ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTS] "Noodle Project รักนี้ต้องลวก" เล็กหมูน้ำตก | KOOKV FT.BTS

    ลำดับตอนที่ #5 : เล็กหมูน้ำตก : ชามที่สี่ 1OO%

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 58




         Chapter 4

     

                ติ๊ด

     

                โฮซอกยื่นนิ้วไปสัมผัสตรงเซนเซอร์ข้างประตูก่อนที่มันจะถูกเปิดออก

     

     

                “นี่โฮซอกอยู่คนเดียวหรอ” ร่างบางเอ่ยถามทันทีที่ก้าวข้ามาในห้องกว้าง

     

                “เมื่อก่อนก็ไม่ แต่ตอนนี้อยู่คนเดียวแล้วล่ะ”

     

                “ห้องมึงก็ไม่เห็นจะสกปรกนี่ไอ้เงิง”

     


     ร่างอวบพูดหลังจากที่มองสำรวจไปรอบห้อง

     

    ก็ไหนโฮซอกมันบอกให้เพื่อนคนน่ารักของเขามาทำความสะอาดให้ไง หรือมันจะหลอกล่อแทฮยองมาทำอะไร ดีนะที่ผมตามมาด้วย เผื่อเพื่อนผมมันหน้ามืดตามัวล่อลวงอะไรแทฮยองผมจะได้ร่วม เอ้ย! ช่วยทัน

     

     

    “สงสัยแม่บ้านของตึกทำความสะอาดให้แล้วน่ะ”

     

    “แล้วจะให้ฉันมาทำไมเนี่ย?!” ร่างบางขึ้นเสียง

     

    “แทแทมีธุระที่ไหนหรอ?” โฮซอกเอ่ยถามด้วยความสงสัย

     

    “เอ่อ ไม่มีอ่ะ” พูดพลางส่ายหัว

     


    ผมไม่มีธุระที่ไหนนี่ แล้วจะหงุดหงิดไปทำไม แต่บอกเจ้าเด็กแว๊นซ์นั่นไว้ว่ามาทำธุระบ้านเพื่อนนี่ แบบนี้เท่ากับว่าโกหกรึเปล่านะ

     

    แล้วทำไมผมจะต้องไปแคร์อะไรไอ้จอนมันด้วยนะ

     


    “ยืนคิดอะไรอยู่นะแทฮยอง มานั่งนี่สิ ทำตัวตามสบายเลยนะ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง” จิมินบอกคนน่ารักที่ยืนกอดกระเป๋าอยู่

     

    “สรุปนี้คอนโดกูหรือของมึงครับ แหม”

     

    “ของๆมึงก็เหมือนของๆกูนะเพื่อนโฮป55555555555555555

     

    “ถึงเป็นเพื่อนกัน ใช่ว่าจะใช้ของร่วมกันได้ทุกอย่างนะมึง ไอ่หมูนี่” พูดจบก็เขกหัวคนตัวเล็กไปหนึ่งที

     

    “ไอ่หน้าม้า ชอบรังแกคนไม่มีทางสู้ แทฮยองช่วยด้วย” จิมินวิ่งไปกอดเอวร่างบาง

     

    “กัดกันอีกล้ะพวกนาย”


     

    โอ้โห เดี๋ยวนี้แทแทอัพเลเวลครับทุกคน!! เขาว่าผมกับไอ่จิมินกัดกันเหมือนสัตว์สี่ขาที่ร้องโฮ่ง โฮ่ง

     


    “แทแทไม่เอานะ พูดจาแบบนี้” จิมินเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากบางของคนน่ารัก

     

    “ไอ้หมูมาช่วยกูในครัวเลย แทแทวันนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันนะ” พูดจบเดินไปกระชากคอเสื้อร่างอวบแล้วพาเข้าไปในครัว

     


    ต่อให้เป็นจิมินผมก็ไม่ชอบใจเท่าไร ทำไมผมต้องหงุดหงิดขนาดนี้เวลาที่เห็นคนเข้ามาใกล้หรือแตะเนื้อต้องตัวแทแท

     

    ร่างบางวางกระเป๋าลงบนโซฟาตัวใหญ่ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ

     

    นี่โฮซอกอยู่ห้องกว้างขนาดนี้คนเดียวจริงเหรอครับ เขาไม่เหงารึไงกัน รูปภาพครอบครัวอะไรก็ไม่มี ทำไมเพื่อนผมคนนี้ดูลึกลับจังเลยครับ ปกติจะต้องมีรูปพ่อแม่หรือรูปตัวเองตอนเด็กๆไว้บ้างสิ

     

    เมื่อสำรวจจนทั่วแล้วไม่พบอะไรที่น่าสนใจ แทฮยองก็กลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม มือเรียวหยิบไอโฟนขึ้นมากดเช็คข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียว


     

    JeonJK : พี่วีจ๋า กลับกี่โมงจ้ะ?


    VtaehyungV : อีกสักพัก ถ้าขี้เกียจรอก็ไม่เป็นไร พี่กลับเองได้


    JeonJK :  ห้ามกลับเอง จอนรอได้ จะให้รอไปจนแก่เลยจอนก็รอได้จ้ะ


    VtaehyungV : แล้วแต่นายล่ะกัน


    JeonJK : พี่วีจ๋า


    VtaehyungV : มีอะไรอีก?


    JeonJK : จอนติดศูนย์อ่ะ ถ้าแก้ไม่ผ่านอาจารย์ไม่ให้จบ


    VtaehyungV : ก็สมควร


    JeonJK : โห ใจร้ายอ่ะ จอนเครียดนะ ต้องการความช่วยเหลือ


    VtaehyungV : นายเครียดเป็นด้วยเหรอ จอนจองกุก


    JeonJK : ติดศูนย์13ตัวนี่เครียดดิพี่ แต่พี่วีไม่รับรักสักทีนี่เครียดยิ่งกว่า5555555555


    VtaehyungV : ไอ้เด็กบ้า สะสมเกรดศูนย์ไปแลกแก้วคุมะ ที่7-11หรอ?!


    JeonJK : ก็มันยากอ่ะ พี่วีติวให้จอนหน่อยดิ


    VtaehyungV : อือได้ นี่จริงจังใช่ไหม ไม่ได้จะมีแผนอะไรอีกนะ


    JeonJK : อย่ามองจอนในแง่ร้ายสิจ้ะพี่วีจ๋า


    VtaehyungV : นายเคยมีด้านดีด้วยหรอ


    JeonJK : พี่วีอ่ะ ชอบทำร้ายจิตใจจอน คิดว่าน่ารักแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ


    VtaehyungV : อืม


    JeonJK : พี่คิดถูก555555555555 ผู้โดยสารเรียกแล้ว เดี๋ยวจอนมานะจ้ะพี่วีจ๋า


     

    “แทแทคุยกับใครนะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”

     


    โฮซอกเอ่ยถามเพราะเป็นห่วงคนน่ารัก กลัวว่าจะเบื่อเลยเดินมาดูว่าทำอะไรอยู่ แต่เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นแทฮยองยิ้มอยู่กับโทรศัพท์ไม่สนใจเขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลย

     


    “เห้ย โฮซอก!” ร่างบางอุทาน

     

    “ก็ฉันนะสิ คิดว่าเป็นใคร”

     

    “มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ ตกใจนะ”

     

    “ฉันมาแบบปกตินะ แทแทแหละมัวแต่คุยกับใครไม่เงยหน้าขึ้นมามองฉันเอง”


     

    ทำไมผมต้องอยากรู้ขนาดนี้ด้วย แล้วจะหงุดหงิดประชดประชันแทแททำไม หรือผมจะห่วงเพื่อนคนน่ารักของผมมากไป กลัวว่าใครจะมาล่อลวง

     


    “ฉันก็คุยทั่วไปน่ะ ตอบแชททั่วไปไม่มีอะไรหรอก โฮซอกน่ะมีอะไรรึเปล่า?” ร่างบางเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง

     

    “ฉันกลัวแทแทเบื่อน่ะ เลยจะมาคุยเป็นเพื่อน”

     

    “แล้วจิมินล่ะ?”

     

    “มันทำอาหารอยู่ในครัว ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวทำเสร็จมันก็มาเรียกเองแหละ”


     

                โฮซอกพูดจบก็ทิ้งตัวลงพิงที่โซฟาข้างๆคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

     


                “แทแทขอนอนตักหน่อยนะ ขี้เกียจไปหยิบหมอนในห้องนอน”

     


                ทันทีที่พูดจบก็ถือวิสาสะขยับตัวเอาหัวมาหนุนที่ตักของคนน่ารัก จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับมือเรียวของแทฮยองมาวางทาบที่หน้าผากของตัวเอง

     


                “นี่นายไม่สบายนี่ ตัวร้อนมากเลย”

     


    ร่างบอกตกใจหลังจากที่ฝ่ามือสัมผัสกับความร้อนที่หน้าผากของอีกคน มือเรียวอีกข้างจับที่แก้มของคนที่นอนอยู่บนตักเขาเบาๆ

     


    “มียาไหมโฮซอก อยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันไปหยิบให้” ร่างบางทำท่าจะลุกขึ้น

     

    “ไม่ต้องลุกไปไหนหรอก ยาอยู่ตรงนี้”

     

    “หือ? ตรงนี้ ไหนอ่ะ”

     

     

    โฮซอกไม่ตอบอะไร มีเพียงรอยยิ้มกว้างที่ส่งให้อีกคน

     


    “นี่ไม่สบายจนเพี้ยนเหรอ ยิ้มอะไรน่ะ” แทฮยองถาม

     

    “คนที่ป่วยเขาห้ามยิ้มหรอแทแท ฉันเพิ่งรู้อ่ะ5555555555555

     

    “ก็เปล่า แต่นายไม่สบายตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกห้ะ!?” แทฮยองทำหน้าดุอีกคน


     

    เพื่อนผมคนนี้ลึกลับจริงๆครับ ขนาดไม่สบายยังดูไม่ออกเลย นี่ถ้าไม่ได้จับหน้าผากเขาเมื่อสักครู่นี่ผมก็คงไม่รู้หรอก

     


    “แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก” ระหว่างที่พูดก็ยังคงยิ้มให้ร่างบาง

     

    “แล้วถ้าเกิดมันเป็นหนักกว่านี้ล่ะ ต้องให้เป็นอะไรไปก่อนรึไงถึงจะบอก นี่โฮซอกยังฉันเป็นเพื่อนนายอยู่รึเปล่า?” ร่างบางตัดพ้อ

     

    “เห้ย ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะแทแท แค่ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นห่วงไง”

     

    “โฮซอกยังเป็นห่วงฉันได้เลย ไม่คิดบ้างหรอว่าฉันก็เป็นห่วงโฮซอกเหมือนกัน”

     

    “แทแทห่วงฉันจริงอ่ะ” โฮซอกถามย้ำ

     


    แทแทเขาบอกว่าเป็นห่วงผมด้วยครับ รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

     


    “อื้อ จริงสิ ฉันก็ห่วงทั้งโฮซอก ทั้งจิมินนั่นแหละ”

     

    “เวลาอยู่ด้วยกันสองคนอย่าพูดถึงคนอื่นได้ไหม” พูดจบก็พลิกตัวตะแคงข้าง แขนยาวโอบกอดเอวบางไว้

     


    ตึกๆ ตึกๆ

     

    เอ่อ ทำไมโฮซอกพูดอะไรแปลกๆ ผมไม่เข้าใจ แล้วทำไมหัวใจผมเต้นรัวขนาดนี้ล่ะ

    จะมาหวั่นไหวกับการกระทำของเพื่อนตัวเองเนี่ยนะ ไม่ได้นะคิมแทฮยอง

     


                “โฮซอก”

     

                “....”

     

                “จองโฮซอก...” ร่างบางลองเรียกอีกครั้ง

     

                “....”

     

                “หลับแล้วเหรอ ขี้เซาเหมือนกันนะเนี่ย”

     


    มือเรียวลูบหัวโฮซอกเบาๆ โดยไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มมุมปากของคนที่นอนอยู่บนตักเขา

     

    ตอนแรกผมกะจะนอนตักเฉยๆครับ แต่พอแทแทพูดถึงคนอื่นผมกลับรู้สึกไม่พอใจ คุยกันอยู่สองคนแต่กลับนึกถึงจิมิน มันน่าหงุดหงิดไหมล่ะครับ ไอ่เราก็ปากไวพูดออกไปแบบนั้นพอเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปแทแท ไม่รู้จะทำไงดี แกล้งหลับคือทางออกที่ดีและฟินที่สุดครับ

     

                ทำกับข้าวนานๆเลยนะจิมิน กูรอกินตอนเที่ยงคืนยังได้....

     


    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “ไอ้จอน เอ็งเอานี่ไปให้โฮซอกหน่อย”

     

                “ได้ครับพี่” ร่างสูงพูดพลางรับซองเอกสารมาจากมืออีกคน

     

                “เออ ช่วงนี้ได้ข่าวว่าไปจีบนักศึกษามหาลัยหรอมึง ข้ามรุ่นเชียว”

     

                “พี่เจบีรู้ได้ไงอ่ะ” จองกุกถามกลับด้วยความตกใจ

     

                “นี่ใครครับน้อง เจบีท่อบึ้ม ไม่มีอะไรที่พี่ไม่รู้” เจบีพูดพลางกอดอกภูมิใจ

     

                “พี่เจบีนี่เก่งนะจ้ะ เรื่องชาวบ้านอ่ะ55555555555555555

     

                “นี่มึงชมกู?”

     

                “ชมดิพี่” จองกุกพยักหน้า ทำตาแป๋ว

     

                “เออแล้วไป ตอนแรกกูคิดว่ามึงหลอกด่ากูซะอีกไอ่จอน”

     

                “หื้มมมมม ใครจะกล้าด่าพี่เจบีท่อบึ้มล่ะจ้ะ จอนรักและเคารพพี่สุดเลยนี่บ่องตง” ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

     

                “ดีมากไอ่น้อง เคารพพี่แล้วจะดีเอง ไปๆมึงเอาของไปให้ไอ้เจโฮปได้ล้ะ อย่าทำหายนะเว้ย ส่งให้ถึงมือมันนะ” เจบีตบบ่าร่างสูงเบาๆ

     

                “ครับพี่ วันนี้ผมไม่รับคนแล้วนะเอาของให้พี่เจโฮปเสร็จก็จะไปทำภารกิจหัวใจต่อ55555555555555555

     


    ร่างสูงถอดเสื้อกั๊กวินออกแล้วสวมฮู้ดสีแดงตัวโคร่งทับแทน จากนั้นก็ขี่รถไปยังคอนโดของโฮซอก เพื่อเอาของไปให้ตามที่เจบีสั่ง



    .

    .

    .

    .

    .


     

     ก๊อก ก๊อก ก๊อก 

     

               

    “โฮซอก..”

     

    “หืม?”

     

    “โฮซอกตื่นเร็ว มีคนมาเคาะประตูห้อง” ร่างบางบอกคนที่นอนอยู่บนตักเขา

     

    “จิมิน!!!!! มึงไปดูหน่อยว่าใครมา” โฮซอกตะโกน

     

    “ไอ่เงิง กูผัดผักอยู่ไปไม่ได้โว้ยยย!!!” เสียงตะโกนตอบกลับมาจากในครัว

     

    “ฉันไปดูให้ก็ได้นะ”

     

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปดูเอง แทแทนั่งรอฉันก่อนนะ”

     

    “อื้อ”

     

     

    ทันทีที่ร่างบางพยักหน้าตอบรับ โฮซอกก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปเปิดประตู

     

    ใครว้ะ มาไม่รู้เวลาเลยเนี่ย คนกำลังฟิน

     

    แกร็ก

     

    โฮซอกยื่นมือไปจับลูกบิดประตูก่อนจะเปิดมันออก

     

     

    “สวัสดีจ้ะ ลูกพี่”

     

    “อ้าว จอนเองหรอ มีอะไรว้ะมาถึงนี่เลย”

     

    “จอนคิดถึงลูกพี่มั้ง แหม่...” ร่างสูงพูดกวน

     

    “กวนตีน เดี๋ยวโดน”

     

    “โถ่ลูกพี่ จอนหยอกเล่น พี่เจบีให้เอาของมาให้อ่ะ”

     

     

    ร่างสูงพูดจบก็ยื่นซองเอกสารให้คนตรงหน้า โฮซอกรับซองเอกสารมาก่อนจะแง้มดูข้างในเล็กน้อย แล้วปิดซองกลับดังเดิม

     

     

    “ขอบใจมากน้องรัก” พูดพลางตบบ่าอีกคนเบาๆ

     

    “ด้วยความยินดีครับลูกพี่!

     

    “จิมินทำกับข้าวอยู่ กินอะไรมารึยังอ่ะ?” โฮซอกเอ่ยถาม

     

    “ยังเลยจ้ะ กำลังหิวพอดี ถ้าลูกพี่จะเมตตาข้าวฟรีจอนสักมื้อจะไม่ลืมบุญคุ
    ณ” จองกุกพูดพลางทำตาเป็นแป๋ว

     

    “ทำหน้ายังกับกระต่ายหิวแครอท เออๆเข้ามานั่งรอข้างในก่อน จิมินมันทำใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ”

     

     

    แขกที่มาเยือนก้าวขาเดินตามโฮซอกเข้ามาในห้อง ทันใดนั้นสายตาก็ปะทะเข้ากับดวงตาคู่สวยที่เขาคุ้นเคยดี คนน่ารักกำลังมองว่าเจ้าของห้องได้พาใครมาด้วย

     

     

    “อ้าว พี่วี!” , “เห้ย ไอ่เด็กแว๊นซ์!”  จองกุกและแทฮยองอุทานพร้อมกัน

     

    “เอ่อ นี่รู้จักกันเหรอ?” โฮซอกถามด้วยความสงสัย

     

    “รู้จักจ้ะ” , “ไม่รู้จักน่ะ” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

     

     

    ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้น มือหนากุมอกซ้ายด้วยสีหน้าเจ็บปวด

     

     

    “โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย”

     

    “จองกุก นายเป็นอะไรน่ะ!?” 

     

     

    แทฮยองสะดุ้งตัวจากโซฟาแล้วรีบเข้าไปประคองร่างสูงด้วยความตกใจ

     

     

    “จอน... จอนเจ็บ...”

     

    “ไอ้จอนเป็นอะไร เดี๋ยวกูพาไปโรงพยาบาลไหม” โฮซอกเข้าไปช่วยประคอง

     

    “จอนปวด... ปวดใจ อะเฮือกกกกกกก พี่วีบอกเขาว่าเราไม่รู้จักกัน จอนเจ็บ ฮืออออออออออ” จองกุกแสดงท่าทางเจ็บปวด

     

    “ไอ่เด็กบ้า!! นี่หลอกพี่อีกแล้วนะ!

     

     

    เพี๊ยะ!!!!

     

    มือเรียวฟาดไปที่ต้นแขนแกร่งนั่นอย่างแรง จนทำให้คนที่โดนฟาดต้องใช้มืออีกข้างลูบเบาๆที่บริเวณนั้น

     

     

    “โอ้ยยยยย อันนี้เจ็บจริงนะพี่วี”

     

    “เออ ก็ให้เจ็บไง สมน้ำหน้า” พูดพลางแลบลิ้นใส่

     

    “นี่สรุปสองคนนี้รู้จักกันจริงใช่ป่ะ?” โฮซอกเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากที่ฟังบทสนทนาของน้องและเพื่อนคนน่ารักของเขาอยู่สักพัก

     

     

    “เอ่อ ก็รู้จักน่ะ เจ้าเด็กนี้เป็นวินมอเตอร์ไซค์ที่ฉันเคยนั่งบ่อยๆ” ร่างบางตอบ

     

    “จอนรู้จักพี่วีตั้งแต่วันแรกที่พี่วีย้ายบ้านมาอยู่แถวตลาดบางท่านเลยจ้ะ และในอนาคตจะรู้จักมากกว่านี้อีก5555555555555555555

     

    “มากกว่านี้ หมายความว่าไงว้ะไอ่จอน”

     

     

    ไอ้น้องผมมันพูดจาแปลกๆ ผมสัมผัสได้ว่าสองคนนี้ต้องไม่ใช่คนรู้จักกันธรรมดาแน่นอน ไหนจะท่าทางเป็นห่วงของคนน่ารักนั่นอีก

     

     

    “ก็หมายความว่า พี่วีคือว่าที่แฟนในอนาคตของจอนไงจ้ะ”

     

     

    จองกุกพูดจบก็ยิ้มกว้างโชว์ฟันกระต่าย ในขณะเดียวกันนั้นจิมินที่ทำอาหารอยู่ในครัวก็ออกมาได้ยินคำตอบของร่างสูงพร้อมแทฮยองและโฮซอกพอดี

     

     

    “เห้ยยย!!!” , “ห้ะ!!!!!!!!!” , “เหยดดดดดดดดด”

     

    “พวกพี่ตกใจอะไรกันจ้ะ”

     

    “เหยดดดดดดดดดด ไอ่จอน จีบแทฮยอง โลกมันจะกลมเกินไปแล้ว”

     

    “เห้ย ไอ้จอน แกอย่ามาเที่ยวทำกะล่อนกับเพื่อนพี่นะเว้ย”

     

     

    โฮซอกพูดพลางใช้แขนกอดแทฮยองหลวมๆ จนทำให้ร่างบางที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

     

     

    “อ้าว เห้ยลูกพี่ทำไมทำงี้ กอดพี่วีทำไม!?”

     

     

    ทันทีที่พูดจบก็แย่งตัวคนน่ารักมาอยู่ในอ้อมกอดตัวเองแทนอีกคนอย่างรวดเร็ว

     

     

    “ไอ่จอน ปล่อยเพื่อนกู” โฮซอกดึงข้อมือร่างบางมาจับไว้

     

    “ลูกพี่แหละปล่อยจ้ะ นี่พี่วีของจอน” กระชับกอดแทฮยองให้แน่นขึ้น

     

    “พวกมึงทั้งสองคนอ่ะปล่อย สงสารแทฮยองบ้าง แย่งกันไปมาตัวช้ำหมดแล้ว”

     

     

    จิมินพูดแทรกขึ้นมาเพราะสังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของคนน่ารัก

     

     

    “แทฮยอง ฉันขอโทษ” โฮซอกปล่อยมือที่จับร่างบางไว้

     

    “พี่วีจ๋า จอนลืมตัวกอดแน่นไปหน่อย ขอโทษนะจ้ะ แต่ขอกอดอีกนิดได้ไหม ไม่เจอพี่วีตั้งหลายชั่วโมง จอนนะคิดถึ๊งงงง คิดถึง”

     

     

    จองกุกพูดพลางเอาคางเกยไหล่คนในอ้อมกอด จากที่เขินอยู่แล้ว ตอนนี้ทวีคูณความเขินขึ้นพันล้านเท่า จนแก้มเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

     

    ตึ่กตัก ตึ่กตัก

     

    ผมอยากจะหายตัวไปซะตอนนี้เลย หัวใจก็มาเต้นแรงทำไมตอนนี้เนี่ย! แถมยังอยู่ต่อหน้าโฮซอกและจิมินอีกด้วย เขินจองกุกไม่พอ อายเพื่อนอีกครับ

     

     

    “จองกุก ปล่อยพี่ก่อนที่ตีนพี่จะลอยไปอยู่บนหน้านาย”

     

     

    แทฮยองพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พยายามกลบเกลื่อนอาการเขิน

     

     

    “สุภาษิตประจำใจพี่วีคือรักวัวให้ผูก รักจอนให้เตะรึเปล่าจ้ะ เอะอะให้ตีน ฮืออออออออออออ” ร่างสูงเบะปาก ทำหน้างอแง

     

    “ปล่อยเพื่อนพี่ แล้วไปตั้งใจเรียนภาษาไทยซะไอ่จอน มึงทำสุภาษิตไทยเพี้ยนหมดแล้ว”

     

     

    โฮซอกพูดจบก็แกะมือของจอกกุกออกแล้วปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ ก่อนจะหันไปจ้องหน้าร่างสูงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

     

    แค่จีบถึงกับต้องทำตัวรุ่มร่ามกับแทฮยองขนาดนี้เลยเหรอ ไม่รู้มันจริงจังแค่ไหนอีก น้องผมมันกะล่อนพอๆกับผมนี่แหละครับ ที่หงุดหงิดนี่เพราะเป็นห่วงเพื่อนหรอกนะ

     

     

    “เอ่อ กูลืมเลย จะบอกว่าข้าวเสร็จแล้ว แทฮยองหิวแล้วใช่มั้ย ไปทานข้าวกัน”

     

     

    จิมินรีบเปลี่ยนประเด็นก่อนจะดึงมือแทฮยองไปที่โต๊ะทานข้าว ร่างบางเองก็เดินตามเพราะอยากหนีจากการเผชิญหน้ากับโฮซอกและจองกุกเช่นกัน

     

     

    “แทฮยองนั่งนี่นะ ข้างฉัน”

     

     

    จิมินพูดพลางดึงเก้าอี้ออกให้คนน่ารักได้นั่งก่อนจะขยับไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง

     

     

    “ขอบคุณนะจิมิน” ร่างบางยิ้มกว้างจนปากเป็นรูปหัวใจให้อีกคน

     

                “ย๊า น่ารักอีกแล้ว ฉันไม่สงสัยเลยทำไมไอ้จอนมันถึงชอบแทฮยอง”

     

                “หือ? เอ่อ ทำไมอ่ะ ฉันก็ยิ้มของฉันปกติ”

     

                “ก็แทฮยองน่ารัก มีเสน่ห์ ใครอยู่ด้วยก็หลงเป็นธรรมดา ขนาดฉันยังชอบเลย55555555555555555555555

     

                “เห้ย! จิ... มิน..” แทฮยองตกใจ

     

                “ฉันชอบแทฮยองแบบเพื่อนน่ะ สบายใจได้ หัวใจของฉันมันจงรักภักดีกับน้องยองแจ” จิมินอธิบาย

     

                “อ่า ขอบคุณนะ ฉันดีใจที่มีจิมินเป็นเพื่อนนะ” ร่างบางพูดจบก็ส่งยิ้มรูปหัวใจให้อีกครั้ง

     

                “น่ารักอีกแล้วเพื่อนคนนี้” มืออวบหยิกแก้มร่างบางเบาๆ

     

                “แทฮยอง..”

     

                “หืม? อะไรเหรอจิมิน”

     

                “จองกุกน่ะ ถึงมันจะปากหมากวนตีนไปหน่อย แต่น้องมันก็เป็นเด็กดีมากเลยนะ”

     

                “เอ่อ.. จิมินจะบอกฉันทำไมน่ะ”

     

                ไม่ใช่ว่าผมเองจะไม่รู้นะครับว่าจริงๆแล้วพื้นฐานจิตใจของจองกุกเขาเป็นคนดี แต่ทำไมจิมินจะต้องมาบอกผมแบบนี้ล่ะ

     

                “ตั้งแต่ฉันรู้จักมันมา ไม่เคยเห็นมันคิดจะใช้คำว่าแฟนกับใครเลยนะ แทฮยองคือคนแรก”

     

                “เอ่อ.. อื้ม”

     

                “ฉันไม่ได้จะเข้าข้างน้องนะ แค่คิดว่าถ้าแทฮยองเองก็ยังไม่มีใคร บางทีจะลองเปิดใจให้ไอ่จอนมันดูก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันทำให้แทฮยองเสียใจ ฉันนี่แหละจะไปกระทืบมันเอง” จิมินพูจบก็ยีหัวร่างบางเบาๆ

     

                “ขอบคุณนะจิมิน ฉันจะลองเก็บไปคิดดูล้ะกัน”

     

                “พวกมึงน่ะ จะแดกข้าวไหม กูหิวโว้ย รีบมาก่อนที่กูจะไปแดกพวกมึงแทน!!!” จิมินตะโกนไปให้คนที่ยังคงประจันหน้ากันตรงห้องนั่งเล่นได้ยิน

     

                “มึงหิวก็แดกไปก่อนสิไอ่เตี้ย” โฮซอกตะโกนกลับมา

     

                “แทฮยองเขารอพวกมึงไง จะรีบมาได้ยัง?!!

     

                ได้ผลตามที่คิด สิ้นเสียงตะโกนของจิมิน ทั้งโฮซอกและจองกุกก็เดินมานั่งที่อย่างพร้อมเพรียง ด้วยความที่คนน้องขายาวกว่าก้าวไวกว่าจึงเดินมาถึงก่อนและจับจองที่นั่งตรงข้ามแทฮยองไป คนพี่จึงต้องนั่งตรงข้ามจิมินไปโดยปริยาย

     

                “โห พี่จิมินยังทำอาหารน่ากินเหมือนเดิมเลย” จองกุกเอ่ยชม

     

                “ของมันแน่อยู่แล้ว เกิดเป็นผู้ชายต้องดีพร้อมทุกด้านเว้ยแม้กระทั่งการทำอาหาร สาวๆเขาจะได้มั่นใจว่า เขาจะไม่อดตายถ้าคบกับกูไง55555555555555555

     

                “พี่วีจ๋า จอนก็ทำอาหารเป็นนะจ้ะ พี่วีจะไม่อดตายแน่นอนจ้ะ” จองกุกพูดพลางคีบปีกไก่ทอดให้คนน่ารักตรงหน้า

     

                “ขอบใจนะ” ร่างบางพูดจบก็ตักผัดผักตอบแทนให้เช่นกัน

     

                “แทแท ไม่เห็นจะตักให้ฉันบ้างเลยอ่ะ นี่ฉันเจ้าของบ้านนะ” โฮซอกพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

     

                “เอ่อ ก็โฮซอกไม่ชอบกินถั่วงอกไม่ใช่หรอ ผัดผักนี้มันมีถั่วงอกอ่ะ”

     

                “แต่วันนี้ฉันอยากกิน ตักให้หน่อยนะ” พูดพลางยื่นจานให้

     

                “อ่ะนี่ กินเยอะๆนะจ้ะลูกพี่” ร่างสูงตักผัดผักให้คนที่นั่งข้างกันก่อนจะยิ้มมุมปาก

     

                ไอ่จอนมึงอยากจะปะทะกับกูใช่ไหม ตักมาแต่ถั่วงอกไม่มีผักอื่นผสม ที่สำคัญกูบอกแทแทเว้ย ไม่ใช่มึง! จองโฮซอกหงุดหงิด!!

     

                “กินข้าวเสร็จพี่วีจะกลับบ้านเลยรึเปล่าจ้ะ?”

     

                “อื้ม”

     

    ร่างพูดในลำคอก่อนจะพยักหน้า เพราะเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ยอยู่จึงทำให้อ้าปากไม่ได้ ทำให้ผู้ร่วมโต๊ะอาหารด้วยอีกสามคนถึงกับอุทานออกมาพร้อมกัน

     

                “น่ารัก!

     

    “หือ?” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างที่จู่ๆ ทุกคนก็พูดพร้อมกัน

     

    “แทแทลดความน่ารักให้น้อยลงหน่อยดิ คนจะได้ไม่ต้องมาจีบ”

     

     

    โฮซอกพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกะจะประชดคนที่นั่งข้างๆ

     

     

    “หือออออ?” ร่างบางหันไปมองหน้าคนพูด แต่ปากยังคงเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ยอยู่

     

    “พี่วีกินเลอะเหมือนเด็กเลยจ้ะ”

     

     

    มือหนาเอื้อมมาเช็ดข้าวที่ข้างปากร่างบางก่อนจะหยิบมันเข้าปากตัวเองอย่างไม่รังเกียจ ทำเอาคนที่เห็นเหตุการณ์อย่างจองโฮซอกถึงกับลุกออกไปจากโต๊ะอาหารทันที

     

     

    “กูอิ่มล้ะ ขอตัว”

     

    “กินข้าวกันต่อเถอะ ปล่อยไอ่เงิงมันไป” จิมินพูดก่อนจะกินข้าวต่อ

     

     

                ไอ้เจโฮปมันเป็นห่าอะไรครับ สงสัยผมมีเรื่องจะต้องคุยกับมันสักหน่อยแล้ว

     

               

    “ฉันอิ่มแล้วอ่ะจิมิน ขอตัวกลับก่อนนะ”

     

                “อ้าว กินไปนิดเดียวเอง อาหารไม่ถูกปากหรอ?” จิมินถาม

     

                “ไม่ๆ จิมินทำอร่อยมากเลย แต่วันนี้ฉันไม่ค่อยหิวน่ะ ไว้โอกาสหน้าไปทำให้ฉันกินที่บ้านบ้างนะ” ร่างบางพูดพลางเกาะแขนอ้อนเพื่อนอีกคน

     

     

                หวังว่าจิมินจะไม่น้อยใจผมนะครับ แต่บรรยกาศตอนนี้ทำให้ผมกินข้าวต่อไม่ลงจริงๆ

     

     

                “เอ่อ พี่วีจะกลับแล้วงั้นจอนกลับด้วยจ้ะ”

     

                “จอนไปส่งเพื่อนกูดีๆนะเว้ย ให้ถึงบ้านอยากปลอดภัยอย่าไปแวะที่ไหนนะมึง” จิมินสั่ง

     

                “รับทราบครับพี่จิมิน!!!!!!


                “ฉันกลับก่อนนะ จิมินเอ่อ ฝากดูโฮซอกด้วยนะ” แทฮยองกระซิบ

     

                “อื้ม กลับดีๆนะแทฮยอง ไว้เจอกันที่มหาลัย”

     

     

    จิมินพูดพลางเดินไปส่งเพื่อนกับน้องที่ประตูห้อง หลังจากที่ทั้งสองคนกลับไป ร่างอวบจึงเดินไปหาเจ้าของห้องที่นอกระเบียง

     

     

    “เป็นห่าอะไรมึง”

     

    “....”

     

    “นี่เครียดจนต้องสูบบุหรี่เลยรึไง ไหนบอกกูว่าเลิกแล้ว”

     

    “เรื่องของกู” โฮซอกตอบกลับโดยไม่หันมามอง

     

    “นี่มึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อนแล้วใช่ไหมเจโฮป”

     

    “เฮ้อ.. กูเป็นห่วงแทแทว่ะ”

     

     

    โฮซอกถอนหายใจหนึ่งทีก่อนจะหันหน้ามาคุยกับเพื่อนรัก

     

     

    “มึงแน่ใจ?” จิมินถาม

     

    “แน่ใจอะไรของมึง ไอ่เตี้ย”

     

    “แน่ใจว่ามึงห่วง ไม่ใช่หึง!!” ร่างอวบกระแทกเสียง

     

    “เอ่อ นี่มึงรู้?”

     

    “กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี ทำไมกูจะดูไม่ออกว่ามึงอ่ะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกับแทฮยอง”

     

    “เฮ้อ...” โฮซอกถอนหายใจอีกครั้ง

     

    “กูรู้แค่กูไม่พูดเท่านั้นแหละเพื่อนรัก กูสงสัยมาสักพักแต่ก็มั่นใจวันนี้แหละ”

     

    “กูควรทำไง?”

     

    อย่างที่จิมินพูด มันถูกต้องถูกอย่างเลยครับ ผมก็มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองชัดเจนก็วันนี้ ผมชอบเพื่อนชอบตัวเองเข้าแล้ว แต่ผมชอบพี่ยุนกิมาหกปี แทฮยองเป็นคนแรกที่ทำให้ผมหวั่นไหวแบบนี้ ผมควรจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง

     

     

    “มึงควรถามใจตัวเอง ไม่ใช่มาถามกูนะ” จิมินตอบ

     

    “กูไม่รู้จะทำยังไงว่ะ พี่ยุนกิกูก็ชอบของกูมาหลายปี ส่วนแทแทกูก็ชอบ อยู่กับแทแทแล้วทำให้กูยิ้มตลอดเลย กูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลยนะมึง ไม่งั้นกูไม่เครียดจนมาดูดหรี่หรอกเนี่ย” โฮซอกพยายามอธิบายความสับสนในใจ

     

     

                “มึงใจเย็นเว้ย อย่าใช้สมอง เรื่องแบบนี้มึงต้องถามใจตัวเองดู เชื่อกูดิ” จิมินเข้าไปตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ

     

     

                ไม่เคยเห็นเพื่อนมันเครียดขนาดนี้มาก่อนเลยครับ อย่างที่เขาว่ากัน ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ เป็นแบบนี้สินะ

     

     

                “เฮ้อออออ.....”

     

     

    โฮซอกถอนหายใจพร้อมปล่อยควันสีเทาออกจากปากครั้งสุดท้ายแล้วทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นก่อนจะเหยียบมันให้หมดไฟ

     

     

                “มึงลองคิดว่า ถ้าไม่มีพี่ยุนกิ กับไม่มีแทฮยอง อย่างไหนมันทรมานกว่ากัน ความรักมันห้ามกันไม่ได้นะเจโฮป แต่ถ้ามึงรักคนสองคนพร้อมกัน มึงควรห้ามหัวใจตัวเองให้เหลือแค่คนเดียว” จิมินพูดจบก็เดินกลับไปจัดการกินข้าวต่อ

     

     

                เป็นห่วงมันนะครับ แต่ผมหิว ช่วยมันได้แต่นี้แหละ ที่เหลือเจโฮปมันต้องจัดการถามหัวใจของตัวเองดู จัดการความรู้สึกของมันเองครับ

     

     

                “มินยุนกิ.... คิมแทฮยอง...”

     

     

    สายตาจ้องไปยังรูปโปรไฟล์ไลน์ของทั้งสองคนที่เขาเอ่ยชื่อ

     

                พี่ยุนกิคือคนที่ผมอยากเห็นหน้าเขาทุกวัน แทฮยองคนที่ผมอยู้ด้วยแล้วมีความสุข ผมตอบคำถามตัวเองไม่ได้เลยครับว่าควรทำไง ควรจะเลือกใคร

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “ขอบใจนะ” ร่างบางบอกคนที่มาส่งก่อนจะก้าวขาลงจากรถ

     

                “ไม่เป็นไรจ้ะ จอนเต็มใจ”

     

     

    ทันทีที่คนซ้อนลงจากรถ จองกุกก็จอดรถไว้ก่อนที่ขายาวจะเปลี่ยนจากคร่อมรถมอเตอร์ไซค์เป็นนั่งพิงเบาะรถแทน

     

     

                “อื้อ นายก็กลับบ้านดีๆ ล่ะ” มือเรียวโบกบ้ายบายให้คนตรงหน้า

     

                “พี่วีจ๋า” ร่างสูงเอ่ยเรียกก่อนจะยื่นมือไปคว้ามือเรียวมาจับไว้

     

                “มีอะไร พี่จะเข้าบ้านแล้ว”

     

                “คิดถึงจ้ะ” จองกุกพูดพร้อมกับจ้องหน้าคนน่ารัก

     

                “เออ รู้แล้ว บอกกี่รอบแล้วเนี่ยวันนี้ ไม่เบื่อรึไง”

     

                “ก็คิดถึงจริงๆ นะจ้ะ จอนไม่เบื่อที่จะพูดหรอก พี่วีก็อย่าเพิ่งเบื่อที่จะฟังนะ”

     

     

                ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเอื้อมมือไปดันหน้าอีกคนให้หันมาสบตากับเขา

     

                ผมคงบ้าไปแล้วครับ ขนาดพี่วีอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ ยังคิดถึงเลยอ่ะ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งผมจะพบเจอคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของผมขนาดนี้

     

     

                “พี่เบื่อแล้วอ่ะ ทำไงดี” แทฮยองมองหน้านิ่ง

     

     

                จู่ๆ ผมก็รู้สึกอยากแกล้งเจ้าเด็กแว๊นซ์นี้จังเลยครับ

     

     

                “พี่วีจ๋า จอนรักพี่วีนะ” มือหนารั้งเอวบางให้เข้ามาใกล้

     

                “เห้ย!!” แทฮยองอุทานด้วยความตกใจ

     

                “เบื่อคำว่าคิดถึง จอนเลยเปลี่ยนเป็นคำนี้แทนไงจ้ะ555555555555555555555555555555555555

     

     

                จองกุกพูดก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาที่เห็นอาการเขินและแก้มสีแดงระเรื่อของคนน่ารัก

     

     

                “เอ่อ นายกลับไปพูดคิดถึงเหมือนเดิมก็ได้”

     

     

                ผมอยากจะแกล้งเขา ทำไมกลายเป็นผมที่โดนซะเองล่ะครับ เจ้าเด็กคนนี้มันร้าย!

    ทำเอาผมไปไม่เป็น ทำตัวไม่ถูกเลยเนี่ย

     

     

                “พี่วีเขินบ่อยๆนะ จอนจะได้รู้ว่าพี่วียังมีความรู้สึกให้จอนอยู่”

     

                “เขินบ้าเขินบออะไร เปล่าเว้ย” ร่างบางบอกปัด

     

                “คนปากแข็งแบบพี่วีต้องเจอกับคนปากหมาแบบจอนนี่แหละ5555555555555555555555555555

     

                “ไอ้จอน!!

     

     

                ผมตะคอกใส่เจ้าเด็กแว๊นซ์นี่ ทั้งเขินทั้งโมโหที่ไม่ว่าทำอะไร จอนมักจะรู้ทันผมเสมอ

     

     

                “ซ้อมเรียกชื่อแฟนในอนาคตหรอจ้ะ5555555555

     

                “กลับบ้านไปได้แล้ว พี่จะเข้าบ้าน”

     

     

    ผมพูดพลางแกะมืออีกคนที่โอบเอวผมอยู่ออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จแถมยังทำให้เจ้าเด็กแว๊นซ์มันกอดเอวผมแน่นเข้าไปอีก

     

     

    “โอ๋ๆ จอนไม่แกล้งแล้ว พี่วีจ๋า”

     

    “เออ ปล่อย พี่จะเข้าบ้าน ง่วงแล้ว”

     

    “ก็ได้จ้ะ เดี๋ยวจอนกลับถึงบ้านแล้วจะทักไลน์ไปหานะจ้ะ” ร่างสูงยอมว่าง่ายแต่โดยดี

     

    “อื้ม ขี่รถดีๆ อย่าซิ่งล้ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะเดือดร้อนคนอื่นเขา” มือเรียวโบกบ้ายบายอีกครั้ง

     

    “เป็นห่วงก็บอกเป็นห่วง ไม่ใช่มาแช่งนะพี่วีจ๋า555555555555

     

    “ไปได้แล้วไป!” แทฮยองพูดจบก็รีบสาวเท้าเข้าบ้านทันที

     

     

    กวนประสาทไม่มีใครเกินเลยไอ่เด็กบ้า!

     

    แทฮยองรีบวิ่งเข้ามาแอบดูอีกคนจากหน้าต่างในห้องนอน พอเห็นว่าจองกุกขี่รถกลับไปแล้ว ร่างบางจึงทิ้งตัวลงเตียงนุ่ม มือเรียวหยิบโฟนขึ้นมาเข้าไปแอพพลิเคชั่นสีเขียวที่ใช้ประจำ

     

    VtaehyungV : โฮซอกอ่า.. ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้ลาก่อนกลับ

     

    ห้านาทีผ่านไป...

     

    โฮซอกไม่อ่านข้อความผมอ่ะ โกรธหรอเนี่ย

     

     

    “เฮ้อออออ....”

     

     

    ร่างบางถอนหายใจแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่เตียงนอนก่อนจะลุกไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

     

    15 นาทีผ่านไป...

     

    ขาเรียวก้าวออกจากห้องน้ำก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงนอนด้วยเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งกับกางเกงบอกเซอร์ขาสั้น

     

    ตือดิง!

     

    Hohope : ขอโทษทำไมล่ะ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษแทแท

     

    โฮซอกตอบกลับมาแล้ว ดีใจจังที่ไม่โดนโกรธ

     

    VtaehyungV : โฮซอกจะขอโทษฉันทำไมล่ะ?

     

    Hohope : ก็ที่ฉันทำกิริยาไม่ดีออกไปไง ที่ฉันหงุดหงิด แต่ทั้งหมดเป็นเพราะแทแทนะ

     

    VtaehyungV : เพราะฉัน? ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจจริงๆสินะ ฉันขอโทษ

     

    โฮซอกบอกว่าหงุดหงิดเพราะผม อ่า... นี่ผมเผลอทำอะไรไม่ดีกับเขาไปสินะครับ ทำยังไงดี ไม่รู้ด้วยนี่ว่าเรื่องอะไร เพิ่งเป็นเพื่อนกันได้ไม่นานผมก็ทำแย่ซะแล้ว

     

    Hohope : ฉันหึงแทแท

     

    VtaehyungV : หึงฉัน?

     

    เขาจะมาหึงผมทำไมครับ เพื่อนกันเขาหึงกันด้วยเหรอ?

     

    Hohope : ฉันจะบอกว่าหวงน่ะ ไอโฟนมันเลือกคำให้ผิด คือฉันหวงเพื่อนน่ะ เวลามีคนมาจีบไอ่จีมินฉันก็หวงแบบนี้แหละ แทแทไม่ต้องคิดมากนะ

     

    VtaehyungV : อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ฉันก็ว่าอยู่ เป็นเพื่อนจะมาหึงกันทำไม

     

                ผมรู้สึกหน่วงยังไงก็ไม่รู้ที่โฮซอกบอกแบบนี้

     

    Hohope : ใช่ๆ เราเป็นเพื่อนกัน

     

    เราเป็นเพื่อนกัน อ่า... ผมกับโฮซอก และจิมิน พวกเราทุกคนเป็นเพื่อนกัน

     

    VtaehyungV : อาฮะ ฉันไม่กวนโฮซอกแล้วล่ะ ฝันดีนะเพื่อน

     

    Hohope : ฝันดีนะแทแท

     

    แทฮยองวางไอโฟนลงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งที่เตียงนุ่ม

     

    ตือดึง!

     

     

    “จอนถึงบ้านแล้วสินะ” 

     

     

    ร่างบางพูดกับตัวเองก่อนจะหยิบไอโฟนกลับมาถือไว้อีกครั้ง

     

    เอ๊ะ แล้วทำไมผมต้องคิดว่าเป็นไอ้เด็กแว๊นซ์นี่ด้วยนะ

     

    JeonJK :  ถึงบ้านแล้วนะจ้ะ คิดถึงจอนรึเปล่า ไม่เจอกัน 20 นาที

     

    VtaehyungV : ไม่

     

    JeonJK :  ไม่โกหกหัวใจตัวเองดิพี่วี

     

    VtaehyungV : ไอ้เด็กบ้า!

     

    JeonJK :  บ้าแต่ก็รักพี่วีมากนะจ้ะ

     

    VtaehyungV : เพ้อเจ้อ ไม่คุยด้วยแล้ว!

     

    ตึกตัก ตึกตัก..

     

    ทำไมช่วงนี้หัวใจผมเต้นแรงบ่อยจังครับ สงสัยต้องไปตรวจร่างกายสักหน่อยเผื่อจะเป็นโรคหัวใจ มันจะเต้นแรงบ่อยเกินไปแล้ว

     

    JeonJK :  เดี๋ยวก่อน มีเรื่องจริงจังจะคุยด้วย

     

    VtaehyungV : อะไรอีกล่ะ?

     

    JeonJK :  เรื่องติวหนังสือไง พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่มีเรียนใช่ไหมจ้ะ ติวหนังสือให้จอนหน่อยดิ นะจ้ะพี่วีจ๋า เห็นแก่อนาคตของเด็กน้อยตาดำที่โหยหาความรักความเมตตาจากพี่วี

     

    พิมพ์มาซะน่างสงสารเชียว ช่วยก็ได้ เพราะสงสารหรอกนะ

     

    VtaehyungV : อื้อ ได้

     

    JeonJK : พรุ่งนี้จอนไปหาที่บ้านนะจ้ะ รีบนอนนะนางฟ้าของจอน ฝันดีจ้ะ

     

    VtaehyungV : อาฮะ ฝันดีไอ่เด็กแว๊นซ์ ;P

     

    JeonJK : คิดถึงพี่วีนะจ้ะ นอนก่อนนะ

     

     JeonJK : sent you a sticker.





    ผมยิ้มกับโทรศัพท์คนเดียวอ่ะ นี่ผมบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือผมจะหวั่นไหวให้กับไอ่เด็กแวนซ์นั่น ยิ่งเรื่องที่จิมินบอกกับผมวันนี้ด้วยแล้วยิ่งทำให้ผมคิดทบทวน

     

    ผมเองก็ไม่เปิดหัวใจรับใครมาเป็นปีแล้วตั้งแต่เลิกกับพี่จินไป หรือผมจะลองให้โอกาสจอนเขาดูครับ.. แต่จะมีอะไรที่รับประกันว่าเด็กแว๊นซ์นั้นจะไม่ทำให้ผมเสียใจ ผมไม่อยากสูญเสียคนที่ผมรักไปอีกหนหรอกนะ...

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                ตือดิง!

     

                Hohope : ไอ้จอน นอนรึยัง?

     

                JeonJK : กำลังจะนอน ลูกพี่มีอะไรเหรอจ้ะ

     

                Hohope : พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย เรื่องแทแท ออกมาหน้าบ้านหน่อย

     

                ทันทีที่อ่านข้อความจบ ร่างสูงก็เดินออกไปหน้าบ้านตามที่อีกคนบอก

     

     

                “ลูกพี่ชอบพี่วีใช่ไหม?” จองกุกเอ่ยถามทันทีที่เจอหน้าโฮซอก

     

                “เออชอบ แต่ความรู้สึกมันยังแค่เริ่มต้น”

     

                “แล้วพี่ยุนกิ?” ร่างสูงถามต่อ

     

                “ก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิม”

     

                “ถ้าพี่ชอบพี่วี ก็ควรเลิกชอบพี่ยุนกิแล้วหันมาจริงจังกับพี่วีคนเดียว จอนไม่อยากเห็นพี่วีต้องเสียใจถ้าเกิดพี่วีเขาชอบลูกพี่จริงๆ” จองกุกพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

                “ถ้าแทแทเขาชอบพี่ จะหลีกทางให้รึไง?” โฮซอกถามกลับ

     

                “ก็ถ้าพี่วีเขามีความสุขกับคนที่เขารัก จอนก็ยินดี แค่พี่วีมีความสุขก็พอ”

     

                “นี่ชอบเขามากใช่ไหม จริงจังมากสินะ” โฮซอกถามต่อ

     

                “ชอบจนตอนนี้คิดว่ามันเริ่มกลายเป็นความรักแล้วอ่ะลูกพี่ อยากทำทุกอย่างให้พี่วีมีความสุข ไม่คิดครอบครอง แค่อยากดูแล อยากให้พี่วียิ้ม แบบนี้เรียกว่าความรักใช่มั้ยอ่ะ”

     

     

                จองกุกตอบอีกคนด้วยรอยยิ้ม แค่เพียงเพราะนึกถึงเวลาที่แทฮยองยิ้มอย่างมีความสุขมันก็ทำให้เขายิ้มตาม

     

     

                “ถ้าจริงจังกับแทแท พี่ก็จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง ของพี่มันแค่เริ่มต้นไม่เป็นไรหรอก”

     

                “โห ลูกพี่ไม่ต้องมาทำตัวเป็นพระเอกหลีกทางให้จอนหรอก ชอบพี่วีก็จีบ แต่คงยากหน่อยเพราะมีจอนเป็นคู่แข่ง5555555555555555555

     

                “มึงนี่มันกวนตีน” พูดพลางผลักหัวน้องเบาๆ

     

                “ก็เหมือนลูกพี่แหละ นี่สืบถอดมาจากลูกพี่โฮซอกเลยจ้ะ”

     

                “แทนที่จะรับสิ่งดีจากพี่ไปนะไอ้จอน หมดธุระแล้วเข้าบ้านไปนอนไป”

     

     

                โฮซอกไล่อีกคนก่อนจะเปิดประตูรถยนต์คันหรู

     

     

                “กลับดีๆ นะลูกพี่”

     

                “อืม เออพี่เกือบลืม เวลาแทแทเขาคุยไลน์กับมึงอ่ะ เขายิ้มตลอดเลยนะ”

     

                “เห้ย จริงดิ ลูกพี่อย่าหลอกให้จอนดีใจเก้อนะ”

     

     

    ร่างสูงตาโตด้วยความตกใจและดีใจ ไม่คิดว่าอีกคนจะเป็นแบบเดียวกับที่เขาเป็น เพราะเวลาที่คุยไลน์หรือนึกถึงแทฮยอง ก็ทำให้เขายิ้มออกมาเหมือนกัน

     

     

                “เออ มึงก็ดูแลเพื่อนพี่ให้ดีล้ะกัน วันไหนทำแทแทเสียใจเมื่อไหร่ ตายแน่ไอ้จอน”

     

     

                โฮซอกพูดจบก็ขึ้นรถก่อนจะปิดประตู ร่างสูงรอจนรถยนต์คันหรูขับพ้นสายตาจึงกลับเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี

     

                อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ จังครับ คิดถึงอยากเจอพี่วีแล้วเนี่ย รีบนอนฝันถึงพี่วีดีกว่า วันนี้คือวันของจอนจองกุก วันนี้จอนมีความสุขมากครับ5555555555555555555555555

     

     

                “เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะแทแท” โฮซอกพูดกับตัวเอง

     

                ระหว่างทางที่ขับรถกลับคอนโดก็คิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่ได้รู้จักกับคนน่ารัก จากนี้ไปเขาต้องจัดการความรู้สึกของตัวเอง คิดกับแทฮยองเพียงแค่เพื่อน เพราะมิตรภาพระหว่างเพื่อนมันยืนยาวกว่าสถานะอื่นใด และควรกลับไปซื่อสัตย์กับความรักที่มีต่อพี่ยุนกิมาหกปี

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “พี่วีจ๋า”

     

                “อื้อ...”

     

                “พี่วีจ๋า เช้าแล้วจ้ะ”

     

                “อื้อ......” ร่างบางขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะซุกหมอนตามเดิม

     

     

                นี่ไอ้เด็กแว๊นซ์มันมาก่อกวนผมถึงในฝันเลยเหรอเนี่ย

     

     

                “พี่วี” มือหนาลูบปอยผมตรงหน้าของคนน่ารักเบาๆ

     

                “ฉันจะนอน นายออกไปจากฝันของฉันเลยนะ” ร่างบางพูดทั้งที่ยังหลับอยู่

     

     

                ละเมอหรอครับเนี่ย น่ารักจังพี่วีเนี่ย ถ้ายังไม่ตื่นจอนจะอดใจไม่ไหวแล้วนะ

     

     

                “พี่วี ถ้าไม่ตื่นจอนจะ....”

     

     

    พูดจบก็ก้มลงประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากมนของคนที่นอนอยู่

     

    ทำไมในความฝัน สัมผัสมันเหมือนจริงจังเลยครับ...

     

                ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมา ภาพแรกที่เห็นคือหน้าของจองกุกที่อยู่ห่างกับเขาไม่ถึงคืบ

     

     

                “หะ...”

     

     

                ยังไม่ทันจะได้พูดก็ถูกมือของอีกคนมาปิดปากไว้

     

     

                “จุ๊ๆ ไม่ต้องตกใจจ้ะพี่วี นี่จอนเอง”

     

     

    ร่างสูงพูดจบก็ก้มลงจูบมืออีกด้านของตัวเองที่ยังปิดปากแทฮยองอยู่ จนทำให้ปลายจมูกของทั้งสองชนกัน

     

     

    “มอนิ่งคิสนะจ้ะพี่วีจ๋า”

     

     

    จองกุกผละแล้วเอามือออก ก่อนจะพูดกับร่างบางที่ตาโตด้วยความตกใจ

     

     

    “ไอ่เด็กบ้า!!!!!!” แทฮยองตะคอกใส่

     

    “ไม่โมโหดิพี่วีจ๋า ห้ามถีบด้วย จอนแค่จูบมือตัวเองนะไม่ได้ทำอะไรพี่วีสักหน่อย”

     

    “หึ่ย แล้วนี่มาทำไมตั้งแต่เช้า วันนี้ฉันไม่มีเรียนไม่ต้องมารับ”

     

    “ลืมอีกแล้ว ก็เมื่อวานนัดกันแล้วว่าจะติดหนังสือให้จอนไงจ้ะ” ร่างสูงตอบ

     

    “ไม่ได้ลืม แต่ไม่คิดว่าจะมาเช้าขนาดนี้”

     

     

    นี้มันเพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเองครับ รีบไปไหม วันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งที แทนที่จะได้นอนตื่นสาย กับโดนเจ้าเด็กบ้านี่มากวนตั้งแต่เช้า

     

     

    “ถ้าพี่วีง่วง นอนต่อก็ได้นะจ้ะ จอนรอได้” ร่างสูงพูดจบก็ขยับตัวลงนอนข้างๆ อีกคน

     

     

    “กลับไปก่อนแล้วค่อยมาใหม่ตอนบ่าย” แทฮยองไล่

     

    “เปลืองน้ำมันอ่ะ ขี้เกียจด้วย พี่วีก็นอนไปดิ จอนจะรอข้างๆพี่วีตรงนี้แหละ”

     

     

    จองกุกพลิกตัวเปลี่ยนเป็นทางนอนตะแคง สองมือซ้อนกันเป็นหมอน นอนมองหน้าคนน่ารักที่กำลังหงุดหงิดกับการโดนปลุก

     

     

    “มาจ้องแบบนี้ใครจะไปหลับลงห้ะ!!” ร่างบางทำหน้าดุ

     

    “งั้นจอนไม่มองก็ได้” พูดจบก็หลับตาลง

     

    “เฮ้อ...นายนี่มัน... ”

     

     

    แทฮยองถอนหายใจก่อนจะมองคนตรงหน้าที่กำลังหลับตานอนอยู่ข้างเขา ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเล็กน้อย

     

    ตึกตัก... ตึกตัก....

     

    ใจเต้นทำไมเนี่ย ถ้าจอนได้ยินจะทำยังไง แค่นี้ก็เสียหน้าจะแย่แล้ว

     

                ร่างบางพยายามข่มตานอน ทันทีที่ดวงตาคู่สวยถูกปิดลง ดวงตากลมของอีกคนก็เปิดขึ้นมาจ้องมองคนน่ารักที่หลับอยู่ตรงหน้าแทน

     

              ตึกตัก.. ตึกตัก...

     

                พี่วีจะรู้ไหมว่าเวลาที่จอนได้อยู่ใกล้พี่วี หัวใจจอนเต้นแรงมากเลยนะ จอนรักพี่วีมากจริงๆ อยากให้หัวใจของพี่วีเต้นเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจของจอนจังเลยครับ

     

               

                “ไหนบอกจะไม่มองไง”

     

     

    ร่างบางเอ่ยทักทันทีที่ลืมตามาเห็นว่าอีกคนจ้องมองเขาอยู่

     

     

    “ขอโทษจ้ะ แต่จอนห้ามใจให้ไม่มองพี่วีไม่ได้จริงๆ”

     

    “เพ้อเจ้อแต่เช้า”

     

    “ไม่ได้เพ้อเจ้อ ทุกคำที่พูดไปคือความจริงนะจ้ะ”

     

    “จะแกล้งอะไรพี่อีก” แทฮยองถามจริงจัง

     

     

    วันนี้จะมาไม้ไหนอีกล่ะ เจ้าเด็กแว๊นซ์นี่มันร้าย! ผมจะเผลอไม่ได้เด็ดขาด

     

     

    “ไม่มีแผนการ ไม่มีไม้ไหนทั้งนั้นจ้ะ”

     

    “คิดว่าพี่จะเชื่อไหม เด็กอย่างนายมันร้าย จอนจองกุก”

     

    “เชื่อจอนสักครั้งแล้วยอมให้โอกาสจอนได้พิสูจน์สิ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไป และที่จอนพูดไปว่ารักพี่วีมันคือความจริง”

     

     

    ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง ปราศจากการกวนตีนใดใด

     

     

    “ถ้าพี่ให้โอกาสนาย แล้วจะมีอะไรรับประกันว่านายจะไม่ทำให้พี่เสียใจ” ร่างบางถามด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน

     

    “หัวใจของจอนไงคือหลักประกัน ถ้าวันไหนพี่วีเสียใจจอนนี่แหละจะเสียใจกว่าพี่วีร้อยพันเท่า”

     

    “เด็กอย่างนายจะมาดูและอะไรพี่ได้ ขนาดชีวิตตัวเองยังไม่รอดเลย เรียนยังให้ติดศูนย์สิบสามตัว” แทฮยองพูดต่อ

     

     

    ถ้าผมจะคบกับใครสักคน แค่คำว่ารักมันไม่พอ ผมอยากจะมั่นใจว่าเขาจะดูแลและไม่ทำให้ผมเสียใจอีก แต่กับจอน ผมไม่มั่นใจเลย เขาเองก็ยังเด็ก แถวยังซิ่งรถไปวันๆ ไม่ค่อยจะเข้าเรียนอีก มองไม่เห็นอนาคตเลยครับ

     

     

    “ให้โอกาสจอน แล้วจอนจะปรับปรุงตัว เป็นคนที่พร้อมจะดูแลพี่วีและทำให้พี่วีมั่นใจ”

     

    “....”

     

    “พี่วีลองเปิดใจให้จอนสิ พี่วีเองก็ยังไม่มีใครไม่ใช่รึไง”

    “เอ่อ..”

     

    “ให้โอกาสตัวเอง แล้วก็ให้โอกาสจอน เราลองมาคบกันดูไหมพี่วี”

     

    “พี่...”

     

    “ห้ามปฏิเสธนะพี่วี ไม่อย่างนั้นจอนจะกัดลิ้นตายคาห้องพี่แล้วเป็นผีมาหลอกพี่วี!

     

    “จอน.. เอ่อ...”

     

    “นะจ้ะพี่วีจ๋า เป็นแฟนกันนะ”

     

     

    ร่างสูงพูดก่อนจะยื่นมือไปกุมมือเรียวของแทฮยองไว้

     

     

    “เอ่อ... กะ..”

     

     

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ

     

     

    “แทแทลูก ตื่นรึยังเอ่ย แม่ทำข้าวต้มกุ้งไว้ให้นะ ชวนเพื่อนลงมากินด้วยนะลูก”

     

     

    ยังไม่ทันที่ร่างบางจะพูดจบก็ถูกเสียงเคาะประตูห้องจากแม่ของเขามาขัดจังหวะไว้ซะก่อน ทำให้ร่างบางสะดุ้งตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว

     

    “เดี๋ยวผมอาบน้ำแล้วลงไปนะครับแม่”

     

     

    แทฮยองพูดจบก็เข้าไปอาบน้ำทันที ปล่อยให้อีกคนนอนเก้อรอคำตอบอยู่บนเตียง

     

    โอ้ย เขินจนจะแดงทั้งตัวแล้วครับ ไม่ใช่แค่หน้า ให้ตายเถอะ จอนมันรุกหนักมาก หมายถึงคำถามนะครับ อย่าคิดไปไกลล่ะ! เล่นเอาผมพูดไม่ออกไปตอบไม่ถูกเลย เกิดมาไม่เคยโดนใครจีบแบบจริงจังขนาดนี้มาก่อน แทฮยองจะเขินตาย!

     

     

    “โถ่เว้ย ยังไม่ทันได้ฟังเลยว่าพี่วีจะพูดอะไร”

     

     

    ร่างสูงบ่นกับตัวเองก่อนจะนอนเล่นรอคนน่ารักอาบน้ำ สายตาก็กวาดมองไปรอบห้องของแทฮยองที่เขามาบ่อยๆ ก่อนจะไปสะดุดตากับกรอบรูปของเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนสองคน เขาจึงลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบกรอบรูปนั้นมาดูให้ชัด

     

    น้องชายพี่วีเหรอเนี่ย หน้าคล้ายกันเลย แต่บ้านนี้ก็มีพี่วีอยู่กับพ่อแม่แค่สามคน แล้วน้องพี่วีไปไหนล่ะ มาก็บ่อยถ้ามีก็ต้องเห็นบ้างสิ

     

     

    “ทำอะไรน่ะ”

     

     

    แทฮยองถามทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำ ออกมาเจออีกคนถือกรอบรูปของเขากับน้องชายไว้ในมือ

     

     

    “นี่พี่วีตอนเด็ก ถ่ายรูปกับใครเหรอจ้ะ?” จองกุกถามด้วยความสงสัย

     

    “ฮยองวอนน้องชายพี่...” ร่างบางตอบด้วยเสียงแผ่ว

     

     

    ฮยองวอน นี่มันชื่อของคนที่พี่วีละเมอถึงบ่อยๆ ที่แท้ก็เป็นน้องชายหรอกเหรอเนี่ย จอนก็หึงไปดิตั้งนาน รู้คำตอบแบบนี้ก็สบายใจแล้วครับ

     

     

    “น้องแท้ๆเลยหรอจ้ะ แล้วฮยองวอนอยู่ไหนอ่ะ เรียนโรงเรียนประจำหรอ จอนมาบ้านพี่วีออกจะบ่อยไม่เคยเห็นเลยจ้ะ”

     

    “ฮยองวอน...เขาไปแล้ว” ร่างบางพยายามกลั้นน้ำตา

     

    “ไปไหนอ่ะพี่วี”

     

    “เขาไปจากพี่แล้ว ไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง”

     

     

    ไปไหนว่ะเนี่ย ยิ่งฟังยิ่งงง ต่อไปสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน จะได้เข้าใจเวลาพี่วีพูดง่ายๆ

     

     

    “ฮยองวอนตายแล้ว ชัดเจนพอยัง”

     

     

    แทฮยองตอบก่อนที่น้ำตาจะไหลออกจากดวงตาคู่สวย ทุกครั้งที่นึกถึงน้องชาย เขาเป็นต้องร้องไห้ทุกครั้ง น้องชายที่เขารักมาก ต่อให้ฮยองวอนจากไปนานแค่ไหนเขาก็ทำใจไม่ได้จริงๆ

     

     

    “พี่วี จอนขอโทษ” ร่างสูงเดินไปกอดแทฮยองไว้

     

    “ฮึก....” เป็นอีกครั้งที่เขาร้องไห้ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้

     

    “พี่วี จอนไม่ได้ตั้งใจ จอนขอโทษนะ จะถีบจะด่าจอนก็ได้แต่อย่าร้องเลยนะจ้ะ”

     

     

    จองกุกพยายามปลอบโยนร่างบางในอ้อมกอด เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้แทฮยองต้องร้องไห้

     

     

    “พี่วีจ๋า ไม่ร้องนะ พี่วีคนเก่งของจอนต้องยิ้มสิ”

     

    “อื้อ..” ร่างบางสะอื้น

     

    “ฮยองวอนก็ต้องอยากเห็นพี่วียิ้มมากกว่าร้องไห้นะ เขาจะต้องมองดูพี่วีอยู่จากบนฟ้า เชื่อจอนนะ” มือหนาลูบหัวคนน่ารักเบาๆ

     

    “อื้ม ขอบใจนะ” ร่างบางผละออกจากออกแกร่งก่อนจะยิ้มบาง

     

    “ยิ้มแล้วน่ารักที่สุดเลยจ้ะพี่วีจ๋า”

     


    ร่างสูงยีหัวร่างบางแล้วใช้นิ้วปาดน้ำตาที่แก้มของคนตรงหน้าออกจนหมด

     


    “ฮยองวอน ต่อจากนี้ไปจอนจะดูแลพี่วีเองนะ นายไม่ต้องห่วงพี่ชายของนายนะ จอนสัญญาว่าจะดูแลพี่วีให้ดีที่สุดด้วยชีวิตของจอนเลยจ้ะ”

     

     

    จองกุกเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้านอกระเบียงห้อง ราวกับบอกให้ฮยองวอนได้รับรู้ ทำเอาร่างบางที่เห็นถึงกับหลุดยิ้มกว้างจนปากเป็นรูปหัวใจ

     

     

    “นายต้องรักษาชีวิตของตัวเองให้ดีเพื่อดูแลพี่ เข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นฮยองวอนจัดการนายแน่จอนจองกุก”

     

    “โห นี่ถ้าพี่วีเสียใจนี่จอนจะโดนใครจัดการก่อนจ้ะ พี่จิมิน ลูกพี่โฮซอก ฮยองวอน หรือตีนพี่วีเอง” ร่างสูงถาม

     

    “นายจะโดนตีนพี่ก่อน ตามด้วยจิมิน แล้วก็โฮซอก หลังจากนั้นฮยองวอนจะมาลากนายไปลงนรก” ร่างบางตอบ

     

    “นี่แสดงว่ายอมให้จอนดูแลพี่วีอย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหมจ้ะ5555555555555555555

     

    “ยัง”

     

    “อ้าว เมื่อกี้พูดเองอ่ะว่าให้รักษาชีวิตไว้ดูแลพี่วี” จองกุกทวนคำพูดของอีกคน

     

    “ยัง... ยังไม่เป็นทางการไง”

     

     

    ร่างบางตอบก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาของคนตรงหน้า

     

     

    “ก็แสดงว่าให้ยอมให้ดูแลได้แล้วใช่ไหมจ้ะ ถึงจะไม่เป็นทางการก็เถอะ”

     

    “อื้อ” แทฮยองพยักหน้า

     

    “แค่นี้จอนก็ดีใจแล้วจ้ะที่พี่วียอมใจอ่อนให้จอนมากขึ้น”

     

    “อื้ออออ” ร่างบางตอบอีกคนด้วยความเขิน

     

    “ไอ่จอนมีกำลังใจในการจีบพี่วีต่อแล้วจ้า55555555555555555555” จองกุกพูดจบก็หัวเราะลั่น

     

     

    หนทางแห่งการได้มีพี่วีเป็นแฟนอย่างเป็นทางการอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม จอนจะสู้ต่อไป กำลังใจจอนล้นแล้วครับ55555555555555555555

     

     

    “ไม่พูดด้วยแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า”

     

     

    ทันทีที่แทฮยองพูดจบก็ผละออกจากร่างสูงแล้ววิ่งออกจากห้องไป

     

     

                ฮยองวอนนายคิดว่าพี่จะไว้ใจให้เจ้าเด็กคนนี้มาดูแลหัวใจพี่ได้ไหม? พี่ควรจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนได้รึยัง?

     

     

                “หนีไปอีกแล้วพี่วี” ร่างสูงพูดก่อนจะเดินตามอีกคนที่ออกจากห้องไป

     

     

                ขอให้ผมได้เป็นคนที่คอยดูแลพี่วี และปลอบพี่ในยามที่เสียใจเถอะนะ ผมอยากจะรักษาร้อยยิ้มรูปหัวใจของพี่วีไว้ให้มันอยู่กับผมตลอดไป

     

                ผมขออนุญาตดูแลพี่ชายของนายนะ ฮยองวอน

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    [คุณหนูครับ จอนจองกุกมาหาคุณแทฮยองที่บ้านอีกแล้วครับ]

     

    “อืม ขอบใจมาก นายกลับไปทำงานที่บริษัทต่อได้แล้วล่ะนัมจุน”

     

    [ครับ แล้ววันนี้คุณหนูจะเข้าร้านไหมครับ ให้ผมไปรับไหมครับ]

     

    “ไม่ต้อง ฉันไปเองได้”

     

    [ครับคุณหนู]

     

     

    เพล้ง!!!

     

    สมาร์ทโฟนเครื่องหรูกระแทกเข้ากับโต๊ะกระจกด้วยแรงเขวี้ยงของเจ้าของมัน

     

     

    “หึ นี่น้องวีคบกับไอ่เด็กกระจอกนั่นจริงเหรอเนี่ย”

     

     

    ซอกจินพูดกับตัวเองก่อนจะหยิบสูทกับกุญแจรถแล้วเดินออกออกจากห้องไป

     

    คิดจะแข่งกับคนอย่างฉันมันยังเร็วไป เด็กกระจอกอย่างนายไม่คู่ควรกับน้องวีหรอก พี่จะทำให้น้องวีกับมันรู้ว่าใครกันที่คู่ควรและเหมาะสมกับน้องวีที่สุด

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    “แทแท เพื่อนชื่ออะไรน่ะ ไม่เคยแนะนำให้แม่รู้จักเลย”

     

    “เอ่อ นี่จอนครับแม่ เป็นรุ่นน้องน่ะครับ”

     


    ร่างบางตอบหญิงสาวผู้เป็นแม่ก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปาก

     


    “ผมชื่อจอนจองกุกครับ บ้านอยู่แถวตลาดนี่แหละครับ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” จองกุกพูดก่อนจะโค้งหัวให้พ่อกับแม่ของแทฮยอง

     

     

    ร่างบางยิ้มขำกับท่าทางและคำพูดเรียบร้อยของอีกคน

     

    พูดจาปกติ ไม่กวนตีน ไม่จ้ะจ๋าก็เป็นนี่ แต่มันไม่ชินแหะ ดูไม่เหมาะกับเด็กแว๊นซ์อย่างนายเลยนะจอนจองกุก

     

     

    “แล้วไปรู้จักกันได้ไงน่ะ” ชายผู้เป็นพ่อเอ่ยถามบ้าง

     

    “เอ่อ...” ร่างบางอึกอัก

     

    “ผมเป็นรุ่นน้องของเพื่อนที่มหาลัยพี่วีน่ะครับ พี่ผมขอช่วยให้พี่วีช่วยติวหนังสือให้ผมครับ ปีนี้ผมม.6แล้วจะต้องสอบเข้ามหาลัย” ร่างสูงตอบทันที

     

     

    ขืนบอกว่าจีบลูกชายเขาก็โดนพ่อเขายิงหัวตายคาชามข้าวต้มกุ้งพอดีครับ ผมยังไม่อยากให้มื้อนี้เป็นอาหารมื้อสุดท้ายของผมหรอกนะ ไว้พิชิตใจลูกเขาได้อย่างเป็นทางการก่อนค่อยมาขออนุญาตตามระเบียบ

     

     

    “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ดีแล้วล่ะจองกุก แทแทเขาเรียนเก่งนะ เมื่อก่อนก็คอยสอนการบ้านน้องชายตลอดเลย”

     

    “คุณ..” ชายผู้เป็นพ่อห้ามปราม

     

    “เอ่อ ข้าวต้มอร่อยจังเลยครับแม่ ผมขอเติมอีกได้ไหม” 



    แทฮยองรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะยื่นชามข้าวต้มให้แม่

     


    “เดี๋ยวแม่ไปตักให้นะแทแท”

     

    “ผมขอเติมด้วยครับ”

     

     

    จองกุกพูดก่อนจะยกชามข้าวตามแม่ของแทฮยองไปในครัว

     

     

    “จองกุกจ้ะ”

     

    “ครับคุณน้า” ร่างสูงขานรับ

     

    “เรียกแม่ก็ได้จ้ะ ทำตัวตามสบายเลยนะ ถ้าตอนนี้ลูกชายคนเล็กของแม่ยังอยู่ก็โตเท่าจองกุกนี่แหละ” 



    แม่ของแทฮยองพูดพลางตักข้าวต้มใส่ถ้วยไปด้วย

     


    “ฮยองวอนหรอครับ”

     

    “แทแทเล่าให้ฟังหรอจ้ะ”

     

    “ใช่ครับ”

     

    “ปกติแทแทจะไม่เล่าเรื่องของน้องชายให้ใครฟังเลยนะ นอกจากคนสำคัญ”

     

     

    ก็ตั้งแต่ลูกชายคนเล็กของบ้านเสียชีวิตไป ทุกคนในครอบครัวก็พยายามไม่เอ่ยถึงอีกเลย เพราะอยากให้แทฮยองทำใจได้ แต่นี่ลูกชายของเขากลับเป็นคนเล่าให้จองกุกฟังเสียเอง แสดงว่าจองกุกต้องไม่ใช่รุ่นน้องธรรมดาแน่ๆ

     

     

    “เอ่อ...” ร่างสูงอึกอัก

      

    “ไม่ต้องกลัว แม่ไม่ว่าหรอก แทแทรักใคร แม่ก็รักด้วย ถึงจะเป็นผู้ชายแม่ก็ไม่รังเกียจหรอกจ้ะ”

     

    “ขอบคุณครับ คุณน้า”

     

    “แหนะ บอกให้เรียกแม่ไง”

     

    “ครับคุณแม่”

     

     

    จองกุกโค้งหัวให้ก่อนจะรับชามข้าวต้มที่ตักเสร็จแล้วมาถือไว้

     

     

    “ฝากดูแลแทแทด้วยนะ ลูกชายแม่ผ่านเรื่องเลวร้ายมาเยอะแล้ว ช่วยทำให้แทแทมีความสุขแล้วก็ยิ้มได้ทีนะจองกุก”

     

    “ครับคุณแม่ ผมสัญญาว่าจะดูแลอย่างดีเลยครับ”

     

     

    จองกุกพูดก่อนจะยิ้มกว้างให้ จากนั้นทั้งสองก็เดินกลับไปที่โต๊ะอาหารพร้อมชามข้าวต้มร้อนๆ

               

                แม่พี่วีเปิดทางให้แบบนี้ จอนก็ดีใจสิครับ เหลือก็แต่พี่วีนั่นแหละ เมื่อไหร่จะยอมรับรักจอนสักที

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

                “ยิ้มอะไรน่ะ”

     

     

    แทฮยองถามอีกคนที่ยิ้มหน้าตาดูชื่นบานผิดปกติ ตั้งแต่กินข้าวเช้าเสร็จจนขึ้นมาติวหนังสือที่ห้องนี่ จองกุกก็เอาแต่ยิ้มอารมณ์ดีผิดปกติ

     

     

    “เปล่าจ้ะ”

     

    “เปล่าอะไร ก็เห็นอยู่”

     

    “ยิ้มให้พี่วีไงจ้ะ” ร่างสูงพูดพลางยิ้มกว้างโชว์ฟันกระต่าย

     

    “เป็นบ้าหรอ” แทฮยองถาม

     

    “เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกต่างหากจ้ะ” จองกุกตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

     

    “ท่าจะบ้าจริงๆ ไหนดูตรงข้อนี้ เหมือนที่พี่สอนไป ตอบอะไรบอกหน่อย”

     


                มือเรียวชี้ไปยังแบบฝึกหัดในหนังสือ สายตาของแทฮยองจ้องมองไปยังตัวอักษรในกระดาษ แต่สายตาของร่างสูงนั้นจับจ้องมาที่แทฮยองเพียงผู้เดียว

     

     

                “นี่ ฟังอยู่รึเปล่า ถ้าไม่ตั้งใจพี่ไม่ติวให้แล้วนะ” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาบอกอีกคน

     

     

                เจ้าเด็กนี่มัวแต่มองหน้าผมมากกว่ามองหนังสืออีกครับ ไหนบอกเครียดเรื่องติดศูนย์ ทำไมไม่ตั้งใจเลยล่ะ เอ๊ะหรือนี่เป็นแค่แผนการของจอนจองกุกครับ

     

     

                “ตั้งใจจ้ะ ตั้งใจ” จองกุกรีบก้มลงดูหนังสือตามที่อีกคนบอก

     

                “นี่ติดศูนย์สิบสามตัวจริงดิ” แทฮยองถามจริงจัง

     

                “จริงจ้ะ จอนกับการเรียนเราเป็นศัตรูกันน่ะพี่วี” จองกุกตอบ

     

                “เฮ้อ.... เรียนมาได้ไงเนี่ยจนถึงม.6 แล้วอยากเข้ามาหาลัยไหนน่ะ คิดไว้รึยัง?”

     

                “ยังเลยจ้ะ พี่วีแนะนำหน่อย”

     

                “นายชอบอะไรล่ะ?” ร่างบางถามต่อ

     

                “ชอบพี่วีไงจ้ะ”

     

                “ไอ้เด็กบ้า!! ไม่ใช่เว้ย”

     


                นี่มันจริงจังแน่เหรอครับเนี่ย ผมล่ะปวดหัวกับเจ้าเด็กคนนี้!!

     


                “ล้อเล่นจ้ะ ก็นอกจากพี่วีจอนก็ชอบซิ่งรถไง”

     

                “นายจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ไปตลอดชีวิตเลยรึไง นายยังเด็กยังมีทางเลือกที่ดีกว่านี้นะจอน อย่าคิดแค่ตอนนี้ ให้คิดไปถึงวันข้างหน้าด้วย”

     

                “อืม... มันก็จริง อ้อ มีอีกอย่างที่ชอบ จอนชอบแต่งรถ จอนซ่อมรถได้นะพี่วีจ๋า”

     

                “งั้นลองเรียนพวกวิศวะ หรือไม่ก็ออกแบบตกแต่งไหม ชอบวาดรูปรึเปล่า?”

     

                “ก็ชอบนะ ไว้จอนจะวาดรูปพี่วีให้ดู”

     

    “อื้อ ไว้จะรอนะ นี่มาดูแบบฝึกหัดข้อนี้ต่อ” แทฮยองส่งยิ้มรูปหัวใจให้อีกคน

     

    “จ้ะ พี่วีจ๋า”

     

     

    ร่างสูงยิ้มให้คนน่ารักตรงหน้าเช่นกัน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครสนใจจะถามไถ่เรื่องเรียนและอนาคตของเขาขนาดนี้เลย

     

    ยิ่งนับวันยิ่งรักพี่วีมากขึ้น ยิ่งได้รู้เรื่องราวของพี่วี ได้เห็นในมุมที่ไม่เคยเห็น ตอนนี้ผมตกหลุมรักคนตรงหน้าที่กำลังติวหนังสือให้ผมอยู่อย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้วครับ

     



    .

    .

    .

    .

    .



     TBC  



    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×