ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตำรวจแห่งเจนิส
.
              เมื่อผมวางเค้าลงไป กลับมีสิ่งหนึ่งร่วงลงมาจากกระเป๋าของเค้า มันเป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี มันคือวัตถุสีเงินที่มีรูปของเคยุโกอยู่นั่นเอง
              ก็มันอยู่ที่จิมนี่นา งั้นคนๆนี้จะต้องไปเอาของสิ่งนี้จากห้องของจิมแน่ๆเลย งั้นเค้าก็ต้องเป็นคนๆที่เข้ามาค้นของในบ้านคืนก่อนเพื่อจะมาหาสิ่งนี้น่ะสิ แล้วป่านนี้จิมจะเป็นอย่างไรหรือเปล่านะ งั้นคืนนี้เค้าก็ไม่ได้เข้ามาในเจนิสนี่น่ะสิ
              หลังจากที่ผมเก็บของสิ่งนั้นเข้ากระเป๋าเหมือนเดิมแล้ว ผมก็เริ่มคิดว่าจะจัดการกับศพของเค้าคนนี้อย่างไรกัน แล้วเค้าเป็นใครกันแน่ ชื่ออะไร มาเอาของอันนี้กลับไปด้วยเหตุผลใดกันแน่ เค้าต้องได้รับคำสั่งจากใครมาแน่ๆ แต่ใครกัน แล้วผมก็ตัดสินใจได้ว่าจะไม่ทำอะไรกับศพนี้ทั้ง ทำเหมือนกับว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นกับผม
              ผมเดินต่อไปเพื่อที่จะหาใครสักคนในเมืองนี้ ผมเริ่มนึกออกว่าผมยังรู้จักคนๆหนึ่ง เมื่อคืนก่อนยังไงเค้าก็ยังต้องคงอยู่เพราะเค้าถูกขังอยู่ในคุกนี่นา อีมมู ผมนึกถึงชื่อของเค้าออกมา แล้วผมก็รีบเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะไปสถานีตำรวจที่เค้าอยู่
              “อีมมู” ผมตะโกนออกไปเพราะคิดว่าเค้ายังอยู่ แต่แล้วกลับไม่มีเสียงอะไรออกมาเลย ในคุกนั้นว่างเปล่า แต่สภาพของมันเหมือนมีการต่อสู้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ประตูห้องขังถูกเปิดออก และไม่มีการปิดไว้อย่างเรียบร้อย เอกสารต่างๆในตู้ถูกค้นออกมาอย่างกระจัดกระจาย ตามผนังมีรอยลูกกระสุนอยู่เต็มไปหมด มีรอยเลือดอยู่ตามพื้นเล็กน้อยบ้างตามสมควร เหมือนกับการต่อสู้นี้ไม่มีใครตาย แต่ก็คงบาดเจ็บสาหัสอยู่ใช่น้อย
              ผมสิ้นหวังกับความหวังสุดท้ายที่จะได้สักถามใครว่าที่นี่มันเป็นยังไง  ทำไมไม่มีใครเลย มีหลายคำถามที่ผมอยากจะรู้
              ผมเดินออกจากสถานีตำรวจได้สักครู่หนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาข้างหลัง
“หยุดนะ ยกมือขึ้น เอามือกุมหัวไว้ หันหลังพิงกำแพง”
              ผมถูกค้นตัวอย่างรีบร้อน โดยยังไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครกันแน่ แต่ในความรู้สึกของผมตอนนี้เค้าจะต้องเป็นตำรวจแน่ๆเลย
              “หันหน้ามา” พอผมหันหน้าไปจ้องตาเค้าเท่านั้น ผมก็เห็นหน้าเขาคนนั้นอย่างชัดเจนขึ้น เขาเป็นชายที่มีผิวค่อนข้างคล้ำ รูปร่างกำยำ สมกับที่เป็นตำรวจ
              “ชื่ออะไรน่ะ”
              “ประทีปครับ “
              “ชื่ออะไรวะแปลกดีว่ะ หมายความว่ายังไงเหรอ “
              “สว่าง ครับ ไม่รู้ถูกหรือเปล่านะครับ ผมไม่เคยไปเปิดพจนานุกรมดูจริงๆจังสักที”
              “ว่าแต่เอ็งออกมาทำอะไรค่ำๆมืดๆอย่างงี้ เค้าให้อยู่กันแต่ในบ้านหรือเมืองข้างล่างไม่ใช่เหรอ “
              “เมืองข้างล่าง อะไรกันครับมีอีกเมืองนึงด้วยเหรอครับ”
              “อะไรวะข้างงกับเอ็งจริงๆ เออบ้านเอ็งอยู่ไหนข้าจะไปส่งให้เอ็งกลับถึงบ้าน แล้วอย่าออกมาค่ำๆมืดๆอย่างงี้อีกนะ ถูกพวกนะโปจับไปข้าไม่รู้ด้วยนะโว๊ย ถูกจับน่ะตายสถานเดียวนะโว๊ย”
              “นะโป คือใครครับ”
              “ข้าก็ไม่รู้โว๊ย มันจะใครก็ได้ที่ได้รับตำแหน่งนี้ มันก็เหมือนพวกข้านี่ล่ะ แต่ได้รับคำสั่งโดยตรงจากแนชิน”
              “เอาล่ะบ้านอยู่ไหนข้าจะพาไปส่ง”
              “บ้านผมไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ครับ ผมมาจากอีกเมืองหนึ่งชื่อกรุงเทพ”
              “กรุงเทพอะไรของเอ็งวะ ที่นี่ไม่มีกรุงเทพโว๊ย”
              “ผมไม่ใช่คนที่นี่ครับ ผมมาจากอีกเมืองนึงทางอุโมงค์ใต้ดิน คุณชื่ออะไรผมยังไม่รู้เลย “
              “ข้าชื่อ วิน เป็นตำรวจของเมืองนี้ เอางี้นี่ก็พึ่งจะสี่ทุ่มกว่าเอง เอ็งมาบ้านข้าละกัน อย่ามัวแต่มาเพ่นพ่านอย่างนี้ เดี๋ยวจะถูกนะโปจับตัวไปได้ เลี้ยวขวาไปอีกสัก 300 เมตรก็ถึงบ้านข้าแล้วล่ะ “
              “เอาล่ะถึงแล้ว”  เขาเปิดประตูเข้าบ้านด้วยกุญแจที่แปลกประหลาดมากๆ มันคล้ายๆกับแท่งกลมๆ ที่ไม่มีซี่ยื่นๆออกมาที่ดูเหมือนจะไปขัดกับกลไกข้างในเลย แล้วงี้มันจะล็อคได้อย่างไรกันแน่นะ
              เขาพาผมเปิดประตูเข้าไป ภายในบ้านถูกจัดอย่างเรียบร้อยคล้ายกับบ้านของผมนั่นเอง
              “เออ ข้าไม่เปิดไฟนะ ขอโทษทีอยู่มืดๆนี่ไปก่อนล่ะ เดี๋ยวข้าจะไปจุดเทียนมาให้”
              ผมนึกในใจ อะไรกันเปิดไฟกันก็ไม่ได้ หรือจะไม่มีไฟฟ้าใช้กันแน่นะ แต่ก็ไม่ใช่เพราะผมเห็นหลอดไฟจากบนเพดานห้อง แล้วเขาก็ถือเทียนไขออกมาจากห้องของเขา พร้อมทั้งกาแฟ 2 แก้วออกมาด้วย
              “ลูกเมียผมหลับกันหมดแล้วล่ะ ไม่งั้นผมจะเรียกลงมาแนะนำให้รู้จักกับคุณ”  เขาเริ่มพูดสุภาพขึ้นเรื่อยๆ
              “ขอโทษนะ ที่ตอนแรกพูดไม่สุภาพกับคุณไปน่ะ เพราะผมยังไม่มั่นใจว่าคุณเป็นใคร เลยต้องพูดดังๆขู่กันไปก่อน”
              “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ตำรวจที่เมืองของผมก็แบบนี้แหละครับ”
              “เอ้า คุณกินกาแฟไปก่อนแล้วมาเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังหน่อยว่าไอ้กรุงเทพเนี่ยมันเป็นยังไงเหรอ “
              ผมเล่าเรื่องของผมให้เขาฟังจนหมดว่าผมมีชีวิตอยู่ยังไงในกรุงเทพ จนผมหลงเข้ามาที่นี่จากที่ไหน แต่ผมก็ยังไม่ได้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุสีเงินรูปเคยุโกนั้นให้เขาฟัง จนผมถามเขาว่า
              “เคยุโก คือใครเหรอครับ”
              “คุณรู้จักชื่อนี้ได้ยังไงครับเนี่ย ก็คุณบอกว่ามาจากกรุงเทพไม่ใช่เหรอ “
              “ผมได้ยินมาจากผู้ชายคนหนึ่งที่ใกล้ตายข้างๆตึกหนึ่งเมื่อผมได้ยินเสียงปืนผมก็ตามเค้าไปดูตอนนั้นเค้ายังไม่ตาย เค้าตะโกนออก
มาแต่ชื่อนี้”
              “ไอ้สาบี้ น่ะเหรอ ที่พูดออกมา “
              “ใครนะครับ”
              “ก็ไอ้คนที่ตายไง มันเป็นลูกน้องของ อีมกิ่ง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของที่นี่ ฉันก็ไปพบศพของเค้ามาเหมือนกันก่อนที่จะไปเจอคุณนั่นแหละ เพราะผมได้ยินเสียงปืนเข้า ตอนแรกผมก็นึกว่าคุณน่ะเป็นคนยิงเค้าเหมือนกัน แต่พอค้นดูตัวคุณแล้วก็ไม่มีอาวุธอะไรพอที่จะฆ่าเค้าได้เลย ผมจึงไว้ใจคุณ”
              “แล้วเคยุโกเป็นใครล่ะครับ ผมถามคำถามนี้กับเค้าอีกที”
              “เป็นพ่อมดน่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเหมือนกัน ไม่มีใครเคยพบเขามานานแล้วหลังจากที่ถูกจับได้ว่าพยายามขโมยผลึกเรนิน เค้าก็สาบสูญไปพร้อมกับ ”
              “อะไรครับ พร้อมกับอะไรครับ”
              “ที่อยู่ของ เยเนก้า”
              เมื่อผมวางเค้าลงไป กลับมีสิ่งหนึ่งร่วงลงมาจากกระเป๋าของเค้า มันเป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี มันคือวัตถุสีเงินที่มีรูปของเคยุโกอยู่นั่นเอง
              ก็มันอยู่ที่จิมนี่นา งั้นคนๆนี้จะต้องไปเอาของสิ่งนี้จากห้องของจิมแน่ๆเลย งั้นเค้าก็ต้องเป็นคนๆที่เข้ามาค้นของในบ้านคืนก่อนเพื่อจะมาหาสิ่งนี้น่ะสิ แล้วป่านนี้จิมจะเป็นอย่างไรหรือเปล่านะ งั้นคืนนี้เค้าก็ไม่ได้เข้ามาในเจนิสนี่น่ะสิ
              หลังจากที่ผมเก็บของสิ่งนั้นเข้ากระเป๋าเหมือนเดิมแล้ว ผมก็เริ่มคิดว่าจะจัดการกับศพของเค้าคนนี้อย่างไรกัน แล้วเค้าเป็นใครกันแน่ ชื่ออะไร มาเอาของอันนี้กลับไปด้วยเหตุผลใดกันแน่ เค้าต้องได้รับคำสั่งจากใครมาแน่ๆ แต่ใครกัน แล้วผมก็ตัดสินใจได้ว่าจะไม่ทำอะไรกับศพนี้ทั้ง ทำเหมือนกับว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นกับผม
              ผมเดินต่อไปเพื่อที่จะหาใครสักคนในเมืองนี้ ผมเริ่มนึกออกว่าผมยังรู้จักคนๆหนึ่ง เมื่อคืนก่อนยังไงเค้าก็ยังต้องคงอยู่เพราะเค้าถูกขังอยู่ในคุกนี่นา อีมมู ผมนึกถึงชื่อของเค้าออกมา แล้วผมก็รีบเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะไปสถานีตำรวจที่เค้าอยู่
              “อีมมู” ผมตะโกนออกไปเพราะคิดว่าเค้ายังอยู่ แต่แล้วกลับไม่มีเสียงอะไรออกมาเลย ในคุกนั้นว่างเปล่า แต่สภาพของมันเหมือนมีการต่อสู้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ประตูห้องขังถูกเปิดออก และไม่มีการปิดไว้อย่างเรียบร้อย เอกสารต่างๆในตู้ถูกค้นออกมาอย่างกระจัดกระจาย ตามผนังมีรอยลูกกระสุนอยู่เต็มไปหมด มีรอยเลือดอยู่ตามพื้นเล็กน้อยบ้างตามสมควร เหมือนกับการต่อสู้นี้ไม่มีใครตาย แต่ก็คงบาดเจ็บสาหัสอยู่ใช่น้อย
              ผมสิ้นหวังกับความหวังสุดท้ายที่จะได้สักถามใครว่าที่นี่มันเป็นยังไง  ทำไมไม่มีใครเลย มีหลายคำถามที่ผมอยากจะรู้
              ผมเดินออกจากสถานีตำรวจได้สักครู่หนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาข้างหลัง
“หยุดนะ ยกมือขึ้น เอามือกุมหัวไว้ หันหลังพิงกำแพง”
              ผมถูกค้นตัวอย่างรีบร้อน โดยยังไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครกันแน่ แต่ในความรู้สึกของผมตอนนี้เค้าจะต้องเป็นตำรวจแน่ๆเลย
              “หันหน้ามา” พอผมหันหน้าไปจ้องตาเค้าเท่านั้น ผมก็เห็นหน้าเขาคนนั้นอย่างชัดเจนขึ้น เขาเป็นชายที่มีผิวค่อนข้างคล้ำ รูปร่างกำยำ สมกับที่เป็นตำรวจ
              “ชื่ออะไรน่ะ”
              “ประทีปครับ “
              “ชื่ออะไรวะแปลกดีว่ะ หมายความว่ายังไงเหรอ “
              “สว่าง ครับ ไม่รู้ถูกหรือเปล่านะครับ ผมไม่เคยไปเปิดพจนานุกรมดูจริงๆจังสักที”
              “ว่าแต่เอ็งออกมาทำอะไรค่ำๆมืดๆอย่างงี้ เค้าให้อยู่กันแต่ในบ้านหรือเมืองข้างล่างไม่ใช่เหรอ “
              “เมืองข้างล่าง อะไรกันครับมีอีกเมืองนึงด้วยเหรอครับ”
              “อะไรวะข้างงกับเอ็งจริงๆ เออบ้านเอ็งอยู่ไหนข้าจะไปส่งให้เอ็งกลับถึงบ้าน แล้วอย่าออกมาค่ำๆมืดๆอย่างงี้อีกนะ ถูกพวกนะโปจับไปข้าไม่รู้ด้วยนะโว๊ย ถูกจับน่ะตายสถานเดียวนะโว๊ย”
              “นะโป คือใครครับ”
              “ข้าก็ไม่รู้โว๊ย มันจะใครก็ได้ที่ได้รับตำแหน่งนี้ มันก็เหมือนพวกข้านี่ล่ะ แต่ได้รับคำสั่งโดยตรงจากแนชิน”
              “เอาล่ะบ้านอยู่ไหนข้าจะพาไปส่ง”
              “บ้านผมไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ครับ ผมมาจากอีกเมืองหนึ่งชื่อกรุงเทพ”
              “กรุงเทพอะไรของเอ็งวะ ที่นี่ไม่มีกรุงเทพโว๊ย”
              “ผมไม่ใช่คนที่นี่ครับ ผมมาจากอีกเมืองนึงทางอุโมงค์ใต้ดิน คุณชื่ออะไรผมยังไม่รู้เลย “
              “ข้าชื่อ วิน เป็นตำรวจของเมืองนี้ เอางี้นี่ก็พึ่งจะสี่ทุ่มกว่าเอง เอ็งมาบ้านข้าละกัน อย่ามัวแต่มาเพ่นพ่านอย่างนี้ เดี๋ยวจะถูกนะโปจับตัวไปได้ เลี้ยวขวาไปอีกสัก 300 เมตรก็ถึงบ้านข้าแล้วล่ะ “
              “เอาล่ะถึงแล้ว”  เขาเปิดประตูเข้าบ้านด้วยกุญแจที่แปลกประหลาดมากๆ มันคล้ายๆกับแท่งกลมๆ ที่ไม่มีซี่ยื่นๆออกมาที่ดูเหมือนจะไปขัดกับกลไกข้างในเลย แล้วงี้มันจะล็อคได้อย่างไรกันแน่นะ
              เขาพาผมเปิดประตูเข้าไป ภายในบ้านถูกจัดอย่างเรียบร้อยคล้ายกับบ้านของผมนั่นเอง
              “เออ ข้าไม่เปิดไฟนะ ขอโทษทีอยู่มืดๆนี่ไปก่อนล่ะ เดี๋ยวข้าจะไปจุดเทียนมาให้”
              ผมนึกในใจ อะไรกันเปิดไฟกันก็ไม่ได้ หรือจะไม่มีไฟฟ้าใช้กันแน่นะ แต่ก็ไม่ใช่เพราะผมเห็นหลอดไฟจากบนเพดานห้อง แล้วเขาก็ถือเทียนไขออกมาจากห้องของเขา พร้อมทั้งกาแฟ 2 แก้วออกมาด้วย
              “ลูกเมียผมหลับกันหมดแล้วล่ะ ไม่งั้นผมจะเรียกลงมาแนะนำให้รู้จักกับคุณ”  เขาเริ่มพูดสุภาพขึ้นเรื่อยๆ
              “ขอโทษนะ ที่ตอนแรกพูดไม่สุภาพกับคุณไปน่ะ เพราะผมยังไม่มั่นใจว่าคุณเป็นใคร เลยต้องพูดดังๆขู่กันไปก่อน”
              “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ตำรวจที่เมืองของผมก็แบบนี้แหละครับ”
              “เอ้า คุณกินกาแฟไปก่อนแล้วมาเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังหน่อยว่าไอ้กรุงเทพเนี่ยมันเป็นยังไงเหรอ “
              ผมเล่าเรื่องของผมให้เขาฟังจนหมดว่าผมมีชีวิตอยู่ยังไงในกรุงเทพ จนผมหลงเข้ามาที่นี่จากที่ไหน แต่ผมก็ยังไม่ได้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุสีเงินรูปเคยุโกนั้นให้เขาฟัง จนผมถามเขาว่า
              “เคยุโก คือใครเหรอครับ”
              “คุณรู้จักชื่อนี้ได้ยังไงครับเนี่ย ก็คุณบอกว่ามาจากกรุงเทพไม่ใช่เหรอ “
              “ผมได้ยินมาจากผู้ชายคนหนึ่งที่ใกล้ตายข้างๆตึกหนึ่งเมื่อผมได้ยินเสียงปืนผมก็ตามเค้าไปดูตอนนั้นเค้ายังไม่ตาย เค้าตะโกนออก
มาแต่ชื่อนี้”
              “ไอ้สาบี้ น่ะเหรอ ที่พูดออกมา “
              “ใครนะครับ”
              “ก็ไอ้คนที่ตายไง มันเป็นลูกน้องของ อีมกิ่ง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของที่นี่ ฉันก็ไปพบศพของเค้ามาเหมือนกันก่อนที่จะไปเจอคุณนั่นแหละ เพราะผมได้ยินเสียงปืนเข้า ตอนแรกผมก็นึกว่าคุณน่ะเป็นคนยิงเค้าเหมือนกัน แต่พอค้นดูตัวคุณแล้วก็ไม่มีอาวุธอะไรพอที่จะฆ่าเค้าได้เลย ผมจึงไว้ใจคุณ”
              “แล้วเคยุโกเป็นใครล่ะครับ ผมถามคำถามนี้กับเค้าอีกที”
              “เป็นพ่อมดน่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเหมือนกัน ไม่มีใครเคยพบเขามานานแล้วหลังจากที่ถูกจับได้ว่าพยายามขโมยผลึกเรนิน เค้าก็สาบสูญไปพร้อมกับ ”
              “อะไรครับ พร้อมกับอะไรครับ”
              “ที่อยู่ของ เยเนก้า”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น