ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่ไปเป็นเซียนพนันมือหนึ่งของยุทธภพ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 66


    ตอนที่ 1

    อารัมภบท


    ตึก ตึก ตึก 

    เสียงฝีเท้าย่ำกระทบไปกับพื้นชื้นแฉะด้วยความร้อนรนของเจ้าของฝีเท้า เสื้อคลุมที่สวมใส่ตอนนี้หนักอึ้งจากการอุ้มน้ำฝนที่กำลังตกลงมา 

    "จิ๊ งั้นทิ้งเลยแล้วกัน" 

    เฟย์ตัน พูดพึมพำกับตัวเองเสียงเบา มือก็พลางถ-อดเสื้อคลุมทิ้งไว้ข้างกองถุงขยะหลายถุง ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าหลายคนวิ่งเข้ามาใกล้บริเวณที่คนตัวเล็กอยู่ ทำให้เฟย์ตันต้องวิ่งออกจากตรงนี้และหาที่ซ่อนตัวโดยเร็ว

    ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ชั่วโมงก่อน

    ร่างเล็กของเฟย์ตันย่างก้าวมาถึงบริเวณทางเข้ากาสิโนผิดกฎหมายเพราะแค่อยากลองเห็นและสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ ๆ 

    ซึ่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ว่า ก็คือการที่เฟย์ตันจะเข้าไป ลอง เล่นการพนันด้านใน โดยเงื่อนไขการมาในครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เฟย์ตันต้องกลับบ้านให้ทันก่อนที่พ่อของตัวเองจะรู้ว่าเฟย์ตันนั้นหนีออกมาซนข้างนอกอีกแล้ว แถมการเล่นซนในครั้งนี้ยังอันตรายมากอีกด้วย

    ตอนนี้ร่างบางเล็กของเฟย์ตันมีเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวใหญ่ปิดบังตาเพื่อพรางร่างกายบอบบาง ดวงตากลมโตใส่คอนแทคเลนซ์สีน้ำตาลเข้มกับผมที่ยาวปิดใบหน้านวลจนแทบจะปิดทั้งซีกหน้าฝั่งซ้าย

    "ไอ้หนู ที่นี่ไม่ได้มีไว้สำหรับเด็กเข้า กลับบ้านไปไป" ชายร่างใหญ่กล้ามโตยื่นแขนออกมาบังไม่ให้เฟย์ตันก้าวข้ามประตูเข้าไป

    "ผมขอเข้าไปเถอะครับ ผมจำเป็นจริง ๆ " จำเป็นที่ว่าคือแค่อยากลองเล่นในกาสิโนที่ผิดกฎหมายเท่านั้นเอง

    "นี่แกคิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นรึไงวะ!" ในขณะที่คนคุมหน้าประตูตัวใหญ่จะใช้หลังฝ่ามือหยาบกร้านฟาดโดนตัวเฟย์ตัน ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อน

    ชายร่างสูงเรียกสายตาให้เฟย์ตันหันไปมอ คนใส่ชุดสูทดูเนี๊ยบค่อย ๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้เฟย์ตัน ใช้มือที่สวมถุงมือสีขาวเชิดคางของเฟย์ตันขึ้นจนสายตาทั้งสองคนประสานกัน

    "ไอ้เด็กนี่บอกจะเข้าไปข้างในครับผู้จัดการ ดูก็รู้ว่าอายุยังไม่ถึงแต่ก็ยังจะเข้าไปให้ได้" 

    "ทำไมถึงอยากเข้าไปข้างในนั้น" คนที่โดนเรียกว่าผู้จัดการไม่ได้หันไปพูดตอบโต้กับคนเฝ้าประตู แต่กลับส่งคำถามให้เฟย์ตันแทน

    "ผมแค่อยากหาเงินไปรักษาน้องชายที่ต้องผ่าตัด" เฟย์ตันกล่าวโกหกออกไป เฟย์ตันจะมีน้องชายมาจากไหนล่ะ ในเมื่อเฟย์ตันเป็นน้องเล็กสุดของบ้านที่โดนประคบประหงมมาตลอดตั้งแต่จำความได้

    "มีเงินมาเท่าไหร่หืม เด็กน้อย" เสียงเจ้าเล่ห์ยังคงพยายามที่จะหลอกล่อเด็กชายที่อ่อนต่อโลกติดกับของตัวเอง

    "ผมมีแค่สองแสนทั้งตัว แต่ค่ารักษาน้องยังไม่พอ" อันที่จริงทั้งตัวเฟย์ตันตอนนี้หากเอาไปขายก็มีมูลค่าหลายหลัก 10 ล้านด้วยซ้ำ แค่สร้อยจี้เพชรที่สวมอยู่ใต้เสื้อยืดก็ 20 ล้านแล้ว แต่เงินสดที่พกมามีแค่ 2 แสนอย่างที่บอกไปเท่านั้น

    "ฉันไม่ได้สนใจเรื่องของน้องชายนายหรอกนะ แต่นายสนใจมาทำงานกับฉันรึเปล่า แค่คืนเดียวก็ได้เงินมากกว่าที่นายต้องการอีกนะ" สายตาแบบนี้งานอะไรก็คงไม่ต้องถามให้เสียเวลา

    "ผมไม่มีอะไรที่คุณต้องการหรอกครับ" 

    "นายกำลังปฏิเสธข้อเสนอสินะ เอาล่ะงั้นฉันจะยอมพานายเข้าไปก็ได้ ส่วนข้อแลกเปลี่ยนค่อยว่ากันข้างใน"

    หลังจากนั้นเฟย์ตันก็โดนตรวจสอบเพื่อคัดคนเข้าไปด้านใน แต่ของเฟย์ตันนั้นแตกต่างออกไปเพราะไม่ได้โดนตรวจละเอียดจนกินเวลาไปอย่างที่คนอื่นโดนเพราะตอนนี้เฟย์ตันเข้ามาพร้อมกับผู้จัดการ ทำให้รอดพ้นจากการหาตัวตนว่าเป็นใครมาจากไหน

    เดินผ่านประตูเข้ามาด้านในเฟย์ตันก็กวาดสายตามองบริเวณโดยรอบที่คล้ายบาร์นั่งชิลล์ทั่วไป เดินตามผู้จัดกาามาจนถึงทางเข้าสำหรับพนักงานคนที่นำหน้าก็ผลักประตูเข้าไป

    เดินเข้าบาร์มาจนถึงห้องสุดท้าย เปิดประตูเข้าไปก็เห็นเป็นห้องเก็บอุปกรณ์และสต๊อกของสำหรับบาร์ ผู้จัดการเดินเข้าไปด้านในสุดที่ตอนแรกเฟย์ตันไม่ได้สังเกตเห็น แต่เสียงเหมือนมีอะไรกำลังเคลื่อนที่ขึ้นมาทำให้เฟย์ตันรู้ว่าคงเป็นกล่องลิฟต์โดยสารที่เคยเห็นผ่านตามาบ้างในอินเทอร์เน็ตเป็นแน่

    ติ้ง 

    เสียงดังขึ้นผู้จัดการก็เปิดประตูลับออก ทำให้เห็นกล่องลิฟต์ที่ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจนเต็มกล่องคนสามารถเข้าไปยืนได้ประมาณ 3 คน

    "ระวัง แล้วอย่าสร้างความเดือดร้อนให้ใคร" เมื่อเฟย์ตันก้าวเท้าเข้ามาในลิฟต์แล้วผู้จัดการก็ดึงประตูลับปิดเข้ามา กดลิฟต์หนึ่งครั้งก็รู้สึกว่ากล่องลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวลงไปยังข้างล่าง

    จนลิฟต์หยุดลงผู้จัดการก็ผลักประตูกั้นเข้าไปก่อน ทำให้เห็นว่ากาสิโนแห่งนี้ก็เหมือนกับกาสิโนทั่วไปไม่แตกต่างกันมาก ทั้งที่เฟย์ตันเคยเห็นในรูปภาพและเคยเข้าไปมา ห้องโถงสี่เหลี่ยมมีเครื่องเล่นมากมายรอให้เหล่านักพนันเลือกเล่น นอกจากนั้นกาสิโนที่นี่ยังแตกต่างกับกาสิโนแห่งอื่น เพราะมีสารเสพติดวางขายอย่างโจ่งแจ้ง รวมถึงโครงสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานทั้งยังละเมิดอะไรหลายอย่างทำให้กาสิโนแห่งนี้กลายเป็นกาสิโนใต้ดินแบบที่ผิดกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ

    เฟย์ตันที่กำลังคิดหาคำพูดเพื่อที่ขอจะปลีกตัวออกไปก็ต้องโล่งใจที่ไม่ต้องคิดเอง เพราะผู้จัดการยกโทรศัพท์ขึ้นมาไม่นานก็เป็นฝ่ายขอตัวออกไปก่อน

    เฟย์ตันเดินวนรอบกาสิโนเพื่อดูวิธีการเล่นของแต่ละโต๊ะ ซึ่งก็สมกับเป็นกาสิโนใต้ดินเพราะต่างคนต่างหาช่องว่างในการโกง แนบเนียนบ้าง โดนจับได้กับตาเลยก็มี

    โต๊ะที่เฟย์ตันเดินเข้าไปนั่งเป็นโต๊ะของวงล้อวัดดวง กฎของเกมนี้ก็ไม่มีอะไรเข้าใจยากนัก พนักงานจะเอาลูกเต๋า 8 ลูกใส่ลงไปตรงกลางของวงล้อกระดานที่มีเลขตั้งแต่ 1 - 30 ผู้เล่นเพียงแค่วางชิปในมือลงช่องที่ คิดว่าลูกเต๋าจะตกลงไป โดยไม่กำหนดว่าผู้เล่นจะวางเยอะเท่าไหร่และวางกี่ตัวเลขก็ได้ อาจดูเหมือนเป็นเกมเสี่ยงดวงธรรมดาทั่วไป แต่จุดขายเรียกนักพนันของโต๊ะนี้คือ หากลูกเต๋าทั้ง 8 ลูกที่ตกลงตรงช่องตัวเลขนับรวมกันมีคะแนนแต้มรวมกันแล้วต่ำกว่า 24 จะได้ค่าตอบแทนคืนจากชิปที่ลง 8 เท่า แต่ถ้าหากคะแนนแต้มรวมกันแล้วมากกว่า 25 จะเสียชิปในมือคืนให้เจ้ามือเพิ่ม 8 เท่าเช่นกัน

    หรือนั่นก็คือการลุ้นสองต่อในตาเดียว ลุ้นครั้งแรกต้องลุ้นว่าลูกเต๋าจะลงตัวเลขที่ลงชิปไปหรือเปล่า และต่อมาก็ต้องมาลุ้นอีกว่าลูกเต๋าทั้ง 8 ลูกนั้น แต้มรวมกันแล้วจะได้แต้มเท่าไหร่

    แม้จะดูเป็นการวัดดวงที่ดูเสี่ยงมากแค่ไหน แต่สิ่งล่อตาคือจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าจากจำนวนที่ลงก็สามารถเรียกให้คนทีคิดว่าตัวเองนั้นโชคดีแวะเวียนมาโต๊ะนี้อยู่ตลอด

    "สวัสดีครับคุณผู้ชายสนใจแลกชิปเท่าไหร่ดี" ทันทีที่เฟย์ตันนั่งลงคนที่ดูแลเรื่องแลกชิปประจำโต๊ะข้างเจ้ามือก็ถามขึ้นทันที

    "แสนหนึ่งครับ"

    เจ้ามือที่ได้ยินว่าเฟย์ตันแลกชิปถึงหลักแสนก็อดที่จะมองเฟย์ตันเหมือนลูกแกะขาวตัวหนึ่งไม่ได้ แถมยังหันมาส่งยิ้มให้เฟย์ตันอีกต่างหาก ส่วนคนที่เล่นโต๊ะนี้อยู่ก่อนแล้วมองเฟย์ตันไม่ต่างจากคนโง่งม เพราะคนที่นี่ส่วนใหญ่รู้ดีว่าแม้ค่าตอบแทนจากโต๊ะนี้จะให้เยอะมากก็จริง แต่หากไม่ใช่คนที่ชอบเล่นแล้ว เมื่อได้เงินสักตาสองตาก็จะย้ายโต๊ะเล่นทันที

    "งั้นเริ่มเลยนะครับ" เจ้ามือนำลูกเต๋าทั้ง 8 ลูกลงไปตรงกลางของวงล้อ รอให้ลูกเต๋าตกลงไปครบทั้ง 8 ลูกแล้วก็ผายมือเพื่อบอกว่าถึงเวลาวางชิปของผู้เล่นแล้วโดยจำกัดเวลาลงที่ 3 นาที

    ตาแรกเฟย์ตันลงไปที่เลข 14 21 และ 29 ลงตัวเลขละ 1 ชิป ซึ่ง 1 ชิปของเฟย์ตันมีมูลค่า 10,000 รอจนครบเวลาเจ้ามือก็หมุนวงล้อก่อนจะเปิดที่กั้นตรงกลางเพื่อให้ลูกเต๋าสามารถสุ่มตกลงไปยังตัวเลขได้

    ลูกเต๋าทั้ง 8 ลูก กระทบไหลไปตามแรงเหวี่ยงของวงล้อจนลูกเต๋าทั้ง 8 ลูกตกลงไปยังตัวเลขจนครบช่อง ตัวเลขที่ลูกเต๋าตกลงไปมีแสงไฟขึ้นมาเพื่อบ่งบอกให้เห็นว่ามีเลขไหนบ้างที่จะต้องลุ้นต่อไป คนที่ไม่ได้ลุ้นต่อก็ถูกเจ้ามือกวาดชิปไปกองไว้ด้านหน้าตัวเอง 

    ซึ่งครั้งนี้เลขตัวเลขที่ลูกเต๋าลงช่องคือ 2 3 8 14 17 22 28 และ 30

    "จะเริ่มนับแต้มลูกเต๋าแล้วนะครับ" 

    ลูกเต๋าในช่องแรกเปิดออกมาให้เห็นเป็นเลข 3 

    6

    1

    3

    2

    3

    4

    ลูกเต๋าทั้ง 7 ลูกเมื่อรวมกันแล้วจะอยู่ที่ 22 คะแนน ถ้าหากจะชนะลูกเต๋าลูกสุดท้ายต้องแต้มไม่เกิน 2 ทำให้คนที่มีสิทธิ์ลุ้นในรอบนี้ที่ชิปเหลือไม่มากอยากคุกเข่าอ้อนวอนต่อพระเจ้า บางคนที่ยังมีชิปเหลือเล่นรอบถัดไปก็ยังอดที่จะลุ้นไม่ได้เช่นกัน

    "อ่า ลูกเต๋าลูกสุดท้ายเป็นเลขหนึ่งครับ" 

    นักพนันในโต๊ะเมื่อได้ยินว่าเป็นเลข 1 ที่ทำให้แต้มลูกเต๋าไม่เกิน 24 ต่างยิ้มดีใจออกมายกเว้นแต่เฟย์ตันที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่อะไรบางอย่างที่ว่าคงต้องลองเล่นอีกสักตาสองตา

    "ไอ้หนู! รีบเก็บชิปตัวเองได้แล้วคนอื่นเขาจะได้เล่นตาต่อไป" ลุงแก่หัวโล้นพุงลุ้ยใช้มือตบเข้าที่ไหล่ของเฟย์ตันเพื่อย้ำว่าให้รีบเก็บชิป เฟย์ตันสลัดความคิดในหัวพร้อมโกยชิปกลับมาอยู่ตรงหน้าตัวเอง

    เล่นมาจนเข้าตาที่สี่เฟย์ตันได้เสียสลับตาก็สามารถรู้ กลโกง ของโต๊ะนี้ได้แล้วจากการคาดเดาและมองการเคลื่อนไหวโดยสังเกตุโดยรอบโต๊ะอยู่ตลอด

    "แหวนสวยดีนะครับ"

    "ครับ อ๋อ แหวนแต่งงานผมเองครับ" ตอบพร้อมเอามืออีกข้างขึ้นมาจับที่แหวน

    "เป็นแหวนแต่งงานที่ พิเศษ ดีนะครับ" 

    เฟย์ตันทิ้งปริศนาไว้ให้คนที่ได้ยินไปหาคำตอบที่ต้องการกันเอาเอง ปล่อยให้เจ้ามือประจำโต๊ะเริ่มเหงื่อตกขึ้นมาเพราะคิดว่าเฟย์ตันรู้แล้วว่าโต๊ะนี้มีกลโกงอย่างไร

    ที่เฟย์ตันรู้ว่าโต๊ะนี้มีการทุจริตเป็นเพราะทุกครั้งที่ผู้เล่นลงชิปจนครบเวลา เจ้ามือจะกวาดสายตามองภาพรวมของชิปทั้งหมดบนกระดาน คำนวนโดยการคาดคะเนจำนวนมูลค่าชิปด้วยความรวดเร็วจากประสบการณ์ที่ทั้งลงสนามเองและโดนฝึกขัดเกลามาอย่างดี ซึ่งเฟย์ตันต้องยอมรับเลยว่าเจ้ามือคนนี้มีความสามารถมากจริง ๆ  หากจากการคำนวนผลปรากฏว่าลูกเต๋าแต้มสูงกับแต้มต่ำจะเสียชิปน้อยกวา

    ถ้าเจ้ามือคำนวนแล้วว่าแต้มต่ำจะเสียชิปน้อยกว่าก็จะหมุนแหวนในมือไปทางซ้ายเพื่อให้ขั้วแม่เหล็กในแหวนทำงาน แล้วลูกเต๋าที่ฝังขั้วแม่เหล็กอยู่ก็จะออกเลขไม่เกิน 24 แต่หากเป็นกรณีแต้มสูงก็หมุนแหวนไปในทิศทางตรงกันข้ามก็จะดูดให้ลูกเต๋าในตานั้นทอยแต้มออกมาได้หน้า 5 และ 6 อย่างน้อยเลขละ 2 ลูก ซึ่งหากเอามารวมกับลูกอื่นแล้ว เปอร์เซ็นต์ทีแต้มจะมากกว่า 25 แต้มนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยมีคนแลกชิปเป็นผู้ช่วยใต้โต๊ะกันผิดพลาดอีกที

    หากจะถามว่าเฟย์ตันรู้ได้อย่างไรว่ามีขั้วแม่เหล็กอยู่ในแหวนก็ต้องบอกว่าเพราะความบังเอิญที่วันนี้เฟย์ตันดันใส่สร้อยข้อมือที่มีจี้เป็นเหล็กแท้ ทุกครั้งที่เจ้ามือหมุนแหวนเฟน์ตันจะรู้อยู่ตลอดเพราะจี้จะขยับตาม แต่ไม่ได้ดึงดูดแรงจนถึงขั้นคนอื่นสังกตเห็น

    ส่วนที่ว่ามีกลโกงแล้วอย่างไร เพราะยังไงคนที่ลงชิปชนะก็ได้เงินไปอยู่ดีก็ต้องบอกว่า จะได้เงินไปได้อย่างไรในเมื่อคนที่ชนะ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนของกาสิโนนี้ทั้งนั้น เห็นได้จากการแสดงที่เมื่อชนะแล้วคนที่ได้ก็จะย้ายโต๊ะไปเล่นอย่างอื่น

    ไม่นานก็จะกลับมานั่งเล่นที่โต๊ะนี้อีกทำท่าทีเหมือนตัวเองเล่นเสียกับโต๊ะอื่นไปหมดแล้ว โดยคนที่สลับมานั่งเฟย์ตันก็คิดว่าน่าจะเป็นคนของกาสิโนอีกนั่นแหละที่ผลัดกันเข้ามา

    เฟย์ตันที่แม้รู้ว่าตัวเองโดนโกงอยู่แต่ก็ยังยอมเล่นอยู่โต๊ะนี้ไม่ย้ายไปโต๊ะอื่น จนกินเวลามานานมองดูนาฬิกาก็รู้ว่าถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านเสียแล้ว

    "เชิญทางนี้ก่อนครับ" ขณะที่กำลังจะเดินไปถึงยังทางออกพิเศษด้านหลังก็มีเสียงผู้จัดการที่พาเฟย์ตันเข้ามาเรียกรั้งไว้ 

    "ผมต้องรับกลับบ้านแล้วครับ" เพราะถ้าใครสักคนในบ้านรู้ว่าเฟย์ตันไม่ได้นอนอยู่บนเตียง ถึงเวลานั้นจะเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที ดูจากนิสัยพวกคนตัวใหญ่เหมือนยักษ์ให้คนออกตามหาหัวแก้วหัวแหวนของบ้านเพราะสถานะของตัวเองไม่สามารถออกตามหาได้อย่างโจ่งแจ้ง

    จากนั้นก็มีคนเข้ามาประกบเฟย์ตันซ้ายขวา โลหะเย็นโดนจี้เข้าที่บริเวณเอว แล้วเฟย์ตันเป็นประเภทที่ไม่ชอบโดนควบคุมหรือโดนบังคับอยู่แล้ว เผลอแป๊ปเดียวเอี้ยวตัวไม่กี่ทีคนที่มายืนประกบก็ล้มลงไปทั้งสองคน ทำให้สายตารอบข้างพุ่งความสนใจมองมาทางเฟย์ตัน แล้วเฟย์ตันจะอยู่ให้คนพวกนี้หมายหัวต่อทำไมล่ะ วิ่งสิวิ่ง

    กลับมาที่ปัจจุบัน

    "หาตัวจับยากมากเลยนะครับคุณเฟย์ตัน" เสียงทุ้มเรียบสวมหน้ากากครึ่งหน้านั่งอยู่บนโซฟาหนังสีแดงช้ำ แม้จะสวมหน้ากากแต่เฟย์ตันก็รับรู้ได้ว่าสายตาของคนตรงหน้ากำลังมองสำรวจตัวเองหลังจากอยู่ในห้องกันสองคน

    "ต้องการอะไร" ถึงขั้นเจ้าตัวรู้ชื่อจริงของตัวเองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็คงไม่ต้องเดาว่ามาเฟียคนนี้มีอิทธิพลมากแค่ไหน

    "นั่งก่อนซิครับ แล้วเราค่อยคุยกัน" 

    "เอาโอโทโร่เซ็ตใหญ่มาแล้วจะคุย" ไหน ๆ จะต้องอยู่คุยกันนานเฟย์ตันก็ขอหาอะไรรองท้องกินก่อนคุยก็แล้วกัน

    คนตรงข้ามยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งลูกน้องที่อยู่ข้างนอก ถ้าเป็นคนอื่นมาเล่นลิ้นขนาดนี้คงไม่พ้นกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว แต่ติดที่เฟย์ตันเป็นถึงลูกผู้นำประเทศคนสำคัญทำให้แม้จะใช้วิธีบังคับมาคุย แต่กับแค่ของกินราคาสูง สำหรับหัวหน้ามาเฟียหาให้ได้อยู่แล้ว

    รอไม่นานเนื้อสีชมพูอ่อนไขมันแทรกตัวสวยลายหินอ่อนเช็ตใหญ่ก็วางอยู่ตรงหน้า ข้างกันยังมีทั้งแบบซูชิ และซาชิมิ เฟย์ตันที่เห็นของโปรดอยู่ตรงหน้าก็ใช้ตะเกียบคีบเข้าปากตัวเองทันที

    ความรู้สึกบางเบาละลายในปากทำให้เฟย์ตันรู้สึกพึงพอใจ แม้จะไม่ได้เกรดพรีเมี่ยมเท่าที่คนที่บ้านหามาให้ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็นับว่าสมกับเป็นมาเฟียจริง ๆ ที่ในเวลาแบบนี้ยังหาของอร่อยเกรดดีแบบนี้มาได้

    "นั่งกินไปก่อน ฉันไปคยธุระหวังว่ากลับมาแล้วเราจะได้คุยกันสักที" หัวหน้ามาเฟียว่าแล้วก็ลุกขึ้นออกจากห้องไป ได้ยินเสียงแว่วบอกลูกน้องหน้าห้องให้เฝ้าไว้ให้ดีก่อนตัวเองจะกลับมม

    "อื้มม ของอร่อยก็ยังเป็นของอร่อยอยู่วันยังค่ำ" ดื่มด่ำกับโอโทโร่ตรงหน้าโดยที่ลืมไปแล้วว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง 

    แต่ทันใดนั้นซูชิโอโทโร่ของโปรดเฟย์ตันก็ทำให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะความตะกละหรือโชคชะตากลั่นแกลงกันแน่ที่ทำให้ซูชิเผลอเข้าไปติดที่หลอดลม ไม่ว่าเฟย์ตันจะพยายามขย่อนมันออกมายังไงของที่ติดอยู่ก็ไม่ออกมา แถมตอนนี้ไอ้มาเฟียนั่นก็ออกไปคุยโทรศัพท์ จะร้องขอความช่วยเหลือก็พึ่งสังเกตว่าอีกคนไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมแล้ว

    "แค่ก! อึก แค่ก!" ยิ่งเวลาผ่านไปเฟย์ตันก็ยิ่งรู้สึกอยากอาเจียนอาหารที่กินลงไป อาการแน่นหน้าอก หอบจนทรุดตัวลงไปดิ้นทุรนทุรายที่พื้น ไม่กี่นาทีต่อมาก็สิ้นใจลงไปตรงนั้น..

    เฟย์ตันได้แต่คิดว่าเป็นการตายที่ตัวเฟย์ตันเองไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมาดับให้กับอาหารโปรดอย่าง โอโทโร่ ..

    หอโคมแดงหงเยว่

    ​​​"ซานซานเจ้าถือห่ออะไรมา" เสียงหวานหยดย้อยเอ่ยถามคนสนิทที่โอบอุ้มห่อผ้าสีขุ่นเข้ามา สังเกตมองดี ๆ ถึงเห็นว่ามีเด็กกายขาวนวลผิวย่นกำลังอ้าปากเหมือนหาอะไรบางอย่าง

    "ข้าเห็นอยู่ทางเข้าป่าเจ้าค่ะหลิวมา" ซานซานตอบกลับผู้เป็นเจ้านายอย่างกลัวว่าตนจะโดนต่อว่าที่พาเด็กที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามา

    หลิว หย่าลู่ หรือคนในหอโคมแดงแห่งนี้เรียกว่า หลิวมา มาที่มาจากมามา (mama)

    สถานที่แห่งนี้คือหอโคมแดงที่ตั้งอยู่ในแคว้นเทียนเหอ แต่หอหงเยว่ก็ไม่ได้เป็นดั่งหอโคมแดงเช่นแคว้นอื่น หอหงเย่วเป็นหอโคมแดงที่เน้นไปที่การแสดงมากกว่าการร่ำสุราแล้วปลดเปลื้องอาภรณ์อย่างหอโคมแดงหลาย ๆ ที่

    หอหงเยว่มีการแสดงกู่เจิง พิณ และอีกหลายเครื่องสาย การร่ายรำที่งดงามชดช้อย สามารถดึงดูดผู้คนยศใหญ่ขั้นขุนนางเข้ามาชมชอบอยากไถ่ซื้อตัวก็มี แต่หากอยากได้รับการปรนนิบัติก็ต้องจ่ายเสนออัฐในราคาสูงให้กับนางโลมเอาเอง ทำให้หอหงเยว่ต้องจ่ายราคาสูงมากกว่าหอโคมแดงที่อื่น ตามตำรับปกติของหอโคมแดงแล้วอาจเป็นผู้ที่จ่ายอัฐจะได้เลือกนางโลม แต่ที่แห่งนี้นางโลมเป็นฝ่ายเลือกให้บริการแก่ผู้จ่ายอัฐแทน

    ด้วยความแตกต่างแต่ก็แลกมาด้วยความสุขที่สุขสมอย่างที่ใจหวังแบบไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน ทำให้เหล่าเอกบุรุษทั้งหลายฝันใฝ่อยากจะเข้าไปในหอหงเยว่แล้วโดนเลือกสักครั้ง ไม่ใช่เพียงเข้าไปเพื่อชมการแสดงเท่านั้น

    "เอามาให้ข้าดูสิ ผิวพรรณเฉกเช่นนี้มิใช่ไปลักขโมยเขามาแน่หรือ" ปากแต้มลิปสีแดงชาดเต็มริมฝีปากเย้าแหย่คนสนิทที่ยังไม่เลิกทำท่าทีเหมือนโดนตนดุด่า

    "เปล่า เปล่านะเจ้าคะหลิวมา! ตอนข้าอุ้มเขามา ข้าเห็นสิ่งนี้อยู่กับเด็กเจ้าค่ะ แต่ข้าอ่านมิได้ความ" ว่าแล้วซานซานก็ส่งกระดาษที่ว่าให้หย่าลู่เปิดอ่าน กวาดสายตาอ่านจนพอจับใจความได้ก็พับเก็บใส่ในเสื้อแล้วเอ่ยขึ้นว่า

    "ข้าจะรับเด็กคนนี้เป็นบุตร ให้แซ่หลิวกับเขา เลี้ยงให้เหมือนลูกของข้า" หลิว หย่าลู่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาด มองเด็กตัวขาวในห่อผ้าที่ผอมแห้งจนเกรงว่าจะต้องรีบหาน้ำนมให้ดื่มกินให้ได้เร็วที่สุด

    หลิว หย่าลู่ แม่เล้าหอหงเยว่ หรืออีกชื่อที่นางโลมเรียกขานกันก็คือ หลิวมา เป็นหญิงแม่เล้าผิวขาวเหมือนหยวกกล้วย ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ คิ้วเรียงสวยเป็นระเบียบ ปลายคางมีความโค้งมน หน้าผากกว้างโหนกนูนโค้งมนเนียนสวย ใบหน้าที่โหงวเฮ้งดีไปทุกสัดส่วน ชมชอบการใส่ชุดสีเข้ม ถือพัดลายกิ่งเหมยเป็นของประจำกาย ชโลมน้ำปรุงกลิ่นดอกเหมยกุ้ย (ดอกกุหลาบ) จนกลิ่นฟุ้ง

    อดีตเป็นเพียงนางโลมต่ำต้อยไร้ศักดิ์ศรี มาบัดนี้กลับกลายเป็นหญิงที่ผู้คนต่างอยากร่วมเตียง ถึงขั้นอดีตเมื่อไม่นานเคยมีขุนนางมาเสนอซื้อตัวแต่งเข้าจวนเป็นฮูหยินรองด้วยอัฐไม่จำกัด ขอเพียงแค่เรียกร้องมาก็จะหามาให้ แต่หลิว หย่าลู่นอกจากจะไม่สนใจแล้ว ยังเสนอให้นางโลมคนอื่นปรนนิบัติขุนนางคนนั้นแทน นับได้ว่าหลิว หย่าลู่ สามารถยกระดับหอหงเยว่ขึ้นมาได้อย่างดี จนทำให้หอโคมแดงหลายแห่งกำลังพยายามทำเลียนแบบตามหอหงเยว่

    ส่วนเด็กชายในห่อผ้าสีขุ่นตอนนี้รับรู้ได้เพียงแค่เสียงอู้อี้ฟังไม่ชัด ตาที่พยายามลืมเพื่อที่จะมองรอบตัวกลับขุ่นมัวเห็นเพียงสีขาวดำลาง ๆ 

    'นอกจากจะซูชิติดคอตายอย่างอนาถาแล้ว ลงนรกมาตายังมองไม่เห็นสิ่งรอบตัวอีก ชีวิตของเฟย์ตันนี่มันช่างบัดซบเสียจริง!' 

    คนที่คิดว่าตัวเองอยู่ในนรกแล้วคิดเรื่องราวในหัวขึ้นเป็นตุเป็นตะไปเอง ภาพที่หลิว หย่าลู่ กับซานซานเห็นคือเด็กน้อยที่พยายามลืมตาเล็ก ๆ ใช้มือตัวเองถูไถไปทั่วไปหน้าจนคนเห็นกลัวว่าเล็บจะข่วนเอาต้องจับมือเล็กลง

    "ซื่อซื่อมาแล้วเจ้าค่ะ" หลิว หย่าลู่ที่เห็นคนที่บอกให้ซานซานไปตามมามาถึง ก็ส่งห่อผ้าในมือไปให้ คนที่เข้ามาใหม่ก็ถกผ้าคาดอกลงจนเห็นเต้าอวบอิ่มที่มีน้ำนมปริ่มจะหยดอยู่ร่อมร่อ จับเต้านมใส่ปากเด็กน้อยอย่างไม่คิดจะตั้งคำถามหรือสงสัยอะไร

    "หลิวมาให้นามเขาว่ากะไรหรือเจ้าคะ" ซานซานจ้องมองเด็กน้อยดูดนมอย่างเอาเป็นเอาตายก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ และตอนนี้ซานซานอยากรู้ชื่อคุณชายของหอหงเยว่แล้ว

    "หลิว หยางหยาง ข้าให้นามเขาว่าหลิว หยางหยาง แซ่หลิว นามหยางหยาง" มือสวยตอบคนของตัวเองมือก็เลือกผ้าผืนใหม่เพื่อใช้หลังเช็ดตัวให้เจ้าตัวเล็ก

    นามหยางหยางที่หลิว หย่าลู่มอบให้ไม่ได้มอบให้เพียงส่ง ๆ แต่ผ่านการคิดมาแล้วอย่างดี หลิว หย่าลู่ตั้งใจไว้ว่าจะเลี้ยงให้เด็กคนนี้เติบโตไปเหมือนแกะขาวที่ในสายตาคนอื่นอาจมองว่าเป็นแกะขาวที่โง่งม แต่หารู้ไม่ว่าแกะขาวที่โดนแม่เล้าฟูมฟักมาจะต้องเป็นแกะขาวที่ซ่อนคมเล็บไว้ข้างในแข็งแกร่งไม่แพ้ใคร

    "เสี่ยวหยางของซานซาน" 

    "หึ ยังมิทันได้เลี้ยงดูก็จะให้ท้ายกันแล้ว" หลิว หย่าลู่ที่ตอนแรกก็เป็นห่วงเรื่องที่เด็กคนนี้จะต้องโตมาในหอโคมแดง อยู่ท่ามกลางนางโลมมากมาย อาจโดนล้อเวลาออกไปข้างนอก แต่ก็ต้องตัดใจในสิ่งที่คิดเมื่อคิดถึงจดหมายที่มาพร้อมกันกับเด็กน้อย

    หลิว หยางหยาง 5 เดือน

    "เอิ้ก! " เด็กวัย 5 เดือนที่ส่งเสียงเรอดังจากการเข้าเต้าแล้วดูดกินนมจนท้องป่อง เรอเสร็จก็หันซ้ายขวาตามเสียงพู่กระดิ่งจากปิ่นของหลิวหย่าลู่ที่มีซานซานคอยสั่นส่งเสียงให้หันตามอีกที

    "คุณชายของซานซานนี่ชอบเสียงกระดิ่งมิเปลี่ยนตั้งแต่เด็กจนตอนนี้เลยนะเจ้าคะ" ทันทีที่ได้ยินหยางหยางก็ส่งเสียงหัวเราเอิ้กอ้ากจนปากบานเหมือนฟังซานซานพูดรู้ความ

    "พอกินอิ่มก็หัวเราะจนปากบาน น่าชังเสียจริง" หยิว หย่าลู่เดินเข้ามาในห้องหลังจากลงไปจัดการเรื่องคัดนางโลมเข้ามาเพิ่มตั้งแต่ยามเฉิน (7:00-8:59น) จนตอนนี้ยามเว่ย (13:00-14:59น) แล้วพึ่งจะมีเวลามาพบหน้าหยางหยาง

    "ฮึบ ฮึบ" หยางหยางหันมองทางกลิ่นหอมที่ได้กลิ่นมาเป็นเวลา 5 เดือนทุกวัน จนหลิวหย่าลู่นั่งลงข้างเบาะที่หยางหยางนอนอยู่หยางหยางก็พยายามพลิกคว่ำตัวจนหน้าดำหน้าแดง

    "ทำกะไรของเจ้า หากคว่ำหน้าตอนนี้เดี๋ยวก็ท้องแตกเอาหรอก" หลิว หย่าลู่ว่าพร้อมจับหยางหยางกลับมานอนหงายท้องเช่นเดิม แล้วเอานิ้วชี้เรียวสวยจิ้มลงไปที่พุงกลมที่มีน้ำนมอัดแน่นอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่ากินเพื่อรีบโตหรือกินเพราะตะกละตะกลามกันแน่ เห็นทีเมื่อรู้ความคงต้องสอนกันจนปวดหัวเป็นแน่


    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×