ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love @ First Sight วางแผนร้าย ขอรักนายน่า Luv ! (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 12 ::ツ In Young...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 595
      1
      28 ก.ย. 55

     


    Chapter 12
     

    (Special : NamCha - Part)

     

    “คนที่จะมาเป็นเมียพี่... มีคนเดียวคือข้าวผัดนะครับ”

     

    แอบเขินเหมือนกันนะครับที่พูดอะไรแบบนั้นไป แต่พูดไปแล้วก็ต้องดูการตอบสนอง...

     

    “คะ... ใครจะไปเป็นเมียพี่กัน อย่ามามั่ว!

     

    ว่าที่เมียของผม(?) ทำหน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงสุกเลยครับ ผมชอบนะ เพราะปกติมันชอบทำหน้าตึงๆ ไม่ก็กวนตีน นานๆ ทีทำหน้าเขิน

     

    “หึหึ... ใครนะที่บอกว่า.. นี่... ผมชอบพี่รึเปล่านะ

     

    ผมล้อมัน... ตอนนั้นน่ะผมยังไม่หลับหรอก ใครจะหลับหรอกล่ะเวลาได้นอนข้างๆ คนที่รักแต่ทำอะไรไม่ได้ แถมยังต้องข่มใจไม่ให้ทำอะไรอีก ยิ่งพอได้ยินมันพูดแบบนี้อีก... ผมน่ะแทบจะกระโจนเข้าใส่แล้วบอกความรู้สึกผมไปเลยด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ได้อยากให้มันแค่ชอบผม ผมอยากให้มันรักผม เหมือนที่ผมรักมัน

     

    “โว้ย ย หุบปากไปเถอะหน่า ขับรถไป !

     

    หึๆ อย่าเขินโหดสิ ยิ่งทำแบบนี้ผมยิ่งรักมันมากขึ้นเรื่อยๆ อยากกดมันแล้วสิ(?) (เฮียๆ อย่าเรท ไม่อยากโดนเบน)

     

    ผมขับรถมาเรื่อยๆ จนมาถึงร้านอาหารที่ผมนัดกับพี่โค้กไว้ พี่โค้กเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวครับ พี่โค้กอายุ 25 ปี แต่หน้ายังเหมือนอายุ 18 พี่โค้กย้ายออกจากบ้านไปอยู่คอนโดเพราะใกล้ที่ทำงานมากกว่า และส่วนตัวกว่า จะได้ทำอะไรสะดวกๆ หึหึ และดูเหมือนพี่โค้กจะมีคนถูกใจ ผมกำลังจะมีพี่สะใภ้ครับ ถ้าคนไหนพี่โค้กพามาเจอแสดงว่าคนนั้นสำคัญ แล้วก็พิเศษมากๆ แถมพี่แกยังกำชับมาอีกถ้าใครมีแฟนให้พามาเปิดตัว ถ้าไม่พามา... พี่แกจะเฉือด.. ทิ้ง!

     

    ผมขับรถใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีร้านอาหารที่ผมนัดกับพี่โค้กไว้อยู่แถวๆ ชานเมือง คนไม่ค่อยเยอะ แต่ในร้ายกับเพียบ ร้านอาหารนี้ผมกับครอบครัวมากันบ่อยๆ เลยสนิทกับเจ้าของร้าน ได้ทั้งส่วนลดพิเศษ ที่พิเศษ การบริการพิเศษ แทบจะเรียกว่า... เหมือนกินร้านญาติเลยครับ ฮ่าๆ

     

    ผมจอดรถไว้ที่จอดรถก่อนจะเดินนำพาข้าวผัดไปยังโต๊ะที่จองไว้ ทั้งโต๊ะเหมือนจะรอผมกับข้าวผัดสองคน เพราะมากันครบแล้ว คนที่มาก็มีพี่โค้ก กับใครไม่รู้ แต่เป็นเด็กชาย นี่ถ้าผมไม่ได้รักข้าวผัด และเด็กนั้นไม่ใช่คนพิเศษของพี่ชายผม ผมจีบแน่ ตัวเล็กๆ เหมือนจะสูงพอๆ กับข้าวผัด แต่ดูน่าถนอมกว่า ผิวขาวอมชมพู ปากแดง น่ารักวุ้ย ถัดมาก็ไอ้ข้าวต้มที่กำลังนั่งซดเหล้าขาวตางูเห่าดง(?) <<<นี่ๆ มาร้านอาหารหรูนะเว้ย ย ไปเปลี่ยนยี่ห้อไป กับไอ้ซัน แล้วก็ไอ้เชส ถัดมาก็ไปไอ้พารท์ที่กำลังนั่งทำพระเอกเอ็มวี นั่งอมยิ้มคนเดียว แต่แปลกวันนี้แฟนมันไม่มาด้วย สงสัยเลิกกัน(?)

     

    “กูยังรักกันดีอยู่...”

     

    ผมอ่านปากอ่านพารท์ รู้ใจกูด้วยเว้ย ถัดไปก็เป็นน้องผม กับน้องไอ้ข้าวผัด ที่เหมือนคู่ใหม่ปลามันสวีตกันเหมือนมีกันสองคนบนโลก

     

    “แฟนเหรอชา?”

     

    พี่โค้กทักผม ผมมองดูข้าวผัดว่าจะให้ผมตอบว่าอะไร ถึงอยากจะตอบว่าใช่ก็เถอะ แต่ก็กลัวข้าวผัดมันเขิน หึๆ

     

    “ชะ...”

     

    “ไม่ใช่ !

     

    ไอ้ข้าวผัดรีบพูดแทรกด้วยสีหน้าแดงก่ำเหมือนคน... ผมไม่รู้ว่ามันเขินหรือโกรธกันแน่ มันรูปเดินไปนั่งข้างๆ น้องมัน ผมก็เดินไปนั่งลงข้างมัน

     

    “ทำไมถึงตอบว่าไม่ใช่ล่ะ?”

     

    ผมถาม หรือที่ผมแสดงออกจะยังไม่แสดงให้มันรู้ว่าผมรักมัน?

     

    “ก็มึง เอ่อ... พี่กับผมไม่ได้เป็นแฟน ก็แค่คนรู้จัก”

     

    คนรู้จักงั้นเหรอ... เจ็บจิ๊ดเลยนะครับ แสดงว่า... เรื่องตอนเด็กๆ ของเรา มันคงลืมไปหมดแล้วสินะ

     

    “เหรอ... นั้นสินะ”

     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    หลังจากนั้นบทสนทนาของผมกับข้าวผัดก็หยุดลง ผมไม่ได้คุยกับมัน หรือกับใคร มันเองก็เหมือนกัน ไม่รู้สิ... มันเหมือนผมกำลังน้อยใจ ทั้งๆ ที่เคยทำอะไรด้วยกันมากมาย ทั้งๆ ที่เคยสนิทกันมากๆ มาก่อน ทำไมถึงพูดแค่ผมเป็นคนรู้จักมันเคยบอกชอบผมไม่ใช่เหรอ?

    ผมเพิ่งรู้ว่าคนสำคัญของพี่โค้กชื่อพายครับ ยังเด็กอยู่เลยเรียนม.4 ห่างกับพี่ผมประมาณเก้าปีเลยนะนั้น จะโดนข้อหาพากย์ผู้เยาว์มั้ยนั้น

     

    “ขออนุญาตเสริฟ์อาหารนะครับ”

     

    เสียงพนักงานบอกก่อนจะวางอาหารที่พวกผมสั่ง คือสั่งมาเรียกคณะลิเกเหรอ? สั่งมาเอาซะเยอะเลย ใครจะกินหมดล่ะเนี่ย

     

    “เคน...”

     

    จู่ๆ ไอ้ซันก็พูดขึ้นไม่มีปี่ และขลุ่ย ก่อนจะจับมือพนักงานคนนั้นไว้ ซึ่งเมื่อผมเห็น... เขาคัดพนักงานมาก่อนรึเปล่า? ผู้ชายหล่อ ร่างสูงผิวขาว เอาเป็นว่าหล่อ และแน่นอนผมหล่อกว่า

     

    “อาหารที่สั่งได้ครบนะครับ ถ้ามีอะไรขาดเหลือ กดปุ่มสีแดงนะครับ”

     

    พนักงานคนนั้นบิดมืออกก่อนจะรีบเดินออกไป ส่วนไอ้ซันก็เหมือนผีเข้า รีบกระโดดวิ่งออกไปตามพนักงานคนนั้น ดูท่า... ผมคงต้องคิดคำถามเตรียมถามมันพรุ่งนี้แล้วล่ะ

     

    “เฮ้ย... เมื่อกี้ใครว่ะ?”

     

    ไอ้เชสถามหลังจากซดไวท์เข้าปาก มึงยังแดกไม่พออีกเหรอว่ะ? เห็นแดกปานน้ำเปล่ามาจะชั่วโมงแล้ว

     

    “หล่อจัง...”

     

    ผมได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ ข้างผม เห็นคนหล่อไม่ได้เลยนะมึง ถ้าไม่ติดว่ากูงอนมึงอยู่กูจับมึงกดแน่ข้าวผัด ! ส่วนไอ้ข้าวต้มตอนนี้เมาไม่รู้เรื่อง... ปกติมันไม่ได้เป็นคอทองแดงเหมือนผม ไอ้เชส แล้วก็ไอ้ซัน มันจะกินเฉพาะตอนเครียด และผมก็ไม่ค่อยอยากให้มันกินด้วย กินแล้วเมา... เมาแล้วเละ เละจริงๆ นะ

     

    “แม่ง ง มึงคิดว่ามึงสวยเหรอ? มึงถึงทิ้งกู อิดอกทอง ง”

     

    ใครก็ได้เอามันไปเก็บที กูรำคาญ

     

    “พี่ต้มกลับบ้านก่อนมั้ย เดี๋ยวข้าวปั้นไปส่ง”

     

    ข้าวปั้นถามไอ้ข้าวต้มด้วยความเป็นห่วง คงไม่เคยเจอพี่ตัวเองสภาพนี้

     

    “ไม่ต้อง ง อึก ก พี่กลับเองได้”

     

    แล้วมันก็เดินออกจากห้องไป... คือมึงลืมกุญแจรถไว้ แล้วมึงจะกลับยังไงเหรอ?

     

    “พี่ข้าวต้ม ม พี่ลืมกุญแจรถ”

     

    แต่เสียงของข้าวปั้นก็ไปไม่ถึงมัน เพราะมันเดินออกไปแล้ว มันจะเมาไปเผลอฉุดใครเปล่าว่ะ? ตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่ผม ข้าวผัด ข้าวปั้น ไอ้หวาน พี่โค้ก และก็น้องพาย ไอ้พาร์ทขอตัวกลับก่อนเพราะจะไปส่งไอ้เชสที่เริ่มมึนๆ แล้วก็จะไปรับเมียมัน

     

    “ข้าวปั้นจะกลับบ้านมั้ย?”

     

    ผมหันขวับ

     

    “วันนี้คงไม่กลับ เดี๋ยวจะไปทำโครงงานที่บ้านน้ำหวาน”

     

    ผมได้ยินเสียงพี่โค้กหัวเราะในลำคอ ผมว่าพี่แกคงถูกใจว่าที่น้องสะใภ้คนนี้นะ เห่อๆ ไอ้ข้าวผัดทำหน้าหงิกทันทีที่ได้ยินคำตอบ หึ... ดีมากข้าวปั้น ดูท่าผมจะโดนง้อแล้วใช่มั้ย?

     

    “โทรไปชวนไอ้เคียว กับไอ้รักมานอนด้วยก็ได้ว่ะ... แต่โทรศัพท์อยู่ไหน?”

     

    ไอ้ข้าวยื่นมือคำหาโทรศัพท์ เอ... เหมือนผมจะเห็นมันอยู่บนรถผมรึเปล่านะ หึๆ

     

    “สงสัยลืมไว้... ทำไงดีว่ะ”

     

    ผมเห็นมันนั่งกัดปาก ก่อนจะหันมามองผมเป็นระยะๆ หึๆ ส่วนผมก็ทำหน้าไม่สนใจตักนู้นตักนี้มากิน คุยเรื่อยเปื่อยกับพี่โค้ก ก่อนเหมือนผมจะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงแถวๆ ชายเสื้อ

     

    “มึงๆ เอ๊ย... พี่ชา”

     

    นึกว่าใครดึง น้องข้าวผัดนี่เอง หึๆ ผมเลิกคิ้วก่อนจะทำเหมือนมันไม่มีตัวตน แล้วคุยต่อ มันทำหน้าฮึดฮัดเหมือนอยากจะฆ่าคน แต่ทำไม่ได้

     

    “พี่ชาสนใจข้าวผัดก่อนสิ!

     

    เหมือนมันกำลังพยายามควบคุมเสียง และสีหน้าไม่ให้โมโห

     

    “อะไร?”

     

    ผมตอบเสียงห้วน ก็อยากแกล้งมันบ้างหนิครับ สนุกดี... หึๆ

     

    “คะ.. คืนนี้ไปนอนเป็นเพื่อนหน่อย”

     

    มันก้มหน้าลงแล้วพูดเสียงเบา มึงกำลังเขินรึไง?

     

    “เราเป็นแค่คนรู้จักกันไม่เหมาะหรอกม้าง ง”

     

    ผมลากเสียงยาวก่อนทำหน้ากวนตีนมันไป และดูเหมือนผมจะทำให้มันโมโหเข้าแล้วด้วย

     

    “เออ! กูยอมนอนโดนผีหลอกก็ได้ว่ะ!!!

     

    แล้วมันก็เดินออกไป เหมือนผมเห็นมันร้องไห้ เฮ้ย ผมแกล้งแรงไปเหรอ...

     

    “เอ่อ... พี่ข้าวผัดกลัวความมืด กลัวผี แล้วก็การอยู่คนเดียวมากๆ น่ะครับ”

     

    ข้าวปั้นพูดขึ้น ความจริงผมก็รู้อยู่แล้วนะ แต่มันไม่น่าจะขั้นนี้หนิ

     

    “มีครั้งหนึ่งตอนพี่ผัดอยู่ประมาณป.หก ตอนนั้นผมไปนอนบ้านพี่ชา แล้วพี่ข้าวต้มก็ไปนอนค้างบ้านเพื่อน แล้วพ่อกับแม่ก็ออกทำงาน พี่ข้าวผัดอยู่บ้านคนเดียว”

     

    ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในภาวะความเงียบ กำลังจดจ่อในสิ่งที่ข้าวปั้นพูด

     

    “มีโจรบุกเข้าบ้าน... แล้วโจรก็เห็นพี่ข้าวผัด ตอนแรกโจรมันจะข่มขืนพี่ข้าวผัด แต่พอรู้ว่าพี่ข้าวผัดเป็นผู้ชายมันก็เลยเปลี่ยนมาเป็นตีแทน..”

     

    ผมฟังมาถึงท่อนนี้แทบจะอยากเห็นหน้าไอ้โจรคนนั้น แล้วจับมันฆ่าแม่งเลย

     

    “แล้วทำไมถึงปล่อยให้ข้าวผัดอยู่บ้านคนเดียวล่ะ?”

     

    พี่โค้กถามขึ้น... นั้นสิ เด็กป.หกน่าจะมีคนอยู่เป็นเพื่อนนะ

     

    “ก็... ความจริงแล้วจะได้อยู่กันสามคนล่ะฮะ คือข้าวปั้น พี่ข้าวผัด แล้วก็พี่ข้าวต้ม แต่พอดีวันนั้นข้าวปั้น กับพี่ข้าวต้มมีงานสำคัญจริงๆ เลยต้องไปค้างที่อื่น ตอนแรกก็อยากจะให้พี่ข้าวผัดไปด้วย แต่พี่ข้าวผัดไม่ไป แล้วก็บอกว่าอยู่ได้ไม่เป็นไร.. ฮึก”

     

    ข้าวปั้นเล่าถึงตรงนั้นแล้วก็เริ่มจะร้องไห้ ร้อนถึงไอ้น้ำหวานต้องรีบปลอบ

     

    “แล้วเป็นไงต่อ?”

     

    ผมถามอยากรู้เรื่องทั้งหมดไวๆ ก่อนข้าวปั้นจะเริ่มเล่าต่อ

     

    “โจรทำร้ายพี่ข้าวผัดจนสลบแล้วมัดไว้กับเตียง แล้วจุดไฟเผาบ้าน...”

     

    ผมรู้สึกอึ้ง... ไอ้โจรชั่ว...

     

    “ดีที่ชาวบ้านแถวนั้นเห็นพอดี  แล้วโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทัน พี่ข้าวผัดเลย...”

     

    ผมไม่ได้ฟังจนจบ ผมรีบวิ่งตามข้าวผัดออกไป ในใจก็นึกขอโทษที่เผลอแกล้งแรงไป ถ้าผมรู้เรื่องนี้นะ... ผมนี่มัน... ให้ตายเถอะ น่าโมโหตัวเองชะมัด ผมเห็นมันกำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้ตรงมุมอับมุมหนึ่ง ผมรีบเดินเข้าไปหามัน

     

    “ข้าวผัดกลับบ้าน... พี่จะไปส่ง”

     

    ผมเห็นมันรีบกระโดเข้ามากอดผมแน่น ตัวมันสั่นๆ และผมรู้สึกเหมือนตรงแถวไหล่ของผมกำลังเปียก

     

    “ฮือ อ จะไม่ปล่อยข้าวผัดไว้คนเดียวใช่มั้ย? จะอยู่กับข้าวผัดใช่มั้ย? ไม่เอา ฮือ ข้าวผัดไม่อยากอยู่คนเดียว ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

     

    ผมเห็นมันร้องไห้หนัก ในใจผมก็ได้แต่นึกขอโทษ ถ้าตอนนั้นผมบอกว่าผมจะไปนอนด้วยแค่นั้น ข้าวผัดก็คงจะไม่ได้ร้องไห้... แล้วก็ไม่ได้คิดถึงอดีตที่เลวร้ายนั้น ผมกอดข้าวผัดแน่น ก่อนจะลูบหัวปลอบโยน

     

    “โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะครับ”

     

    มันเงยหน้ามองผม ตามันแดงก่ำ นั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ผมไม่ชอบน้ำตามันเลย

     

    “ฮึก... จะไม่ปล่อย หะ.. ให้ข้าวผัดอยู่คนเดียวใช่มั้ย?”

     

    สายตามันเว้าวอน ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตามันออก ก่อนผมจะก้มลงจูบลงหน้าผากมัน

     

    “ไม่เป็นไรนะครับข้าวผัด... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น น้ำชาจะปกป้องข้าวผัดเองนะครับ...”

     


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
     
    (Writer : Talk)
    มาถึงตอนนี้แอบน้ำตาไหลเบาๆ โถ่ ข้าวผัดที่รักตอนเด็กเธอเกือบโดนปล้ำหรือนี่ ดีแล้วที่รอดมาได้ แอบอยากเตะพี่ชาเบาๆ บอกแล้วว่าอย่าแกล้งน้องแรง ตอนหน้าง้อเด็กมันดีๆ เข้าใจป่ะ?
     
    ปล.ขอบคุณทุกคอมเมนต์คร้าบ บ จะได้สามร้อยแล้ว ว ดีใจมาก ก > <


     




     
     
     
    © Tenpoints!

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×