ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTS] "Noodle Project รักนี้ต้องลวก" เล็กหมูน้ำตก | KOOKV FT.BTS

    ลำดับตอนที่ #8 : เล็กหมูน้ำตก : ชามที่เจ็ด 1OO%

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 58




     Chapter 7



    เลยเก็บใจไว้รอ คนที่พอดีทุกอย่างเข้ากับฉัน

    คนที่มีหัวใจเหมือนกัน คนนั้นเป็นเธอได้ไหม

     

     

                ร่างสูงในชุดนักเรียนมัธยมปลายเสื้อสีขาวที่ชายหลุดออกนอกกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล กำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปตามท้องถนนเพื่อกลับบ้าน ท่ามกลางแสงไฟจากเสาไฟฟ้าริมทางที่ดับบ้างติดบ้าง และด้วยความที่เป็เวลาดึกแล้วจึงไม่ค่อยมีรถสักเท่าไรนัก

     

     

    หัวใจมันบอก ยอมทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเธอ

    แม้ปลายทางอาจจะได้เจอความผิดหวัง

    ถึงยังไงก็จะรักเธอไปทุกวัน

     

     

                แม้ว่าจะต้องรอฟังคำนั้นจากพี่วีอีกนานแค่ไหน ผมก็จะรอครับ

     

     

              ตือดึง!

     

     

                จองกุกเร่งความเร็วรถเพื่อให้เขาถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วขึ้น เพราะกลัวว่าคนน่ารักที่ไลน์มาหาเขานั้นจะรอนาน

     

                มัวแต่ขี่รถร้องเพลงสบายใจ ลืมไปเลยครับว่าพี่วีรอให้ผมกลับบ้านอย่างปลอดภัย ถึงจะเข้านอน วันนี้พี่วีบ่นว่าง่วงด้วยเพราะมีเรียนทั้งวัน ผมต้องรีบแว๊นซ์แล้วล่ะ

     

     

                เอี๊ยดดดดดดดด โครม!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

                จองกุกหักหลบรถยนต์ที่ขับมาตัดหน้าอย่างกะทันหัน เสียงเสียดสีจากยางล้อรถที่ลากเป็นรอยยาว ตามด้วยเสียงกระแทกของมอเตอร์ไซค์คู่ใจกับพื้นถนน

               

     

                “โอ้ยยยยยยย ไอ่ห่าเอ้ย ขับรถประสาอะไรว้ะ”

     

     

    ร่างสูงร้องด้วยความเจ็บปวดจากการเหตุการณ์ล้มรถเมื่อสักครู่นี้ ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเดินขากะเผลกไปหาคู่กรณีที่อยู่ในรถยนต์คันหรู

     

     

    “เห้ยมึงลงมาดิว้ะ ขับรถกวนตีนแบบเนี่ยมาเคลียกันหน่อยมั้ย”

     

    “ก็ยังเดินได้นี่ กูไม่เห็นมึงจะเจ็บตรงไหน” เสียงทุ้มเอ่ยทักทันทีที่เปิดประตูลงมาจากรถ

     

                “ไอ่สัส นี่มึงจงใจแกล้งกูใช่มั้ย”

     

                “อย่าพูดจาใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้สิครับน้อง”

     

                “หลักฐานที่รถกูพังเป็นซากอยู่บนถนนนั่นยังไม่ชัดเจนพอเหรอ” จองกุกชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขา

     

     

                ไอ้จ๊อดลูกพ่อ พ่อขอโทษที่ปกป้องลูกไม่ได้ รถคู่ใจที่ขี่มาตั้งนานต้องมาพังก็วันนี้แหละครับ ผมจะไม่ยอมให้ไอ่หมอนี่ทำรถผมพังฟรีๆ แน่นอน

     

     

                “มึงล้มของมึงเองไง กูไม่เกี่ยว” รุ่นพี่หน้าหล่อตอบกลับหน้าตาเฉย

     

                “มึงจะเอายังไงกับกู” มือหนากระชากคอเสื้อเชิ้ตสีขาวของอีกคนอย่างเอาเรื่อง

     

                “กูไม่เอามึงหรอก แต่กูจะเอาแฟนมึง”

               

     

    ผลั่ก!!!!!!!

     

     

    มาร์คเซล้มไปตามแรงกระแทกจากหมัดของอีกคน นิ้วโป้งแตะที่มุมปากของตัวเองเพื่อดูรอยเลือด ก่อนจะลุกขึ้นกลับมายืนหล่อเหมือนเดิม

     

     

    “นี่มึงกล้าต่อยกูเหรอ ไอ้เด็กแว๊นซ์!!!! คิดว่าเป็นแฟนน้องวีกูจะไม่กล้าทำอะไรมึงเหรอ มึงคิดผิดแล้ว”

     

     

    รุ่นพี่หน้าหล่อพุ่งเข้าใส่ร่างสูงทันทีที่พูดจบ พร้อมกับรัวหมัดหนักไปยังหน้าของอีกคนอย่างไม่คิดจะหยุดการกระทำ ด้วยความที่ร่างกายเจ็บเพราะกระแทกกับพื้นตอนล้มรถ ทำให้จองกุกไม่สามารถจะป้องกันตัวเองหรือโต้ตอบกลับได้

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “ทำไมไม่ตอบไลน์เนี่ย ออกไปตั้งนานแล้วยังกลับไม่ถึงบ้านอีกรึไงกัน” ร่างบางบ่นกับโทรศัพท์ในมือ

     

     

                เจ้าเด็กแว๊นซ์มัวไปเถลไถลอยู่ที่ไหนครับเนี่ย ง่วงแต่ก็นอนไม่หลับ ผมไม่สบายใจถ้ายังไม่รู้ว่าจอนกลับถึงบ้านรึยัง

     

     

                VtaehyungV : จอน กลับบ้านรึยังน่ะ?

     

                VtaehyungV : อยู่ไหนเนี่ย พี่ง่วงแล้วนะ

     

               

                “ย๊า!!!! พี่หงุดหงิดแล้วนะจอน นายมัวแต่ไปเกเรอยู่ที่ไหนเนี่ย” มือเรียวทึ้งหัวตัวเองก่อนจะกดไอโฟนต่อ

     

     

                VtaehyungV : จอนจองกุก นายอยู่ไหน พี่เป็นห่วงนะ

     

     

                ไม่มีการอ่านข้อความหรือตอบกลับจากอีกคน แทฮยองวางไอโฟนลงบนเตียงนุ่มก่อนจะทิ้งตัวลงนอน

     

                หายไปไหนของเขานะ ไม่เคยมีสักครั้งที่จอนจะไม่ตอบข้อความผม ยิ่งเงียบไปแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึกไม่สบายใจจังเลยครับ

     

     

                1 ชั่วโมงผ่านไป

     

     

                คนน่ารักนอนพลิกตัวไปมาอย่างกังวลใจ ถึงร่างกายจะง่วงและเพลียแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับได้ แทฮยองยังคงรอข้อความตอบกลับจากคนที่เขาเป็นห่วง

     

     

                ครืด... ครืด....

     

     

                “จอน ถึงบ้านแล้วหรอ ทำไมช้าจังอ่ะ แอบไปเกเรที่ไหนมารึเปล่า รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงนายขนาดไหน” ร่างบางพูดรัวใส่ปลายสายทันทีที่กดรับโทรศัพท์

     

                [แทแท ฉันโฮซอก ไม่ใช่ไอ่จอน]

     

                “อ้าว โฮซอกหรอกเหรอ ฉันลืมดูหน้าจอว่าใครโทรมาน่ะ ขอโทษนะ”

     

     

                นี่ผมเป็นห่วงจอนจนเบลอขนาดนี้เลยหรอเนี่ย พรุ่งนี้เช้าตอนมารับผมไปเรียน โฮซอกเขาจะต้องแซวผมแน่เลยที่รัวใส่ขนาดนั้น อ่า.. อายจัง

     

     

                [แทแท ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก ตั้งใจฟังนะ]

     

                “เรื่องสำคัญ อะไรอ่ะ”

     

                [ไอ้จอนมันอยู่โรงพยาบาล]

     

                “อ๋อ จอนอยู่โรงพยาบาล ห้ะ! นายพูดว่าอะไรนะโฮซอก” ร่างบางอุทานด้วยความตกใจ

     

                [ไอ้จอนมันรถล้ม ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉินน่ะ]

     

                “จอนเป็นยังไงบ้างโฮซอก ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหน ฉันจะไปหาจอน”

     

                [แทแทใจเย็น ไอ่จอนมันไม่เป็นอะไรมากหรอก ก่อนเข้าห้องฉุกเฉินไปมันบอกให้ฉันบอกแทแทหน่อยว่ามันปลอดภัย ไม่ต้องเป็นห่วง]

     

                “ฮึก... ถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่ให้ฉันเป็นห่วงได้ยังไงอ่ะโฮซอก ฮือ..... ฉันจะไปหาจอน ถ้าฉันไม่เห็นด้วยตาของตัวเอง ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าจอนปลอดภัย” แทฮยองพูดพลางร้องไห้สะอื้น

     

     

                ทำไมผมต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมคนที่ผมรักต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกแล้วครับ

     


                [โอเคๆ เดี๋ยวฉันไปรับแทแทที่บ้านนะ]

     

     

    โฮซอกพูดก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไปเพื่อขับรถออกจากโรงพยาบาลมารับคนน่ารักที่กำลังร้องไห้กระวนกระวาย

     

     

                “ฮึก.... ฮืก..... จอน นายอย่าเป็นอะไรไปนะ นาย.. ฮึก.. อย่าทิ้งพี่ไปอีกคนสิ นายห้ามผิดสัญญาที่บอกว่าจะรอฟังคำว่ารักจากพี่นะ ฮือ...”

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                ณ โรงพยาบาล ห้อง 912

     

               

                “ผลเอกซเรย์ออกมาแล้วนะคะ ไม่มีกระดูกตรงไหนแตกหัก แต่มีอาการบอบช้ำภายในร่างกายจากแรงกระแทก แล้วก็แผลถลอกตามตัวกับรอยช้ำภายนอก” พยาบาลสาวอธิบาย

     

                “ขอบคุณครับ แล้วอีกกี่วันถึงจะกลับบ้านได้ครับ” ร่างอวบเอ่ยถาม

     

                “คุณหมอให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักสองสามวันเพื่อดูอาการที่บอบช้ำภายในร่างกาย ถ้าอาการดีขึ้นก็กลับบ้านได้ ส่วนแผลถลอกจะมาล้างแผลที่โรงพยาบาลหรือจะล้างเองก็ได้จ้ะ”

     

                “อ่า ครับผม”

     

                “อ้อ นี่ยาแก้ปวดกับยาฆ่าเชื้อนะจ้ะ ให้คนเจ็บทานยาแล้วก็นอนพักนะ อาจจะปวดหน่อยเพราะแผลมันระบม แล้วก็นี่ใบรับรองแพทย์ที่ขอไว้นะ”

     

     

     พยาบาลสาวสวยยื่นกระดาษสีขาวให้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ร่างอวบขยับเข้าไปข้างเตียงเพื่อดูอาการของจองกุกใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง

     

     

                “มึงเจ็บมากไหม โอเคเปล่าไอ้จอน”

     

                “พี่จิมินลองมาล้มรถแล้วโดนกระทืบเองไหมจ้ะ จะได้รู้ว่าเจ็บมากรึเปล่า” จองกุกตอบเสียงนิ่ง

     

                “กูน่าจะบอกให้หมอผ่าหมาออกจากปากมึงด้วยนะไอ้จอน เจ็บขนาดนี้ยังจะกวนตีน” จิมินพูดจบก็เอามือผลักหัวคนที่นอนอยู่บนเตียงเบาๆ

     

                “โอ้ยยยยยย เจ็บนะพี่ อย่ารังแกคนไม่มีทางสู้ดิ” ร่างสูงโอดครวญ

     

               

                เจ็บปวดระบมไปทั้งร่างกายเลยครับ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เลือกไม่ถูกเลยจะเจ็บตรงไหนมากกว่ากัน ยิ่งตอนพยาบาลมารุมกันล้างแผลใส่ยาให้ แสบไปทั้งตัวจนร้องไม่ออกเลยครับ เกิดเป็นไอ้จอนนี่มันลำบากขนาดนี้เลยเหรอ

     

               

                “กินยาแล้วนอนพักซะไอ่จอน” ร่างอวบพูดพลางหยิบยาใส่ปากอีกคน ก่อนจะช่วยพยุงตัวให้จิบน้ำตาม

     

                “ขอบคุณจ้ะ พี่จิมิน ว่าแต่ลูกพี่ไปไหนอ่ะ ออกมาจากห้องฉุกเฉินก็ไม่เห็นแล้ว”

     

                “เจโฮปมันไปรับแทฮยองมาดูใจมึงไง” จิมินตอบ

     

                “เห้ย บอกพี่วีทำไมเนี่ย จอนให้ลูกพี่บอกแค่ว่าจอนถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วไง จอนไม่อยากให้พี่วีเป็นห่วง” ร่างสูงโวยวาย

     

                “ห่วงตัวเองก่อนเถอะมึง ดูสภาพนี่ไม่ต่างจากหมาโดนรถสิบล้อชน”

     

                “โอ้โห ถ้าจอนโดนสิบล้อชนคงไม่มีชีวิตรอดมานอนหล่ออยู่ตรงนี้หรอกจ้ะ”

     

                “มึงนี่มันปากดีจริงๆ นอนพักไปเลยกูจะนอนบ้างล้ะ”

     

     

    ร่างอวบพูดจบก็หันหลังเดินไปนอนที่โซฟาข้างผนังห้อง ส่วนจองกุกนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลงเพื่อพักผ่อนเช่นกัน

     

    ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดโดยมือเรียวของคนน่ารักที่กำลังร้องไห้สะอื้น ตามด้วยเพื่อนอีกคนที่ไปรับเขาที่บ้านเพื่อพามาโรงพยาบาล ร่างบางก้าวขาเดินไปข้างเตียงก่อนจะไล่สายตามองร่างของแฟนตัวเองที่นอนอยู่ ใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำจากการโดนทำร้าย แผลถลอกข้างแก้ม ตามแขนและขาเองก็เต็มไปด้วยผ้าพันแผลสีขาว ยังไม่นับรอยเขียวช้ำตามตัวอีกนับไม่ถ้วน

     

    นี่จอนเขาโดนไม่ได้แค่ล้มรถใช่ไหม ต้องมีคนทำร้ายเขาแน่นอน จากแผลที่ผมเห็นตามตัวเขา ใครกันมันช่างใจร้ายทำกับจอนได้ขนาดนี้

     

     

    “ฮึก....” น้ำตาไหลยังคงออกจากดวงตาคู่สวยไม่ขาดสาย

     

     

    “หยุดร้องได้แล้ว นี่ร้องไห้มาตลอดทางตั้งแต่บ้านจนถึงโรงพยาบาลเลยเนี่ย ตาบวมแล้วไม่น่ารักนะแทแท” โฮซอกปลอบด้วยความเป็นห่วง

     

    “ฮึก... ใครทำร้ายจอน ฮึก.. ฮือ...”

     

    “ไอ่จอนมันรถล้ม”

     

    “ฮึก... ฉันไม่ได้โง่ขนาดที่ดูไม่ออกนะ ฮือ...ว่าจอนโดนทำร้ายมาด้วยน่ะโฮซอก”

     

     

    ร่างบางพูดพลางร้องไห้สะอื้น มือเรียวยกขึ้นเพื่อใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่แก้มตัวเอง ด้วยความที่จองกุกยังหลับไม่สนิท เปลือกตาหนาเปิดขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงที่ร้องไห้ที่คุ้นหู ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าของคนน่ารักที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา กับดวงตาคู่สวยที่บวมและช้ำจากการร้องไห้เป็นเวลานาน

     

     

    นี่ผมทำให้พี่วีเสียใจอีกแล้วเหรอครับ ผมนี่มันแย่จริงๆ เลย ให้ตายเหอะ

     

     

    “พี่วี จอนขอโทษนะที่ไม่ได้ตอบไลน์”

     

    “ฮึก...จะขอโทษทำไมเล่าไอ้บ้า พี่ไม่ได้โกรธสักหน่อย”

     

    “ขอโทษที่ทำให้พี่วีร้องไห้อีกแล้วนะครับ”

     

     

    ร่างสูงกลั้นความเจ็บปวดเพื่อยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มนิ่มของอีกคน แผลที่เจ็บทั้งร่างกายก็ไม่เท่ากับแผลที่เจ็บในใจเวลาที่เห็นคนที่เขารักต้องร้องไห้

     

     

                “พี่ร้องไห้ของพี่เอง นายจะมาขอโทษทำไม พี่เป็นห่วงนายพี่ก็เลยร้องไห้” ร่างบางสะอื้น ดวงตาคู่สวยพยายามกลั้นน้ำตา

     

                “จอนไม่อยากเห็นพี่วีร้องไห้นี่นา หยุดร้องนะ จอนไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

     

                “เจ็บขนาดนี้ แผลเต็มตัวขนาดนี้ยังบอกไม่เป็นอะไรอีก” แทฮยองเถียงกลับ

     

                “แผลแค่นี้เองเดี๋ยวก็หาย ถ้าพี่วีเป็นห่วงก็ยิ้มให้จอนหน่อยเร็ว จอนจะได้มีกำลังใจ” จองกุกพูดก่อนจะยิ้มกว้างโชว์ฟันกระต่ายให้อีกคน

     

     

                ผมจะทำยังไงดีให้แฟนผมเขาหยุดร้องครับ พี่วีร้องไห้แล้วผมก็พลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย

     

     

                “อื้อ ไม่ร้องแล้วก็ได้”

     

     

    ร่างบางสะอื้นก่อนจะหยุดร้อง นิ้วเรียวขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะหันไปยิ้มกว้างจนปากเป็นรูปหัวใจให้คนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง

               

     

                “กูเชื่อแล้วว่ะที่เขาพูดกันว่า ถ้าใครทำให้ร้องไห้ คนนั้นก็จะเป็นคนที่ทำให้หยุดร้องไห้ได้ นี่กูปลอบแทแทมาตลอดทาง ก็ไม่หยุดร้อง ไอ่จอนปลอบแปบเดียวเงียบเลย”

     

     

    โฮซอกพูดกระซิบกับเพื่อนร่างอวบที่ตอนนี้เปลี่ยนจากนอนเป็นนั่งอยู่บนโซฟาด้วยกันแทน ระหว่างทางที่ขับรถมา เขาทั้งชวนคุย เล่าเรื่องตลก พยายามปลอบให้คนน่ารักหยุดร้อง แต่กลับไม่ได้ผลเลย

     

     

    “มึง กูว่าเรากลับไปนอนแล้วค่อยมาใหม่ตอนเช้าไหม ตอนนี้ไอ่จอนคงมีคนดูแลแล้วล่ะ เราสองคนอยู่ไปก็เป็นส่วนเกินเขา” จิมินพูดเสียงเบา

     

    “แต่กูยังไม่วางใจว่ะ กลัวคนมาทำร้ายไอ่จอนกับแทแทตอนเราไม่อยู่”

     

    “แล้วมึงจะทำยังไง นอนเบียดกับกูบนโซฟาเนี่ยนะ”

     

    “โซฟานี่ยังใหญ่กว่าเตียงที่ห้องมึงอีกไอ่หมู กูบอกพยาบาลให้เขาจัดห้องพักวีไอพีให้ไอ่จอนเลยเนี่ย ทั้งโซฟาและเตียง ทุกอย่างคิงไซส์”

     

    “โรงพยาบาลหรือโรงแรมไอ่สัส แล้วแทฮยองจะนอนตรงไหน” จิมินถามกลับ

     

    “ก็บนเตียงกับไอ่จอนไง” โฮซอกชี้

     

    “เออ เอาที่มึงคิดว่าดี กูนอนฝันถึงน้องยองแจดีกว่า อยู่ไปก็อิจฉาไอ่จอนกับแทฮยอง” ร่างอวบพูดจบก็เอนตัวลงนอนบนโซฟานุ่ม

     

    “แทแท นอนกับไอ่จอนบนเตียงนะ”

     

    “เอ่อ ฉันนอนที่พื้นก็ได้ ไม่เป็นไร”

     

    “พี่วีจะไปนอนที่พื้นได้ยังไง มานอนบนเตียงนี่ เดี๋ยวจอนนอนพื้นเอง”

     

    “จะบ้าเหรอ นายเป็นคนเจ็บนะ นอนบนเตียงนั่นไปเลยจอน” ร่างบางดุ

     

    “จอนมึงโอเคใช่ไหมกูรู้ ได้แทแทคอยดูแลแบบระยะประชิดน่าจะหายไว กูนอนล้ะนะ ฝันดีทั้งสองคน” โฮซอกรีบตัดบทก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างร่างอวบ

     

    “พี่วีจอนเจ็บแผลอยู่นะ จะขึ้นมานอนบนเตียงดีๆ หรือให้จอนอุ้มด้วยสายน้ำเกลือติดมือแบบนี้ครับ” จองกุกพูดก่อนจะยกมือขึ้นชูสายระโยงระยางให้อีกคนดู

     

    “เอ่อ พี่ไม่ง่วงน่ะ นายนอนเถอะ”

     

    “ไม่ดื้อได้ไหม มานอนด้วยกันนะ” ร่างสูงออดอ้อน

     

    “เอ่อ ก็ได้... ”

     

     

    สิ้นสุดคำพูดร่างบางก็ค่อยๆ ขยับตัวขึ้นไปนอนข้างอีกคนที่อยู่บนเตียงด้วยความระมัดระวัง ที่แทฮยองไม่อยากนอนเตียงเดียวกับจองกุกเพราะกลัวว่าจะพลาดไปโดนแผลแล้วทำให้ร่างสูงต้องเจ็บ

     

     

    “พี่วีกอดจอนหน่อย” ร่างสูงบอกคนที่นอนอยู่ข้างๆ

     

    “จะบ้าหรอ นี่มันโรงพยาบาลนะ แล้วอีกอย่างนายก็เจ็บอยู่ด้วย ถ้าเกิดพี่ไปโดนแผลนายจะทำยังไงอ่ะจอน” ร่างบางตอบกลับ

     

    “จอนติดสายน้ำเกลือนอนกอดพี่วีไม่ได้อ่ะ พี่วีกอดจอนหน่อยสิ นะครับ นะ...”

     

    “ก็นอนเฉยๆ ไปสิ นอนพักได้แล้วจอน”

     

    “พี่วีไม่กอด จอนนอนไม่หลับ กอดหน่อยนะครับ นะคนดี” ร่างสูงพูดอ้อน

     

     

                ไอ้เด็กบ้านี้ขนาดเจ็บทั้งตัวมันยังร้ายจริงๆ เลยครับ!

     

     

                “แฟนครับ กอดหน่อยนะ จอนจะได้หายไวไว”

     

     

                ร่างบางพลิกตัวตะแคงข้างก่อนจะเอื้อมมือไปกอดจองกุกอย่างระวังไม่ให้โดนแผล

     

               

                “นอนได้แล้ว ไอ้เด็กบ้า”

     

                “แฟนใครนะ น่ารักจังเลยจ้ะ” จองกุกพูดก่อนจะยิ้มหน้าบาน

     

                “แฟนคนที่ปากหมา กวนตีน แถมยังเจ้าเล่ห์ไง” คนน่ารักตอบกลับ

     

                “ตื่นมาจอนจะต้องหาดีแน่เลยจ้ะ มีพี่วีดูแลข้างๆ แบบนี้”

     

    “เมื่อไหร่จะนอน” ร่างบางถามเสียงนิ่ง

     

    “นอนแล้วจ้ะ ฝันดีนะพี่วีจ๋า จอนรักพี่วีนะ” จองกุกกระซิบเบาๆ ข้างหูคนน่ารักที่นอนกอดเขาอยู่บนเตียง ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อน

     

     

    เรื่องไม่ดีมักจะมาก่อนเรื่องดีๆ เสมอครับ ผมเจ็บระบมทั้งตัวขนาดนี้แต่ก็ทำให้ได้รู้พี่วีเป็นห่วงผมมากขนาดไหน มีความสุขจนลืมไปเลยครับว่าโดนกระทืบมา

     

     

    “ไอ่เด็กบ้า ฝันดี เอ่อ....”

     

    เอ่อ... พี่ก็รักจอนนะ

     

    ผมอยากจะบอกจอนกลับเหมือนกันนะครับ แต่ปากมันไม่ยอมพูดออกไป ก็คนมันเขินให้ทำยังไงล่ะ

     

    ดวงตาคู่สวยปิดลง แทฮยองหลับไปพร้อมกับร่างสูงที่นอนอยู่ข้างกัน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขารู้ว่าจองกุกสำคัญกับเขามากขนาดไหน และทำให้เขามั่นใจตัวเองว่าเขานั้นรักจองกุกเข้าแล้วจริงๆ

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    “สวัสดีคะ น้องวี”

     

     

    รุ่นพี่หน้าหล่อเดินเข้ามาทักก่อนจะยิ้มกว้างให้แทฮยองแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ได้สนใจน้องรหัสของตัวเองที่เดินคู่มากับคนน่ารัก

     

     

    “สวัสดีครับพี่มาร์ค” ร่างบางทักกลับด้วยรอยยิ้มรูปหัวใจที่ทำเป็นประจำ

     

    “น้องวีคะ เลิกเรียนแล้วว่างไปกินข้าวกับพี่มั้ยคะ เจ้าโคโค่มันคิดถึงแม่มากเลยนะ พี่เลยว่าจะพามันไปหาน้องวีด้วย” มาร์คเอ่ยชวน

     

    “ไม่ว่าง แทแทมีนัดแล้ว” โฮซอกบอกปฏิเสธให้แทน

     

    “ขอโทษนะครับน้อง ชื่อวีรึไง ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เสือกนะครับ”

     

    “เอ่อ ผมมีนัดแล้วครับพี่มาร์ค ต้องขอโทษด้วยนะครับ” แทฮยองพูดก่อนจะโค้งหัวให้รุ่นพี่หน้าหล่อเล็กน้อย

     

    “ว้า แย่จัง พี่อุตส่าห์ชวน เลื่อนนัดของน้องวีไปก่อนไม่ได้หรอคะ พี่อยากเลี้ยงข้าวน้องเอ็นดูสักหน่อย”

     

    “คนเขาไม่อยากไปแล้วยังจะตื้ออีก” โฮซอกพูดลอยๆ

     

    “เงียบก็ไม่ได้มีใครบอกว่าเป็นใบ้นะครับน้อง” มาร์คพูดพลางเหล่ตามองน้องรหัสของตัวเอง

     

    “”เอ่อ ผมไม่สะดวกจริงๆ ครับ ไว้คราวหน้าได้ไหมครับ”

     

    “แต่โคโค่คิดถึงแม่นะคะ ลูกพี่อยากเจอน้องวีมากเลยนะคะ”

     

    “แต่ผมต้องไปรับแฟนน่ะครับ แฟนผมจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ผมไปกับพี่ไม่ได้จริงๆ ครับพี่มาร์ค” ร่างบางอธิบาย

     

     

    หลังจากที่จอนพักรักษาตัวอยู่สามวัน วันนี้จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ ผมเองก็จะได้กลับบ้านเช่นกัน ตั้งแต่จอนเข้าโรงพยาบาลผมกับโฮซอกและจิมินก็ไปนอนเฝ้า ใช้ชีวิตร่วมกันที่นั่นเพื่อดูแลเขา อันที่จริงผมน่ะดูแลจอน แต่โฮซอกกับจิมินเขาขออยู่ดูแลความปลอดภัยให้ผมกับจอนอีกที ด้วยสาเหตุที่ว่า กลัวคนร้ายจะกลับมาทำอันตรายอีก

     

     

    “ไอ่เด็กนั่นยังไม่ยอมเลิกกับน้องวีอีกเหรอคะ” มาร์คเอ่ยถาม

     

    “ทำไมพี่มาร์คถามแบบนี้ล่ะครับ”

     

    “อ๋อ เปล่าคะ ไม่มีอะไร ถึงเวลาเรียนแล้วพี่ไปเรียนก่อนนะคะ ไว้เจอกันนะน้องวี”

     

    “เดี๋ยวสิพี่มาร์ค ยังไม่ตอบคำถามผมเลย”

     

     

                มาร์คยิ้มมุมปากให้ก่อนจะปลีกตัวเดินหนีโฮซอกและแทฮยองไป

     

               

                “แทแท เราก็ไปเรียนกันเถอะ” โฮซอกดึงมือร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่ให้เดินตามตนเองไปยังห้องเรียน

     

     

    หึ เดี๋ยวรอน้องกูออกจากโรงพยาบาลก่อนเถอะครับ กูจะไปชำระแค้นถึงมึงทำไว้กับน้องกู ไอ่มาร์คต้วน

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “แทแทขึ้นไปหาไอ้จอนก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันเคลียเรื่องค่ารักษาพยาบาลเสร็จจะตามขึ้นไป”

     

                “แทฮยอง เดี๋ยวฉันตามไปพร้อมไอ้หน้าม้านะ ไม่อยากขึ้นไปเป็นก้าง” ร่างอวบเอ่ยแซว

     

                “อะไรเล่าจิมิน!

     

                “ไอ้หน้าหมู มึงนี่ก็ชอบไปแซวเพื่อน รีบขึ้นไปหาไอ่จอนเถอะแทแท ป่านนี้งอแงคิดถึงแฟนจนร้องไห้แล้วมั้ง555555555555555555555” โฮซอกพูดก่อนจะหัวเราะลั่น

               

    “ฉันไม่คุยกับพวกนายสองคนแล้ว! แซวอยู่นั่นแหละ” ร่างบางเบะปากใส่ก่อนจะเดินหนีมาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

     

     

                วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะมาที่โรงพยาบาลนี้แล้วครับ เพราะคุณหมออนุญาตให้จอนกลับบ้านได้แล้วยังไงล่ะ ดีใจที่สุดเลยครับ ผมน่ะไม่ชอบสถานที่แบบนี้อย่างมาก มันดูหดหู่นะครับว่าไหม มองไปทางไหนก็เจอแต่คนเจ็บคนป่วย ไหนจะคนที่เศร้าเพราะเป็นห่วงคนรัก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมก็จะไม่มาเหยียบโรงพยาบาลเลยล่ะครับ

     

    คนน่ารักพยักหน้าก่อนจะเดินแยกตัวออกไปหาคนเจ็บที่นอนรอเขาอยู่ที่ห้อง912 ขายาวรีบสาวเท้าอย่างเร่งรีบเมื่อเห็นว่าประตูลิฟต์กำลังจะปิด

     

     

    “รอด้วยครับ” 

     

     

    ประตูหยุดลงเพราะมีใครบางคนข้างในกดปุ่มเพื่อรอให้แทฮยองก้าวเข้าไปในลิฟต์ ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง ร่างบางก็พบว่าภายในกล่องสี่เหลี่ยมนั้นมีเพียงแค่ตนเองกับอดีตคนรักของเขา

     

     

                “น้องวีพี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

     

                “....”

     

     

    ร่างบางไม่ตอบแต่กลับพยายามกดปุ่มเพื่อให้ประตูลิฟต์เปิด จนซอกจินต้องรวบข้อมือของเขาไว้ทั้งสองข้าง

     

     

    “น้องวี คุยกันก่อนไม่ได้เหรอครับ พี่ไม่รบกวนเวลาเรามากหรอก”

     

    “ผมคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีก”

     

    “แต่พี่คิดว่าเรื่องนี้มันสำคัญกับน้องวีมากนะ” ซอกจินพูดต่อ

     

    “....”

     

     

    แทฮยองยังคงไม่ตอบอะไร และพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากอีกคน

     

     

    “น้องวีอย่าดื้อสิครับ”

     

    “พี่จินปล่อยผมไปเถอะครับ ผมขอร้องล่ะ” แทฮยองพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน

     

     

    ผมไม่เหลือความรู้สึกอะไรให้กับคนๆ นี้อีกต่อไป ผมจะทำยังไงดีเพื่อให้พี่จินเข้าใจและตัดใจจากผมได้

     

     

    “พี่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายแฟนน้องวีนะ”

     

     

    คนน่ารักหันขวับไปมองร่างสูงด้วยใบหน้าตกใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินจากปากของอดีตคนรัก เรื่องเกี่ยวกับแฟนของเขาตอนนี้

     

     

    “”พี่จินรู้ได้ไงว่าจอนถูกทำร้าย...”

     

    “พี่รู้ได้ยังไงมันไม่สำคัญเท่าใครเป็นคนทำร้ายแฟนน้องวีหรอกครับ”

     

    “ใครเป็นคนทำร้ายจอน” ร่างบางถามต่อด้วยความสงสัย

     

     

    ซอกจินไม่ตอบคำถามของคนน่ารัก แต่กลับเปลี่ยนเรื่องแทนเพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับอดีตคนรักนานมากขึ้น

     

     

    “พี่ว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะครับ”

     

    “พี่จินบอกผมมาเดี๋ยวนี้ว่าใครทำร้ายจอน!” แทฮยองขึ้นเสียง

     

    “ข้างล่างมีร้านกาแฟนะ เราไปนั่งคุยกันก่อน พี่รบกวนเวลาน้องวีไม่นานหรอกครับ น้องวีได้รับจอนจองกุกกลับบ้านแน่นอน”

     

     

    ร่างสูงพูดก่อนจะยิ้มกว้างให้คนตรงหน้า ซอกจินยื่นมือไปกดปุ่มเพื่อให้ลิฟต์เลื่อนลงไปชั้นหนึ่ง เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกในชั้นที่เขาต้องการ ร่างสูงก็เดินนำออกไปและด้วยความที่ว่าร่างบางอยากรู้ว่าใครคือคนที่ทำร้ายแฟนของตนเอง แทฮยองจึงยอมเดินตามอดีตคนรักไปที่ร้านกาแฟของโรงพยาบาล

     

    นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับจอน ผมจะไม่ยอมมาคุยกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด!

     

     

    VtaehyungV : พี่เจอเพื่อนที่โรงพยาบาลน่ะ คุยกับเพื่อนเสร็จแล้วพี่จะรีบไปหานะ

     

     

    ระหว่างทางที่เดินตามชายไหล่กว้างไป นิ้วเรียวของแทฮยองพิมพ์ข้อความเพื่อส่งให้แฟนของตนเอง ก่อนจะสอดไอโฟนกลับเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม

     

     

    “ดื่มอะไรดีครับ?” ซอกจินเอ่ยถาม

     

    “...”

     

    “น้องวีทานอะไรมารึยังครับ? หิวรึเปล่า?” ซอกจินยังคงถามต่อพลางเปิดเมนูดูรายการเครื่องดื่ม

     

    “ผมไม่หิว พี่จินอยากดื่มอะไรก็รีบสั่งเถอะครับ ผมจะไปหาแฟนผม”

     

    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่ปล่อยให้น้องวีไปหาไอ่เด็กนั่นแน่นอน”

     

     

    หึ พอพี่ทำตามแผนของพี่เสร็จ น้องวีก็จะได้เจอมันอยู่แล้วล่ะครับ

     

    คนน่ารักทำหน้าบึ้งตึงเพราะหงุดหงิดผู้ชายไหล่กว้างตรงหน้า มือเรียวล้วงหยิบไอโฟนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดเช็คดูข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียว

     

     

    JeonJK : ถ้าแฟนมาช้ากว่านี้อีกนิด จอนจะขาดใจแล้วนะครับ

     

    VtaehyungV : อื้อ คุยธุระเสร็จพี่จะรีบไปหานะ

     

    JeonJK : เร็วๆ นะครับ จอนคิดถึง

     

    VtaehyungV : รู้แล้วน่า พี่ก็คิดถึงนายเหมือนกันนะ

     

     

    เป็นอีกครั้งที่ร่างบางยิ้มให้กับข้อความที่ถูกส่งมาจากแฟนของตนเอง นิ้วเรียวพิมพ์ตอบไปอย่างตั้งใจ

     

     

    “อเมริกาโน่ร้อนกับชาเขียวแอปเปิ้ลเย็นครับ”

     

     

    ซอกจินหันไปบอกกับพนักงานเสิร์ฟพร้อมกับยื่นเมนูคืนให้ ทันทีที่หันกลับมาก็พบว่าคนน่ารักตรงหน้ากำลังจดจ่อกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขแบบเดียวกับที่เขาเคยได้เมื่อตอนที่ยังคบกัน

     

     

    “น้องวีครับ”

     

    “ห้ะ ครับ”

     

     

    ร่างบางสะดุ้งกับเสียงทุ้มที่เรียกตนเอง มือเรียวเก็บไอโฟนเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองกับผู้ชายไหล่กว้าง

     

     

    “นานแล้วนะที่เราไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้”

     

    “เข้าเรื่องเถอะครับ ใครเป็นคนทำร้ายจอน” แทฮยองพูดเสียงนิ่ง

     

    “หายใจเข้าหายใจออกก็เป็นจอน ไอ้เด็กนั่นมันมีอะไรดี ทำไมน้องวีถึงลดตัวไปคบกับมันครับ” ร่างสูงถามด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    “ใครเป็นคนทำร้ายจอนครับ” ร่างบางถามซ้ำ

     

    “คนใกล้ตัวน้องวีไงครับ”

     

    “พี่อย่ามากวนผมนะ ถ้าพี่ไม่บอกผมจะกลับ” แทฮยองพูดเสียงแข็ง

     

    “โอเคครับ พี่บอกก็ได้ รุ่นพี่ที่มหาลัยน้องวีไง มาร์คต้วน” ซอกจินพูดก่อนจะยิ้มมุมปาก

     

    “พ..พี่มาร์คหรอครับ... ”

     

     

    พี่มาร์คเขาเป็นคนทำร้ายจอน? ทำไมพี่เขาถึงใจร้ายแบบนี้ล่ะครับ จอนเองก็ไม่เคยไปทำอะไรให้พี่มาร์คเลยนี่นา เอ่อ ถ้าไม่นับเรื่องที่จอนเขาพูดจากวนตีน แต่นั่นก็ไม่น่าจะต้องถึงกับลงมือทำร้ายร่างกายกันขนาดนี้เลย

     

     

    “ใช่ครับ”

     

    “แล้วพี่จินรู้ได้ยังไงครับว่าพี่มาร์คเขาเป็นคนทำร้ายจอน” ร่างบางถามต่อ

     

    “พี่ขอโทษที่พี่ให้คนสะกดรอยตามน้องวี นัมจุนบอกพี่ว่าน้องวีมาโรงพยาบาล พี่เป็นห่วงเลยให้เขาไปสืบว่าน้องวีมาโรงพยาบาลทำไม จนรู้ว่าแฟนน้องวีโดนทำร้าย พี่ก็แค่อยากช่วยหาตัวคนร้ายให้ ก็แค่นั้นเองครับ” ซอกจินอธิบายก่อนจะยิ้มบางให้คนน่ารักตรงหน้า

     

     

    “ขอบคุณนะครับที่ช่วย”

     

    “พี่ช่วยจัดการคนที่ทำร้ายแฟนน้องวีให้ได้นะครับ ถ้าน้องวีต้องการ..”

     

    “ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าพี่จินอยากช่วยจริงๆ ก็ช่วยบอกให้คนของพี่เลิกสะกดรอยตามผมสักที” ร่างบางพูดจบก็ทำท่าจะลุกขึ้นยืน

     

    “เดี๋ยวสิครับ ชาที่เราสั่งไว้ยังไม่มาเลยนะ” ร่างสูงพูดรั้งอีกคนไว้

     

    “แต่ผม..”

     

    “นั่งดื่มชาเป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ ถือว่าตอบแทนที่พี่ช่วยหาตัวคนที่ทำร้ายแฟนน้องวีให้แล้วกันนะครับ”

     

    “เอ่อ.. ก็ได้ครับ”

     

     

    แทฮยองนั่งลงที่เก้าอี้เหมือนเดิมก่อนจะกวาดสายตามองไปยังรอบๆ ร้านกาแฟของโรงพยาบาล ร้านขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ถูกจัดวางโต๊ะเก้าอี้เป็นสัดส่วนทำให้ดูกว้าง อีกทั้งยังได้รับการตกแต่งอย่างดี ดูแล้วสะอาดตา

     

    ไม่นานนักอเมริกาโน่ร้อนและชาแอปเปิ้ลเย็นก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ มือหนาจับหูแก้วยกขึ้นมาเพื่อสูดกลิ่นหอมของกาแฟอเมริกาโน่ที่เขาชื่นชอบ ก่อนจะจิบมันเข้าไปเล็กน้อยแล้ววางลงที่เดิม

     

     

    “ดื่มให้หมดนะคะน้องวี ชาเขียวแอปเปิ้ลที่น้องวีชอบไง” ซอกจินยิ้มกว้างให้คนน่ารักตรงหน้า

     

    “เรื่องของผมน่ะ พี่จินลืมมันไปก็ได้ครับ”

     

     

    ร่างบางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดื่มชาแอปเปิ้ลเย็นที่เขาชอบมากที่สุดเข้าไปทีเดียวรวดจนหมดแก้ว

     

    ไม่ได้หิวกระหายมาจากที่ไหนนะครับ แต่ที่ผมรีบดื่มให้หมด เพราะจะได้ไปจากผู้ชายคนนี้สักที

     

     

    “อร่อยมั้ยครับน้องวี” ร่างสูงถามด้วยใบหน้าที่ดูมีความสุข

     

    “อื้อ ทีนี้ผมจะไปได้รึยังครับ”

     

    “ได้ครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับน้องวี”

     

     

    ร่างบางไม่ตอบอะไร มีเพียงแต่รอยยิ้มที่ดูฝืนใจให้คนตรงหน้าก่อนจะรีบลุกจากเก้าอี้ ขาเรียวรีบสาวเท้าเดินออกจากร้านกาแฟไปโดยไม่คิดจะหันหลังกลับมามองแต่อย่างใด

     

     

    วันนี้เราได้กลับมานั่งคุยกันใกล้ๆ เหมือนเดิมแล้วนะครับน้องวี ถึงจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่นาที แต่พี่ก็มีความสุขมากเลยนะ รอยยิ้มที่มีความสุขของน้องวี ได้โปรดมอบพี่จินคนนี้คนเดียวเหมือนเดิมได้ไหมครับ...

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    “ลูกพี่ ทำไมพี่วียังไม่มาหาจอนอีกอ่ะ นานแล้วเนี่ย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ” จองกุกบ่นรัวด้วยใบหน้าบึ้งตึง

     

    “พี่จะไปรู้ไหมล่ะไอ่จอน พี่ก็อยู่กับแกในห้องนี้เนี่ย”

     

    “เดี๋ยวแทฮยองก็มาน่า เขาบอกมึงว่าคุยธุระกับเพื่อนไม่ใช่รึไง”

     

                “จอนคิดถึงพี่วีอ่ะ คุยกับเพื่อนอะไรมากมาย” จองกุกพูดต่อ

     

                “ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ่จอน ปล่อยให้แทฮยองเขามีเวลาส่วนตัวบ้าง” ร่างอวบหันไปดุอีกคนที่กำลังทำหน้าบึ้งอยู่บนเตียงคนไข้

     

                “มึงไปเปลี่ยนชุดก่อนเลยไอ่จอน อย่ามางอแงเป็นเด็กแบบนี้ ชุดมึงน่ะพี่เอามาให้แล้วอยู่ในกระเป๋าเป้ พอแทแทมาเราจะได้กลับกันเลย” โฮซอกสั่งเสียงแข็ง

     

                “เออ ก็ได้จ้ะ สั่งจริงเลยลูกพี่เนี่ย” จองกุกเบ้ปาก

     

                “แล้วมึงจะทำไหม?”

     

                “ทำจ้ะทำ ดุจังเลยเนี่ย ไม่รู้ว่าเป็นลูกพี่หรือพ่อกันแน่”

     

     

    จองกุกพูดจบก็หยิบกระเป๋าเป้เข้าห้องน้ำไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่โฮซอกสั่ง ไม่นานนักร่างสูงก็ออกมาในชุดเสื้อฮู้ดสวมหัวสีแดง กับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำ มือหนาถือชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลก่อนจะวางมันลงบนเตียง

     

     

    ก๊อก... ก๊อก...

     

     

    “เย้!!! พี่วีมารับจอนแล้ว”

     

    “แท๊แด!!!!!!!!! กลับบ้านกันนะจอน”

     

     

                เมื่อประตูถูกเปิดออก ภาพแรกที่เห็นคือตุ๊กตาแมวสีเทาขนฟูถูกยื่นมาตรงหน้าด้วยมือเรียวของแทฮยอง หลังจากนั้นร่างบางก็พูดก่อนจะยิ้มกว้างจนปากเป็นรูปหัวใจให้อีกคน

     

    โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย แฟนจอนน่ารักกว่าตุ๊กตาแมวอีกครับ ถ้ารู้ว่าเจ็บแล้วพี่วีจะน่ารักกับจอนขนาดนี้นะ จอนยอมโดนกระทืบทุกวันก็ยังได้เลยครับ

     

     

    “อิจฉาโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!

     

     

    เสียงตะโกนมาจากในห้องของเพื่อนทั้งสองทำเอาคนน่ารักเขินจนแก้มนิ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

     

     

    “ขอบคุณนะพี่วี ที่จริงไม่เห็นจะต้องทำอะไรให้จอนขนาดนี้เลยจ้ะ แค่มารับจอนอย่างเดียวจอนก็ดีใจแล้วจ้ะพี่วีจ๋า”

     

    “พี่ทำให้แบบนี้ไม่ชอบหรอ...” ร่างบางถามเสียงแผ่ว

     

    “เปล่าจ้ะ จอนชอบมากเลย อะไรที่พี่วีทำให้จอนชอบหมดแหละ”

     

     

    มือหนารั้งเอวบางเข้ามาใกล้ก่อนจะจ้องหน้าของคนน่ารักที่กำลังเขินอยู่ จนอีกคนต้องหันหน้าหนีเพื่อหลบสายตา

     

     

    ตึกตัก... ตึกตัก....

     

     

    หัวใจเต้นแรงอีกแล้ว นี่ผมตั้งใจจะทำเซอไพรส์ให้จอนเขานะ แต่ทำไมผมถึงกลับมาเป็นฝ่ายที่ใจเต้นแรงซะเองล่ะครับ

     

     

    “จิมิน มึงพากูไปห้องฉุกเฉินหน่อย กูโดนหมดกัด แถวนี้มันหวานเกินไปมดเต็มเลยมึง5555555555555555555555555” โฮซอกพูดแซว

     

    “มึงพากูไปตรวจเบาหวานหน่อย กูรู้สึกว่ากูจะเบาหวานขึ้นตาว่ะ55555555555555555555555555555555” ร่างอวบแซวตามก่อนจะหัวเราะลั่น

     

     

    “ย๊า!!!!!! พวกนายสองคนน่ะ หยุดแซวเลยนะ!!!!!!!!!!” แทฮยองขึ้นเสียง

     

    “ปล่อยพวกพี่สองคนเขาแซวไปเถอะพี่วี คนขี้อิจฉาก็แบบนี้แหละจ้ะ555555555555555555555555555

     

                “ไอ่จอน มึงอยากนอนเจ็บที่โรงพยาบาลต่อไหม กูจะได้จัดเพิ่มให้สักแผล” จิมินถาม

     

                “พี่วีจ๋า ช่วยจอนด้วย พี่จิมินจะรังแกคนเจ็บ”

     

     

    ร่างสูงพูดอ้อนพลางกอดคนน่ารักตรงหน้าไว้แน่น

     

     

                “ดูมันทำ อื้อหือ น้องกูได้ทีอ้อนแฟนใหญ่เลย” โฮซอกพูดก่อนจะทำหน้าเอือม

     

                “ปล่อยได้แล้วจอน อายคนอื่นเขาบ้างสิ!!” ร่างบางดุจองกุกจนอีกคนยอมปล่อยให้ตัวเขาเป็นอิสระ

     

                “พี่วีจ๋า อย่าดุสิ กลับบ้านกันเถอะคนดี” มือหนากอดอ้อนเอวบางอีกครั้ง

     

                “ถ้าคิดว่าทำแล้วสบายใจก็ตามใจมึงเลยไอ้จอน พวกกูจะทำเป็นมองไม่เห็น”

     

     

    จิมินพูดจบก็เก็บข้าวของแล้วเดินออกจากห้องไป

     

     

                “ฉันไปรอที่รถนะแทแท ฝากพาไอ้คนเจ็บนี่มาด้วยนะ”

     

                “อื้อ”

     

     

    คนน่ารักพยักหน้าตอบรับโฮซอกก่อนจะหันหน้ากลับไปดุร่างสูงที่กอดเอวเขาอยู่ ดวงตาคู่สวยจ้องหน้าจองกุกเป็นการส่งสัญญาให้อีกคนปล่อยมือ

     

     

    “ปล่อยแล้วจ้ะแฟนจ๋า อย่าดุจอนนะจ้ะ จอนเจ็บอยู่นะพี่วี”

     

    “เจ็บจริงหรือหลอกพี่กันแน่ หลายวันแล้วยังไม่หายอีกรึไง” แทฮยองถาม

     

    “พี่วีจ๋า จอนล้มรถนะไม่ใช่โดนพี่วีถีบตกเตียง จะให้หายภายในวันสองวันได้ไงล่ะจ้ะ ดูแผลสิเนี่ย ยังเจ็บอยู่เลยนะ โอ้ยยยยยยยยยยย” จองกุกพูดอ้อนพลางร้องโอดครวญ

     

    “ถ้าเจ็บจริงก็แล้วไป อย่าให้รู้นะว่าหายแล้วยังแกล้งเนียนอ้อนพี่” นิ้วเรียวชี้หน้าอีกคน

     

    “จะไม่ให้รู้เลยจ้ะ5555555555555555555

     

    “จอนจองกุก!!!!!!!!!!” คนน่ารักตะคอกใส่

     

    “จ๋าจ้ะพี่วีจ๋า” จองกุกพูดพลางยิ้มโชว์ฟันกระต่ายให้คนตรงหน้า

     

    “กลับบ้านกันได้แล้ว” มือเรียวจับมือของอีกคนแล้วพาเดินไปด้วยกัน

     

     

    “ขอบคุณนะจ้ะที่มาดูแลจอนที่โรงพยาบาลทุกวัน แถมยังมารับจอนกลับบ้านอีก” ร่างสูงหันไปบอกคนน่ารักที่เดินข้างกัน

     

    “ก็เราเป็นแฟนกันนี่นา แฟนพี่เจ็บพี่ก็ต้องดูแลสิ” แทฮยองหันไปตอบก่อนจะยิ้มกว้างจนตาหยีให้ร่างสูง

     

     

    โอ้ยยยยยยยยยย หัวใจจอนพองโต พี่วียืนยันเองเลยว่าเราเป็นแฟนกัน เชื่อแล้วครับว่าหลังจากผ่านเรื่องร้ายไป เราจะเจอกับเรื่องดีๆ ที่เข้ามาแทนที่ ขอบคุณไอ่พี่มาร์คต้วนนะครับที่ทำให้ผมได้รู้ว่าพี่วีเป็นห่วงและ(น่าจะ)รักผมบ้างแล้วล่ะครับ  

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    “นี้ผ้าเช็ดตัวนะน้องวี ถ้าต้องการหรือมีอะไรให้ช่วยบอกพี่ได้เลยนะ ทำตัวตามสบายเลยล่ะน้อง คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”

     

    “ขอบคุณมากเลยนะครับพี่เจบี”

     

     

    ร่างบางโค้งหัวให้เสร็จจึงยื่นมือไปรับผ้าขนหนูมาถือไว้ รอจนคนตรงหน้าเดินพ้นสายตาไป มือเรียวจึงปิดประตูห้องก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เตียงนุ่ม

     

    ผมมาส่งจอนที่บ้านครับ เอ่อ ต้องบอกว่าโฮซอกมาส่งสิถึงจะถูกเพราะเขาเป็นคนขับรถพาพวกเรามา พอถึงบ้านเจ้าเด็กแว๊นซ์นี้ก็อ้อนให้ผมอยู่กับเขาก่อน จนแล้วจนรอดผมหลงกลจอน เลยต้องนอนค้างที่บ้านเขาล่ะครับ

     

    ผมเพิ่งรู้ว่าจอนอาศัยอยู่กับพี่เจบี หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์เขตตลาดบางท่าน ทีแรกคิดว่าเจ้าเด็กนี่อยู่กับพ่อแม่ซะอีก จะว่าไปแล้วผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฟนผมเลยครับ นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้มาบ้านของจอน

     

     

    “จอนบอกแล้ว ว่าพี่เจบีนะใจดี”

     

    “อื้อ ใจดีมากเลยล่ะ แถมยังเท่ห์มากด้วย” แทฮยองพูดพลางยิ้มกว้าง

     

    “เท่ห์มากไหม?”

     

    “ก็มากอยู่นะ จากที่ได้เจอกันครั้งแรก พี่เจบีดูเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เท่ห์ดีอ่ะ”

     

    “พี่วีชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่หรอ” จองกุกถามต่อ

     

    “ชอบสิ เขาจะได้ดูแลปกป้องแล้วก็คอยให้คำแนะนำเราได้ไง”

     

    “เพราะแบบนี้สินะ เลยมองว่าจอนเป็นเด็กตลอด” ร่างสูงพูดเสียงเศร้า

     

    “เห้ยจอน มันไม่ใช่แบบนั้นนะ”

     

    “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหนครับ”

     

    “นี้กลายเป็นคนขี้งอนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย”

     

    “....”

     

    “งอนพี่หรอ? หรือว่าหึง?” คนน่ารักเอียงคอถาม

     

    “....”

     

    “จอนจองกุก ทำไมถามแล้วไม่ตอบ”

     

    “ผมปวดแผลอีกแล้ว ผมอยากนอนพักแล้วครับ”

     

     

    ร่างสูงเอนตัวลงนอนก่อนจะหันหลังให้อีกคนที่นั่งอยู่อีกฟากของเตียง

     

     

    “นี่งอนจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่เอาสิ จอนมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะ”

     

    “....”

     

     

    พี่มาร์คเขาไปกระทืบโดนต่อมขี้งอนรึไง ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลไปเนี่ย จอนทั้งขี้งอนขี้อ้อนมากกว่าเดิมหลายเท่าเลยครับ จะง้อยังไงดีล่ะ

     

     

    “จอน จะไม่หันมาคุยกับพี่จริงอ่ะ”

     

    “พี่วีไปอาบน้ำเถอะครับ เหนื่อยมาทั้งวันพี่เองก็ควรพักผ่อน” จองกุกตอบเสียงนิ่งโดยไม่หันกลับมามอง

     

    “จอนจองกุก ถ้าไม่หันมาคุยกันดีๆ พี่จะโกรธแล้วนะ!!!” แทฮยองขึ้นเสียง

     

    “...”

     

     

    อะไรกันเนี่ย งอนจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ ผมขู่แล้วก็ยังไม่หันมาอีก วิธีนี้ไม่ได้ผล หรือผมจะลองใช้อีกวิธีดูล่ะ

     

     

    “จอนอ่า... ”

     


    ร่างบางขยับขึ้นไปนอนข้างอีกคนก่อนจะสอดมือเรียวไปที่เอวของคนตรงหน้า

     

     

    “...”

     

    “จอนอ่า ดีกันนะ หันมาคุยกันก่อนสิ”

     

    “....”

     

    “น้องแมวเหมียวดูจอนสิ งอนพี่วีใหญ่เลยล่ะ ทำยังไงดี”

     

     

    มือเรียวหยิบตุ๊กตาแมวสีเทาขนฟูมาวางบนไหล่ของอีกคนที่นอนอยู่ แล้วพูดกับตัวเอง

     

     

    “น้องแมวช่วยพี่วีคิดหน่อยสิว่าทำยังไงให้แฟนพี่วีหายงอน”

     

    “...” จองกุกยังคงนอนนิ่งไม่ตอบอะไร

     

    “อะไรนะ วิธีนี้หรอ จะได้หรอน้องแมวเหมียว”

     

    “...”

     

     

    นี่พี่วีคิดจะทำอะไรนะครับ ตามจริงแล้วผมไม่ได้งอนอะไรหรอก แค่อยากแกล้งพี่วีเฉยๆ ที่ไปชมพี่เจบีน่ะ หึงแล้วพาลครับ ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลแล้วพี่วีตามใจมากไปจนผมกลายเป็นคนเอาแต่ใจไปแล้ว ตอนที่ยังมีโอกาสก็เรียกร้องก็ขอใช้ให้เต็มที่ก่อนแล้วกันครับ แผลหายค่อยว่ากันอีกที

     

     

    “จอน ดีกันนะ”

     

     

    ทันทีที่พูดจบ จมูกโด่งของคนน่ารักก็จรดลงที่แก้มของจองกุก แทฮยองหอมแก้มนิ่มค้างไว้สักพักก่อนจะผละออกมา

     

     

    “ข้างนี้ด้วยสิจ้ะพี่วีจ๋า”

     

     

    ร่างสูงพลิกตัวหันมาแล้วพองแก้มอีกข้างให้ด้วยหน้าตาทะเล้น

     

     

    “ย๊า!!!!!!! นี่นายแกล้งพี่เหรอไอ่เด็กบ้า!!!!!!!!!!” มือเรียวทุบไปที่อกแกร่ง

     

    “โอ้ยยยยยยยยยยยย พี่วีโดนแผล จอนเจ็บอยู่นะจ้ะ”

     

    “สมน้ำหน้า หลอกพี่ดีนัก ไม่ต้องสำออยเลย!!!! พี่จะกลับบ้าน!!!!

     

     

    ไม่ทันที่ร่างบางจะลุกหนี แขนแกร่งของอีกคนก็มาโอบตัวคนน่ารักเอาไว้แล้วดึงลงไปกอดแน่นเพื่อไม่ให้หนีไปไหน แทฮยองเองก็ไม่ได้ขัดขืนกับอ้อมกอดนี้แต่อย่างใด

     

     

    “พี่วีอยู่กับจอนนะ ไหนบอกจะดูแลจอนไง”

     

    “นายชอบแกล้งพี่นี่ เอาแผลมาอ้างตลอดเลย นายมันร้ายกาจ!” ร่างบางพูดก่อนจะเบะปาก

     

    “ผู้ชายเขาก็ชอบแกล้งคนที่เขารักกันทั้งนั้นแหละครับ จอนรักพี่วีไงเลยอยากแกล้งพี่วีไง”

     

    “ไอ้บ้า!!!

     

    “เขินสินะ ด่าแบบนี้เนี่ย” จองกุกพูดก่อนจะหัวเราะในลำคอ

     

                “ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดี ใครเขินนาย ไม่มี๊”

     

    “เสียงสูงเชียวที่รักครับ ทำไมจอนจะไม่รู้ว่าแฟนจอนน่ะปากแข็งกว่าใครเลยเชียว”

     

     

    ร่างสูงกระชับกอดแน่น แทฮยองเองก็เอาหน้าซุกกับอกแกร่งของอีกคน

     

     

    “นายชักจะรู้มากไปแล้วนะจอน”

     

    “อะไรที่เป็นเรื่องของพี่วีจอนรู้หมดแหละครับ”

     

    “รู้ทุกเรื่องจริงอ่ะ?” ร่างบางเอ่ยถาม

     

    “อืม.. ก็อาจจะมีบางเรื่องที่จอนไม่รู้ เรื่องหัวใจของพี่วีไง”จองกุกตอบ

     

    “แล้วอยากรู้รึเปล่าล่ะ?” คนน่ารักถามต่อ

     

    “อยากรู้ครับ แต่ถ้าพี่วียังไม่มั่นใจที่จะบอกมันตอนนี้ จอนก็จะรอ”

     

     

    ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองคนที่นอนกอดเขาอยู่ มือเรียวทั้งสองข้างทาบไปที่แก้มของจองกุกเบาๆ ก่อนที่ด้วยตาคู่สวยจะจ้องมองไปยังคนตรงหน้า

     

     

    “แล้วถ้าพี่บอกว่าพี่มั่นใจแล้วล่ะ พร้อมจะฟังรึยัง...”

     

    “...”

     

     

    ดวงตากลมจ้องมองคนน่ารักตรงหน้าอย่างตั้งใจที่จะฟัง

     

     

    “พี่มั่นใจแล้วล่ะ ว่าพี่.. เอ่อ รักจอน”

     

    “ห้ะ!? อะไรนะครับ” ดวงตากลมของร่างสูงเบิกกว้างก่อนจะถามซ้ำ

     

    “เอ่อ... พี่รักจอนนะ ขอบคุณที่รักกัน ขอบคุณที่ทำให้ทุกวันของพี่มีความหมาย”

     

     

    แทฮยองพูดพร้อมกับยิ้มกว้างจนปากเป็นรูปหัวใจให้คนตรงหน้า คำพูดที่มาจากใจ ถึงแม้จะเคอะเขินไปบ้างแต่ร่างบางก็สามารถพูดความรู้สึกในใจของตัวเองออกมาให้คนตรงหน้านั้นรับรู้ได้

     

    ผมไม่รู้ว่าความรักระหว่างผมกับจอนจะยาวนานแค่ไหน อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่มีใครสามารถรู้ได้ ผมเลยอยากบอกให้คนที่ผมรักได้รับรู้ความรู้สึกของผมในตอนที่เราสองคนยังมีโอกาสอยู่ด้วยกัน

     

     

    “จอนรักพี่วีนะ รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอจนถึงวันนี้ พี่วีคือส่วนหนึ่งของชีวิตจอนแล้วนะ รู้ตัวไหม”

     

    “อื้อ” 

     

    “ขอให้จอนได้รักและดูแลพี่วีตลอดไปนะครับ” ร่างสูงพูดเสียงอ่อน

     

    “ไม่ได้!

     

    “อ้าว ทำไมอ่ะพีวี”

     

    “ต้องบอกว่า ให้เราสองคนรักและดูแลกันตลอดไปต่างหากล่ะ”

     

     

    จองกุกยิ้มอย่างพอในใจคำตอบ ริมฝีปากหนาสัมผัสลงที่หน้าผากมนของคนน่ารักในอ้อมกอด ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนต่ำลงไปจนถึงริมฝีปากบาง ร่างสูงมอบจูบที่นุ่มนวลและยาวนานให้ ครั้งนี้แทฮยองไม่ได้หลับตาหนีเหมือนครั้งก่อน แต่กลับเผยอปากจูบตอบรับสัมผัสจากอีกคนด้วยความเต็มใจ

     

     

    “อื้อ....”

     

     

    ร่างบางครางในลำคอเบาๆ หลังจากที่จองกุกผละออกจากริมฝีปากบางแล้วเปลี่ยนเป้าหมายไล่จูบไปยังซอกคอเนียนแทน

     

     

    “อืม...” ร่างสูงครางในลำคอเบาๆ อย่างพอใจ

     

    “อ๊ะ.. อื้อ....”

     

     

    แทฮยองสะดุ้งเล็กน้อยทันทีที่มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อของตน ก่อนที่จะลูบไล้ไปยังผิวเนียนตั้งแต่แผ่นหลังไปจนถึงเอวบางของเขา จมูกโด่งซุกไซร้ไปยังซอกคอ ข้างแก้ม สูดดมความหอมจากผิวเนียนสีน้ำผึ้ง

     

     

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ

     

     

    ร่างบางผละออกด้วยความตกใจ มือเรียวดันอกแกร่งออกก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไปเปิดประตูหลังจากที่ได้ยินเสียงเคาะ

     

     

    “น้องวีจะฝากซื้ออะไรมั้ย พี่จะออกไปเซเว่นน่ะ” เจบีเอ่ยถามเมื่อร่างบางเปิดประตูห้อง

     

    “เอ่อ ไม่ล่ะครับ”

     

    “มึงอ่ะไอ่จอน อยากแดกอะไรป่าว”

     

    “ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ร่างสูงตะโกนออกมาจากในห้อง

     

     

    ขอบคุณในความหวังดีที่ผิดเวลามากเลยครับพี่เจบี คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม จะมาอยากไปเซเว่นอะไรตอนนี้ว้ะเนี่ย จอนโมโห จอนเกรี้ยวกราด!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

    “น้องวีจ๋า ไอ้จอนมันเป็นอะไรรึเปล่า” เจบีถามด้วยความสงสัย

     

    “เอ่อ คงจะปวดแผลมั้งครับ ไม่มีอะไรหรอก ขอบคุณมากนะครับพี่เจบี ขี่รถดีๆ นะครับ”

     

    “ต้องขี่รถดีๆ อยู่แล้วล่ะ ถ้ารถเสียพี่ก็ขี่ไม่ได้สิ55555555555555555555

     

    “อ่า.. ครับ ฮ่าๆ” แทฮยองหัวเราะแก้เก้อก่อนจะปิดประตูห้องลงเช่นเดิม

     

     

    หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์เป็นแบบนี้ไง ไม่แปลกเลยที่จอนจะกวนตีน

     

     

    “พี่วีจ๋า มาต่อกันจ้ะ”

     

    “ต่อบ้าต่อบออะไรไอ่เด็กบ้า!!! นอนไปเลย พี่จะไปอาบน้ำ”

     

     

    มือเรียวคว้าผ้าขนหนูบนเตียงก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อีกคนที่นอนอยู่บนเตียงมองตามด้วยสีหน้าผิดหวัง

     

    “ไอ่พี่เจบีโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย หมดกันความฝันไอ่จอนพังทลาย” ร่างสูงชกอกตีลมพลางร้องโวยวายกับตัวเอง

     

     

    โอกาสหน้ายังมีครับ อย่างน้อยวันนี้ก็ได้รู้ความรู้สึกของพี่วีแล้วล่ะ ความรักและทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำมาตลอด พี่วีเขารับรู้และตอนนี้เขาก็รักตอบผมแล้วล่ะครับ ในที่สุดไอ้จอนก็ได้หัวใจของพี่วีมาครอง ผมคือเด็กแว๊นซ์ที่โชคดีและมีความสุขที่สุดในโลกเลยครับ

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “คุณหนูครับ คุณแทฮยองยังไม่กลับออกมาจากบ้านของจองกุกเลยครับ”

     

                [เหรอ แล้วเพื่อนน้องวีล่ะ]

     

                “คุณโฮซอกกับคุณจิมินกลับออกไปนานแล้วครับ ผมคิดว่าคุณแทฮยองน่าจะนอนค้างที่นี่เลยน่ะครับ” ร่างโปร่งพูดต่อ

     

                [อืม]

     

                “คุณหนูครับ วันนี้ได้ทานข้าวบ้างรึยังครับ” นัมจุนเอ่ยถามปลายสายด้วยความเป็นห่วง

     

                [ยังอ่ะ]

     

                “คุณหนูอยากทานอะไรไหมครับ ผมซื้อไปให้”

     

                [ไม่ต้องหรอก ฉันไม่หิวน่ะ นายกลับไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปตามดูน้องวีให้ฉันใหม่] ซอกจินพูดจบก็กดตัดสายโทรศัพท์ทันที

     

                “ผมเป็นห่วงคุณนะครับ คุณหนูจิน... ” นัมจุนได้แต่พูดกับตัวเองอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

     

                บางทีถ้าซอกจินลองหันกลับมามองคนใกล้ตัว ก็จะพบว่ามีใครบางคนคอยเป็นห่วงและดูแลเขามาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ถ้ามองจากภายนอกก็อาจจะคิดว่าเขาทำไปเพียงเพราะหน้าที่เลขฯส่วนตัว แต่ความจริงแล้วคิมนัมจุนคนนี้คือคนที่รักและเป็นห่วงซอกจินมากกว่าใคร

     

     

     

     





    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×