ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTS] "Noodle Project รักนี้ต้องลวก" เล็กหมูน้ำตก | KOOKV FT.BTS

    ลำดับตอนที่ #9 : เล็กหมูน้ำตก : ชามที่ 8 1OO%

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 58



     Chapter 8



    แสงแดดอ่อนสาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างจนทำให้คนน่ารักที่นอนอยู่รู้สึกตัว ดวงตาคู่สวยลืมขึ้นอย่างช้าๆ ร่างบางจะขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ถูกคนที่นอนอยู่ข้างกันกอดไว้แน่น มือเรียวจึงแกะแขนแกร่งของอีกคนออกอย่างเบามือเพราะกลัวว่าจะทำให้ตื่น จนในที่สุดแทฮยองก็หลุดออกจากอ้อมแขนนั้นและออกมายืนอย่างเป็นอิสระอยู่ข้างเตียง

     

     

    “ปล่อยให้นอนไปก่อนก็แล้วกัน”

     

     

    คนน่ารักพูดเบาๆ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูแล้วเข้าไปอาบน้ำ ไม่นานนักก็ออกมาในเสื้อยืดสีแดงตัวโคร่งกับกางเกงขายาวของคนที่นอนหลับอยู่ ถึงส่วนสูงของแทฮยองกับจองกุกต่างกันไม่มากแต่กล้ามเนื้อและขนาดตัวจองกุกดูหนาและแข็งแรงกว่าเขามากเลยทีเดียว

     

     

    “เสื้อจะตัวใหญ่ไปไหนเนี่ย เด็กคนนี้โตไวชะมัดเลย”

     

     

    ร่างบางพึมพัมกับตัวเองอยู่หน้ากระจก หลังจากนั้นขายาวก็สาวเท้าไปยังหน้าประตูห้อง ก่อนที่มือเรียวจะเปิดประตูแง้มออกจนพอที่ตัวเองจะผ่านไปได้ และปิดมันกลับลงอย่างเบาที่สุดเพียงเพราะไม่อยากทำให้คนรักของตนนั้นรู้สึกตัว

     

     ผมมาอาศัยอยู่ที่บ้านของพี่เจบีจะครบสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่จอนออกจากโรงพยาบาล เจ้าเด็กแว๊นซ์นั่นก็ออดอ้อนให้ผมดูแลไม่ยอมให้ห่างไปไหนเลย

     

     

    “อรุณสวัสดิ์น้องวี”

     

     

    ร่างโปร่งเอ่ยทักแฟนของน้องชายร่วมบ้าน หลังจากที่เห็นว่าคนน่ารักกำลังทำท่าทางเหมือนหาอะไรในห้องครัว

     

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับพี่เจบี” ร่างบางตอบกลับก่อนจะยิ้มกว้างให้

     

    “หิวรึเปล่า เพื่อนเรามันเอาของกินมาให้ตั้งแต่เช้ามืดน่ะ พี่เก็บไว้ในตู้เย็น มีพวกของสดด้วยนะไม่รู้ไอ้หน้าม้ามันไปคึกจ่ายตลาดตั้งแต่เมื่อไหร่”

     

    “อ่า ผมหิวนิดหน่อยครับ พี่เจบีกินข้าวรึยัง?” ร่างบางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะถามกลับ

     

    “พี่กินไปตั้งแต่ตอนที่ไอ่หน้าม้ามันเอามาให้แล้วจ้ะ น้องวีตามสบายเลยนะ”

     

    “ขอบคุณครับ”

     

     

    แทฮยองตอบเจ้าของบ้าน หลังจากนั้นก็เปิดตู้เย็นมองหาวัตถุดิบที่พอจะนำมาทำอาหารเช้าให้ตัวเองและคนที่นอนเจ็บอยู่กินได้

     

     

    “น้องวี พี่ฝากไอ้จอนด้วยนะ”

     

     

    คนน่ารักหันไปมองหน้าเจบีที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ซึ่งกำลังมองเขากลับอยู่เช่นกัน

     

     

    “ตั้งแต่มันคบกับน้องวี มันเลิกทำตัวเกเรแล้วตั้งใจเรียน มันยอมปรับปรุงตัวเองขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องรักน้องมากแน่ๆ” เจบีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    “ครับ ผมจะดูแลจอนให้ดี ผมเองก็อยากให้เด็กคนนี้มีอนาคตที่ดีเหมือนกันครับ”

     

    “จอนมันเป็นเด็กน่าสงสารนะ พ่อแม่มันก็ตายไปตั้งแต่มันยังเด็ก ญาติที่รับมันไปเลี้ยงก็แค่เพราะต้องการเงินมรดกของพ่อแม่มัน ไอ่จอนมันเลยหนีออกจากบ้านมาเป็นเด็กเร่ร่อน”

     

    “พ่อแม่ของจอนตายไปแล้วหรอครับ... ผมไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

     

     

    มิน่าล่ะ จอนเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา หรือครอบครัวของเขาให้ผมฟังเลย

     

     

    “ไอ่จอนมันเก็บความรู้สึกเก่ง เวลามีเรื่องไม่สบายใจ มันก็ไม่ค่อยบอกอะไรใครหรอก มันคงไม่อยากให้คนอื่นต้องทุกข์ใจไปด้วยน่ะ”

     

    “แล้วพี่เจบีไปรู้จักกับจอนได้ยังไงหรอครับ” แทฮยองถามด้วยความสงสัย

     

    “พี่เจอไอ่จอนโดนพวกเด็กวัยรุ่นรุมกระทืบมันอยู่นะ เลยเข้าไปช่วย พอจะพาไปส่งบ้านมันก็ดื้อจะไม่กลับ พอได้คุยกันก็เลยสงสารให้มันมาอยู่ด้วยสักพัก อยู่ไปอยู่มาก็จะสิบปีแล้วล่ะ ฮ่าๆ” เจบีตอบ

     

    “เอ่อ แล้วทางญาติของจอนเขาไม่คิดจะตามหาจอนเลยหรอครับ” ร่างบางถามต่อ

     

    “มันแค่อยากได้เงินไงน้องวี ไอ้จอนหนีออกมาแบบนี้มันคงดีใจด้วยซ้ำไปนะพี่ว่า”

     

     

                แทฮยองตกใจกับสิ่งที่เจบีพูดออกมา เรื่องราวเกี่ยวกับจอนจองกุกที่เขาไม่เคยรู้และคาดคิดมาก่อนว่าแฟนของตนเองจะมีอดีตความหลังที่เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเขาเลย บางทีอาจจะมากกว่าการสูญเสียที่เขาเจอมาด้วยซ้ำ..

     

     

    “ใจร้าย... ฮึก... ทำไมพวกเขาถึงใจร้ายกับจอนแบบนี้” ดวงตาคู่สวยน้ำตาคลอ

     

    “เห้ย น้องอย่าร้อง เดี๋ยวไอ้จอนออกมาเห็นก็คิดว่าพี่แกล้งแฟนมัน”

     

    “ฮึก... ผมขอโทษครับ ฮือ... แต่ผมสงสาร ฮึก... จอน”

     

     

    มือเรียวปาดน้ำตาที่ไหลลงมาข้างแก้มของตัวเอง

     

    ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่กวนตีนอย่างจอน จะมีเรื่องราวความหลังที่น่าสงสารแบบนั้น จอนเป็นเด็กที่เข้มแข็งเกินกว่าที่ผมคิดไว้อีกครับ

     

     

    “หยุดร้องแล้วทำกับข้าวต่อเถอะน้องวี หลังจากนี้ไปพี่ฝากไอ้จอนมันด้วยแล้วกัน ไอ้จอนมันไม่มีใคร มันมีแต่น้องวีนี่แหละที่ทำให้มันมีความสุขและเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตมัน”

     

     

    เจบีพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัว ร่างบางหยุดร้องแล้วเช็ดน้ำตาจากดวงตาคู่สวยจนหมด ก่อนจะกลับไปจัดการทำอาหารเช้าต่อ

     

     

    ที่ผ่านมานายพยายามทำให้พี่เลิกยึดติดกับอดีตที่เลวร้ายเหมือนกับที่นายทำมาตลอดใช่ไหมจอน ทั้งที่นายเองก็พบเจอเรื่องที่แย่มากกว่าพี่อีก แต่นายกลับคอยปลอบและทำให้พี่ยิ้มได้เสมอ ต่อจากนี้ไปพี่จะเข้มแข็งให้ได้แบบนายนะ พี่เองก็จะทำให้นายยิ้มเหมือนกัน

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

               

                “คุณหนูครับ อาหารเช้าเสร็จแล้วครับ จะลงไปทานเลยไหมครับ”

     

                “ฉันขี้เกียจลงไป นายบอกให้แม่บ้านยกขึ้นมาให้ฉันที่ห้องหน่อย”

     

                “ได้ครับคุณหนู”

     

                “อ้อ บอกแม่บ้านจัดมาสองชุดนะ”

     

     

    ซอกจินสั่งโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง มือยังคงเปิดเช็คเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน

     

    เมื่ออีกคนพูดจบ นัมจุนจึงเดินออกจากห้องไปเพื่อจัดการทำตามคำสั่ง ไม่นานนักอาหารเช้าก็ถูกยกขึ้นมาจัดวางที่โต๊ะในห้องนอน

     

     

    “นั่งสินัมจุน นายเองก็ยังไม่ได้กินอะไรมานี่”

     

    “เอ่อ จะดีเหรอครับคุณหนู”

     

    “นี่เป็นคำสั่ง นั่งกินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

     

    “ครับ” นัมจุนตอบก่อนจะขยับลงไปนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม

     

    “ขอบใจนะ” ซอกจินพูดระหว่างที่มือกำลังตัดเบค่อนในจาน

     

    “เรื่องอะไรครับคุณหนู”

     

    “ขอบใจที่นายกินข้าวเป็นเพื่อนฉันไง ตั้งแต่เลิกกับน้องวีไป ฉันก็กินข้าวคนเดียวมาตลอดเลยล่ะ”

     

     

    ชายไหล่กว้างตอบคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบาง ตาดวงตากลับฉายแววเศร้า

     

    กินข้าวคนเดียวที่ไหนล่ะครับ ผมคอยดูคุณหนูกินข้าวตลอดเลย เพียงแต่คุณหนูไม่สนใจผมก็เท่านั้นเอง

     

     

    “คุณหนู... เอ่อ วันนี้ให้ผมพาไปหาคุณแทฮยองมั้ยครับ?”

     

    “น้องวียังอยู่ที่บ้านไอ่เด็กแว๊นซ์นั่นไม่ใช่รึไง”

     

    “ใช่ครับ”

     

     

    ให้เวลาไอ่เด็กแว๊นซ์นั่นได้เก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่มีความสุขให้พอ ก่อนที่มันจะไม่มีโอกาส หึ....

     

     

    “ไว้ถึงเวลาที่เหมาะสม ฉันจะไปหาน้องวีเอง นายไม่ต้องห่วงหรอกนัมจุน”

     

    “ครับคุณหนู”

     

    ถึงจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ผมก็ยังเป็นห่วงคุณหนูอยู่ดีครับ สิ่งที่คุณหนูคิดจะทำมันคุ้มแล้วเหรอครับกับผลที่จะตามมา ผมจะห้ามคุณยังไงดีล่ะครับ คุณหนูซอกจิน....

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

                   

                พรึ่บ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

                “เฮ้ยยยยยยยยยยยย ไฟไหม้!!!!!!!!!!

     

     

    ร่างบางตะโกนเสียงดังลั่นอยู่หน้าเตาทันทีที่ไฟลุกโชน จนทำให้จองกุกที่นอนอยู่ได้ยินจึงตื่นและวิ่งลงมาหาต้นเหตุของเสียงนั้น

     

     

    “เฮ้ยยยยยยยยยยยย พี่วี!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

    มือหนารวบเอวบางที่ยืนนิ่งอยู่หน้าเตาออกมาจากบริเวณนั้น ก่อนจะหันกลับไปหยิบกระทะที่มีไฟลุกโชนโยนลงอ่างล้างจาน แล้วเปิดน้ำเพื่อดับไฟ

     

     

    “แค่กๆ”

     

     

    ควันจากการเผาไหม้ลอยคลุ้งจนทำให้แทฮยองสำลักควัน

     

     

    “พี่วีเป็นอะไรรึเปล่า บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ”

     

     

    ร่างสูงไล่สำรวจคนน่ารักตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเพื่อหาร่องรายจากไฟไหม้(ในกระทะ)เมื่อสักครู่นี้ แทฮยองได้แต่ยืนส่ายหน้าไปพร้อมกับดวงตาคู่สวยที่น้ำตาคลอ

     

     

    “จ..จอน... ฮึก... พี่ขอโทษ”

     

    “พี่วีร้องไห้ทำไมครับ เจ็บตรงไหนบอกจอนมานะ” จองกุกถามด้วยความตกใจ

     

    “ฮึก... เปล่า พี่ขอโทษนะ”

     

    “พี่วีขอโทษทำไมครับ ถ้าเรื่องไฟไหม้นั่นไม่เป็นไรหรอก แค่พี่วีปลอดภัยก็พอแล้ว”

     

     

    ร่างสูงบอกคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง มือหนาดึงตัวมากอดไว้ก่อนจะลูบหัวเพื่อจะปลอบขวัญ แต่กลับยิ่งทำให้แทฮยองนั้นยิ่งร้องไห้มากกว่าเดิม

     

     

    “ฮือออออออ จอน ฮึก... พี่ขอโทษ... ฮือออออ”

     

    “พี่วีเป็นอะไรบอกจอน ร้องไห้ทำไมบอกจอนสิครับ จอนเป็นห่วงพี่วีนะ”

     

    “พี่..ฮึก... พี่ตกใจ พี่กลัว...” ร่างบางสะอื้นในอ้อมกอดของอีกคน

     

    “ไม่ต้องกลัวแล้วนะ จอนอยู่กับพี่วีแล้วนี่ไง จอนจะคอยปกป้องพี่วีจากทุกอย่างเอง ไม่ร้องนะครับคนดี” จองกุกกระชับกอดแน่น

     

    “ฮึก.. พี่ขอโทษ พี่อยากทำ...ฮึก.... อาหารเช้าให้จอนกิน แต่พี่ก็ทำไฟไหม้.. ฮือ....”

     

    “ไม่ต้องขอโทษจอนหรอกครับ จอนต้องขอบคุณพี่วีด้วยซ้ำที่จะทำอาหารเช้าให้จอนกิน แต่ถึงไฟจะไหม้ก็ไม่เป็นไร ไม่ร้องนะครับ แฟนจอนต้องยิ้มสิ”

     

     

    มือหนาช้อนคางเรียวขึ้นมาสบตาก่อนจะใช้นิ้วปาดน้ำตาที่แก้มนิ่มให้คนตรงหน้า

     

     

    “พี่อยากดูแลจอนเหมือนที่จอนดูแลพี่ แต่แค่อาหารเช้าพี่ยังทำไม่ได้เรื่องเลย”



    ร่างบางหยุดร้องไห้ ดวงตาคู่สวยจ้องหน้าอีกคนกลับ

     


    “อาหารเช้ามันไหม้ก็ช่างมัน พี่วีสำคัญกว่าอาหารเช้าอีกนะครับ”

     

    “แต่...”

     

                “ชู่ว.. พี่วีเลิกคิดว่าตัวเองไม่ได้เรื่องด้วยนะครับ พี่วีดีและมีค่าที่สุดสำหรับจอน พี่วีดูแลจอน ล้างแผลให้ คอยอยู่เฝ้าจอน สอนการบ้าน ติวหนังสือ ไหนจะเป็นกำลังใจให้จอนตั้งใจเรียน พี่วีคือทุกสิ่งทุกอย่างของจอนนะ”

     

                “อื้อ” ร่างบางพยักหน้าแล้วซบอกแกร่งอีกครั้ง

     

     

    ตอนนี้จอนก็สำคัญและเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพี่เหมือนกันนะ...

     

     

                “จอนขออะไรพี่วีหน่อยได้ไหมครับ” ร่างสูงเอ่ยถามจนอีกคนต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

     

                “อะไรหรอ?”

     

                “ต่อไปถ้าพี่วีหิว บอกจอนนะ จอนจะทำอาหารให้พี่วีกินเอง”

     

                “อื้อ รู้แล้วน่า”

               

                “เพื่อความปลอดภัยแล้วจอนเองก็ไม่อยากให้พี่วีตัวไหม้มากไปกว่านี้ด้วยจ้ะ5555555555555555555555555555555” ร่างสูงหัวเราะลั่น

     

     

                “ไอ่เด็กบ้า!!!” มือเรียวฟาดลงที่ไหล่อีกคน

     

                “โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย จอนเจ็บแผล” จองกุกร้องลั่นพร้อมกับสีหน้าเจ็บปวด

     

                “นี่แผลอยู่ข้างซ้าย พี่ตีนายข้างขวานะจอน!!

     

                “ก็ความเจ็บมันมาจากไหล่ขวาแล่นผ่านหัวใจทะลุไปไหล่ซ้ายตรงที่มีแผลไงจ้ะพี่วีจ๋า”

     

                “ไม่ต้องมาแก้ตัว นี่แผลหายแล้วใช่ไหม แกล้งสำออยหลอกพี่รึเปล่าจอน” แทฮยองถาม

     

                “ยังไม่หายเลยนะครับ ยังเจ็บอยู่เลย” ร่างสูงทำสีหน้าเจ็บปวด

     

                “หมั่นไส้ อย่าให้รู้นะว่าแกล้งพี่อีกนะ นายมันร้ายจอนจองกุก!!

     

     

    ร่างบางทำหน้าดุ ก่อนจะใช้นิ้วเรียวชี้หน้าอีกคน จนจองกุกอ้าปากงับนิ้วของคนน่ารักที่ยื่นมาตรงหน้าเบาๆ

     

     

                “หิว อาหารเช้าไหม้ไปแล้ว ขอจอนกินพี่วีแทนได้ไหมครับ”

     

                “ไอ่บ้า!!!!!! ไม่ได้!!!!!!!!!!!

     

     

    แทฮยองปฏิเสธเสียงแข็งด้วยใบหน้าร้อนผ่าว แก้มนิ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ

     

     

                ตึกตัก... ตึกตัก....

     

     

                จะมาขงมาเขินอะไรเนี่ย โอ้ยยยยยยยยย ใจเต้นทำไมตอนนี้นะแทฮยอง

     

     

                “อ่ะแหนะ แฟนหน้าแดง คิดอะไรกับจอนรึเปล่าเนี่ย55555555555555555

     

                “คิดสิ” ร่างบางตอบเสียงนิ่ง

     

                “เฮ้ย.. คิดอะไรจ้ะ นี่พี่วีคิดแบบเดียวกับที่จอนคิดรึเปล่า” ดวงตากลมเป็นประกาย

     

    “คิดว่านายกวนตีนพี่ไงจอน ไปทำอาหารเช้าให้พี่กินได้แล้ว พี่หิว”

     

    “สรุปนี้ใครเจ็บกันแน่พี่วีจ๋า”

     

    “นายบอกเองถ้าพี่หิวให้บอกนาย จะทำหรือไม่ทำ?” แทฮยองถามหน้านิ่ง

     

    “ทำจ้ะทำ แฟนนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวได้เลยจ้ะ เดี๋ยวเชฟจอนจะทำให้กินเองนะจ้ะ”

     

     

    จองกุกตอบเสียงอ่อนก่อนจะคลายกอดร่างบางแล้วเดินไปจัดแจงทำอาหารเช้าอย่างคล่องแคล่ว เพราะอาศัยอยู่กับพี่เจบีแค่สองคน การประกอบอาหารจึงตกเป็นหน้าที่ของผู้เป็นน้องอย่างเขาไปโดยปริยาย

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

      

     

                ตือดึง!

     

     

                JeonJK : จอนคิดถึงพี่วี

     

     

                ร่างบางอมยิ้มหลังจากที่กดอ่านข้อความที่ถูกส่งมาจากแฟนของตนเอง นิ้วเรียวบรรจงพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างตั้งใจ

     

     

                VtaehyungV : คิดถึงเหมือนกัน

     

                JeonJK : เลิกเรียนแล้วจอนไปรับพี่วีนะ

     

                VtaehyungV : อื้อ ตั้งใจเรียนด้วยนะจอน แล้วเจอกันตอนเย็น

     

                JeonJK : ครับผม จอนจะตั้งใจเรียนเพื่อพี่วีและอนาคตของเราเลยจ้ะ

     

               

                “เด็กบ้า! ต้องตั้งใจเรียนเพื่อตัวนายเองสิไม่ใช่เพื่อพี่

     

     

    ร่างบางพึมพัมกับตัวเองด้วยรอยยิ้มก่อนจะเก็บไอโฟนเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้องต่อ

     

     

    “แอบเล่นโทรศัพท์ในเวลาเรียนไม่ดีนะแทแท” โฮซอกพูดเบาๆ

     

    “อย่ามาแซวฉันนะโฮซอก นายไปเตือนจิมินก่อนนู่น นั่งเล่นเกมตั้งแต่ต้นชั่วโมงแล้ว”

     

     

    แทฮยองพูดพลางหันมองร่างอวบซึ่งกำลังจดจ่อกับหน้าจอไอโฟนอย่างตั้งใจที่นั่งถัดจากโฮซอกไป

     

     

    “พ่อแม่ส่งมึงมาเรียนไม่ได้ให้มาเล่นเกม ไอ่หมูโง่”

     

    “กูกำลังฝึกคิดเลขเร็วอยู่ มึงอย่ากวนกู ไอ่หน้าม้า” ร่างอวบตอบกลับ

     

    “คิดเลขเหี้ยอะไรมึง เกมอะไรไหนดูกูดูหน่อย” โฮซอกพูโพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้

     

    “เกมป๊อกเด้งความเร็วสูงไงมึง สนใจมาเล่นกับกูป่าวเดี๋ยวส่งคำเชิญไปให้”

     

    “ไอ่สัส เล่นไพ่นี่หว่า คนอย่างกูไม่เล่นการพนันออนไลน์อย่างมึงหรอก ถ้าเล่นต้องของจริง55555555555555555555555555555555555555

     

    “พวกนายสองคนถ้าไม่ตั้งใจเรียนก็อย่าคุยกันเสียงดังสิ” แทฮยองดุ

     

    “แทฮยองจ๋า จบคาบขอสมุดเลคเชอร์ไปลอกหน่อยนะ” จิมินพูดพร้อมทำหน้าอ้อน

     

    “อื้อ แต่ต้องเลี้ยงขนมฉันนะ”

     

    “ฉันเลี้ยงแต่ไอ่เจโฮปจ่าย โอเคเลยแทฮยอง555555555555555” ร่างอวบพูดจบก็หันไปเล่นเกมต่อ

     

    “”มึงนี้มัน ไอ่หมูเลว กูขอให้มึงบอด ให้แพ้ ขอให้ฝ่ายตรงข้ามได้ป๊อกเก้าสองเด้ง!!

     

     

    โฮซอกส่ายหัวให้กับเพื่อนรักของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหันไปตั้งใจเรียนตามคนน่ารักที่นั่งข้างกัน

     

    เมื่อหมดคาบ อาจารย์ก็เก็บของและเดินออกจากห้องเรียนไป หลังจากนั้นนักศึกษาก็ทยอยเดินตามกันออกไป ทันทีที่ร่างบางก้าวขาผ่านพ้นประตูห้องเรียน ก็เจอกับรุ่นพี่หน้าหล่อที่ส่งยิ้มหวานมาให้

     

     

    “เรียนเสร็จแล้วไปทานข้าวกับพี่นะคะน้องวี” มาร์คเอ่ยชวน

     

    “เอ่อ”

     

    “ครั้งนี้ห้ามปฏิเสธพี่นะคะ พี่จะได้คุยเรื่องงานประกวดดาวเดือนของคณะเราด้วย วันศุกร์นี้แล้วนะคะ”

     

    “พวกผมเตรียมเรื่องการประกวดเรียบร้อยแล้วครับพี่ เลิกเรียนก็จะไปหาชุดกัน แทฮยองคงไปกับพี่ไม่ได้อ่ะครับ” ร่างอวบตอบแทน

     

    “ไปกันเถอะแทแท จิมิน บายนะพี่รหัส” โฮซอกพูดจบก็ดึงตัวร่างบางกับร่างอวบออกมา

     

    “เอ่อ ขอโทษจริงๆ นะครับพี่มาร์ค”

     

     

    แทฮยองหันกลับมาพูดพร้อมโค้งหัวให้รุ่นพี่หน้าหล่อเล็กน้อยก่อนจะเดินไปกับโฮซอกและจิมิน

               

     

                “หึ ตัวเสือกเยอะนักนะ” มาร์คบ่นอย่างหัวเสีย

     

               

                พี่จะปล่อยให้น้องวีรอดไปเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ ครั้งหน้าพี่เอาจริงแล้วน้องวีหนีพี่ไม่พ้นหรอก

     

     

                “พวกนายสองคนเตรียมการแสดงไว้แล้วหรอ” คนน่ารักเอ่ยถามด้วยความสงสัย

     

                “ยังอ่ะ ไอ่หมูมึงคิดไว้แล้วหรอว้ะ”

     

                “คนอย่างกูไม่ต้องเตรียมอะไรให้เสียเวลา กูโชว์เต้นสดบนเวทีเลยว่ะ555555555555555” จิมินตอบ

     

                “จิมินเต้นเก่งเหรอ” แทฮยองถามต่อ

     

                “อื้อ ก็นิดหน่อยไว้ดูวันงานประกวดแล้วแทฮยองจะตกหลุมรักฉัน555555555555555555555

     

                “พูดอย่างนี้ยิ่งอยากดูเลยอ่ะ จิมินเพื่อนฉันจะต้องเท่ห์มากแน่เลย”

     

                “ฉันก็เต้นได้นะแทแท วันงานแทแทเห็นแล้วอาจจะเปลี่ยนใจจากไอ่จอนมาชอบฉันแทนก็ได้นะ5555555555555555555555555” โฮซอกพูดก่อนจะหัวเราะรัว

     

                “พวกนายเต้นเก่งกันหมดเลยเหรอ ฉันจะทำอะไรดีล่ะ เต้นก็ไม่เป็น” ร่างบางทำหน้าครุ่นคิด

     

                “น่ารักไง แค่แทฮยองยืนยิ้มก็พอแล้ว” จิมินตอบ

     

                “ได้ที่ไหนกันล่ะจิมิน แบบนั้นมันใช่ความสามารถพิเศษตรงไหนกัน”

     

                “แทแทมีความสามารถพิเศษอะไรล่ะ” โฮซอกถาม

     

                “อืม.. คุยกับแมวมั้ง” แทฮยองตอบ

     

                “นอกจากแทฮยองจะคุยกับแมวแล้วยังคุยกับม้าได้อีกนะ5555555555555555555555555555” ร่างอวบพูดพลางชี้หน้าโฮซอก

     

                “ไอ่หมูเดี๋ยวกูตบกะโหลกร้าว แทแทก็คุยกับหมูอย่างมึงได้เหมือนกันแหละว่ะ”

     

                “พวกนายสองช่วยฉันคิดก่อนจะกัดกันสิ”

     

     

                โอ้โห แทแทเขาว่าผมกับจิมินกัดกันเหมือนสัตว์สี่ขาร้องโฮ่ง โฮ่ง อีกแล้วครับทุกคน!!

     

     

                “กินก่อนแล้วค่อยคิดต่อแล้วกันนะแทฮยอง ฉันหิวอ่ะ” ร่างอวบพูดพลางเอามือกุมท้อง

     

                “กูเห็นมึงหิวทั้งวันอ่ะไอหมูตะกละ”

     

                “กองทัพต้องเดินด้วยท้องไงมึง เรื่องกินเรื่องสำคัญนะเว้ย”

     

                “แต่กูเห็นกองทัพมึงเดินทั้งวันเลยครับเพื่อน แดกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยมึงอ่ะ” โฮซอกพูดก่อนจะหันไปมองเพื่อนร่างอวบ

     

                “เอ่อ ฉันก็หิวนะ” ร่างบางเอ่ยแทรก

     

                “ถ้าแทแทหิว เราไปหาอะไรกินกันเถอะ” โฮซอกยิ้มกว้างให้คนน่ารัก

     

                “เปลี่ยนไวกว่ากิ้งก่าอีกไอ่สัสเจโฮป” จิมินพูดจิกกัดก่อนจะเดินนำไป

     

                “พาจอนไปด้วยนะ จอนบอกจะมารับฉันหลังเลิกเรียนอ่ะ”

     

                “ไอ่จอนมันไปเรียนได้แล้วเหรอ” โฮซอกถาม

     

                “อื้อ เมื่อวานก่อนฉันกลับมานอนที่บ้าน แผลจอนก็ใกล้หายแล้ว ฉันเลยบอกให้ไปกลับไปเรียนน่ะ”

     

                “เชื่อฟังแทแทมากกว่าเชื่อฟังพี่มันอีกนะเนี่ย เห็นแววในอนาคตเลยว่าน้องฉันมันต้องกลัวเมีย5555555555555555555555

               

     

                โฮซอกพูดแซวก่อนจะหัวเราะลั่น ทำเอาคนน่ารักที่ฟังเขินจนแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ มือเรียวฟาดไปที่ต้นแขนของเพื่อนที่เดินข้างกันเบาๆ

     

     

                “พูดบ้าอะไรโฮซอก!!

     

                “เขินแล้วใช้กำลังเหรอแทแท ฉันจะฟ้องไอ่จอนว่าแทแทรังแกฉันนะ”

     

                “โฮซอกบ้า! ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”

     

     

    ร่างบางพูดจบก็เร่งฝีเท้าขึ้นไปเดินข้างเพื่อนร่างอวบ ปล่อยให้โฮซอกเดินตามหลัง ยิ้มขำในความน่ารักของแทฮยองอยู่คนเดียว

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “แบร่!!

     

     

    ร่างบางกระโดดไปแลบลิ้นใส่จองกุกที่ยืนอยู่ตรงฟุตบาทหน้ามหาลัยโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว

     

               

                “จอนต้องตกใจไหมครับ555555555555555555555



                  จองกุกถามพลางหัวเราะในความน่ารักของแฟนตัวเอง

     

     

                “ไม่ตกใจเลยรึไง ต่อไปไม่แกล้งแล้ว!” แทฮยองพูดงอน มือเรียวกอดออกมองค้อนอีกคน

     

                “ตกใจสิพี่วี ตกใจในความน่ารักของแฟนตัวเองเนี่ย”

     

     

    มือหนายื่นไปยีผมร่างบางตรงหน้าเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยวในการกระทำของอีกคน บทสนทนาน่ารักของแทฮยองและจองกุกหวานจนเพื่อนที่เดินตามมาถึงกับเอ่ยแซว

     

     

    “จิมินมึงเอาน้ำมาดับไฟในตากูทีดิ กูอิจฉาตาร้อนไปหมดแล้ว อยากมีแฟนเป็นของตัวเองบ้าง55555555555555555555555555555

     

    “กูว่าสองคนนั้นคงตาบอดสีแล้วว่ะมึง คนมีความรักมองไปทางไหนก็คงเป็นสีชมพู5555555555555555555555555555555” ร่างอวบพูดเสริม

     

    “อิจฉาก็รีบไปหาแฟนเป็นของตัวเองสิจ้ะพวกพี่ จะได้เลิกเห่าเราสองคน5555555555555555555555

     

     

    จอนกุกพูดพลางยื่นมือหนาไปกอดเอวบางของแทฮยอง

     

     

    “ไอ่จอน แผลเพิ่งหายอยากได้แผลใหม่สินะมึง ปากแบบนี้” จิมินขึ้นเสียง

     

    “จอนพูดเล่นจ้ะ ใจร่มๆ นะพี่จิมินคนดี” ร่างสูงพูดเสียงอ่อน

     

    “นี่มึงจะมารับแทแทกลับบ้านยังไงน่ะไอ่จอน” โฮซอกถามด้วยความสงสัย

     

    “กลับรถเมล์ด้วยกันไงลูกพี่ ไอ่จ๊อดพังแล้วยังไม่มีเงินซ่อมเลยจ้ะ” จองกุกตอบ

     

    “น่าสงสารจริงๆ เลยว่ะ”

     

    “จอนใช่ไหมจ้ะลูกพี่”

     

    “เปล่า กูหมายถึงแทแทอ่ะน่าสงสารที่ต้องกลับรถเมล์”

     

    “อย่าพูดแบบนั้นสิโฮซอก ฉันไม่ใช่ลูกคุณหนูสักหน่อย แค่จอนมารับก็ดีใจแล้วล่ะ” แทฮยองพูดพลางหันไปยิ้มกว้างให้ร่างสูง

     

    “ไอ่จอนมึงทำของใส่เพื่อนกูเหรอ” ร่างอวบถาม

     

    “เปล่านะพี่จิมิน เพราะพี่วีเห็นในความรักและความจริงใจของจอนต่างหากจ้ะ55555555555555555555555555

     

    “เมื่อไหร่น้องยองแจจะเห็นในความรักและความจริงใจของกูบ้าง ไปแดกก๋วยเตี๋ยวมาหกปีแล้วสัส หน้าจะเป็นลูกชิ้นแล้ว” จิมินบ่น

     

    “พูดถึงน้องยองแจแล้วก็คิดถึงพี่ยุนกิ เราไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านพี่ยุนกิกันเถอะ” โฮซอกเอ่ยชวน

     

    “อื้อ ก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่ได้ไปร้านพี่ยุนกิหลายวันแล้ว จอนไปกินด้วยกันนะ” แทฮยองพูดจบก็หันไปถามจองกุก

     

    “พี่วีไปไหน จอนไปด้วยทุกที่เลยจ้ะ ตามใจพี่วีเลย แค่ห่างกันไม่กี่ชั่วโมงจอนก็คิดถึงพี่วีจะแย่แล้ว เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนกอด จอนฝันร้ายเลยนะพี่วีจ๋า”

     

     

    จองกุกตอบก่อนจะกอดเอวบางเอาหัวถูไหล่ออดอ้อนเหมือนลูกแมว ทำเอาร่างบางยิ้มขำในความน่ารัก แต่ก็ต้องพูดห้ามเพราะเขินในการกระทำของจองกุก

     

     

    ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะจอน อายคนบ้างสิ!

     

     

    จอนขี้อ้อนยังกับลูกแมวเลยครับ น่ารักดีนะแต่ผมเขินนี่สิ แถมยังต่อหน้าจิมินและโฮซอกอีก เดี๋ยวสองคนนั้นจะต้องแซวผมอีกแน่เลย

     

     

    “พวกมึงไปไหนก็จะมีกูไปเป็นกว้างความคอมึง ไอ่จอน!” ร่างอวบพูดด้วยความหมั่นไส้

     

    “เป็นมารขัดความรักคนอื่นระวังพี่ยองแจไม่รับรักนะพี่จิมิน” จองกุกพูดแหย่

     

    “ปากเสียไอ่จอน กูเฝ้าของกูมาหกปี น้องยองแจต้องเห็นในความพยายามของกูสิ”

     

    “ก็แค่เฝ้าแต่พี่จิมินไม่ยอมรุก หรือทำอะไรจริงจังเลยไงจ้ะ ต้องแบบจอนเว้ยพี่ รุกจนพี่วีรับ555555555555555555555555555

     

    “เห้ย รับอะไรของมึง ไอ่จอนมึงทำอะไรเพื่อนพี่” โฮซอกถามด้วยความตกใจ

     

    “รับรักไงลูกพี่ คิดอะไรน่ะ” จองกุกตอบด้วยน้ำเสียงทะเล้น

     

    “แล้วไปไอ่จอน แทแทใสใส มึงอย่าทำอะไรเพื่อนพี่นะเว้ย”

     

    “จอนไม่ทำหรอกจ้ะ...  ถ้าพี่วีไม่ยินยอม55555555555555555555

     

    “จอนจองกุก!!!!!!!! ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ!!!!!!!!” ร่างบางขึ้นเสียงทำหน้าดุ

     

    “แฟนจ๋าจอนแค่พูดเล่นเอง แฟนอย่าดุนะครับ จอนขอโทษ” จองกุกพูดเสียงอ่อน

     

    “กลัวเมียนี่หว่าไอ่จอน5555555555555555555555” จิมินพูดก่อนจะหัวเราะลั่น

     

    “จอนรักและเคารพพี่วีต่างหากจ้ะ”

     

     

    จองกุกหันมาบอกก่อนจะออดอ้อนคนน่ารักต่อ

     

     

    “เลิกเถียงกันได้แล้ว ไปร้านพี่ยุนกิกันเถอะ รถฉันจอดอยู่ตรงนู้นน่ะ”

     

     

    โฮซอกพูดจบก็เดินนำทุกคนไปยังรถยนต์สีดำคันหรูของตัวเองที่จอดไว้ไม่ไกลนัก โดยมีร่างอวบเดินตามไปติดๆ ตามด้วยคู่รักอย่างแทฮยองและจองกุกเดินปิดท้าย

     

    ที่นั่งข้างคนขับตกเป็นของจิมินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเบาะหลังได้โดนจองกุกยึดครองและยอมให้คนน่ารักที่เป็นแฟนของตัวเองนั่งด้วยได้คนเดียว

     

     

    “เปิดเพลงด้วยนะลูกพี่”

     

    “สรุปรถพี่หรือรถมึงว้ะไอ่จอน” โฮซอกถามเสียงนิ่ง

     

    “โฮซอกอ่า เปิดเพลงให้ฟังหน่อยสิ”

     

     

    แทฮยองบอกโฮซอกที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับรถ ทันใดนั้นโฮซอกก็ยื่นนิ้วไปกดเปิดเพลงตรงเครื่องเสียงรถยนต์ตามคำของคนน่ารักทันที

     

     

    เหนื่อยแต่ไม่ยอม ฉันพร้อมที่จะเดินต่อ

    เชื่อว่าจะต้องมีคนทีรอเอาใจ

    มาแลกหัวใจของฉันไป ไม่ทำร้ายกันอีก

     

    เท่าที่ผ่านมาน้ำตาเสียไป ให้สิ่งที่คล้ายกับความรัก

    จากคนหนึ่งถึงอีกคน ผลลงเอยจบก็เหมือนกันคือฉันเจ็บ

     

     

    เมื่อเพลงเล่นมาถึงท่อนฮุค คนน่ารักที่นั่งอยู่หลังรถก็เปล่งเสียงร้องออกมาตามเพลงที่โฮซอกเปิด

     

     

    “เลยเก็บใจไว้รอ คนที่พอดีทุกอย่างเข้ากับฉัน

    คนที่มีหัวใจเหมือนกัน คนนั้นเป็นเธอได้ไหม”

     

     

                เสียงร้องของร่างบางทำเอาทั้งสามคนในรถที่ได้ฟังถึงกับเคลิ้มไป เพลงที่ถูกร้องออกมาอย่างตั้งใจด้วยเสียงทุ้มต่ำแต่ฟังแล้วกลับไพเราะและอ่อนหวาน

     

     

    “ก็หัวใจมันบอก ยอมทุกสิ่งยอมทุกอย่างให้กับเธอ

    แม้ปลายทางอาจจะได้เจอ ความผิดหวัง

    แต่ถึงยังไงก็จะรับเธอไปอย่างนั้น”

     

     

    “ฉันรู้แล้วว่าแทฮยองควรจะแสดงอะไรวันงานประกวดดาวเดือน” จิมินพูดขึ้นมาทำเอาคนน่ารักถึงกับทำหน้างง

     

    “อะไรเหรอจิมิน” ร่างบางเอียงคอถามด้วยความสงสัย

     

    “ร้องเพลงไงแทแท ร้องเพราะขนาดนี้เก็บเงียบไว้ทำไม มีของดีต้องโชว์” โฮซอกตอบแทน

     

    “ฉันร้องเล่นๆ เองนะ ร้องก็เพี้ยน ฮ่าๆ”

     

    “นี่ขนาดเล่นยังเพราะขนาดนี้ ถ้าจริงจังจะขนาดไหนอ่ะแทฮยอง ไปประกวดเดอะสตาร์ไหม เดอะว้อยก็ได้นะ55555555555555555” จิมินพูดต่อ

     

    “ไม่ขนาดนั้นหรอกจิมิน”

     

    “เพราะจริงๆ นะพี่วี จอนฟังจนเคลิ้มเลยเนี่ย” จองกุกพูดเสริม

     

    “แทแทลองหาเพลง แล้วซ้อมร้องดูสิ ฉันคิดว่าวันงานประกวดมันต้องออกมาดีแน่นอน” โฮซอกช่วยเสริมอีกคน

     

    “เอ่อ ถ้างั้นฉันจะลองกลับไปคิดดูแล้วกันนะ”

     

    “มึงโชคดีที่ได้เป็นแฟนแทฮยองนะไอ่จอน” จิมินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    “จอนก็คิดแบบนั้นแหละพี่จิมิน รู้สึกโชคดีที่มีแฟนเป็นนางฟ้าจ้ะ55555555555

     

    “เพ้อเจ้ออีกแล้วนะจอน นั่งเงียบๆ ไปเลย” แทฮยองหันไปดุ

     

    “ให้จอนเงียบก็มีวิธีเดียวคือหลับอ่ะจ้ะ555555555555555555555555555

     

    “เออมึงนอนไปเลยไอ่จอน พวกกูจะได้อยู่อย่างสงบ”

     

     

    ร่างอวบพูดจบก็หยิบสมาร์ทโฟนคู่ใจมาเล่นเกมฆ่าเวลารถติด

     

     

    “งั้นจอนขอนอนนะพี่วีจ๋า”

     

     

    ร่างสูงพูดจบก็ขยับตัวลงนอนเอาหัวหนุนตักอีกคนที่นั่งข้างกัน มือเรียวลูบหัวคนตรงหน้าอย่างเบามือ

     

     

    “วันนี้มีการบ้านมั้ย ไม่ได้ไปเรียนหลายวันตามงานที่เพื่อนบ้างรึเปล่า?”

     

    “มีครับ เต็มไปหมดเลย ถ้ากลับบ้านแล้วพี่วีสอนจอนหน่อยนะ” จองกุกตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่

     

                “อื้อ ได้สิ นอนพักก่อนเถอะเดี๋ยวถึงร้านพี่ยุนกินแล้วพี่ปลุกนะ”

     

     

    แทฮยองพูดพลางลูบกลุ่มผมอีกคนเบาๆ การกระทำของทั้งสองคนที่นั่งอยู่หลังรถถูกมองโดยโฮซอกผ่านกระจกหน้ารถ เขายิ้มบางให้กับความน่ารักของเพื่อนและน้องชายของตัวเอง ในใจก็แอบคิดว่าจะมีโอกาสไหมที่พี่ยุนกิจะทำแบบนี้กับเขาบ้าง...

     

    .

    .

    .

    .

    .


     

                ภายในร้านคาเฟ่แมวที่ตกแต่งไปด้วยสีชมพู ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างมีความสุขที่โต๊ะตัวหนึ่งตรงมุมที่ค่อนข้างจะหลบจากสายตาผู้คน

     

     

                “ยองแจครับ อ้าปากเร็ว อ้ามมมมม”

     

     

    ร่างโปร่งเอ่ยบอกคนตรงหน้าเพื่อที่จะป้อนขนมเค้กให้ ร่างเล็กทำตามคำของอีกคน ปากบางยิ้มกว้างโชว์เขี้ยวแหลมที่ดูแล้วน่ารัก ก่อนจะอ้าปากกินขนมเค้กจากช้อนแล้วเคี้ยวแก้มตุ่ย มือหนาเอื้อมไปเช็ดคราบครีมที่ติดตรงมุมปากเบาๆ

     

     

    “ขอบคุณนะครับพี่ที่พามา แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องเลย”

     

    “ทุกเรื่อง?” ร่างโปร่งถามกลับด้วยความสงสัย

     

    “ก็ที่พี่รอยองแจตามสัญญาไงครับ ขอบคุณที่รอจนยองแจพร้อม และเข้าใจยองแจมาตลอด” ร่างเล็กตอบก่อนจะยิ้มกว้างให้

     

    “พี่รอได้เพื่อคนที่พี่รัก ขอบคุณที่ยองแจให้โอกาสพี่ได้ดูแลยองแจเหมือนกันนะครับ”

     

     

                มือหนาเอื้อมไปยีผมร่างเล็กด้วยความเอ็นดู สิ่งที่รอคอยมานานคือการที่คนตรงหน้าเขาตอนนี้ตกลงยอมเป็นแฟนและให้โอกาสคบหาดูใจกับเขาจริงจัง เจบีเห็นร่างเล็กมาตั้งแต่เด็ก เอ็นดูในความน่ารักของยองแจจนพัฒนาเป็นความรู้สึกชอบ แต่ไม่สามารถจีบได้อย่างเปิดเผยเพราะน้องชายที่สนิทของเขา จิมินก็แอบชอบยองแจมานานแล้วเช่นกัน

     

               

    “พี่เจบี ยองแจควรจะบอกเฮียยังไงดี เอ่อ เรื่องที่ยองแจมีแฟน” ร่างเล็กทำหน้าครุ่นคิด

     

    “ก็บอกไปตรงๆ เลย ยุนกิโตแล้วนะ พี่ว่าเขามีเหตุผลพอที่จะรับฟังและเข้าใจยองแจ”


                “แต่เฮียหวงยองแจมาก ยองแจกลัวเฮียโกรธ”

     

                “ให้พี่พูดให้ไหมล่ะ พี่จะได้ไปแนะนำตัวกับที่บ้านของยองแจเลย พี่ไม่อยากหลบๆ ซ่อนๆ อีกแล้ว”

     

                “เอ่อ แล้วเรื่องจิมินล่ะครับ” ยองแจถามต่อ

     

                “เรื่องจิมินพี่จะบอกน้องมันเอง พี่จัดการเอง ยองแจไม่ต้องกังวลนะ เรารักกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำอะไรผิดที่จะต้องมาปิดบังแบบนี้ พี่เองก็จะได้ไปรับไปส่งยองแจ ดูแลแฟนพี่อย่างเปิดเผยได้สักที” เจบีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

                “ตามใจพี่เลยครับ ยองแจแค่เป็นห่วง ไม่อยากให้พวกพี่ต้องทะเลาะกันเพราะยองแจ ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ต้องลำบากใจ”

     

                “ยองแจอย่าโทษตัวเอง ยองแจไม่ผิด ถ้าผิดก็เป็นพี่เองที่ไม่ยอมเปิดใจพูดตรงๆ กับไอ่จิมินไปตั้งแต่แรกที่พี่รู้ตัวว่าชอบยองแจ พี่ไม่คิดว่ายองแจจะให้โอกาสคนอย่างพี่นี่ครับ”

     

                “พี่ชอบพูดเหมือนตัวเองไม่ดีอย่างนั้นแหละ” มือเล็กยื่นไปกุมมือของเจบีไว้แน่น

     

                “พี่มันก็แค่วินมอเตอร์ไซค์กากๆ เรียนก็ไม่จบ ทำงานหาเช้ากินค่ำไปวันๆ ยองแจยอมลดตัวมาคบกับคนอย่างพี่นี่ก็ถือเป็นความโชคดีของพี่แล้ว”

     

                “พี่อ่ะ ห้ามพูดแบบนี้อีกนะ ไม่อย่างนั้นยองแจจะโกรธ พี่เจบีเป็นคนดี มีน้ำใจ แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างเลยนะ และที่สำคัญพี่ทำให้ยองแจมีความสุขแค่นี้ก็ทำให้ยองแจรักพี่แล้วล่ะครับ”

     

     

    ร่างเล็กพูดจบก็ยิ้มกว้างโชว์ฟันเขี้ยวให้คนตรงหน้าอย่างน่ารัก ทำเอาเจบีต้องยิ้มกว้างตาม มือหนายื่นมือสองข้างกุมมือของยองแจไว้แน่นด้วยความรู้สึกที่อยากจะปกป้องร้อยยิ้มที่ดูมีความสุข และหัวใจของร่างเล็กตรงหน้าไว้

     

     

    “ยองแจเชื่อใจพี่นะ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะดูแลและคอยปกป้องยองแจตราบจนชั่วชีวิตของพี่”

     

    “ฮ่าๆ พูดอย่างกับพระเอกลิเกเลยครับ” ร่างเล็กเอ่ยแซว แก้มกลมเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขิน

     

    “โถ่ นี่พี่พูดจากใจเลยนะ เรากลับมาแซวพี่” ร่างสูงตัดพ้อ

     

    “โอ๋ๆๆ ยังไม่หัวล้านเลยขี้น้อยใจไปได้นะครับ พระเอกของยองแงยิ้มให้ยองแจหน่อยได้ไหม”

     

     

    ยองแจพูดด้วยเสียงหวานและทำหน้าอ้อนจนอีกคนต้องใจอ่อนหันมายิ้มให้ในความน่ารักน่าเอ็นดูของร่างเล็กตรงหน้า

     

     

    “น่ารักแบบนี้ไง พี่เลยรักเราขนาดนี้” มือหนาเอื้อมไปยีผมยองแจอีกครั้งด้วยความเอ็นดู

     

    “รักแล้วห้ามเลิกนะครับ ถ้าทำให้ยองแจเสียใจจะฟ้องเฮีย!!

     

    “เฮียเราน่ะให้ไอ่เจโฮปมันจัดการก็อยู่หมัดแล้วล่ะ555555555555555

     

    “พี่เจบี! นั่นพี่ชายยองแจนะ!

     

    “น้องพี่มันเร่งทำคะแนนอยู่นะ ได้ข่าวว่าไปช่วยเตี่ยยุนกิจ่ายตลาดทุกเช้า พี่เองก็อยากให้ทางบ้านของยองแจยอมรับพี่เหมือนไอ่เจโฮปบ้างจัง” ร่างโปร่งทำหน้าเศร้า

     

    “พี่เจบีเป็นคนดี ถ้าทุกคนได้รู้จักตัวตนของพี่ ยองแจเชื่อว่าทุกคนจะต้องยอมรับและรักพี่เหมือนที่ยองแจรัก”

     

    “ถ้าไม่ยอมรับพี่ก็จะลักพาตัวยองแจเลยครับ555555555555555” เจบีพูดพลางหัวเราะรัว

     

    “เฮียตามฆ่าพี่เจบีแน่ๆ ยองแจรับประกันในความโหด!” ร่างเล็กพูดขู่

     

    “จะโหดสักแค่ไหนกันเชียว พี่อยากรู้แล้วสิ ลักพาตัวยองแจกลับบ้านเลยแล้วกัน555555555555555555

     

    “ยองแจยังไม่อยากเปิดหนังสือพิมพ์มาเจอพาดหัวข่าว วินมอเตอร์ไซค์โดนฆ่าแล้วเอาเนื้อไปทำลูกชิ้นนะครับ”

     

    “เอ่อ ถ้าจะโหดขนาดนั้น... พี่ว่าพี่ควรไปเตือนไอ่เจโฮปไหม”

     

    “ยองแจพูดเล่นน่ะครับ แต่ก็ไม่แน่ถ้าเฮียโมโห ฮ่าๆ”

     

     

    แชะ แชะ

     

    นิ้วของมือใครบางคนกำลังกดถ่ายรูปของเจบีกับร่างเล็กในมุมร้านด้วยกล้องโทรศัพท์ ก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋าไป

     

     

    “หึ วันนี้มีอะไรสนุกๆ เล่นแล้วว่ะ”

     

    “เค้กได้แล้วค่ะ สามร้อยห้าสิบบาทค่ะ”

     

    “นี่ครับ ไม่ต้องถอนนะ วันนี้ผมอารมณ์ดี555555555555555555555

     

     

    มือหนายื่นแบงค์สีม่วงให้พนักงานร้านเค้กก่อนจะเดินออกจากร้านคาเฟ่แมวไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ โดยที่เจบีและยองแจไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนได้แอบถ่ายรูปของพวกเขาไว้แล้ว



    .

    .

    .

    .

    .


     

                 “สวัสดีครับพี่ยุนกิ”

     

     

    ร่างบางเอ่ยทักพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวด้วยรอยยิ้มกว้างรูปหัวใจ

     

     

                “ย๊า น่ารักเหมือนเดิมเลยนะน้องแทฮยอง”

     

                “ขอบคุณจ้ะ พี่ยุนกิ” ร่างสูงตอบรับคำชมแทนคนน่ารัก

     

                “ไม่ได้ชมแก” ยุนกิหันไปมองตาขวาง

     

                “จอนก็ขอบคุณที่พี่ยุนกิชมแฟนจอนไงจ้ะ55555555555555555555

     

                “เหนื่อยหน่อยนะน้องแทฮยอง มีแฟนกวนตีนแล้วยังขี้เสือก” ร่างเล็กหันไปบอกคนน่ารัก

     

                “เอ่อ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ พี่ยุนกิดูท่าทางจะเหนื่อยกว่าผมอีก วันนี้มาขายคนเดียวหรอครับ ยองแจไม่มาช่วยเหรอ” แทฮยองถาม

     

                “มีฉันคอยช่วย พี่ยุนกิก็ไม่ต้องการใครแล้วล่ะแทแท”  โฮซอกพูดแทรกพร้อมก้าวไปยืนข้างร่างเล็ก

     

                “เกะกะ คนจะทำงาน” ยุนกิพูดด้วยหน้านิ่ง

     

                “โห พี่ครับ ผมตั้งใจจะมาช่วยนะเนี่ย”

     

                “พี่ยุนกิ น้องยองแจไปไหนอ่ะ” ร่างอวบเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย

     

                “จะไปรู้ไหมล่ะว้ะ พวกแกนี่เกะกะชะมัด จะกินก็สั่งแล้วไปนั่งที่โต๊ะไป”

     


    ยุนกิไล่ทั้งห้าคนที่กำลังยืนล้อมรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว คนน่ารักเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามคำของร่างเล็กโดยมีจองกุกเดินตามไม่ห่าง ร่างอวบเองก็เดินหน้ามุ่ยกลับไปหลังจากคำถามของตนไม่ได้รับคำตอบว่าคนที่เขาอยากเจอหายไปไหน เหลือเพียงโฮซอกที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

     


    “คิดถึงพี่จังเลยครับ”

     

    “เมื่อเช้าก็เพิ่งเจอกัน คิดถึงทำบ้าอะไร” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

     

    “ห่างจากพี่ยุนกินาทีเดียวผมก็คิดถึงพี่แล้วครับ5555555555555555

     

                “แต่ฉันเบื่อหน้าแก”

     

                “อะไรนะครับ พี่พูดว่าอะไรนะ”

     

     

    โฮซอกยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกของเขาสัมผัสกับแก้มนิ่ม ร่างเล็กถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจและผละออกถอยห่าง หน้าขาวของยุนกิขึ้นสีด้วยความเขินอาย

     

     

    “ไอ้!!!!!!!!

     

    “อะไรนะครับ อะไรนะ?” โฮซอกทำหน้าทะเล้น

     

    “กลับไปนั่งที่โต๊ะกับเพื่อนนายเลยไป จองโฮซอก!” มือเล็กถือกระชอนลวกก๋วยเตี๋ยวชี้หน้าอีกคน

     

    “ใหญ่แห้งไม่งอกเหมือนเดิมนะครับพี่ยุนกิ ของไอ่จิมินก็เหมือนเดิมนะ”

     

     

    ทันทีที่กลับไปนั่งที่โต๊ะ สายตาของเพื่อนรัก คนน่ารัก และน้องชายที่รักเหมือนน้องแท้ๆ ก็จ้องมองมาที่เขาอย่างมีคำถาม

     

     

    “มองทำไม ไม่เคยเห็นคนหล่อรึไง”

     

    “กูไม่เคยเห็นม้าอย่างมึงอารมณ์ดีแบบนี้มาก่อน นี่มึงมาถึงจุดๆ นี้ได้ยังไง จุดที่หอมแก้มพี่ยุนกิแล้วพี่เขาไม่จับหัวมึงกดลงในหม้อก๋วยเตี๋ยว” จิมินเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    “ลูกพี่!!! ทำไมมีอะไรไม่บอกน้อง นี่ไปถึงขั้นไหนกันแล้วบอกจอนมาเลยนะจ้ะ” จองกุกเสริม

     

    “พวกมึงสองคนนี้สายตามีแต่คำว่าอยากเสือกส่งมาให้กู ดูแทแทเป็นตัวอย่างดิ แทแทไม่เห็นจะอยากรู้แบบพวกมึงเลย”

     

    “เอ่อ ที่จริงฉันเองก็อยากรู้นะโฮซอก ฮ่าๆ” คนน่ารักพูดก่อนจะหัวเราะเล็กน้อย

     

    “นี่แทแทก็เป็นไปด้วยเหรอเนี่ย อยู่กับไอ่จอนมากไปสินะ” โฮซอกส่ายหัวเบาๆ

     

    “ไอ่หน้าม้ามึงอย่าเปลี่ยนเรื่อง บอกกูมาเดี๋ยวนี้ อะไรยังไง”

     

    “อยากรู้เหรอ?” โฮซอกพูดพลางยิ้มกว้าง

     

    “เออดิ กูอยากรู้เรื่องของมึงกับพี่ยุนกิมากกว่าเรื่องที่น้องยองแจหายไปไหนแล้วเนี่ย” จิมินพูดย้ำ

     

    “ก็ไม่มีอะไรมาก กูแค่ขอจีบพี่เขาแบบจริงจังไง กูไม่อยากให้หกปีที่เขี่ยถั่วงอกของกูต้องกลายเป็นปีที่เจ็ด ก็แค่นั้น”

     

    “แล้วไอ่ที่หอมแก้มเมื่อกี้คืออะไรจ้ะลูกพี่” จองกุกถามต่อ

     

    “ตอนมึงจีบแทแท มึงไม่ทำ?” โฮซอกถามกลับ

     

    “ทำยิ่งกว่าหอมแก้มอีกจ้ะ แถมพี่วีทำกลับด้วย55555555555555555555555555

     

    “เห้ย แทฮยองหอมแก้มมึงกลับ?” จิมินหันขวับไปถามร่างสูง

     

    “เปล่าจ้ะ พี่วีถีบจอนกลับเต็มตีนเลย555555555555555555555555

     

    “ไอ่บักห่า กูก็นึกว่าคนจริง มึงนี่เกิดมาเพื่อกลัวเมียสินะไอ่จอน เห็นแววตั้งแต่ตอนจีบจนกระทั่งคบกัน”



    โฮซอกยื่นมือไปผลักหัวของน้องชายเบาๆ

     


    “กลัวอะไร ลูกพี่เอาอะไรมาพูด”

     

    “จอนไปสั่งก๋วยเตี๋ยวให้พี่หน่อยสิ เอาเส้นเล็กน้ำใสนะ” ร่างบางสั่ง

     

    “ได้จ้ะพี่วีจ๋า เดี๋ยวจอนไปสั่งให้เดี๋ยวนี้เลยจ้ะ”

     

    “ไม่ทันขาดคำเลยไอ่จอน กลัวเมียก็บอกว่ากลัวเมียเว้ย555555555555555555555555555555555555555” โฮซอกหัวเราะลั่น

     

    “ไม่ได้กลัวจอนแค่เกรงใจ เดี๋ยวจอนมา ไปสั่งก๋วยเตี๋ยวให้แฟนก่อนนะจ้ะ”

     

     

    ทันทีที่พูดจบ ร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวตามที่คนน่ารักบอก ขายาวสาวเท้าไปยืนตรงรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวของยุนกิ

     

     

    “พี่ยุนกิ มีเย็นตาโฟป่าวจ้ะ”

     

    “มี”

     

                “แล้วต้มยำอ่ะ มีมั้ยจ้ะ”

     

                “มี”

     

    “งั้นเอาเส้นเล็กน้ำใสสองนะจ้ะพี่ยุนกิ”

     

    “ไอ่เด็กนี่ แล้วจะถามหาเย็นตาโฟกับต้มยำเพื่ออะไร” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมอง

     

    “จอนแค่อยากรู้ไงว่าร้านพี่ยุนกิขายอะไรบ้าง555555555555555555” จองกุกตอบพลางหัวเราะลั่น

     

    “กวนตีน เก็บปากไว้คุยกับน้องแทฮยองเถอะ แล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะก่อนที่ฉันจะเอากระชอนตีปากแก” มือเล็กยกกระชอนลวกก๋วยเตี๋ยวขึ้นขู่

     

    “โหดสัสรัสเซียโคลัมเบียถึงเกาหลีเหนือ ใช่สิจ้ะ จอนไม่ใช่พี่โฮซอกนี่55555555555555555555555

     

    “ไอ่จอน!!!!!!!!!!!!!

     

     

    ร่างเล็กขึ้นเสียงก่อนจะใช้มือหยิบถั่วงอกสดในตะกร้าปาใส่เจ้าเด็กแว๊นซ์ตรงหน้า

               

               

                “พี่ยุนกิ เล่นอะไรเนี่ย เก็บถั่วงอกไว้ใส่ชามก๋วยเตี๋ยวลูกพี่ดีกว่านะจ้ะ จอนไปหาพี่วีแล้วจ้ะ พี่ยุนกิก็ตั้งใจทำก๋วยเตี๋ยวนะอย่ามัวแต่เขิน5555555555555555555555

     

     

    จองกุกพูดแซวแล้วรีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ปล่อยให้พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวร่างเล็กหงุดหงิดตีอกชกลมอยู่คนเดียวหน้าหม้อก๋วยเตี๋ยว

               

     

                “ไปกวนอะไรพี่ยุนกิน่ะจอน ดูสิถั่วงอกติดหัวแล้วน่ะ” มือเรียวเอื้อมหยิบเศษถั่วงอกออกจากกลุ่มผมของคนตัวสูงที่นั่งข้างกัน

     

                “จอนแค่กวนตีนพี่ยุนกิน่ะ พี่วีไม่ต้องหึงนะจ้ะ คนที่จอนจะกวนใจมีเพียงพี่วีคนเดียวเท่านั้น”

     

                “ไอ่เด็กบ้า ใครหึงกัน”



              แทฮยองสวนกลับ มือยังคงหยิบถั่วงอกออกจากหัวอีกคน

     


                “พี่วีแฟนจอน ถ้าพี่วีไม่หึงจอนแล้วใครจะหึงล่ะครับ หื้ม?”

     


    จองกุกถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน มือหนาดึงมือเรียวอีกข้างที่ว่างอยู่ของแทฮยองมาแนบแก้ม ดวงตากลมจ้องมองคนน่ารักที่กำลังหยิบเศษผักออกจากหัวเขาอย่างตั้งใจ เมื่อร่างบางหยิบถั่วงอกออกจนหมด ดวงตาคู่สวยก็หันมาประสานสายตากับคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มกว้างจนปากเป็นรูปหัวใจอย่างที่ทำเป็นประจำ

     


                “เอาออกให้หมดแล้วล่ะ”

     

    “ขอบคุณนะครับพี่วี”

     

                “ไม่เป็นไรหรอก แค่หยิบถั่วงอกออกเอง ทีหลังก็อย่าไปกวนพี่ยุนกิตอนเขากำลังขายก๋วยเตี๋ยวอีกนะ”

     

                “จอนหมายถึงขอบคุณที่พี่วีดูแลจอนแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยขนาดนี้ ที่จริงจอนปัดออกเองก็ได้ครับ”

     

     

    มือหนายังคงเอามือเรียวแนบแก้มกลมของตนเองแล้วยิ้มกว้างโชว์ฟันกระต่ายให้

     

     

                “อะแฮ่ม มึงลืมไปรึเปล่าไอ่จอน ว่ายังมีกูกับลูกพี่มึงอยู่ตรงนี้ด้วย” จิมินพูดแทรก

     

                “โอ๊ะ ขอโทษจ้ะพี่จิมิน พอดีว่าในสายตาจอนมองเห็นแต่พี่วีแฟนจอนคนเดียวเท่านั้นจ้ะ55555555555555555555555555555” จองกุกหันไปตอบร่างอวบ

     

                “เบื่อคนมีแฟนโว้ยยยยยยยยย แล้วน้องยองแจของกูหายไปไหนว้ะเนี่ย ไอ่เจโฮปมึงรู้มั้ยว่ายองแจไปไหน” ร่างอวบหันไปถามเพื่อนรักที่นั่งข้างกัน

     

                “กูไม่ได้จีบยองแจ กูไม่รู้ว่ะเพื่อน กูขอโทษนะ5555555555555

     

                “พวกมึงนี่ไม่ได้เรื่องเลย กูเล่นป๊อกเด้งความเร็วสูงแก้เครียดดีกว่า”

     


                จิมินพูดจบก็ล้วงมือหยิบไอโฟนในกระเป๋ากางเกงของตัวเองมากด ทันทีที่นิ้วสัมผัสหน้าเจอก็พบเมสเสจที่ส่งมาจากเบอร์ที่เข้าไม่คุ้นตา ร่างอวบเปิดอ่านข้อความที่ถูกส่งมาด้วยความสงสัย

     

     

                จากผู้หวังดี มึงจะได้หายโง่

     

     

                ร่างอวบอ่านข้อความจบก็เลื่อนหน้าจอลงมาดูรูปที่แนบมาด้วยความอยากรู้ ใครกันส่งความแปลกๆ แบบนี้มาให้เขา ภาพที่จิมินเห็นคือ คนที่เขาตามหาว่าหายไปไหนนั่นเอง กำลังนั่งอยู่ในร้านเค้กที่ตกแต่งด้วยสีชมพู แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องคิ้วขมวดหน้าคือคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามยองแจ คือพี่ชายกลุ่มเดียวกันที่เขาสนิทและรู้จักเป็นอย่างดี

               

     

                “จิมินเป็นอะไรอ่ะ ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้น”

     

     

    คนน่ารักเอ่ยถามทันทีที่เห็นสีหน้าและปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของเพื่อนร่างอวบ

     

     

    “เอ่อ ไม่มีอะไรน่ะ ฉันแค่แพ้เกม”

     

    “ไอ่หมูโง่ แพ้ไพ่แค่นี้ถึงกับทำหน้าเหมือนโดนแย่งของรักไปอย่างนั้นแหละมึง”

     

    “เออ กูรักมากด้วย” จิมินตอบกลับหน้านิ่ง

     

                “เป็นห่าอะไรของมึงเนี่ย พูดจาแปลกๆ” โฮซอกถามด้วยความสงสัย

     

                “กูโง่มากเลยเหรอว่ะไอ่เจโฮป” จิมินถามกลับ

     

                “ทำไมจู่ๆ มึงมาถามกูแบบนี้เนี่ย เป็นอะไรของมึง”

     

                “กูดูโง่มากใช่ไหม เออกูก็ว่างั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอกมึง กูแพ้ไพ่กูเลยเครียด55555555555555555555555555

     

     

                ร่างอวบพูดจบก็หัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้ใครสงสัย แต่ทว่าโฮซอกกลับดูออกในท่าทีและคำพูดที่แปลกไปของเพื่อนรัก จะถามให้รู้เรื่องตอนนี้ก็ดูจะไม่เหมาะสม เขาจึงคิดว่ารอกลับจากร้านพี่ยุนกิค่อยคุยกันให้รู้เรื่องดีกว่า

     

    ไม่นานนักร่างเล็กก็ยกชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ สี่ชามมาวางให้ที่โต๊ะของพวกเขา แต่ละคนก็ก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวของตนเอง มีเพียงจิมินที่เขี่ยเส้นในชามไปมา ไม่ตั้งใจกินก๋วยเตี๋ยวเหมือนอย่างที่เคยเป็น

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “ขอบคุณนะโฮซอก ที่มาส่ง”

     

     

    ร่างบางพูดหลังจากที่เปิดประตูลงจากรถสีดำคันหรูที่จอดอยู่หน้าบ้านของเขา โดยมีจองกุกเดินตามออกไปยืนข้าง

     

     

    “ขอบคุณนะลูกพี่ที่มาส่ง”

     

    “พี่มาส่งแทแท มึงลงไปทำไมไอ่จอน นี่ไม่ใช่บ้านมึง”

     

     

    โฮซอกลดกระจกรถลงแล้วถามเจ้าเด็กแว๊นซ์น้องชายตัวดีของตัวเอง

     

     

    “คืนนี้จอนนอนบ้านพี่วี มีการบ้านต้องทำเยอะแยะเลย จอนลงบ้านนี้น่ะถูกแล้วจ้ะ”

     

    “นายถามพี่รึยังน่ะจอนว่าให้นอนที่นี่รึเปล่า” แทฮยองหันไปถามร่างสูง

     

    “ไม่ต้องถามจอนก็รู้ว่าพี่วีให้จอนนอนด้วย เพราะพี่วีก็คิดถึงจอนเหมือนที่จอนคิดถึงพี่วีใช่มั้ยครับ” จองกุกพูดพลางใช้มือหนารั้งเอวบางมากอด

     

    “ทำมาเป็นรู้ดี”

     

     

    มือเรียวบีบจมูกโด่งของคนตรงหน้าเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้

     

     

    “ก็จอนเป็นแฟนพี่วีไงครับ เข้าบ้านกันเถอะ”

     

    “ใจคอจะสวีทกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยรึไง ฉันไปก่อนนะแทแท ส่วนมึง ไอ่จอนอย่าทำอะไรเพื่อนพี่นะเว้ย”

     

     

    โฮซอกพูดจบก็ปิดกระจกรถแล้วเคลื่อนตัวออกไปส่งจิมินเพื่อนรักที่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ขึ้นรถมาร่างอวบก็เงียบตลอดทาง ถามอะไรก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ ทำให้เขาไม่สบายใจกับอาการที่แปลกไปของจิมินอย่างมาก

     

     

                “มึงเป็นอะไรน่ะจิมิน มีอะไรทำไมไม่บอกกู กูเพื่อนมึงนะเว้ย” โฮซอกเอ่ยถามเพื่อทำลายความเงียบในรถ

     

                “มึงขับรถเงียบๆ ไปก่อน กูยังไม่อยากตอบอะไรตอนนี้”

     

                “กูเป็นห่วงมึงนะ” โฮซอกพูดจบก็ขับรถต่อตามคำที่ร่างอวบบอก

     

                “อือ”

     

     

    จิมินพูดโดนไม่หันมามองหน้า ดวงตาเล็กจ้องมองไปยังนอกกระจกรถ สีหน้าที่เคยสดใสกลับจางหายไปเหลือเพียงใบหน้าและแววตาเศร้าหมอง

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .


     

                 “ว่าไงครับพี่จิน เรียกผมมาคุยมีอะไร”

     

                “จะถามความคืบหน้า งานที่ให้ทำน่ะถึงไหนแล้ว”

     

                “ใจเย็นดิครับ ตัวเสือกมันเยอะ รอบตัวน้องวีมีแต่คนกันท่าเต็มไปหมด” มาร์คบ่นอย่างหัวเสีย

     

                “ถ้าใช้กำลังแล้วไอ่เด็กแว๊นซ์นั้นไม่ยอมเลิกกับน้องวี นายก็ลองใช้วิธีอื่นดูสิ”

     

                “วิธีไหนอ่ะพี่” มาร์คถามอย่างสงสัย

     

                “ก็จัดการกับของที่มันรักแทนไง บีบให้มันยอมเลิกกับน้องวี เรื่องแค่นี้ทำไมนายคิดไม่ได้”

     

                “จัดการกับของรักมันแทน แล้วไอ่เด็กแว๊นซ์นั่นมันรักอะไรอ่ะพี่จิน” มาร์คถามต่อ

     

                “ฉันไม่ได้ใช้ให้นายมาถามฉันกลับนะ ถ้าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ก็บอก ฉันจะได้ให้คนอื่นที่เขามีความสามารถมากกว่านายไปจัดการแทน”

     

     

                มือหนาหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูเพื่อจะต่อสายหาใครสักคน แต่ถูกรุ่นน้องหน้าหล่อขัดไว้ซะก่อน

     

     

                “อย่าเพิ่งดูถูกกันดิพี่จิน เรื่องแค่นี้ผมจัดการได้ พี่คอยดูก็แล้วกัน หึ”

     

                “อย่าให้ฉันต้องรอนานล่ะ”

     

     

                มาร์คไม่ตอบอะไร เขาลุกขึ้นออกจากห้องทำงานของจินไปด้วยความหงุดหงิด ขาวยาวเร่งฝีเท้าก่อนจะขึ้นไปประจำตำแหน่งที่นั่งคนขับ และไม่นานนักรถยนต์คันหรูของมาร์คก็เคลื่อนตัวออกจากบ้านของซอกจินไปอย่างรวดเร็ว

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “ทีนี้มึงพร้อมจะบอกกูได้รึยังว่ามึงเป็นอะไร”

     

     

    โฮซอกเอ่ยถามเพื่อนร่างอวบทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามาในห้องพักของจิมิน  แต่ทว่าเจ้าของห้องกลับนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามของเขา ร่างอวบเดินออกไปยังระเบียงห้องเพื่อสูดอากาศ สายตาทอดมองไปยังทัศนีย์ภาพยามเย็น อีกไม่นานความมืดมิดก็จะเข้ามาทดแทนแสงสีส้มของดวงตะวันที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า เหมือนดั่งหัวใจของเขาตอนนี้ที่มีแต่ความมืดมน ผิดหวัง และสับสน ภาพจากบุคคลปริศนาที่ส่งมาให้เขาทำให้หัวใจของจิมินที่เคยสดใสกลับกลายเป็นเศร้าหมอง

     

     

                “กูอยากอยู่คนเดียว”

     

     

    จิมินพูดเสียงแผ่วหลังจากที่เพื่อนรักของเขาได้เดินตามออกมาที่ระเบียงห้อง โฮซอกกลับไม่สนใจคำพูดของร่างอวบแต่อย่างใด ขายาวสาวเท้ามายืนข้างเพื่อนรักของตนก่อนจะดึงตัวร่างอวบที่กำลังสั่นเทานั้นมากอดไว้

     

     

                “มึงเป็นแบบนี้ กูจะไม่ปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวหรอกนะจิมิน”

     

                “ฮึก..กูไม่เป็นไร” ร่างอวบพูดพลางสะอื้นในอ้อมกอดของเพื่อนรัก

     

                “มึงโอเค แต่กูไม่โอเคที่เห็นมึงเป็นแบบนี้ มีอะไรไหนบอกกูสิ มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่าจิมิน”

               

                “กูโง่มากใช่ไหมมึง ฮึก.. กูดูแย่ในสายตาคนอื่นเหรอว้ะ ฮือ...”

     

                “ใครบอกอะไรมึงถึงดูถูกตัวเองแบบนี้ มึงดีที่สุดสำหรับกูนะ ถึงมึงจะโง่ไปหน่อย กินเยอะไปนิดก็เถอะ” โฮซอกพูดพลางลูบหัวปลอบเพื่อนร่างอวบ

     

                “ไอ่ห่านี่ กูถามมึงจริงจังยังจะมาเล่น” จิมินกำหมัดต่อยอกอีกคนเบาๆ

     

                “สรุปอะไรทำให้มึงเป็นแบบนี้เนี่ย หมูที่สดใสของกูไปไหนแล้ว”

     

                “น้องยองแจ...ฮือ..”

     

     

    ร่างอวบร้องไห้ต่อทันทีที่พูดชื่อของคนที่เขาชอบมาหกปี ภาพที่เห็นในโทรศัพท์มันลอยเข้ามาในหัวเขาอีกครั้งพร้อมกับคำถามที่ว่า ยองแจกับพี่เจบีไปสนิทกันได้ยังไง ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย หรือทั้งสองคนอาจจะแอบคบกันแล้วปิดบังเขา ความสับสนในใจเกิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกผิดหวัง จนทำให้ร่างอวบไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

     

     

    “น้องยองแจทำไมว้ะไอ่หมู ยองแจเป็นอะไร?” โฮซอกถามต่อ

     

    “มีคนส่งรูปนี้มาให้กู”

     

     

    จิมินผละออกจากอ้อมกอดของเพื่อนรัก ก่อนที่มือเล็กหยิบไอโฟนออกมาเปิดข้อความที่มีรูปของยองแจกับเจบีอยู่ด้วยกันในร้านเค้กให้เพื่อนตรงหน้าดู ทันทีที่โฮซอกเห็นรูปนั้น เขาก็เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เพื่อนร่างอวบของเขาเป็นแบบนี้ทันทีโดยที่อีกคนไม่ต้องอธิบายอะไรต่อ

     

     

    “มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่มึงคิดก็ได้นะจิมิน”

     

    “แล้วถ้ามันเป็นอย่างที่กูคิดล่ะ มึงคิดว่ากูควรจะทำยังไงต่อไป...” ร่างอวบเอ่ยถามด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น

     

    “ถามพี่เจบีให้รู้ความจริงกันไปเลย มึงจะได้ไม่ต้องมาเศร้าอยู่แบบนี้”

     

     

    โฮซอกพูดพลางล้วงหยิบไอโฟนจากกระเป๋ากางเกงตัวเอง เขาตั้งใจจะต่อสายโทรหาเจบีเพื่อที่จะสอบถามความจริงให้ชัดเจนกันไปเลย แต่ก็ถูกมือเล็กของคนตรงหน้าห้ามไว้

     

     

    “ฮึก...กูกลัวความจริง กูกลัว...ว่ามันจะเป็นอย่างที่กูคิด ฮือ....กูยังไม่พร้อมจะรับความจริงตอนนี้” ร่างอวบพูดพลางสะอื้น

     

    “เฮ้อ มึงนี่มันจริงๆ เลยไอ่หมู งั้นรอมึงเข้มแข็งพอที่จะรับความจริงแล้วเราค่อยไปคุยกับพี่เจบีกันให้รู้เรื่องไปเลย ยังไงก็พี่น้องกันรู้จักกันมานาน กูไม่อยากให้มีเรื่องอะไรมาทำให้พวกเราต้องผิดใจกัน”

     

     

    โฮซอกพูดจบก็ดึงตัวจิมินที่กำลังร้องไห้อยู่มากอดปลอบอีกครั้ง

     

     

    “อือ ฮึก... กูขอเวลาทำใจ...ยอมรับกับความจริงก่อน ฮือ....”

     

     

    จิมินร้องไห้ออกมาในอ้อมกอดของเพื่อนรัก น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสายจนทำให้โฮซอกสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่เสื้อนักศึกษาสีขาวของตัวเอง

     

     

    “อยากร้องก็ร้องออกมาให้พอ อยากระบายอะไรก็บอกกกู กูจะคอยรับฟังมึงเองนะไอ่หมูโง่ของกู”

     

    “มึงกลับไปเถอะ ฮึก.... กูอยากอยู่คนเดียว”

     

    “กูไม่กลับ กูไม่ให้มึงอยู่คนเดียว”

     

    “มึงนี่มัน.. ฮือ.....”

     

    “มึงมีหน้าที่ร้องไห้ก็ร้องไปไอ่สัส กูจะอยู่ปลอบมึง ไล่ยังไงกูก็ไม่กลับเว้ย”

     

    “ฮือ......” ร่างอวบปล่อยโฮออกมา

     

     

    โฮซอกลูบหัวของเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าที่สดใสและมีรอยยิ้มอยู่เสมอของจิมินกลับถูกแทนที่ด้วยหยดน้ำตาและความเศร้า เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาไม่อาจปล่อยให้เพื่อนคนนี้อยู่เพียงลำพัง ถึงไม่สามารถช่วยให้ความรู้สึกของร่างอวบดีขึ้น แต่อย่างน้อยก็ทำให้จิมินรู้ว่ายังมีเขาคนนี้ที่คอยอยู่เคียงข้างไม่ห่างไปไหน

     



    .

    .

    .

    .

    .



    1OO%

     

     

                





    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×