ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KrisHun 's ShortFic รวมเรื่องสั้นคริสฮุน

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] My Lovely Brother

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 829
      1
      28 ม.ค. 56

    [SF] My Lovely Brother




    ก่อง ก่อง แก๊ง แก๊ง



    ชีวิตของหนุ่มหล่ออย่างผมต้องมาเสียเวลาเข้าครัว ทำโน่นทำนี่ให้คนที่นั่งเฝ้าแต่เกมส์หน้าทีวีทาน ตั้งแต่เช้า


    "หิวยัง?"


    หูทวนลมครับ เจ้าเด็กนี่ไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผมถาม


    "นี่ กินข้าว!"


    เสียงดังกวนใจเข้าหน่อยก็หันมาเหล่ผม แล้วก็หันกลับไปสนใจสิ่งตรงหน้าต่อ จนผมเริ่มหงุดหงิดเลยเดินไปดึงปลั๊กทีวีออก

    แน่ล่ะฮะ หลังจากนี้ บ้านแตก!



    "เฮ้ย เป็นเชี่ยอะไรวะแม่ง!!!"


    เจ้าเด็กขี้หงุดหงิดโวยลั่น ผมระงับอารมณ์ไม่ให้เผลอไปต่อปากต่อคำให้ยาวเหยียด เลยผายมือไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร ให้ได้รับรู้ว่าได้เวลารับประทานอาหารแล้วครับ เมื่อเรียวตาเล็กชะโงกดูของบนโต๊ะกับพิสูจน์กลิ่นก็เลยยอมวางจอยเกมส์เพลย์ไว้อย่างไร้เยื่อใย ต่างจากเมื่อครู่ที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง = =

    หลังจากสวาปามทุกสิ่งอย่างเรียบร้อยแล้ว เจ้าหนุ่มน้อยก็รีบลุกขึ้นแต่ก็ไม่ทันผม


    "เดี๋ยว" ผมคว้าข้อมือเล็กเอา ๆ ไว้ได้ทัน

    "กินเสร็จแล้วก็ช่วยกันเก็บสิ"



    "ใครทำก็เก็บเองสิ"



    "โอเซฮุน! เก็บเดี๋ยวนี้" ผมสั่งเสียงดัง เจ้าเด็กหนุ่มจ้องตาอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมแอบเห็นน้ำตาคลอ ๆ อยู่หน่อย ๆ นิดเดียวเท่านั้น คงมาจากอารมณ์ที่เคืองผม



    เคร้ง แก๊ง


    "โอเค พอ พอ!"

    ก่อนที่ข้าวของจานชามจะเสียหายมากไปกว่านี้


    "ฉันทำเอง จะไปไหนก็ไป"



    "นี่ไล่!?"

    ผมทำหน้าเอือม


    "จะไปเล่นก็ไป"

    ผมต้องแก้ต่างซะตรงนั้นให้จบ ไม่งั้นยาวแน่ ๆ




    ผม อู๋อี้ฟาน เรียกสั้น ๆ ว่า 'คริส' ก็ได้ เป็นลูกชายคนโตของตระกูลอู๋ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการจำเป็น เพราะพ่อของผมท่านเสียไปด้วยโรคประจำตัวเมื่อหลายเดือนก่อน

    ส่วนเจ้าเด็กจอมดื้อที่นั่งกดเกมส์อย่างเอาเป็นเอาตายนั้น คือ 'โอเซฮุน' คือน้องชายต่างสายเลือดของผม
    เอาง่าย ๆ คือ พ่อของผม กับ แม่ของโอเซฮุน มาแต่งงานกัน โดยที่มีผมกับเขาเป็นลูกติดของทั้งคู่

    มันไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่หรอกครับ เพราะแม่แท้ ๆ ของผม ท่านเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก ส่วนแม่ของโอเซฮุนที่ทำหน้าที่เลขาของพ่อผมนั้น ก็เลิกรากับพ่อของโอเซฮุนไป โดยที่ต้องรับเลี้ยงดูโอเซฮุนแต่เพียงผู้เดียว

    ความเหงามันไม่เข้าใครออกใครครับ เมื่อวันนึงพ่อมาถามผมว่า....



    ผมอยากได้น้องชายสักคนไหม ถ้าพ่อมีน้องชายให้คริสสักคน คริสจะว่าอะไรพ่อหรือเปล่า?



    ผมไม่ปฏิเสธเมื่อรู้ว่า เด็กชายตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ หน้าตาใสซื่อที่ผมเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ นั้นคือน้องชายคนใหม่ของผม จนกระทั่งย่างเข้าวัยรุ่น ผมกับเขาถูกแยกห่างกัน เมื่อพ่อส่งโอเซฮุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ด้วยเหตุอะไรก็ตามผมก็ไม่อาจจะทราบได้

    แต่เท่าที่รู้ก็คือ ผมรู้สึกตกใจและโกรธพ่อมาก ที่พ่อทำให้ผมเหงาอีกครั้ง


    ผมเรียนจบแล้วทำงานสถาปัตย์ตามที่ตัวเองรักได้ไม่ถึงปี ก็โดนเรียกตัวมาดูแลบริษัทส่งออกอาหารสำเร็จรูป ธุรกิจที่พ่อเหลือทิ้งไว้ให้ตามพินัยกรรม แม้ว่ามันจะไม่ใช่กิจการใหญ่โต หากแต่ว่าผมต้องรับผิดชอบคนงานที่มีอยู่อย่างยากลำบาก ด้วยความเป็นมือใหม่ที่ยังไม่รู้จักวิธีการทำธุรกิจนัก โอเซฮุนจึงถูกเรียกตัวให้กลับมาช่วยงานผม เพียงไม่ถึงครึ่งปี บริษัทก็รุดหน้าไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    นั่นคือเวลาทำงานนะครับ แต่ถ้าอยู่บ้านล่ะก็.....



    "คริส! หนมล่ะ"



    เขาก็คือเด็กงอแงเอาแต่ใจคนนึงที่ผมต้องดูแล


    ผมยื่นจานขนมให้เขา ตาเขายังจ้องอยู่ที่หน้าทีวี เกมส์กำลังดำเนินไปอย่างเมามัน เจ้าเด็กดื้อเอียงหน้ามางับขนมที่ผมจิ้มป้อนให้

    ดูมีความสุขจังนะ ท่านรองประธาน = =


    เกือบหมดจานครับ จนกระทั่งชิ้นสุดท้าย


    "หมดแล้วนะ"


    เจ้าตัวยังไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่ ยังพยายามเอียงหน้ามารองับขนม ผมอมยิ้มอย่างขำ ๆ ก่อนพูดเบา ๆ ว่า...หมดแล้ว


    "จะกินอีก"


    "หมดแล้ว"  ผมชันเข่าขึ้นมาแล้วยกมือเท้าขมับไว้ข้างนึง ลอบมองดูเขา



    "คริส กินอีก"



    "คริ....ส..........."




    "..................................."

    ผมบอกแล้วไงว่ามันหมดแล้ว ที่เหลืออยู่คงจะค้างอยู่ที่ริมฝีปากผม ที่ผมลองชิมไปเล็กน้อยก่อนจะเดินมานั่งป้อนเขา




    :


    "เดี๋ยวคุณคริสเซ็นอันนี้แล้วก็ในแฟ้มนี้ด้วยนะคะ"

    ผมจัดการทุกอย่างตามที่คุณเลขาบอก

    "อันนี้คุณเซฮุนยังไม่ได้เซ็น คุณคริสรอก่อนนะคะ"



    "ทำไม?"



    "คุณเซฮุนบอกว่า ยังไม่อยากให้ผ่าน และจะรอคุยกับคุณคริสอีกที"


    "อ่อ ครับ"

    "คุณเซฮุนฝากให้คุณคริสโทรกลับด้วยนะคะ"


    คุณเลขาลอบยิ้ม คงจะขำผมที่ทำหน้างง ๆ มีอย่างที่ไหน รองประธานบริษัทมาสั่งท่านประธานให้โทรหา แต่ก็เอาเถอะ ขานั้น ถ้าผมไม่ทำแล้วเขาจะทำรึ??



    "ฉันเอง"



    "มีไร"

    เจ้าเด็กดื้อกรอกเสียงมาห้วน ๆ ในห้องคงจะไม่มีใครอยู่ล่ะสิ ถึงได้ทำเสียงแบบนั้นใส่ผม



    "โทรมาเช็คว่านายหลับอยู่รึเปล่า"


    "เจ้าของบริษัทว่างมากสินะ"


    "ครับ ว่าง จนอยากจะแจ้งให้ทราบว่า วันนี้แม่นายให้กลับไปทานข้าวที่บ้านใหญ่"



    "อือ"


    อือ ของเขา คือไปหรือไม่ไปกัน?

    แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าเป็นเรื่องของแม่รองแล้วล่ะก็ เจ้าตัวไม่มีทางปฏิเสธได้หรอก


    "งั้นเดี๋ยวฉันไปรับที่ห้อง"


    กริ๊ก

    เจ้าเด็กไร้มารยาทที่ผมชินไปซะแล้ว คุยกันทางโทรทีไรก็ต้องโดนตัดสายอย่างนี้ตลอด ไม่มีหรอกครับที่จะ แค่นี้นะ เท่านี้ก่อน สวัสดี

    บางทีผมก็อยากรู้เสียจริง ว่าเวลาคุยกับลูกค้า หมอนี่จะเผลอพูดแบบนี้ออกมามั่งหรือเปล่า



    ก๊อก ก๊อก


    ผมเคาะประตูตามมารยาทที่ถึงมี เพราะถ้าไม่เคาะ เซฮุนก็จะโวยวายใส่ผม ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นเจ้าของทุกพื้นที่ทุกตารางนิ้วในตึกนี้ = =


    "ครับผม ผมจะเร่งให้นะครับ"


    บางทีเจ้าเด็กดื้อจะโตก็แค่ช่วงเวลาที่ใส่สูททำงานเท่านั้น



    "ถ้าเป็นคุณคิมจงอิน ผมยินดีเสมอครับ"



    กึก


    เด็กบ้านี่รู้จักทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่คนอื่นด้วยหรือ? ผมหน้าตึง ก่อนจะเดินไปนั่งบนโต๊ะอย่างถือวิสาสะ
    เจ้าเซฮุนถึงกับมองค้อนผม ผมแกล้งทำไปงั้น เพราะรู้ว่าหมอนี่ไม่ชอบที่จะให้ใครมานั่งบนโต๊ะทำงาน

    แต่นั่นก็ทำให้น้องชายต่างสายเลือดรีบจบสนทนากับบุคคลที่ชื่อ คิมจงอิน ในทันที


    "ไม่มีมารยาท"

    ผมไม่สนใจ ทำเป็นหูทวนลมอย่างที่เขาชอบทำ


    "กลับได้ล่ะ"

    เขาก็ต่อต้านผมเหมือนเคย ผมแกล้งทำเป็นรอเขาสักครู่จนต้องออกปากเรียกอีกครั้ง


    "โอเซฮุน"


    "..........."

    โอเค จะเล่นกับผมแบบนั้นก็ได้


    "ฮัลโหล แม่รองเหรอครับ"



    ควับ!


    "แม่ แม่รอหน่อยนะ ผมเพิ่งเลิกงาน"

    ก่อนจะพูดอะไรต่ออีกสองสามคำ เจ้าเด็กดื้อก็โยนมือถือราคาแพงของผมลงบนโต๊ะทำงานมันอย่างไม่ใยดี = = เจ้าเด็กบ้า เอาแต่ใจชะมัด



    "เดี๋ยว!"


    โอเซฮุนหันมามองผมก่อนจะขมวดคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

    ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง ถือโอกาสดึงตัวเขาจนแทบจะปลิวเข้าแผงอกของผม



    ริมฝีปากของเราเบียดกันอยู่พักหนึ่ง ถือว่าเป็นการสั่งสอนให้คนที่ดื้อกับผมให้เพลา ๆ ฤทธิ์ลงบ้าง หมอนั่นคงแค้นผมที่ไม่ปล่อยให้เขาหายใจ


    "โอ๊ย"


    เจ้าตัวแสบกัดที่ริมฝีปากล่างของผม ก่อนจะใช้ขายาว ๆ เตะเข้าที่หน้าแข้ง ผมถึงกับเต้นเหย่ง ๆ เลยทีเดียว
    ว่าจะเขกหัวสักหน่อยแต่คนทำมันปิดประตูใส่หน้าแล้ววิ่งหนีออกไปข้างนอกเรียบร้อยแล้ว

    ถ้าเดาไม่ผิด นอกจากจะปากแดงช้ำแล้ว ผมว่าผมแอบเห้นแก้มแดง ๆ ของโอเซฮุนด้วยนะ ถ้าตาไม่ฝาดจนเกินไป ^ ^






    "ทานเยอะ ๆ นะคริส"



    "ครับ อาหารแม่รองยังอร่อยเหมือนเดิม"


    "แหวะ"

    เสียงขัดผมเบา ๆ แต่ก็พอจะได้ยิน ผมลอบยิ้มเมื่อเห็นสายตาของแม่รองดุเจ้าตัวแสบ

    ผมกับแม่รองเราเข้ากันได้ดี ทำให้ผมได้ใจชอบที่จะลักพาตัวลูกชายของท่านไปที่คอนโดผมบ่อย ๆ นอกจากจะใกล้ที่ทำงานแล้ว ยังใกล้ที่เรียนของโอเซฮุนอีกด้วย ผมเคยบอกไปแล้วว่า เซฮุนน้องชายต่างสายเลือดของผมถูกเรียกตัวกลับมาจากอเมริกา ก่อนที่เขาจะเรียนจบซะด้วยซ้ำ เขาจึงต้องกลับมาเรียนต่อบริหารภาคพิเศษที่นี่

    แน่นอนว่าความพิเศษระหว่างผมกับโอเซฮุนนั้น ผมได้เล่าให้แม่รองฟังในทุก ๆ เรื่อง ผมเอ่ยขอเรื่องให้เซฮุนไปอยู่กับผม ผมรักษาสัญญาว่าจะดูแลน้องให้ดี และจะไม่ทำให้แม่รองต้องกังวล


    จะว่าไปคนที่เป็นแม่ ควรจะกังวลเรื่องแบบนี้ แต่คงไม่ใช่คนในบ้านตระกูลอู๋


    "คริส แล้วเรื่องนั้น ได้คิดบ้างหรือยัง?"

    ผมชะงัก ไม่คิดว่าแม่รองจะพูดต่อหน้าโอเซฮุน



    "อิ่มแล้ว"

    เจ้าเด็กดื้อวางช้อนแล้วก็ลุกไปนั่งด้านนอก ผมอมยิ้มให้แม่รอง




    "ผมยังไม่ได้บอกเขา"




    "นี่ แล้วเมื่อไหร่หนูจะบอกน้องล่ะลูก" แม่รองท่านเอ็นดูผมเหมือนลูกของท่าน ท่านก็ดูแลผมและเอ็นดูผมเหมือนลูกของท่านอีกคนนึง ยิ่งตอนที่เซฮุนไม่อยู่ ผมยิ่งเหมือนลูกรัก พ่อทำอะไรผมไม่ได้เลย เพราะมีแม่รองนี่แหละที่คอยเข้าข้างและปกป้องผมเสมอ ๆ

    นั่นทำให้ผมกับแม่รองสนิทกันมาก แม้ว่าเราจะไม่ใช่แม่ลูกกันโดยสายเลือดก็ตาม


    "ปล่อยให้เนิ่นนานเข้า เดี๋ยวคริสจะพูดลำบากนะ"


    ผมยิ้มและคิดตาม เรื่องราวมันก็มีอยู่ตรงที่ผมกับเซฮุน ถูกกำหนดไว้ในพินัยกรรมแล้วว่าให้เป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน หากแต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่ง ที่ผมรับทราบแล้วยังอึ้งอยู่เล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าพ่อจะบันทึกสิ่งนั้นลงไปจริง ๆ


    'ไม่ ผมไม่หมั้น ผมจะไม่แต่งงานกับใคร'


    'ไม่ได้ แล้วอย่างนี้จะให้พ่อเอาหน้าไว้ที่ไหน เพื่อนพ่อก็สนิทกันมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ แล้วพ่อก็พูดคุยเรื่องนี้กันไว้มานานแล้ว'



    '...............'



    'นะ คริสช่วยพ่อหน่อยเถอะ ถึงเวลาอยู่ ๆ ไป ก็รักกันเองแหละ'




    ด้วยความที่วันนั้นผมไม่ได้พูดอะไรออกมา เลยกลายเป็นสาเหตุให้โอเซฮุนถูกส่งไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างไม่มีกำหนดกลับ

    คนที่ทราบสาเหตุเป็นอย่างดี ก็คงจะเป็นแม่รอง



    'แม่รู้ว่าลูกของแม่คิดอะไร และลูกคิดอะไร ก่อนพ่อของหนูจะสิ้นใจ ท่านได้ตกลงทำตามในสิ่งที่ลูกต้องการ ถ้าหัวใจของลูกยังเหมือนเดิม ทุกอย่างก็จะเป็นตามนั้น'


    แม่รองพูดกับผม หลังจากผมไม่เข้าใจในเรื่องพินัยกรรมที่พ่อเขียนไว้ว่า ให้ผมแต่งงานกับโอเซฮุน ให้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อสร้างมันขึ้นมานร่วมกัน ไม่ให้มันสูญหายไปไหน.....

    ผมสารภาพกับแม่รองไปว่า ผมไม่คิดจะแต่งงานกับใคร เพราะหัวใจผมอยู่กับใครคนนึงไปแล้ว หากแต่ใครคนนั้นไม่เคยได้อยู่ฟัง กลับเอาแต่หนี ไม่ยอมพบ ไม่ยอมเจอหน้า ไม่ยอมกลับมาหาผม ทั้ง ๆ ที่ผมคิดถึงเขาใจจะขาด.....


    "ผมยังไม่มีโอกาส ทุกวันนี้แม่รองก็ทราบว่าลูกแม่รองดื้อขนาดไหน"



    "แล้วคริสไม่คิดจะอธิบายให้น้องเลิกเข้าใจผิดเหรอลูก"

    แม่รองลุกขึ้นมายืนลูบหัวผมด้วยมืออวบ ๆ ที่ถ่ายทอดความรักความเอ็นดูลงมาอย่างเต็มเปี่ยม



    "ช่างเถอะครับ บางที เซฮุนอาจจะอยากจะใช้เวลาในการตัดสินใจมากกว่านี้ ผมไม่อยากบังคับหรือให้เราต้องเดินตามที่ผู้ใหญ่ขีดเส้นไว้ครับ แม่รองไม่โกรธผมนะ"



    "แม่เข้าใจลูกจ้ะ"


    ผมอยากให้เราอยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกของหัวใจของเราเอง


    "แม่รู้ว่าน้องไม่เคยมีใคร..."




    "ครับ"




    "ใครลูกแม่กันแน่เนี่ย?" เสียงเจ้าตัวดีเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นผมโอบกอดแม่ของตัวเอง สีหน้าที่หมั่นไส้ทำให้ผมอยากจะหอมแก้มแม่รองอีกสักครั้ง


    "งั้นผมกลับแล้วนะครับ อาทิตย์หน้าผมจะแวะมาอีกครับ"


    "เซฮุน...มานี่ซิ"



    "ถ้าจะพูดว่าอย่าดื้อกับพี่อีกล่ะก็ ผมเบื่อจะฟังแล้วนะ"

    แม้ว่าเจ้าเด็กดื้อจะพูดอย่างนั้น แต่ก็ยังเดินทำหน้ายุ่งเข้ามาให้แม่ตัวเองกอด ผมเองก็อดเอ็นดูไม่ได้เลย ผมยิ้มให้เซฮุนแต่กลับไม่ได้รับยิ้มตอบ

    เจ้าเด็กดื้อแลบลิ้นใส่ผม คอยดูเถอะ กลับบ้านไปจะกัดให้น่าดูเลย


    "แล้วมาอีกนะลูก"



    "ฮะ จะให้ตัวแถมพามา"

    เซฮุนเน้นคำว่า 'ตัวแถม' ชัดเจน ไม่รู้ซะแล้วว่าใครลูกรักใครกันแน่ ผมแอบขยิบตาให้เจ้าตัวแสบ



    หลังกลับออกมาจากบ้านใหญ่ ผมขับรถตรงมาที่คอนโดหรู แรก ๆ ที่โอเซฮุนกลับมาจากอเมริกา เขาไม่ยอมแม้แต่จะเจอหน้าผม จนผมต้องใช้ความพยายามอยู่หลายครั้ง แกมบีบบังคับให้เขามาอยู่กับผมที่นี่ ผมอ้างว่าเพื่อให้เขาเรียนรู้งานได้เร็วขึ้น หากว่ายังไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านใหญ่กับบริษัท ก็จะเสียเวลาเปล่า ๆ

    ผมออกแบบภายในห้องหรูด้วยตัวของผมเอง จากความรักความชอบในวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา ผมจัดสรรพื้นที่ไว้เพียงพอที่จะพาใครเข้ามาอาศัยอยู่ได้อย่างลงตัว หลังจากที่เจ้าเด็กดื้อยอมมาดู และเห็นว่าเขาจะมีพื้นที่ส่วนตัว เขาจึงยอม

    แค่นั้นก็ดีที่สุดแล้วสำหรับผม ^ ^


    แค่ให้เขาอยู่ในสายตา



    "พรุ่งนี้บ่ายต้องไปคุยงานที่บริษัทลูกค้า ช่วงบ่ายนะ" ผมบอกกำหนดการ

    "ไม่ว่าง นัดคุยงานกับคุณไค"

    เซฮุนแจ้งเรียบ ๆ โปรเจคนี้ที่เซฮุนยังไม่ลงลายมือชื่อเพื่อให้ผมอนุมัติ เพราะยังเคลียร์กันไม่ลงตัวกับตระกูลคิมเจ้าของโปรเจค ผมหน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย ผมไม่ค่อยถูกชะตากับเจ้าคิมจงไคอะไรนี่สักเท่าไหร่ ดูจากสายตาที่มันมองเซฮุนแล้วผมรับรู้ได้ถึงความอยากได้.....และอยากเอาชนะ (คิดไปเองป่าว??)


    "ทำไมไม่ปิด ๆ ไปซะที"


    "จะขอลดเงินลงทุน"

    "เท่าที่ต้องจ่ายก็คุ้มพอแล้วไม่ใช่เหรอ" ผมเอี้ยวตัวไปคุย อยากจะรู้นักว่าจะยืดเยื้อคุยเรื่องโปรเจคนี้ไม่ถึงเมื่อไหร่


    "ก็จะเอาให้ลดลงอีก!" เจ้าเด็กดื้อหันมาส่งเสียงดังใส่ผม ผมเลยอดที่จะแขวะไม่ได้



    "กลัวจะหมดเรื่องคุยเร็วหรือไง หือ? กลัวจะไม่มีเวลานัดแนะไปตกลงกันหรือไง?"



    "พูดไรน่ะ?"

    เซฮุนหันมาจะเอาเรื่องผม ผมหมั่นไส้เลยจับที่ไหล่ของเขาและขืนให้เขาเปิดปากรับจูบของผม แน่นอนว่าเขาไม่เคยจะยอมหรอก



    "ทำบ้าอะไร ปล่อยนะเฟ้ย"


    "ปะ..ปล่อย ไอ้......."


    ผมไม่เปิดทางให้เขาด่าผมหรอก ผมรู้ว่ามันเป็นการรังแกน้อง แต่ผมก็อดใจไว้ไม่เคยอยู่ เมื่อคนที่แสนรั้นอย่างโอเซฮุนจะต้องถูกปราบด้วยวิธีนี้เท่านั้น


    เพียะ!


    "นายมันแย่ เอาแต่ใช้กำลัง!"

    ได้ข่าวว่าคนที่ตบผมน่ะ มันเขาไม่ใช่หรือไง!?



    ผมนั่งหงุดหงิดอยู่ในรถพักใหญ่ จึงเดินกลับขึ้นห้อง เปิดประตูเข้ามาก็ไม่เห็นเซฮุนแล้ว คงจะเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องล่ะมั้ง เราสองคนเป็นอย่างนี้กันบ่อย ๆ แหละครับ อาจจะเป็นเพราะผมเองที่ขี้หงุดหงิดจนเกินไป


    ก็ผมหวงของผมนี่ครับ....




    วันหยุดผมไม่ได้ออกไปข้างนอก แถมอาทิตย์นี้ก็ไม่ได้หอบงานกลับมาทำ ผมเลยมีเวลาเข้าครัว ทำอาหารที่ผมชอบ ไม่สิ ส่วนมากจะเป็นอาหารที่เซฮุนชอบมากกว่า

    เขาไม่คุยกับผมทั้งวัน ตั้งแต่มีเรื่องเมื่อคืนก่อน รวมไปถึงเมื่อวานผมก็ออกโรงตามไปส่งที่นัดหมายของเซฮุนกับคิมจงอิน ลูกค้ากิตติมศักดิ์ของเจ้าตัวแสบนั่นแหละ ขนาดว่าผมกำชับแล้วว่าให้คุยเร็ว ๆ หมอนั่นยังปล่อยให้ผมรอตั้ง 2 ชม. แถมยังไม่พูดอะไรกับผมสักคำ ผมไม่อยากขัดใจเขาเท่าไหร่เพราะเห็นว่าเขาตะล่อมจนคิมจงอินยอมที่จะตกลงเซ็นสัญญาโปรเจคใหญ่กับบริษัทผม ในราคาที่เซฮุนต่อรองไปจนสำเร็จ

    ผมได้แต่ขอบคุณเขาเงียบ ๆ ด้วยจูบราตรีสวัสดิ์ที่เขาไม่ค่อยจะเต็มใจนัก



    ก๊อก ก๊อก


    "กินข้าวได้แล้ว"

    ผมไปเคาะประตูห้องนอนเขา แต่กลับเงียบ


    "โอเซฮุน"


    ผมคิดว่าเขาคงได้ยิน หากแต่ 3 ชม.ผ่านไปแล้ว เขาก็ยังไม่ออกมาจากห้อง ผมได้แต่ทำหน้าเรียบตึง อุตส่าห์ทำอาหารที่ชอบไว้ให้ตั้งหลายอย่างแต่กลับไม่สนใจใยดี

    5 ทุ่มแล้ว ทุกอย่างยังวางอยู่เหมือนเดิม ผมเดินไปที่หน้าประตูแล้วเอาหูแนบเพื่อฟังเสียงด้านในก็แอบได้ยินเสียงเกมส์ในคอมดังอยู่แว่ว ๆ


    "เซฮุน!"

    ผมพยายามเรียกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แว่วว่าเขาจะตอบ


    โอเค ถ้าอยากเล่นสงครามเย็นกับผมล่ะก็นะ

    ดีล!


    ผมตัดสินใจเททุกอย่างทิ้ง
    ไม่ต้องกงไม่ต้องกินก็แล้วกัน!




    ปึง!


    เสียงปิดประตูด้านที่นั่งข้างคนขับไม่แรงนัก แต่ผมกลับสตาร์ทรถแล้วกระชากอย่างแรง โดยที่เหยียบคันเร่งจนมิด เซฮุนไม่ได้เอ่ยอะไรตลอดทางจนถึงบริษัทในเช้าวันถัดมา ผมก็ไม่ได้พูดอะไรหรือแม้กระทั่งมองหน้า ถึงมันจะแปลกไปจากปกติที่ดูเหมือนเซฮุนกำลังรอให้ผมพูด หรือทำอะไรอย่างที่ทำเป็นประจำทุก ๆ ครั้ง

    หากแต่ผมเพิกเฉยจนเขาหันหน้ามามอง


    "ก็ดี"

    เขาพูดแค่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บไปทั้งอก เขาเปิดประตูรถออกไปแล้ว ผมขาดทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันนี้ที่ไม่ได้จูบริมฝีปากบาง ๆ ผมอยากจะทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันไม่ได้ส่งผลให้ผมรู้สึกพ่ายแพ้ต่อเขาแต่อย่างใด




    แต่.....


    ไม่จริงหรอกครับ ผมโกหก U_U



    ผมเปิดประตูเข้ามาที่ห้องรองประธาน ก่อนจะเดินไปที่เก้าอี้หลังโต๊ะตัวใหญ่ คนที่นั่งอยู่เสมองเอกสารอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนผมต้องหันเก้าอี้มาทางผม แล้ววางมือทั้งสองข้างเท้าไว้ที่พนักพิง


    ".................."


    ผมถือโอกาสโน้มหน้าเข้าไปหาตอนที่เขาทำเป็นเผลอไม่มองหน้า แปลกที่ไม่ปัดป้องเหมือนอย่างเคย ๆ ผมเลยได้ใจ

    ยืนจูบน้องชายสุดที่รักอยู่อย่างนั้น



    "เติมพลังหน่อย"


    ผมพูดขณะที่ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ของเซฮุน แล้วเขาก็ค้อนผมเข้าให้ ผมเลยกดจูบที่หน้าผากลงไปเบา ๆ ก่อนจะออกจากห้อง และเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานผม ก็เห็นคุณเลขาผมยืนยิ้มรออยู่แล้ว


    "วันนี้มีเรื่องง้อท่านรองนานจังนะคะ"


    ผมค้อนพี่เลขา จะรู้มากขึ้นทุกวันแล้วล่ะครับคน ๆ นี้ = =

    ผมไม่ได้โต้ตอบอะไร ผมไม่มีความลับอะไรจะปิดบัง ยังไงสักวันพี่เขาก็ต้องรู้เรื่องพวกเราอยู่แล้ว อีกอย่างพี่เขาก็ทำงานกับคุณพ่อมานาน ผมเลยไว้ใจเขาในทุก ๆ เรื่อง




    "มีนัดลูกค้า"

    พอผมยกหู เสียงเจ้าเด็กดื้อก็กรอกมาตามสาย


    "ใคร?"


    "ไค"


    "อย่ากวนได้ไหม?"




    "ไปกับไค คิมจงอิน"


    เซฮุนพูดชัด ๆ ให้ผมได้ยิน แล้วก็วางหูไปเลย ผมยังไม่ทันได้ถามไถ่อะไรที่ไหนยังไงเลย ผมไล่เบี้ยเอากับพี่เลขา ซึ่งเขาจะรู้เรื่องทุกอย่างผู้บริหารทั้งหมดอยู่แล้ว


    "ที่ไหนนะ? ครับ ขอบคุณ"

    ผมได้เรื่องแล้วก็รีบทำงานส่วนที่เหลือในช่วงบ่ายทั้งหมด แล้วก็รีบไปดักที่ห้องเจ้าเด็กดื้อตั้งแต่ยังไม่บ่ายสาม



    "มาทำไม?"

    เจ้าตัวเล็กแหวขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าผม


    "เลิกงานแล้วไง" ผมตอบไป


    "ไม่ได้ให้ไปนะ จะไปเอง"


    "ทำไม? ไปด้วยไม่ได้?"


    "ยุ่งไม่เข้าเรื่อง"




    "บอกไปเลยนะ ฉันเป็นเจ้าของบริษัทที่นี่ ไม่ว่าหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิลากลูกน้องของฉันไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ"




    ".........." โอเซฮุนจ้องตาผม แล้วก็ก้มลงเตรียมเอกสารเข้าแฟ้มอย่างไม่ใส่ใจ จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานจริง ๆ



    "ไปรถฉัน" ผมพูดแกมสั่ง


    "ไม่ ฉันให้คุณไคมารับ"

    "เดี๋ยวนี้สนิทสนมกันจนเรียกชื่อเล่นแล้วเหรอ หืม?" ผมจับที่แขนเล็ก ๆ ของเจ้าคนเล็ก เขาพยายามสะบัดออก สงสัยจะมีสงครามย่อย ๆ เกิดขึ้นก่อนจะออกไปทำงานแน่


    "คุณไคอนุญาต"

    ผมมองเขาอย่างไม่พอใจก่อนจะบ่นผมต่อยาวยืด

    "แล้วเป็นอะไร นี่มันงานนะ ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่ได้"



    "โอเซฮุน" ผมเรียกอย่างที่เตือนเขากลาย ๆ ว่าทำไมผมต้องทำแบบนั้น



    "ก็เป็นแค่ลูกน้อง....."

    ผมได้ยินเขาบ่นก่อนจะเดินไปที่ประตู ผมกระชากเขาไว้จนหลังเขาชนผม ก่อนจะพลิกให้ตัวเขาหันมาเผชิญหน้า


    ผมก้มลงจูบเขาเบา ๆ ตั้งใจเพียงแค่นั้น แต่เซฮุนกลับขัดขืนเพราะตกใจ ผมเลยดันเขาจนติดผนังแล้วจูบเขาอย่างไม่ยั้ง



    "อื้อ ปล่อย....คริส ปล่อย"

    ผมซุกไซ้ที่ซอกคอของเขาก่อนจะขบเม้มให้เกิดรอย แน่นอนว่าเป็นรอยที่ผมตั้งใจทำให้มันเด่นชัดบนผิวขาว ๆ ของเขา


    "เชี่ย ปล่อยว้อย!"


    ผมกระตุกยิ้ม ก่อนคุณเลขาจะเคาะประตูห้อง เซฮุนจัดเสื้อผ้าที่เกิดรอยย่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยอนุญาตให้คนข้างนอกเข้ามา



    "เอ่อ คุณทั้งสองมีแขกค่ะ"





    เป็นการรับประทานอาหารร่วมกันที่ไม่ค่อยจะเอ็นจอยอีทติ้งเท่าไหร่


    แขกที่ว่าคือ บยอนแพคฮยอน ลูกชายนักธุรกิจชื่อดังที่เป็นเพื่อนเก่าของพ่อผมเอง แต่ผมเพิ่งเคยเจอและคุ้นเคยกันตอนไปติดต่องานที่ต่างประเทศเมื่อหลายปีก่อน หลังจากกลับมาก็สนิทกันเป็นเพื่อนเที่ยวพักหนึ่งก่อนแพคฮยอนจะเดินทางไปดูงานที่อื่น และไม่ยากที่แพคฮยอนจะไม่คุ้นกับ คิมจงอิน ลูกชายนักธุรกิจชื่อดังเช่นกัน

    เพียงแต่มันก็เป็นเรื่องบังเอิญที่เขาทั้งคู่มาพบผมและเซฮุนพร้อมกัน


    'คริส ให้น้องไปกับไคเถอะ เดี๋ยวแบคไปกับคริสเอง'


    หงุดหงิดตั้งแต่ออกจากบริษัทแล้ว เมื่อผมไม่ได้เป็นฝ่ายจัดการและผมก็ปฏิเสธหมอนี่ไม่ได้ซะด้วย เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ก็เพราะเขาคือคนที่พ่อหมายมั่นให้ผมแต่งงานด้วยน่ะสิ U_U


    'น้องนายนี่ไม่ค่อยชอบฉันเหรอ เจอกันทีไรไม่เห็นจะเคยทักเลย'

    แพคฮยอนเอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่ในรถผม


    'เขาก็เป็นแบบนั้นแหละ' ผมไม่ได้สนใจจะต่อความยาว ตอนนี้ใจผมมุ่งไปที่ร้านอาหารให้เร็วที่สุดเท่านั้น



    บนโต๊ะอาหารก็ช่างเป็นใจให้ผมไม่ได้สนใจแพคฮยอนเท่าที่ควร ก็ผมเอาแต่จ้องพ่อหนุ่มคิมไคที่คอยเทคแคร์ดูแลน้องผมเป็นอย่างดี ไอ้ที่ผมทำให้เขาอยู่ทุกวัน ๆ มันไม่ได้ทำให้เขาประทับใจเหมือนอย่างที่หมอนั่นมันเอาใจเลยหรือไง? ผมถึงไม่เคยได้รอยยิ้มหวาน ๆ นั่นแทนคำขอบคุณบ้าง......


    "ดูเหมือนคุณคริสจะไม่ค่อยชอบอาหารร้านนี้"

    คิมจงอินผายมือถามผมด้วยทีท่าที่ดูเต๊ะจุ๊ยยังไงก็ไม่รู้ในสายตาผม (จริง ๆ ท่าทางของไคก็ปกติอ่ะนะ)


    "มันเลี่ยนน่ะครับ"

    ผมตอบไปเรียบ ๆ ก่อนจะจ้องเซฮุนที่ไม่ยอมสบตาผมตั้งแต่มานั่งบนโต๊ะนี้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร กลับเอาแต่คุยเรื่องโน่นนี่นั่นกับคิมจงอิน


    "คริสชอบอันนี้ไม่ใช่เหรอ?" แพคฮยอนตักอาหารให้ผม ก่อนจะคะยั้นคะยอให้ผมทานด้วยการยื่นช้อนมาจ่อที่ปาก จังหวะนั่นแหละที่เซฮุนเหลือบขึ้นมามองเล็กน้อย

    ผมอ้าปากรับอาหารในช้อนแต่สายตาจ้องหน้าคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนจะหันมามองหน้าแพคฮยอน


    "นายนี่น่ารักจัง รู้ว่าฉันชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร"

    ผมตั้งใจพูดว่ากระทบเซฮุน ผมไม่ชอบที่เด็กดื้อชอบทำอะไรขัดใจผมอยู่เรื่อย เขาอยากจะเอาชนะผมสินะ

    "ฉันเป็นเพื่อนนายมาตั้งนานแล้วนะ พ่อแม่เราก็เพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วนิ" แพคฮยอนเอ่ยสิ่งที่ไม่ได้คิดว่าจะกวนตะกอนในใจใครขึ้นมา ผมเหลือบมองเซฮุน เด็กนั่นไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร ผมเลยคิดว่าคงจะไม่เป็นไรมั้ง



    "แล้วจะกลับกันยังไงครับ ให้ผมไปส่งคุณ?" คิมจงอินตั้งท่าจะเป็นสุภาพบุรุษเต็มที่ แต่โดนผมขัดไว้ก่อน


    "ผมกับน้องชายอยู่บ้านเดียวกัน คงไม่ต้องรบกวนคุณลูกค้าหรอกมั้งครับ"


    เซฮุนทำหน้าบึ้งขึ้นมาทันทีกับคำพูดของผม


    "นายก็ไปส่งคุณแพคฮยอนสิ ฉันจะได้กลับบ้านเลย" เจ้าเด็กดื้อเอ่ยออกมา

    "ไม่ต้อง ก็ไปส่งแพคฮยอนมันด้วยกันนี่แหละ"

    ผมสั่งเสียงเข้มต่อหน้าต่อตาคนนอกครอบครัว



    "เอ่อ งั้นผมขออนุญาตไปส่งคุณแพคฮยอนเองก็ได้ครับ ไว้ผมจะติดต่อเซฮุนอีกทีนะครับ"

    คิมจงอินหันมาโค้งให้ผมทีนึง ก่อนจะผายมือเชิญแพคฮยอนไปทีรถของตัวเอง เพื่อนตัวเล็กของผมหันมาโบกมือน้อย ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ ว่า "ไปนะ"



    "หวงรึไง"

    เสียงเซฮุนดังเบา ๆ แต่ก็ทำให้ผมละสายตาจากแผ่นหลังจากพวกเขาทั้งสอง


    "ใช่ หวง หวงมากซะด้วย!"

    ผมพูดใส่หน้าเซฮุนอย่างที่ผมรู้สึก.............กับเขา


    เจ้าเด็กน้อยค้อนใส่ผม แล้วรีบเดินขึ้นรถไปอย่างอารมณ์เสียเช่นกัน ผมไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่ผมควรจะโกรธเขามากกว่านะ คิดแล้วก็หัวเสียเปล่า ๆ ผมเลยรีบพาเขากลับบ้าน


    เมื่อมาถึงคอนโดได้สักพัก หลังจากผมเข้าห้องไปทำธุระส่วนตัว แล้วค่ำ ๆ หน่อยจึงออกมา เห็นน้องชายจอมดื้อนั่งเล่นเกมส์อยู่หน้าทีวี ก็ดีเหมือนกันที่ผมไม่ใจอ่อนซื้อทีวีให้เขาเอาไว้ในห้อง ไม่อย่างนั้น ถ้าหมอนี่ไม่พอใจอะไรก็คงไม่มีทางออกมาปรากฎตัวให้ผมเห็นแน่ ๆ นอกจากเขาจะโกรธผมจริง ๆ ถึงจะยอมเล่นเกมส์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในห้อง

    สงครามเย็นย่อย ๆ ก็ก่อกำเนิดขึ้นอีก ผมปอกผลไม้ใส่ตู้ไว้ ก่อนจะนำมันออกมาให้เขาที่หน้าทีวีนั่น แต่เขากลับทำเมินไม่สนใจใยดีทั้ง ๆ ที่มันเป็นของชอบของเขา


    "เอา อ้าปากสิ"

    ผมเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ได้เอง ต้องยอมตามใจเขาด้วยการจิ้มแก้วมังกรของโปรดของเขาไปจ่อไว้ข้าง ๆ แก้ม

    เซฮุนหันมามองนิดนึงก่อนจะหันกลับไป


    "จะกินไม่กิน"

    ผมถาม แต่เขากลับไม่สนใจ นี่ขนาดผมยอมขนาดนี้แล้วนะ จะนิ่งไปถึงไหน

    ผมลุกขึ้นแล้วนั่งลงตรงหน้า บังทีวีขนาด 60" ที่เต็มไปด้วยภาพกราฟฟิคจากเกมส์ต่อสู้เวอร์ชั่นโปรดของเขา


    "อ้าปาก"

    เขายังพยายามชะเง้อมองผ่านไหล่ผมไปอย่างไม่สนใจว่าผมจะมีตัวตนอยู่ต่อหน้าเขาหรือไม่



    "โอเซฮุน!"

    ผมเริ่มระงับความโกรธของตัวเองไม่อยู่เช่นกัน


    "ถ้าไม่กินฉันจะเอาไปโยนทิ้ง"


    "...ไม่กิน"


    เสียงเขาพูดเบามาก จนผมต้องหันมาจ้องเขาอีกครั้ง แต่เขาเสมองไปทางอื่น

    แปลกน่าที่เขาปฏิเสธผลไม้อย่างแก้วมังกรที่เขาชอบ



    "โอเค โกรธอะไรก็พูดมา"


    "........"



    "ฉันถาม นายต้องตอบ" ผมจับไหล่เขาไว้สองข้าง เขาพยายามสะบัดให้หลุดทั้ง ๆ ที่ไม่มีทางหรอก

    จนกระทั่งเราสองคนล้มเอนลงบนเบาะด้วยกันทั้งคู่ ริมฝีปากผมกำลังจะก้มลงประกบริมฝีปากบาง แต่เขากลับหันหน้าเบือนหนีไป


    "เซฮุน...."

    ผมเรียกชื่อเขาเบา ๆ ในขณะที่ผมก็แอบเห็นว่าเขามีหยดน้ำตาเอ่ออยู่ในแววตาว่างเปล่า


    "เห?"

    ผมทักอย่างประหลาดใจ ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรลงไปสักหน่อย ทำไมเขาถึงต้องร้องไห้เชียวหรือ?


    "หันหน้ามาคุยกับพี่ก่อน"

    นาน ๆ ผมจะแทนสถานะที่แท้จริงกับเขา ในยามที่ผมอยากจะโอ๋เขาในยามที่ดูเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเอ่ยเรียกผมแบบนั้นก็ตามที



    ".............."




    ผมจับเขาลุกขึ้นนั่ง แล้วเกลี่ยน้ำตาที่กำลังหยดลงมาที่แก้ม


    "คนนั้นใช่มั้ย?"

    เขาถามผมเบา ๆ ผมขมวดคิ้วแปลกใจเล็กน้อย



    "เขาใช่ไหม?....บอกมาสิ"

    เซฮุนจ้องตาผม เหมือนจะบังคับให้ผมพูดความจริง

    นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจเซฮุนตลอดมาสินะ


    ผมลูบหัวเขาอย่างเบามือ แล้วประคองใบหน้าเขาไว้



    "...อืม"

    ผมตอบกลับไปเบา ๆ เขาสะบัดหัวให้หลุดจากอุ้งมือของผม


    "เซฮุน?"


    "ไม่ต้องมาจับ" เขาปัดมือ แต่ผมก็พยายามรวบตัวเขาเข้ามากอดเอาไว้แนบอก




    "อย่ามาทำใจดีหน่อยเลย จะเสียนิสัยเอาเปล่า ๆ"

    เขาพูดงุ้งงิ้งในอ้อมแขนผม ผมกอดเขาแน่นแฝงไปด้วยความดีใจ ที่เขาพูดแบบนี้แสดงว่าเขาต้องน้อยใจผมในเรื่องนี้อย่างแน่นอน


    "ก็เอาใจสะสมไว้ไง เดี๋ยวอีกหน่อยไม่มีใครคอยเอาใจนะ"


    ".............." เขาเงียบ

    ผมรู้สึกได้ถึงหยดน้ำอุ่น ๆ ที่หล่นลงมากระทบที่แขน ผมยิ่งมั่นใจว่าเขากำลังร้องไห้



    "ก็เบื่อจะตามใจเด็กดื้อ ๆ อย่างนายแล้วล่ะ"

    พอผมตำหนิเข้าไปอีก เขาก็เริ่มพยศ


    "จะไปไหนก็ไป จะไปแต่งอะไรกับใครก็ไป!" เซฮุนหันหน้ามาหาผม ด้วยแววตาขุ่นเคือง แต่น้ำเสียงนั่นดูสั่นเครือ

    "จะให้ฉันแต่งกับใครล่ะ?"


    "ไม่ใช่เรื่อง"


    "ไม่เกี่ยวกับนายได้ยังไง เขาต้องมาเป็นพี่สะใภ้นายนะ"

    ผมยังคงแกล้งเขาต่อ เจ้าเด็กดื้อออกแรงผลักให้ผมหงายหลัง แล้วเจ้าตัวก็วิ่งหนีเข้าห้องไป ผมลอบยิ้ม บางทีผมอาจจะมีความมั่นใจมากขึ้น มันอาจจะถึงเวลาที่ผมจะต้องทำความเข้าใจกับเขาเสียที....



    ก๊อก ก๊อก


    "............"

    เจ้าของห้องยอมที่เปิดประตูออกมา ได้เวลาทานข้าวแล้วแต่เขายังไม่ออกจากห้อง หัวยุ่ง ๆ แบบนี้แสดงว่าเพิ่งลุกขึ้นจากเตียง

    "เข้าไปได้ไหม?"

    ผมเอ่ยถามตามมารยาท ไม่อยากโดนปิดประตูใส่หน้าถ้าถือวิสาสะเข้าห้องของเซฮุนโดยที่เจ้าตัวยังไม่อนุญาต หากแต่เขาหันหลังกลับโดยที่ไม่ปิดประตูใส่แล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียง

    แสดงว่าผมเข้าไปได้....?

    ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาโยนให้เขาที่นั่งบนเตียง ไล่ให้เขารีบไปอาบน้ำกลาย ๆ ผมรออยู่ด้านนอกสักพัก สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ห้องของเซฮุนยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง รก และ วางข้าวของอย่างที่ใจอยากจะวางตรงไหนก็ได้ เด็กหนุ่มนนี่ครับ....

    ผมเดินไปหยิบโน่นหยิบนี่ให้เข้าที่เข้าทาง เกรงว่าเขาจะสะดุดล้มลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    ผมเดินผ่านโต๊ะคอมที่ยังคงมีรูปผมกับเขา สมัยเมื่อ 6-7 ปีก่อน ผมหยิบมันขึ้นมาดู รอยยิ้มของเซฮุนแบบนี้ที่ผมไม่ค่อยได้เห็นนัก มันหายไปตั้งแต่เขากลับมา...


    "เล่นเกมส์ทั้งคืนสินะ"

    ผมได้ยินเสียงเครื่องคอมบนโต๊ะสั่นเล็กน้อย ถ้าไม่เปิดขึ้นดูคงไม่รู้ว่ามันยังเปิดอยู่ เปิดทิ้งไว้ทั้งคืนอย่างนี้ ทำเหมือนกับตัวเองไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าไฟ

    อืม...มันก็ใช่แหละ เพราะผมเป็นคนจ่าย


    ผมเปิดหน้าจอโน๊ตบุคเพื่อทำการปิดเครื่องให้เพราะมันร้อนเหลือเกินแล้ว


    "........."


    แอบตกใจกับรูปบนหน้าจอเล็กน้อย มันเป็นรูปที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

    และคิดว่าเซฮุนก็ไม่น่าจะมีด้วย เขาไปเอามาจากไหนกัน....?


    ฟึ่บ

    มือของเซฮุนรีบปิดฝาของคอมพิวเตอร์ลงในทันที เหมือนเขาไม่อยากให้ผมเห็น ผมยิ้มในใจ


    "ยุ่งไม่เข้าเรื่อง"


    "ฉันจะปิดให้ มันจะระเบิดอยู่ร่อมร่อ อย่าเล่นให้มันดึกดื่นนัก"

    ผมเตือน ปกติเขาก็เหมือนคนนอนไม่พออยู่แล้ว ยิ่งถ้านอนเช้าเข้าไปอีกนี่ยิ่งพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ดื้อทวีคูณเป็นห้าเท่าเลยล่ะมั้ง


    ผมเปียกซกอีกแล้ว ผมดึงแขนเขาจนปลิวมานั่งบนเตียงกับผม แล้วผมก็เอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ มาเช็ดที่หัวให้

    "เดี๋ยวก็เป็นหวัด"


    เขายังคงเงียบ ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไร เขานั่งเงียบให้ผมเช็ดหัวอยู่อย่างนั้น


    "วันนี้จะพาไปหาคุณพ่อ"

    ผมบอกเขาเรียบ ๆ



    "ไม่ใช่ครบรอบนี่?"

    "ไม่ใช่ยังไงก็ไปเยี่ยมทันบ้าง ฉันมีเรื่องอยากจะบอกท่าน"


    "จะรีบบอกว่าจะแต่งงานรึไง...."



    ผมได้ยินเขาพูดเสียงเบามาก ๆ แต่คิดว่าคงหมายความประมาณนั้น


    "อืม อยากจะแต่ง ๆ ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที"


    ผมได้ยินแต่เสียงรับในลำคอ แล้วเจ้าเด็กดื้อก็เงียบไป ผมแค่รู้สึกว่าเขาค่อย ๆ ทิ้งตัวมาที่ผม คงสบายหัวที่มีคนมาเช็ดให้


    "คริส"

    "หืม"


    "ฉันอยากไปเปิดสาขาที่ญี่ปุ่น"

    ผมชะงักมือก่อนจะดันที่หลังเขาออกจากอกผม


    "ทำไม?"


    "คุณไคแนะนำว่า ฐานการตลาดที่นั่นดี เขาจะไปเปิดสาขาทางนั้นด้วย"


    จู่ ๆ ผมก็หงุดหงิดขึ้นมาในทันที ทำไมในความคิดของเซฮุนถึงไม่มีผมเป็นผู้นำ แต่กลับมีหมอนั่นที่ผมไม่ชอบขี้หน้าเอาเสียเลย เป็นแนวทางในการคิดในการทำงานอยู่เสมอ แม้กระทั่งโปรเจคที่เซฮุนเพิ่งเซ็นสัญญาไป ก็มาจากการชักชวนของคิมจงอินทั้งนั้น


    "หมอนั่นชวน?"

    ผมกลั้นใจถามและพยายามข่มอารมณ์โกรธ


    "ใช่"


    "ใจนายคงอยากไปด้วยงั้น?"


    "เกี่ยวอะไร ก็แค่คิดว่าอยากจะขยายตลาด" เขาหันมาโวยวายใส่แล้วจ้องตาผม เขาอาจจะตกใจเมื่อหันมาแล้วผมทำหน้าไม่สู้ดีนักเท่าไหร่ เขาเลยลดสายตาลง


    "อีกหน่อยนายก็ต้องมีครอบครัว ฉันก็ต้องไปจากที่นี่ ฉันจะอยู่ยังไง ให้ฉันไปตั้งตัวของฉันเอง ดูแลสิ่งที่ฉันสร้างมันขึ้นมาเอง ไม่ดีกว่าเหรอ?"



    ผมได้ยินแค่คำว่าเขาจะต้องไปจากผม สมองผมก็พร่าเบลอไปหมดแล้ว

    ตุ๊บ!


    "จ..จะทำอะไร?"

    เขาถามผม ผมจับข้อมือสองข้างของเขาแน่น


    "อยากไปอยู่กับหมอนั่นรึไง?"

    ผมถามแล้วจ้องตาหาคำตอบ เขาเสมองไปทางอื่นก่อนจะค่อย ๆ อธิบาย


    "ไม่เห็นเกี่ยว อย่างน้อยแค่มีคุณไคเป็นที่ปรึกษา ฉันแค่อยากทำอะไรเป็นของตัวเองบ้าง อยากลองดูเฉย ๆ"

    ผมไม่ได้ฟังเหตุผลยาวยืดของเซฮุนหรอก เพราะผมจบมันไว้ที่ 'แค่มีคุณไค' เท่านั้น....



    "แล้วฉันล่ะ... ฉันเป็นอะไรสำหรับนาย!?"


    "โอ๊ย เจ็บนะ!" ผมเผลอบิดข้อมือเค้าแรงจนเขาร้องลั่น ผมอยากได้คำตอบว่าทำไมในความคิดของเซฮุนถึงได้มีแต่หมอนั่นเพียงคนเดียว



    "อะ..อะไร อีกหน่อย...." เขาหยุดไปครู่หนึ่ง

    "ฉันก็ต้องออกไปจากที่นี่"

    ผมไม่ค่อยปลื้มกับคำพูดของโอเซฮุน ผมไม่เคยมีความคิดที่อยากจะให้เขาไปไหนห่างจากสายตาผมอีก.....



    "อย่านะ...ปล่อย....."

    เขาพยายามจะสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมจากผม แต่ร่างบาง ๆ แบบนั้นอย่างเขา จะสู้ผมได้อย่างไร



    "ฉันจะไม่ให้นายไปไหนกับใครทั้งนั้น!"


    ผมกระซิบเสียงเข้มข้างหู แล้วเลยไปสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตามซอกคอ ไม่นานชุดคลุมอาบน้ำอันล่อแหลมก็ถูกปลดออกจากร่างของเซฮุนด้วยมือผม



    "ปล่อยนะ ไม่เอานะ....อื้อ.........ไม่..."




    ".................."




    :



    ผมไม่ได้ไปเยี่ยมหลุมศพตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก เพราะได้เวลาอันควรที่ผมควรจะลุกไปทำอาหารเย็นได้แล้ว ผมหยิบเสื้อผ้าคร่าว ๆ ก่อนจะหันไปมองร่างที่ไม่ไหวติงที่หันหลังให้ผม

    ผมขาว ๆ ของเขามีแต่รอยจ้ำแดงคล้ำประปรายไปหมดทุกส่วน บางรอยผมเองยังไม่รู้ว่ากดซ้ำลงไปมากน้อยสักแค่ไหน เขาคงเจ็บ...



    ....นั่นมันน้องของผม..?....



    ผมเอามือลูบหน้า เสียงร้องขอโหนสูงของเซฮุนยังคงก้องอยู่ในหู เสียงห้ามให้ผมยั้งการกระทำเมื่อเผลอรุนแรงจนทำให้เขาเจ็บดังแค่ไหน แต่ผมก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ได้ใส่ใจในเสียงอ้อนวอนนั่น



    'คริส....คริ...ส อื้อ จะ..เจ็บ......'



    เซฮุนเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า...หากแต่ผมไม่เคยคิดจะสนใจฟัง ความมุทะลุและมโนภาพที่เห็นเขากำลังจะเดินจากผมไปนั้น ยิ่งกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมย้ำ ผมซ้ำ ผมกระทำ ตามใจตัวเองมากขึ้น.....


    เสียงเซฮุนร้องห้ามด้วยเอ่ยชื่อผมอย่างติด ๆ ขัด ๆ

    ผมยิ้ม...เพราะปกติแล้วเซฮุนไม่เคยเรียกชื่อผม นอกจากช่วงเวลา....เท่านั้น



    ผมเอื้อมมือไปลูบผมเขา ก่อนจะก้มลงจูบที่ขมับที่ชุ่มเหงื่อเข้าปอด ผมรู้ว่าเขากำลังหลับสบาย จึงไม่อยากกวน




    โดยที่ผมไม่คิดเลยว่า เช้าของอีกวัน ผมจะไม่เห็นเซฮุนอยู่ในห้องอีก....



    "แม่รอง ลูกแม่รองกลับไปที่บ้านหรือเปล่าครับ? ครับ เอ่อ ไม่มีอะไรครับ ผมจะลองติดต่อดูอีกที"


    ผมเดินไปเดินมาเหมือนเสื้อติดจั่น ไม่แน่ใจว่า เซฮุนหายไปไหน

    เช้ามาตามปกติแล้วผมต้องเห็นเขาออกจากห้องมาเพื่อที่จะไปบริษัทพร้อมกัน แต่ผมเห็นว่าสายแล้ว เจ้าเด็กดื้อก็ไม่น่าจะตื่นสายมากขนาดนี้ เมื่อคืนไม่ได้ออกมาทานข้าว ผมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร อาจจะเหนื่อยเลยไม่ได้ไปเรียก พอเช้ามา อาหารยังคงอยู่ในตู้โดยที่ไม่มีใครออกมาแตะต้อง


    แล้วเขาออกไปตอนไหนกัน??



    ตรู๊ดดดด ตรู๊ดดดดดดดด


    ผมวางโทรศัพท์ เพราะได้ยินเสียงสายเข้าแว่ว ๆ จากที่ไหนสักแห่งในห้องนี้ ผมลงกดไปที่เบอร์เซฮุนอีกครั้ง แล้วเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ แน่ล่ะ ผมได้ยินมันชัดเจนแล้วรีบปรี่เข้าไปคุ้ยที่กองหนังสือบนโต๊ะคอมพิวเตอร์


    "หมอนั่นไม่ได้เอาไป??"


    ผมวางสายจากเครื่องของผม แล้วกดดูเบอร์โทรออก เผื่อพอจะได้ทราบว่าเซฮุนติดต่อใครไปบ้าง



    ".............." ผมกำโทรศัพท์แน่น เมื่อเบอร์ซ้ำ ๆ ที่ปรากฏนอกจากเบอร์ผมโทรเข้าแล้ว ยังมีอีกเบอร์ที่เรียงกัน 3-4 บรรทัด ตั้งแต่เมื่อคืน



    "ครับ ช่วยเช็คเบอร์ 001-356xxx-xxx ให้หน่อย ด่วน ที่ สุด"

    ผมอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ของหมอนั่นทิ้ง ยิ่งเห็นชื่อที่เซฮุนเมมไว้ ผมก็ยิ่งอยากจะทำลายให้มันกลายเป็นเศษเหล็ก แต่ผมก็ทำไม่ลง



    ตรู๊ดดดดดด



    "อืม ครับ..........ครับขอบคุณ"


    ผมรู้ข้อมูลเจ้าของเบอร์แล้วผมก็รีบรุดไปยังสถานที่ที่พี่เลขาแจ้งมา




    กิ๊งก่อง~


    กิ๊งก่อง กิ๊งก่อง กิ๊งก่อง~~~




    "ครับคร้าบบ~~"


    กริ๊ก




    "เซฮุนอยู่ไหน!?"


    ".........."


    พลั่ก!

    ผมผลักเข้าที่อกของหมอนั่นจนเซติดกำแพง



    "เฮ้ย เดี๋ยวคุณ!" เสียงคนที่เปลือยท่อนบนเรียกตามหลัง แต่ผมก็ถือวิสาสะเดินย่ำเข้ามาภายในห้องชุดสุดหรูของมัน



    "โอเซฮุน!" ผมตะโกนเรียก สักพักผมก็เห็นร่างบาง ๆ ของน้องชายผมเดินออกมา


    "คริส...?"



    "ใช่ ยังจำฉันได้อยู่อีกเหรอ?? อยู่กับฉันเมื่อวาน แล้วแจ้นมานอนกับมันวันนี้!!!" ผมกระชากคอเสื้อยืดที่เขาใส่ รอยแดงเป็นจ้ำประปรายเต็มไปทั่วบริเวณไหปลาร้า"


    "นายมัน...ฉันให้ความสุขนายไม่พอใช่มั้ย!!??"



    ผลั่ก!


    "มากเกินไปแล้วนะ!"

    มือเรียว ๆ นั่นต่อยเข้าที่กรามผมเต็ม ๆ หมัด



    "เซฮุน..." ผมเรียกชื่อเขาเมื่อผมสงบสติลงได้เพียงนิด เขายืนสะอื้นจนตัวโยนอยู่อย่างนั้น



    "อะไรกัน?? ไค มีอะไรกัน??"

    ร่างเล็กอีกคนเดินออกมาจากอีกฝั่ง หน้าตื่นมาประคองเซฮุนเอาไว้



    "ไค หมอนี่ใคร แล้วใครทำอะไรเซฮุน ไหนบอกเก้อมาสิ"


    เจ้าคิมจงอินเดินผ่านผมแล้วมองด้วยสายตาที่ห้ามไม่ให้ผมขยับตัวไปไหน



    "นี่คริส พี่ชายของเซฮุน"



    "เค้ามาตามน้องชาย"



    "ตามเหรอ? แต่ทำให้น้องชายตัวเองยืนร้องไห้อยู่แบบนี้อ่ะนะ เป็นพี่ประสาอะไร??"


    ผู้ชายตัวเล็กผู้มีใบหน้าสวยหวานแต่มีอำนาจที่ส่งผ่านจากดวงตาที่กลมโตพูดจาได้ทิ่มแทงใจผมเหลือเกิน

    ผมมองหน้าน้องชายที่ยืนก้มหน้าร้องไห้ ก่อนที่เขาจะวิ่งหนีเข้าไปด้านใน ผมกำลังจะขยับก้าวตาม หากแต่คนร่างเล็กก้าวขามาขวางผมไว้ก่อน



    "ที่รัก...."

    เสียงชายร่างเล็กเรียกคนที่หลงเหลืออยู่อีกคน....คิมจงอิน


    "ทีหลังอย่าให้คนไม่มีมารยาทคนนี้เข้ามาเหยียบบ้านเราอีกนะ ผมไม่ชอบ"



    ผมมองหน้าคนที่พูด และไม่ได้เถียงอะไร ผมยอมรับว่าผมแย่เอามาก ๆ จึงได้แต่ก้มโค้งให้เขา แล้วเซฮุนก็เดินออกมาพร้อมกับรีบออกไปจากห้อง แต่คิมจงอินมาคว้าข้อมือผมเอาไว้ก่อน


    "ถ้าดูแลเขาไม่ได้ ก็ปล่อยเขาไปตามทางเถอะ"




    ผมจ้องหน้าคิมจงอินนิ่ง


    "ฉันไม่มีวันปล่อยมือจากเขา"


    ผมโค้งแล้วก็รีบหุนหันออกไปจากที่นั่นเพื่อตามเซฮุนออกไป




    ผมขับรถไปตามถนนและมองหาเซฮุนมาตามทาง แต่ก็ไม่พบร่างบางคุ้นตา จนเย็นย่ำแล้วผมก็ยังไม่พบกับโอเซฮุนเลย


    "แม่รองครับ ผมยังไม่.....จริงเหรอครับ!?"

    แม่รองโทรมาบอกผมว่าเซฮุนกลับไปที่บ้าน


    "งั้นผมจะรีบไป"


    "อ่า...ครับ ถ้างั้นผมจะไปหาพรุ่งนี้นะครับ"

    แม่รองห้ามผมว่าอย่าเพิ่งกลับไป เหมือนตอนนี้เซฮุนยังไม่อยากเจอผมสักเท่าไหร่ แม่รองยังบอกอีกว่าให้มาพรุ่งนี้ พร้อมกับเตรียมคำอธิบายมาให้ดี แล้วท่านก็วางไป....



    "แม่รองครับ ผม...ขอโทษครับ"

    ผมนั่งคุกเข่าแล้วก้มลงสำนึกผิดกับแม่รอง ผมรู้ว่าครั้งนี้ผมคงจะทำอะไรเกินไปจนทำให้เซฮุนโกรธผม แต่ไม่ว่ามันจะผิดหรือถูก ผมก็ต้องให้ความเคารพแม่รองเพื่อให้แม่รองให้อภัยผมที่ผมไม่ได้รักษาคำพูดที่เคยให้ไว้ ว่าจะไม่ทำให้เซฮุนเสียใจ


    "คริสเอาน้องไป คริสต้องดูแลน้อง ถนอมน้องให้มากกว่านี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แม่จะให้อภัย แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก คริสจะไม่ได้เห็นหน้าน้องอีกนะ"
    เสียงพูดเรียบ ๆ นิ่ง ๆ ของแม่รองนั้นทำให้ผมตัวชา ผมกอดท่านอีกครั้งแล้วก้มหน้าขอโทษ


    "พอแล้ว แม่ฟังคำขอโทษจากคริสมามากพอแล้ว คนที่ยังไม่ได้ฟังเลย เค้าอาจจะกำลังรออยู่ก็ได้"


    มืออวบลูบศีรษะของผม ผมจับมือแม่รองแล้วจูบที่มือเบา ๆ เพราะความรักความเอ็นดูที่แม่รองมีให้ตลอดมา ผมคงจะต้องคุยกับเซฮุนซะใหม่ ผมลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ เดินขึ้นไปด้านบบน.....ห้องของเซฮุน



    กริ๊ก


    ผมไม่ได้เคาะประตูห้อง เพราะเห็นว่ามันไม่ได้ล็อค เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นเขานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าระเบียง ใบหน้าด้านข้างของเขาทำให้ผมรู้สึกโล่งใจว่าเขายังไม่ได้หายไปไหน


    เซฮุนเหมือนรูปปั้นตัวน้อย ผมชอบมองใบหน้าเนียนของเขา ดวงตากลมที่ไม่ค่อยจ้องสบตากับผมมากนักนอกจากยามที่โกรธ เซฮุนเหมือนมีความลับซ่อนไว้อยู่เสมอ.....

    ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วคุกเข่าลงตรงหน้า ก่อนที่ริมฝีปากเรียวจะเผยอขึ้นต่อว่า


    "ชู่ว......."

    ผมยื่นนิ้วแตะที่ริมฝีปากบางของเขา แล้วเขาก็สะบัดหน้าหนี ผมจึงโน้มตัวเข้าไปเท้าแขนที่เบาะแล้วยืดตัวขึ้นเผชิญหน้ากับเขาอย่างจริงจัง


    "เซฮุน"


    "พี่รู้ว่านายโกรธพี่....."


    ผมพูดอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่เขาไม่แม้กระทั่งมองหน้า ผมก้มลงจับมือข้างนึงของเขาไว้ แล้วพูดมันออกมาจากใจ


    "พี่ขอโทษนะ...นายจะยกโทษให้พี่ได้ใช่ไหม..?"





    "กลับไปอยู่กับพี่นะ"





    เขาหันมามองผมแล้วขมวดคิ้ว


    "จะให้ไปคอยดูพวกนายจู๋จี๋กันหรือไง เท่าที่เป็นอยู่นายยังทำให้ฉันเสียใจไม่พอหรือพี่ชาย...."

    เขาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แววตาเขาช่างตัดพ้อพร้อมเรียกผมว่า 'พี่ชาย' อย่างที่ไม่เคยเรียกมาก่อน จนผมอยากจะโอ๋เขาให้หนักหน่วงเสียตรงนั้น แต่ตอนนี้ผมคงต้องอธิบายให้เขาหายข้องใจก่อนน่าจะดีนะ



    "ต่อจากนี้พี่จะไม่ทำให้นายเสียใจอีก"


    "ฮึ" เขาทำน้ำเสียงขึ้นจมูกเชิงเย้ยผม ผมลอบยิ้มก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกอดเขาแน่น ๆ กว่าเดิม




    "คนที่พี่จะแต่งงานด้วย คือคนที่มีชื่ออยู่ในพินัยกรรม"

    ผมหยิบแผ่นกระดาษที่ผมถ่ายเอกสารออกมากางต่อหน้าเซฮุน



    "นายพอจะรู้จักเขาไหม? หืม?...คนที่ชื่อ โอเซฮุน มารดาชื่อ โอเซน่า บิดาชื่อ อู๋ตงฟาน หืม..?? ช่วยตามหาให้หน่อยสิ

    คนที่พี่อยากจะแต่งงานด้วยน่ะ พ่อของพี่เคยคิดอยากจะเขียนชื่อคนอื่นลงไป แต่พี่ก็ปฏิเสธ เพราะพี่ไม่เคยคิดจะรักใครอีก นอกจากน้องชายตัวเล็ก ๆ คนเดียวที่มี แต่น้องชายพี่เค้าโกรธและเข้าใจพี่ผิด แล้วก็หนีจากพี่ไปซะไกล....

    นายพอจะบอกเขาได้ไหม ว่าตอนนี้พี่อยากจะพาเขากลับบ้าน



    .....กลับไปอยู่บ้านของเรา"




    ผมพูดไปหมดแล้ว หากแต่เจ้าเด็กดื้อของผมยังคงนั่งนิ่ง ไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น แต่ผมคิดว่าเขาเข้าใจในทุกสิ่งที่ผมอยากสื่อ เซฮุนไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่เข้าใจความรู้สึกของผม.....


    เงียบ....นิ่ง



    ผมคิดว่าน่าจะปล่อยให้เขาคิดอยู่เงียบ ๆ คนเดียว



    กริ๊ก


    ปึ่ก!



    "..อ.....อ..ล้ว....จ......อย่....ดี...ม..."


    ผมเงี่ยหูฟังคนที่อู๋อี้อยู่ตรงแผ่นหลัง




    "น........อย....ต่ง........บ......ริ....."


    ผมแอบยกยิ้ม แล้วถามเขาอีกครั้ง โดยที่ไม่ได้หันหลังไป


    "ว่าอะไรนะครับ?"



    "เอาไปอยู่ด้วยแล้ว...จะดูแลอย่างดีไหม...."



    ผมแกะมือที่โอบผมแน่นแล้วหันหลังไปหาเจ้าเด็กดื้อที่มีแต่น้ำตานองหน้า






    "จะรักเท่าชีวิตของอู๋อี้ฟานเลยครับ"






    ผมยกแขนของเขาให้โอบรอบคอผม ก่อนจะประทับจูบที่ริมฝีปากบาง ๆ นั่น

    เซฮุนหยุดร้องไห้ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าขณะที่ผมกอด เขาก็เฝ้าถามอยู่ตลอดเวลาว่า เป็นเขาแน่หรือเปล่า ใช่ตัวเขาหรือเปล่า...?


    โธ่....เจ้าเด็กน้อย

    ผมไม่เคยปล่อยให้ใครเข้ามาในหัวใจเลย นอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น


    ผมมองร่างบาง ๆ ที่ขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่ที่ผมเพิ่งห่มคลุมให้เขา ผมมองเรือนร่างที่ประปรายไปด้วยรอยแดงช้ำมากมาย แล้วก็ต้องหาเหตุผลไปแก้ตัวกับแม่รองซะแล้ว

    แม่รองครับ...ผมขอโทษจริง ๆ ฮะ ที่ผมจะรับปากอย่างมั่นเหมาะว่าจะไม่รังแกน้องไม่ได้.....

    แต่ผมมั่นใจว่าจะไม่ทำให้น้องเสียใจอย่างแน่นอนครับ.....




    ผมก้มลงจูบเซฮุนที่นอนหลับตาพริ้ม แล้วก็นึกถึงประโยคนึงที่เขาพูดขึ้นมาเบา ๆ ตอนที่เขากอดผมไว้แน่น




    'น........อย....ต่ง........บ......ริ.....'












    'น้องฮุนก็อยากแต่งงานกับพี่คริสฮะ'






    ~ Happy End ~




    ครุคริ >////<

    #โปรยหัวใจให้นฮมต~ #มายน้องฮุนไม่ตุ๊ด~

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×