คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 29 ไกล
หญิงสาวแก้มอมชมพูภายใต้ผมม้าน่ารักเดินออกมาจากตึกสูง พร้อมเพื่อนๆอีกสองสามคน เธอรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้กลับมาที่นี่ แม้จะไม่ได้มาบ่อยมากนัก แต่มันก็เต็มไปด้วยความทรงจำที่ดี สำหรับช่วงชีวิตในวัยเรียน
“เดี๋ยวเธอจะไปไหนต่อหรือเปล่า ซอฮยอน” เด็กสาวผมหางม้าถามหลังจากที่พวกเธอเลิกเรียนแล้ว
“คือ ชั้นมีตารางงานต่อนะ”
“อย่างนั้นหรอ พวกเราว่าจะไปกินไอติมที่หลังโรงเรียนซะหน่อย” คนสวมแว่นพูดต่อ
“คือ...ชั้นคงไปไม่ได้” ซอฮยอนตอบเสียงอ่อย
“ไม่เป็นไรๆ ไว้คราวหลังก็ได้ พวกเรารู้ว่าเธอยุ่งมาก” เพื่อนๆยิ้มให้กำลังใจเธอ
“ขอโทษนะ ชั้นอยากไปกับพวกเธอจัง...” หญิงสาวกล่าวจากใจ โดยปกติแล้วเมื่อว่างจากตารางงาน ซอฮยอนก็มักจะไปโรงเรียนเสมอ เพราะเธออยากใช้ช่วงชีวิตในวัยเรียนให้คุ้มค่าที่สุด แม้จะหาเวลายากมากก็ตาม
“ไม่เป็นไรจริงๆ อย่าคิดมากน่า พวกเราเข้าใจๆ ”
“ใช่ๆ ไว้เจอกันวันงานจบการศึกษาก็ได้ เธอจะมาใช่ไหม” เพื่อนๆกล่าวเสริม
“มาสิ ชั้นมาแน่นอน” หญิงสาวยืนยัน อีกไม่นานเธอก็จะอายุยี่สิบแล้ว เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน จนเธอยังรู้สึกว่าใช้เวลาช่วงวัยเรียนได้ไม่เต็มที่ เพราะตารางงานที่แน่นเอี๊ยด ทำให้ต้องขาดโรงเรียนอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็รู้สึกโชคดีมากๆที่ยังมีเพื่อนที่เข้าใจและคอยช่วยเหลือเธอตลอดเวลา
ซอฮยอนบอกลาเพื่อนๆ และตรงไปยังหน้าโรงเรียน เพื่อรอรถของบริษัทมารับ ระหว่างทางมีคนแอบมองเธอเป็นพักๆเป็นเรื่องปกติ เพราะเธอไม่ค่อยได้มาโรงเรียนสักเท่าไร ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะส่งยิ้มทักทายพวกเค้าอย่างเป็นกันเอง
พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าที่ดังขึ้นมา
หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้าปรากฏขึ้น
“ฮัลโหล...”
“หวัดดีซอฮยอน....เธอเลิกเรียนหรือยัง..” คนปลายสายตอบกลับมา
“อ...อ่ออ..เลิกแล้วจ่ะ ว่าแต่ทำไม..”
“คือพี่ผู้จัดการของเธอนะ บอกพี่ผู้จัดการของชั้นให้มารับเธอด้วย เพราะเค้าติดธุระ เลยแวะไปไม่ได้”
“อ๋ออ...อย่างนั้นหรอ..”
“อืม ตอนนี้ชั้นใกล้จะถึงหน้าโรงเรียนเธอแล้วนะ”
“งั้นก็ได้ ชั้นจะรออยู่ตรงนี้ละ ขอบใจนะ”
สิ้นสุดการวางสายไม่นานก็มีรถตู้สีดำติดฟิล์มมืดสนิทจอดเทียบทางเท้า พร้อมชายในรถที่แง้มกระจกลงเล็กน้อยแล้วโบกมือให้เธอ
“มินโฮ หวัดดี” หญิงสาวกล่าวทักทายหลังขึ้นไปบนรถตู้นั้น
“พอดีเลยนะ ชั้นก็เพิ่งเลิกเรียนเหมือนกัน” ชายหนุ่มภายใต้ชุดนักเรียนตอบกลับ
“ขอบใจนะ....อ่ะ..ขอบคุณนะคะ พี่เมเนเจอร์..” หญิงสาวกล่าวขอบคุณคนหลังพวงมาลัยอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเราก็ไปที่เดียวกันอยู่ดี เธอเข้าบริษัทใช่ไหม”
“อืมม...ใกล้ออกอัลบัมใหม่แล้ว ต้องไปซ้อมซะหน่อย....นายด้วยนิ ตารางงานคงแน่นน่าดู”
“ไม่เท่าเธอหรอกน่า..”
ทั้งสองคุยกันอย่างเป็นกันเอง ส่วนมากก็เป็นเรื่องทั่วๆไปแล้วก็เรื่องที่โรงเรียน ซอฮยอนรู้สึกสบายใจเวลาที่คุยกับมินโฮ เค้าเป็นหนึ่งในเพื่อนผู้ชายที่มีน้อยอยู่แล้วของเธอ สำหรับคนอื่นเค้าอาจเป็นคนเงียบๆ เข้าถึงยาก แต่กับเธอแล้ว มินโฮเป็นเพื่อนที่ดี คุยสนุก และอาจเพราะความที่อายุเท่ากันก็เลยสนิทกันง่ายเป็นพิเศษ
ทั้งสองคุยกันเพลินจนรถจอดเทียบสนิทจึงลงจากรถ กล่าวลาพี่ผู้จัดการที่มาส่ง แล้วเดินเข้าไปในตึกพร้อมกัน
“อาทิตย์หน้าก็ถึงวันจบการศึกษาแล้วสินะ” มินโฮเปิดเรื่องสนทนา ระหว่างทางเดินไปห้องซ้อม
“นั่นนะสิ เวลาผ่านไปเร็วมากเลย”
“ของโรงเรียนชั้นให้หลังเธอแค่วันเดียวเอง”ชายหนุ่มกล่าวต่อ
“อืม..”
“น่าจะเป็นวันเดียวกันเนอะ”
“ทำไมละ แค่วันเดียวเอง” หญิงสาวแก้มป่องมองคนข้างๆด้วยความฉงน
“ก..ก็เราจะได้ถ่ายร...”
“ซอฮยอนอ่า!!!!!!!!!” ยังไม่ทันจบประโยค เสียงใสๆก็เรียกแทรกดังมาแต่ไกลเมื่อเห็นซอฮยอนเดินเข้ามา ยุนอากับทิฟฟานีนั่นเอง น้องเล็กโบกมือทักทายอย่างร่าเริงพร้อมเดินไปหาพวกพี่สาว ตามด้วยชายหนุ่มข้างๆที่เดินตามหลังมาด้วย
“สวัสดีครับ” มินโฮโค้งทักทายพี่สาวทั้งสองอย่างสุภาพ แม้อายุจะห่างกันไม่มากแต่พวกเธอก็ถือเป็นรุ่นพี่ที่เค้าเคารพเสมอ
“หวัดดีจะ มินโฮ...เอ๋ ว่าแต่ทำไมเธอสองคนมาด้วยกันเนี่ย” ยุนอาถามพร้อมส่งสายตามีเลศนัย
“คือพี่ผู้จัดการมารับซอไม่ได้ เลยวานให้เค้ามารับแทนนะคะ” น้องเล็กอธิบาย
“อ๋ออ...อย่างนั้นหรอ....ชอบละซี้ นายนะ” ทิฟฟานีหันหน้าไปทางชายหนุ่มภายใต้ชุดนักเรียน
“เอ๋....อ..อะไรกันครับ..”ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง
“เอาน่า พวกเธอสองคนใส่ชุดนักเรียนแล้วดูเข้ากันดีจัง” ยุนอาพูดพร้อมเหล่ไปมองทิฟฟานีที่มองมาทางเธอเช่นกัน
“พวกพี่เป็นอะไรกันคะ..” ซอฮยอนถามเมื่องงกับการกระทำของพวกพี่สาว
“เอาน่า...ช่างมันเถอะ ซอรีบไปเปลี่ยนชุดสิ เราจะได้ซ้อมกันสักที”
“ค่า...” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนที่เธอจะเดินตามสองสาวไป เธอก็หันมาหาชายหนุ่มข้างหลังเสียก่อน
“อ่อมินโฮ...เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ” ซอฮยอนถามอย่างสงสัย
“เอ่ออ...เปล่านิ ไม่มีอะไรหรอก เธอไปซ้อมเถอะ ..เดี๋ยวชั้นจะแวะเข้าห้องอัดซะหน่อย” ชายหนุ่มตอบปัดพร้อมชี้นิ้วไปอีกทาง
“หรอ..งั้น....ชั้นไปนะ...”
“อืม ไว้เจอกัน” มินโฮบอกลาแล้วหันหลังมุ่งหน้าไปอีกทางทันที หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าของหญิงสาวจางไป เค้าจึงหันหลังไปมองต้นเสียงนั้น เห็นด้านหลังของเจ้าตัวค่อยๆไกลไปจากสายตา
“เฮ่ออ.....เธอเป็นแบบนี้เสมอเลยนะ....ซอฮยอน...”
สามสาวตรงไปที่ห้องซ้อม พวกเธอเป็นสมาชิกกลุ่มแรกที่มาถึงก่อนเวลาเนื่องจากไม่มีตารางงานก่อนหน้านี้ ห้องซ้อมดูกว้างไปถนัดตาเมื่อขาดสมาชิกที่เหลือ พวกเธอจึงทำกิจกรรมต่างๆเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอเพื่อนๆ ซอฮยอนเลือกที่จะเล่นเปียโนเพื่อผ่อนคลาย ยุนอาออกไปหาอะไรกินข้างล่างซึ่งเธอก็บอกว่าจะซื้อมาฝากคนอื่นๆด้วย และทิฟฟานีที่เดินออกไปตรงระเบียงพร้อมกำโทรศัพท์มือถือในมือ
“ตอนนี้พี่จะทำอะไรอยู่นะ.....” ทิฟฟานีพูดกับตัวเอง หญิงสาวมองนาฬิกาจากโทรศัพท์มือถือที่มีเวลาของอีกประเทศหนึ่งอยู่ด้วย กดไปยังรายชื่อของคนที่กำลังคิดถึง เค้าเป็นคนให้เบอร์โทรศัพท์เธอเองกับมือ ยิ่งคิดย้อนไปถึงตอนที่ได้พูดคุยกันก่อนที่ยุนโฮจะไปญี่ปุ่น ใจเธอก็เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
ทิฟฟานีหมุนโทรศัพท์มือถือเล่น ความคิดถึงแทรกซึมเข้ามาในใจ ลึกๆอยากจะโทรไปหาใจจะขาด แต่นิ้วมือมันกลับไม่ยอมกดไปที่ปุ่มโทรออกซะที
แต่จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ทำเอาเจ้าตัวตกใจจนแทบจะทำมันหลุดออกจากมือ
“โธ่......” ทิฟฟานีถอนใจเมื่อเห็นชื่อสายเรียกเข้า
“สวัสดีคา.....” หญิงสาวกดรับ พูดตอบเสียงอ่อย
“นี่ เซ็งขนาดนั้นเลยหรอ ที่เห็นเป็นชั้นโทรมานะ ฟานี่” ปลายสายตอบกลับ
“เปล่าซะหน่อย พี่เป็นไงบ้างคะ คงยุ่งน่าดู”
“อืม ก็ทำนองนั้นแหละ ชั้นเพิ่งได้พักจริงๆก็วันเนี้ย” ปลายสายตอบกลับ คิม แจจุงเป็นคนร่าเริงเสมอแต่ฟังจากน้ำเสียงเหนื่อยๆของเค้าแล้ว ตารางงานที่นู่นคงจะหนักไม่ใช่เล่น
‘เห็นไหมละ พวกเค้ายุ่งกันขนาดนี้ ชั้นจะกล้าโทรไปรบกวนได้ยังไงกัน......’
“ฟานี่!!!!”
“ค...ค่ะ”
“แหม ใจลอยเหมือนกันทั้งคู่เลยนะ ไอ่เจ้ายุนโฮมันก็กำลังนั่งเหม่ออยู่เลย...” ชายหนุ่มปลายสายตอบกลับเสียงค่อย
..............
“นี่ ทำไมไม่โทรคุยกันหน่อยละ” แจจุงแหย่ถาม เมื่อไร้เสียงตอบกลับจากปลายสาย
“ก็....ชั้น...ไม่กล้าโทรไปนะคะ ...กลัวจะไปรบกวนพวกพี่ด้วย...”
“นี่!!ฟังให้ดีนะฟานี่ มาถึงขนาดนี้แล้วเธอยังจะกลัวอะไรอีก เจ้ายุนโฮมันก็ไม่ใช่ประเภทที่จะโทรไปหาใครก่อนหรอก เธอก็รู้นิ ดูจากตอนนี้เจ้านั่นมันอาจจะรอโทรศัพท์จากเธออยู่ก็ได้นะ กล้าๆหน่อยสิ” ชายหนุ่มให้กำลังใจ
“เอางั้นหรอคะ..” น้ำเสียงไม่มั่นใจหลุดออกมา
“ก็ใช่นะสิ มัวแต่ช้า ระวังยุนโฮมันไปหลงสาวญี่ปุ่นก่อนละ”
ทิฟฟานีวางสายเมื่อจบบทสนทนา เมื่อคิดว่าเธอจะต้องโทรไปหาเค้าคนนั้น ใจมันก็เต้นไม่เป็นจังหวะ หญิงสาวกุมจี้สร้อยคอรูปไม้กางเขนแน่น ความคิดถึงมีมากในใจจนแทบล้น อยากที่จะเจอหน้า หรือแม้แต่ได้ยินเพียงแค่เสียงนุ่มๆนั้น ถ้ามัวแต่ลังเลใจแบบนี้อยู่ต่อไป เธอคงทนไม่ไหวเข้าสักวันแน่....
.....
.............
.....................
“ส..สวัสดีคะ นี่ชั้นเองนะคะ...ท...ทิฟฟานี่ค่ะ..”
‘อ่อ....ว่าไงละ...’ เสียงปลายสายตอบกลับอย่างเรียบเฉย
“เอ่ออ คือ....ชั้น..ฟังเพลงของพวกพี่แล้ว....มันเยี่ยมมากๆเลยคะ...”
..............เกิดความเงียบขึ้นสองสามวินาที แต่เหมือนนานเป็นปีสำหรับหญิงสาว
‘งั้นหรอ..ขอบใจนะ....’
“ค..คะ..” ทิฟฟานีอ้ำอึ้งอีกครั้ง ความเงียบที่น่าอึดอัดเกิดขึ้นอีก
‘ว่าแต่...เธอฟังรู้เรื่องรึไง....’ คนปลายสายกล่าว
“เอ่ออ ม..ไม่รู้เรื่องหรอกคะ ...แต่ยังไงชั้นก็ว่ามันเยี่ยมมากๆอยู่ดี”
...............
เกิดความเงียบน่าอึดอัดขึ้นอีก หญิงสาวพยายามคิดหาเรื่องคุย แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ตอนนี้มันชักแย่ไปกว่าการที่เฝ้าคิดถึงเค้าข้างเดียวซะอีก
‘เธอ.....ไม่มีอะไรอยากจะพูดกับชั้นอีกแล้วหรอ......นอกจากเรื่องเพลง..’ ชายหนุ่มปลายสายเป็นผู้ทำงายความเงียบนั้นก่อน
“เอ่อออ...ก็....ม..ไม่มีคะ” ให้ตายเถอะฟานี่!!! เธอตอบเค้าแบบนั้นไปได้ยังไงกัน
‘งั้นหรอ......’ เสียงไร้อารมณ์ตอบกลับมา
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว นี่ชั้นคงโทรไปรบกวนเค้าแน่ๆ.....
‘แต่ชั้นมี......’
“ค..ค่ะ....”
‘ชั้น.....’
..............
“อ้า!! พี่ยูริ พี่แทยอนมาแล้วหรอคะ!!!” เสียงน้องเล็กดังขึ้น เสียงเปียโนที่หยุดชะงักลง พร้อมลากสติของหญิงสาวที่กำลังพูดโทรศัพท์อยู่
“เอ่อพี่ยุนโฮคะ เพื่อนๆมากันแล้ว ชั้นขอตัวไปซ้อมก่อนนะคะ สวัสดีคะ!” ทิฟฟานีพูดประโยคยาวๆนี้อย่างรวดเร็ว พร้อมกดปุ่มวางสายอย่างแรง นี่คงเป็นบทสนทนาที่แย่และน่าอึดอัดที่สุดในชีวิต ในเมื่อเธอไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเค้าเลย เพราะปกติเธอก็ไม่ได้คุยกับเค้าบ่อยนักอยู่แล้ว
“โธ่...นี่มันบ้าที่สุด ชั้นน่าจะเรียบเรียงคำพูดก่อนที่จะโทรไป..” หญิงสาวตายิ้มบ่นพึมพำ พร้อมเอามือเขกหัวให้ความไม่เอาไหนของตัวเอง
“เธอเป็นอะไรนะทิฟ เหมือนคนบ้าเลย” ยูริที่เพิ่งเข้ามาใหม่ทัก เมื่อเห็นกิริยาประหลาดของเพื่อนสาว
“ชั้นคงบ้าจริงๆนะแหละ...... ความกล้าของชั้นคงไม่กลับคืมมาอีกแล้ว..” ทิฟฟานีตอบเพื่อนที่มีแต่ความไม่เข้าใจประกฎบนใบหน้า แล้วเดินออกไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมซ้อมต่อไป
ไม่สาวๆจะได้รับความมิยมมากเพียงไรก็ตาม แต่พวกเธอก็ไม่เคยชะล้าใจ อีกทั้งยังต้องพัฒนาความสามารถของตัวเองเสมอ เนื่องจากตารางานที่แน่น และไม่ค่อยมีเวลาว่างตรงกันนัก เมื่อมีโอกาสเฉกเช่นวันนี้ สาวๆจึงซ้อมการแสดงอย่างจริงจังเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง ก่อนที่จะกลับหอพร้อมกันในตอนเย็น
“เฮ่ออ..เหนื่อยจังเลย.....” เจสสิกาเริ่มบ่นหลังจากที่ซ้อมสร็จแล้ว
“นั่นสิคะ งั้นพวกเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันให้หายเหนื่อยดีกว่า” ยุนอาชวนเสียงระรื่น
“แหม...เธอนี่หาเรื่องกินตลอดเลยนะ” ซันนี่แซว
“นั่นสิ...งั้นเราไปกินอะไรกันดี เนื้อย่างดีไหม” โฮยยอนแนะนำ
“เยี่ยมเลย ชั้นกำลังอยากกินอยู่พอดี” ซูยองสนับสนุน
“ชั้นขอบาย” หญิงสาวหน้าตาเหนื่อยล้าที่กำลังเช็ดเหงื่อเอ่ยขึ้น
“อ..อ่าวว ทำไมละคะพี่ นานๆทีเราจะได้ทานเข้าพร้อมๆกัน” น้องเล็กเอ่ยอย่างน่าเสียดาย
“วันนี้พี่เหนื่อยๆนะ ไม่หิวด้วย ขอโทษนะ...” เจ้าตัวเอ่ยเบาๆก่อนเก็บข้าวของสวนตัวและปลีกตัวออกไป
“เดี๋ยวชั้นกลับเป็นเพื่อนแทยอนเอง วันนี้ชั้นก็รู้สึกเหนื่อยๆเหมือนกัน” ทิฟฟานี่เอ่ยทันทีเมื่อเห็นสายตาเป็นห่วงจากเพื่อนๆ
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าที่ไม่สบายใจมากนัก ทั้งเรื่องข่าวของแทยอน และกระแสทางอินเทอร์เนตที่คอยรุมเร้าเธอเหลือเกิน ทำให้พักหลังๆมานี่ลีดเดอร์ของพวกเธอทำตัวเงียบๆมากกว่าเดิม ชอบปลีกตัวอยู่คนเดียว และไม่ค่อยร่าเริงเหมือนแต่ก่อน
“แทยอนคงเครียดมากเลย” ซันนี่ระบายความอัดอั้นออกมา
“ที่สำคัญ ยัยนั่นชอบเก็บเรื่องเครียดๆไว้ที่ตัวเองตลอด” ซูยองเสริม
“เราคงได้แต่คอยเป็นห่วงอยู่ห่างๆนะคะ ยังไงพวกเราก็อยู่ข้างๆพี่แทยอนอยู่แล้ว” ยุนอากล่าว
“นั่นสินะ....”
.....................
.............................
.....................................
ภายใต้ห้องทำงานชั้นบนอันโอ่อ่ากว้างขวาง หญิงสาวตัวเล็กๆกำลังยืนก้มหน้างุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวหรู อาการรู้สึกผิดและความอัดอั้นปรากฏบนสีหน้าที่แต่ก่อนเคยยิ้มแย้มน่ารัก
“คิม แทยอน เธอคงรู้ใช้ไหม ว่าทำไมชั้นถึงเรียกเธอมาพบในวันนี้” ชายวัยกลางคนสีหน้าเคร่งขรึมกล่าวบนเก้าอี้ เบื้องหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ หลังจากที่ข่าวลือหนาหูว่อนทั่วโลกออนไลน์เพียงไม่กี่วัน
“คะ....ชั้นทราบดีคะ...” หญิงสาวเอ่ยน้ำเสียงสำนึกผิด
“ชั้นคงไม่ต้องเตือนเธออีกนะ หลังจากที่เคยเตือนพวกเธอไปแล้วหลายครั้ง” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของผู้บริหารเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน
“ชั้น....ชั้นขอโทษคะ ชั้นทำไปโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง...” หญิงสาวพูดทั้งที่ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
“เราต่างก็รู้ดีนะ เธอไม่ควรออกไปในที่สาธารณะแบบนั้น เรื่องเก่ายังไม่ทันจะซา เธอกลับทำให้มันประทุขึ้นมาอีก”
คนตัวเล็กยืนนิ่งไม่พูดอะไร จนคนนั่งเก้าอี้กล่าวต่อไป
“ถึงแม้ว่าเนื้อข่าวจะไม่ชัดเจน แต่มันก็หลุดออดมาสู่คนภายนอกแล้ว เธอคงรู้นะ ว่ามันส่งผลกระทบมากแค่ไหน ทั้งภาพลักษณ์ของเธอ สมาชิกในวง และตัวของเค้าเองด้วย” ชายเบื้องหลังโต๊ะทำงานกล่าวพาดพิงถึงบุคคลที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี
“ชั้นทราบคะ เรื่องนี้ชั้นผิดเอง ไม่เกี่ยวกับใครเลย....ชั้นขอยอมรับความผิดทั้งหมด” หญิงสาวเงยหน้าขึ้น กล่าวคำขอโทษพร้อมยอมรับผิดเพียงผู้เดียว เพราะนี่คือสิ่งที่เธอกลัวมากที่สุด ผลกระทบถึงคนที่เธอรักกับการกระทำแย่ๆ ที่ไม่ยั้งคิดของตัวเอง
“เอาละๆ ยังไงมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ชั้นสามารถจัดการกับสื่อได้ จะไม่มีใครมาสัมภาษณ์เรื่องนี้กับเธอ แต่กับคำพูดและความคิดของคนทั่วไป ชาวเน็ต และแฟนๆของเธอ แน่นอนชั้นไม่สามารถควบคุมมันได้...” น้ำเสียงเรียบกล่าวตัดบท
“ขอบคุณท่านมากคะ.....ชั้นขอโทษจริงๆคะ...”
“พอเถอะ....ไปได้แล้ว”
หญิงสาวหันหลังเดินออกจากห้องทำงานอย่างสลด เธอรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเวิ้งว้างจนแทบหายใจไม่ออก จนเสียงเดิมเรียกกระตุกความคิดชั่ววูบนั้น
“เดี๋ยว คิม แทยอน” เสียงราบเรียบแทรกผ่านอากาศ ทำเอาหญิงสาวตัวเล็กหันกลับมาอีกครั้ง
“ชั้นหวังว่าเรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้นซ้ำซ้อนอีก เรื่องของพวกเธอนะ เธอต้องทำยังไง เธอรู้ใช่ไหม....” คนพูดกล่าวพร้อมสีหน้า น้ำเสียงที่สื่อความหมาย........
..................
“ที่ชั้นบอกแบบนี้ เพราะชั้นหวังดีกับเธอนะ....คิดให้ดีๆ...........”
หญิงสาวนั่งทบทวนเหตุการณ์เพียงลำพังในห้องนอน ในขณะที่ทิฟฟานีกำลังง่วนอยู่กับการหาอะไรให้หญิงสาวทาน ทั้งๆที่เธอบอกไปแล้วว่าไม่หิว สีหน้าเรียบเฉยมองออกไปนอกหน้าต่าง คำพูดและเรื่องราวมากมายวนเวียนเข้ามาให้หัวไม่หยุด สักพักโทรศัพท์มือถือที่เคยได้เป็นของขวัญก็ดิ้นอยู่บนโต๊ะตรงหน้า พร้อมเสียงสั่นเมื่อมันสัมผัสกับพื้นไม้นั้น
หญิงสาวมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอโทรเข้าอย่างสะกดใจ
“สวัสดีคะ...”
“แทยอน....” เสียงคนตอบรับเรียกชื่อเธออย่างแผ่วเบา เพียงแค่เค้าเรียกชื่อเธอเท่านั้น มันกลับสะกดแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของเธออย่างง่ายดาย
“ค่ะ....พี่จุนซู..” หญิงสาวตอบรับอย่างว่าง่ายเหมือนทุกครั้ง พยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม...” คำพูดเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความรู้สึก ค่อยๆทำลายกำแพงความเข้มแข็งของคนที่ได้ยินทีละน้อย
“ท...ทำไมพี่ต้องคอยถามชั้นแบบนี้อยู่เรื่อย ชั้นไม่เป็นอะไรสักหน่อย...”
“งั้นหรอ....” ชายหนุ่มตอบกลับ เค้ารู้นิสัยของเจ้าตัวดี ยังไงก็ไม่มีวันได้ยินคำพูดด้านที่อ่อนแอของเธอแน่
“คะ ชั้นสบายดี ว่าแต่พี่เถอะ....คงเหนื่อยน่าดู” แทยอนยืนยัน ในขณะที่น้ำเสียงร่าเริงผิดปกติ
“อืม..ก็นิดหน่อย..”
...............
.......................
“เธอจะยังอยู่ข้างๆชั้นใช่ไหม”
..................
...........................
“ทำไมพี่พูดอย่างนั้นละคะ ชั้นอยู่ข้างพี่อยู่แล้ว” หญิงสาวยิ้มตอบทางโทรศัพท์ทั้งๆที่คนปลายสายคงไม่ได้เห็น
“ชั้นก็อยู่เคียงข้างเธอเหมือนกัน จำไว้นะ.....”
“คะ...พี่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เดี๋ยวชั้นต้องออกไปทานข้าวแล้ว เดี๋ยวทิฟจะรอนาน”
“อืม เธอก็เหมือนกัน”
“คะ สวัสดีคะ.....” หญิงสาวกดตัดปลายสายด้วยมืออันสั่นเทา ริมฝีปากที่เคยยิ้มสั่นระริก และหยดน้ำตาที่กลั้นไว้แต่แรกไหลรินออกมาทั้งๆที่คนปลายสายคงไม่มีโอกาสได้รับรู้และเห็นมัน
ซึ่งเธอก็ยินดีให้มันเป็นเช่นนั้นเสมอมา.............
มาอีกตอนแล้วนะคะ รอนานกันไหมเอ่ยย
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนะคะ ทั้งคนที่เพิ่งเคยเข้ามาอ่าน แล้วก็คนที่ติดตามต่อจากภาคก่อน
ยังไงก็ติชมได้เหมือนเดิม ยินดีรับฟังเสมอคะ อยากรู้ความคิดเห็นของคนอ่านเยอะๆ
ถึงแม้ว่าจะปิดเทอมนะคะ แต่ไรท์เตอร์ก็ยุ่งๆอยู่ดี อาจจะช้าบ้างเร็วบ้างในบางตอน
ตอนนี้มันเพิ่งเริ่มเรื่อง เลยแต่งปูพื้นนานหน่อย อย่าเพิ่งเบื่อน๊า
ต้องลุ้นว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นยังไง ขออุบไว้ก่อน อิอิ
อ่านแล้วก็เม้นกันเยอะๆนะจ๊ะทุกคนนนนนนน ^^
(ขอพื้นที่ระบายหน่อย.....ยอดวิวกับคอมเม้นมันช่างน่าใจหาย
แงๆๆ ทุกๆตอนคือตั้งใจแต่งมากนะคะ ไม่เคยแต่งแบบลวกๆให้มันเสร็จๆไปเลย
อยากจะให้คนอ่านอินให้ถึงที่สุด อิอิ แต่น้อยใจบทที่26 ของตอนที่แล้วมาก
ตอนที่คู่เจสด๊องคืนดีกันนะคะ ไม่รู้ว่าไม่ค่อยมีคนเชียร์คู่นี้หรือว่ายังไง
คือตั้งใจแต่งมากกกก เรียบเรียงอารมณ์กับคำพูดทุกคำ นั่งพิมแบบไม่ทำอะไรเลยเป็นวันๆ
คิดว่ามันพีกแน่ แต่ป่อยย คอมเม้นต์สี่คน มันช่างน่าน้อยใจ TT)
ความคิดเห็น