไปเมื่อไร.....”

    “ชั้น.....ยังไม่ได้คิดเลยคะ....” หญิงสาวก้มหน้าตอบ สีหน้าสลดลง เธอลืมเรื่องนั้นไปซะสนิท วันนั้นคงมาถึงเข้าสักวัน วันที่เธอต้องเอ่ยคำลากับเค้า...

     “ชั้น..ไม่รู้....แต่..พี่ดูสบายดีแล้ว บางทีชั้นอาจ..”

    “อย่าไป....” ยุนโฮพูดสวนขึ้น เมื่อชิงช้าสวรรค์หมุนมาได้ค่อนทาง ทิฟฟานีเงยหน้าขึ้น สายตาประสานกับแววตาจริงจังนั้น

    “อย่าไป....อย่าเพิ่งไป...”

    “ยังไงชั้นก็ต้องกลับไปอยู่ดี...สักวัน.....พี่ก็รู้..” หญิงสาวพยายามยิ้มสู้

    “รอให้ถึงวันนั้นก่อน...แต่ตอนนี้...ชั้นแค่อยากให้เธออยู่....” ชายหนุ่มค่อยๆหลุดคำพูดในใจออกมา แววตาที่ปกติมีแต่ความแน่นิ่งมั่นใจกลับดูหวาดหวั่นอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

    “ทำไมค่ะ....ทำไม...” ทิฟฟานีกลั้นใจถามออกไป หลายสิ่งหลายอย่างที่เค้าแสดงออกหรือพูดมันกับเธอ เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่ามันเติมเต็มและทำให้หัวใจของหญิงสาวพองโตมากแค่ไหน เธอจะต้องทนทึกทักไปเองฝ่ายเดียวอีกนานเท่าไรกัน

    “เพราะ....ชั้นต้องการเธอ....”

    ยุนโฮมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย พยายามถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจของเค้าออกมาให้เธอรับรู้ ทิฟฟานีนิ่งค้าง คำพูดของเค้าและเสียงหัวใจของเธอเองดังก้องสลับกันอยู่ในหัว เธอจ้องใบหน้าเค้าเนิ่นนาน ก่อนที่แสงไฟจากถนนข้างล่างจะสาดส่องพวกเค้าอีกครั้ง

    ยุนโฮนำฮูทมาปิดบังใบหน้าไว้อีกครั้งเมื่อชิงช้าสวรรค์เคลื่อนตัวลงมาถึงด้านล่าง ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องกระจกเล็กๆทรงกลมนั้น ก่อนจะคว้ามือหญิงสาวเพื่อพยุงเธอตามออกมา

     

    ทิฟฟานีเหลือบมองมือหนาที่กุมมือของเธอไว้ แม้ว่าตอนนี้พวกเค้าจะกลับลงมาสู่โลกแห่งความจริงที่แสนวุ่นวาย เค้าก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเธอ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปยังคนทั้งสอง

    แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วมั้ง กับสิ่งที่เธอต้องการจากเค้า......

     

     

    ประตูห้องพักถูกเหวี่ยงออก ตามมาด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งก่อนที่ทั้งสองจะย่างก้าวเข้าไปเสียอีก ยุนโฮไม่ประหลาดใจกับความผิดปกตินั้น มันเป็นความผิดปกติที่ปกติดีแล้วตะหาก ชายหนุ่มถือข้าวของเข้าไปเก็บในครัว ในขณะที่ทิฟฟานีปิดจมูกแน่น

    “ยูริ!!!!!” หญิงสาววิ่งเข้าไปหาอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของเพื่อน เธอดันใบหน้าชายหนุ่มที่นอนฟุบข้างๆออกไปให้ห่าง ทิฟฟานียื่นหน้าเข้าไปใกล้และก็ต้องถอนออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนส่งกลิ่นออกมาจากตัวเพื่อนสนิท

    “ยูริ! ยูริ!...ตื่น!!....ใครบอกให้เธอดื่มหนักขนาดนี้เนี่ย” หญิงสาวร้องเรียกพร้อมสะกิดคนที่นอนอยู่เบาๆ

    เสียงโวยวายเรียกชายหนุ่มอีกคนให้เข้ามา ก่อนที่เค้าจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่จืดของเพื่อน

    “พี่ยุนโฮ!! ดูเพื่อนพี่สิ ทำอะไรกับยูริของชั้นเนี่ย ถึงได้เมาเละขนาดนี้”

    “อ้าว....ชั้นไม่รู้นะ ชั้นก็ออกไปพร้อมเธอนิ...” ชายหนุ่มปฏิเสธ ความจริงเค้าเห็นภาพของหนุ่มๆหลังแอลกอฮอล์เข้าปากจนชินแล้ว แต่ตอนนี้มียูริเข้ามาร่วมวงด้วย ทำให้สถานการณ์ต่างๆมันเปลี่ยนไป

    ชั้นดันซวยไปด้วยเลย......รอตื่นมากันก่อนเถอะเจ้าพวกบ้า.....

    “เราออกไปข้างนอกแค่แปบเดียวเองนะคะ จะดื่มอะไรเยอะแยะนักหนา ไม่รู้จักยั้งๆกันบ้าง” ทิฟฟานีบ่น จากนั้นก็เข้าไปปลุกเพื่อนต่อ เธอตบแก้มหญิงสาวเบาๆพร้อมเรียกชื่ออยู่หลายครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยังนอนนิ่งเหมือนเดิม

    “เอาไงดีค่ะพี่ที่เนี่ย....ยูริน๊อคสนิทเลย...”

    “ค้างที่นี่ก่อนก็ได้ เอาเข้าไปนอนในห้องชั้นก่อน...พรุ่งนี้ค่อยกลับ” ยุนโฮเสนอ

    “แต่....มันจะดีหรอคะ..คือ...”

    “ทำไงได้ละ หรือเธอจะให้คนแบกเพื่อนเธอเข้าโรงแรม อย่างนั้นคงแย่กว่ามั้ง” ชายหนุ่มอธิบาย ในขณะที่หญิงสาวได้แต่เงียบฟัง

    “หรือว่าเธอรังเกียจ”

    “ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่ ชั้นเกรงใจพี่ต่างหาก” ทิฟฟานีรีบปฏิเสธ จะให้เข้าไปถึงห้องนอน ดูจะมากเกินไปหน่อย ขนาดห้องของเธอนอกจากพวกเพื่อนๆในวงแล้ว ยังไม่เคยมีใครได้เคยเข้าไปสักคน

    “เวลานี้ไม่มีแต่...ถ้าเธอ แต่ อีกคำเดียว ชั้นจะถือว่าเธอรังเกียจนะ...”ชายหนุ่มยื่นคำขาด

    ...............

    “เอาตามนี้ ยูริจะนอนสบายๆ”

    ....................

    “แต่........”

    ....................

    “แต่...ชั้นแบกยูริคนเดียวไม่ไหว หนักจะตาย...พี่ช่วยชั้นหน่อยสิคะ.....”

     

     


     

     

                หลังจากได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านหนึ่งวันเต็มๆ หญิงสาวก็กลับมาเยี่ยมร้านแว่นตาของครอบครัวในช่วงเย็นอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่า การกลับมาที่นี่เพียงแค่วันเดียวจะสามารถเติมพลังและความสบายใจให้เธอได้มากมายขนาดนี้

                สำหรับที่นี่แล้ว หากมองโดยผิวเผินคงไม่มีใครคิดว่าเป็นร้านขายแว่นตาแน่ เพราะภายในร้านที่นอกจากจะมีแว่นตาหลายแบบหลายราคาแล้ว ที่มีมากไม่แพ้กันก็คงจะเป็นรูปลูกสาวแสนน่ารักของเจ้าของร้านที่ถูกติดไปทั่วทุกแห่ง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีของผู้คนแถวนี้ ว่าที่นี่คือร้านแว่นตา อณาจักรของคิม แทยอนแห่งโซนยอชิแด

          “กลับก่อนก็ได้นะลูก...หนูมาที่นี่เพื่อพักไม่ใช่หรอ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกสาว เมื่อมีผู้คนเข้ามาทั้งในและนอกร้านมากมายเพื่อถ่ายรูปเธอตลอดทั้งเย็น

                “หนูก็กำลังพักอยู่นี่ไงค่ะพ่อ ไม่เป็นไรหรอกคะ” หญิงสาวยิ้มบางๆ ชายใจดีมองลูกสาวหัวรั้น ผู้เป็นพ่อย่อมรู้ดีว่าเธอทำงานหนัก หักโหมมากแค่ไหน และต้องผ่านเรื่องยากลำบากมามากกว่าที่จะมายืนถึงจุดนี้ได้ เค้าจึงอยากให้เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาพักที่หาได้ยากนี้

                เมื่อความมืดเริ่มคลืบคลาน คนก็เริ่มเบาบางลง พนักงานในร้านเริ่มเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวปิดร้าน โดยที่พ่อของเธอออกไปทำธุระข้างนอกแล้วบอกว่าจะแวะมารับ แทยอนจึงนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์รอพร้อมกับไอพอดคู่ใจ หญิงสาวหลับตาพริ้มซึมซับเสียงเพลงไพเราะ เพลงของเค้าที่เธอเปิดฟังอยู่เสมอ

                แต่เสียงเคาะเคาน์เตอร์กระจกก็กระตุกความคิดล่องลอยของเธอให้กลับมา หญิงสาวลืมตาขึ้น พบชายร่างสูงสวมแว่นตากันแดดพร้อมหมวกสีดำบนศีรษะ แทยอนพยายามเหลียวซ้ายมองขวาเพื่อหาพนักงานในร้านซักคน แต่ก็ไม่พบใครอยู่บริเวณนั้นเลย

                “เอ่อ...ขอโทษนะค่ะ..คือร้านปิดแล้วคะ...” หญิงสาวลุกขึ้นยืนอธิบายลูกค้าพร้อมรอยยิ้ม

                ลูกค้าคนนั้นกลับนิ่ง เหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด เค้าใช้นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่แว่นตากันแดดสีดำอันใหญ่บนหน้าของตน

                “คือ...ขอโทษคะ ไว้วันพรุ่งนี้คุณค่อยมาใหม่นะค่ะ ที่ร้านปิดแล้วคะ” แทยอนส่งรอยยิ้มใจดี และอธิบายอีกครั้งอย่างใจเย็น

                ลูกค้าหนุ่มก็ยังนิ่งเงียบ เป็นความเงียบที่แปลกพิกลสำหรับเธอ หญิงสาวพยายามมองลึกเข้าไปในแว่นตาดำสนิทนั้น เธอหรี่ตาเล็กลงกับความรู้สึกแปลกที่สัมผัสได้.....

                “ผมอยากได้แว่นตาสักอัน.....” ลูกค้าคนนั้นพูดออกมาน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ทุกถ้อยคำของมันกลับก้องเข้าไปในโสตประสาทของเธอ เหมือนเสียงที่เคยได้ยิน เสียงที่เคยได้ฟัง.....

                ไม่หรอก........ที่นี่........เป็นไป..ไม่ได้......

                “ค..คือ...คุณ...” แทยอนริมฝีปากสั่นระริก มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ความคิดต่างๆเริ่มปะทะกันในหัวจนสับสน

                “เพราะมีคนเคยบอกผม....” ลูกค้าปริศนาพูดต่อ ตอกย้ำความคิดสงสัยของหญิงสาว

                “ว่า...คนบ้าอะไรใส่แว่นตาดำตอนกลางคืน.......”

                เกิดความเงียบกินเวลาครู่ใหญ่ ประโยคที่หลุดออกมาจากปากคนตรงหน้าราวกับมนต์ที่ต้องสะกดให้เธอนิ่งอยู่กับที่ แทยอนจ้องมองคนตรงหน้า ดวงตาเบิกกว้าง เรื่องราวความทรงจำต่างๆเริ่มไหลวนเข้ามาในหัวเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำ สิ่งที่เธอเฝ้ามองมันในความฝัน ทั้งน้ำเสียงของเค้า ใบหน้าของเค้า

    ทั้งหมดนี้มันปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว.........

    “พี่..........”

    เสียงสั่นเครือของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มถอดแว่นตาอันใหญ่ออก แม้หมวกสีดำจะบังใบหน้าไว้เล็กน้อย

    แต่เธอก็จำใบหน้าของเซีย จุนซู.....

    จำแววตาของเซีย จุนซู.....

    จำรอยยิ้มบางๆของเซีย จุนซูได้.....

    จำได้ไม่มีวันลืม......

    ........

    .............

    “และชั้นมันดันเป็นคนบ้าจริงๆซะด้วย....” จุนซูเอ่ย มองคนตรงหน้าอย่างโหยหา...

    แทยอนมองตอบ เธอคลี่รอยยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงนุ่มๆบาดลึกเข้าไปในใจ น้ำตาที่เก็บไว้มานานแสนนานไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวกลอกตา พยายามจะไล่มันออกไป แต่มันกลับไม่เชื่อฟังเธอเลย สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือทำได้แต่เพียงยิ้มกลบเกลื่อนทั้งที่ริมฝีปากยังสั่นระริก

    ทำได้แต่เพียงยิ้มให้เค้า...ทั้งน้ำตา.........

     

     

    มาต่อแล้วคะ เหนื่อยใจๆ

    ตอนนี้ยาวนิดนึง และป่วงลืมมมมม

    แต่แต่งคู่แจริสนุกดีคะ หลุดธีมเรื่องซะงั้น ฮาดี มีสีสัน อิอิ

    บทนี้วิบัติเพื่อเสียงนะคะ อ่านแล้วก็ช่วยเม้นหน่อย

    และใครที่รออ่านคู่อื่น.....

    บอกได้คำเดียว...

    ใจเย็นๆ......
                 
                ไรท์เตอร์ไปแล้วจ้าาา
                 
                เดี๋ยวมาต่อใหม่ อ่านให้สนุกนะคะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×