ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ล่วงภพห้วงขนาน ภาค 1 (เจนิสนคร)

    ลำดับตอนที่ #14 : การก่อการร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 46


    .

                       เสียงรถยนต์บีบแตรไปมาบนท้องถนนเพราะว่าไม่สามารถที่จะเขยื้อนไปข้างหน้าได้ บางคนออกมาที่นอกรถเพื่อดื่มกาแฟดับอารมณ์ข้างทาง ขณะนี้ผมยืนอยู่บนฟุตบาท แล้วมองดูท้องถนนที่ตอนนี้เป็นช่วงเย็นแล้วท้องฟ้าก็เริ่มที่จะมืดลงทุกขณะ ผมเดินต่อไปเพื่อไปยังบ้านวิน ผมเดินไปเรื่อยๆจนถึงสี่แยกไฟแดง ปรากฏว่าสัญญาณไฟจราจรไม่สามารถที่จะใช้งานได้ แล้วก็มีรถยนต์วิ่งชนกันที่กลางสี่แยกทำให้คนตายหลายคนมาก ในจำนวนนั้นมีเด็กที่รออยู่บนฟุตบาทด้วย ผมรีบมองผ่านไปอย่างไม่อยากดูแล้วรีบเร่งฝีเท้าต่อไป เพื่อให้ถึงบ้านวินให้เร็วที่สุด



                       ผมมาถึงตรงหัวมุมเพื่อที่จะเลี้ยวไปทางบ้านวิน เสียงรถดับเพลิงก็ดังมาแต่ไกลพร้อมด้วยเสียงของรถพยาบาลตามมาด้วย อะไรกันเนี่ย ผมบอกกับตัวเองในใจ อะไรกันมันช่างวุ่นวายอะไรขนาดนี้



                       เข้าไม่ได้นะครับเข้าไม่ได้ เสียงตำรวจนายหนึ่งบอกกับผม แต่ผมก็ต้องผ่านทางนี้ไปเพราะทางอื่นผมไม่เคยไป ถ้าไปก็คงหลงทางเป็นแน่ๆเลย



                       “มีเด็กติดอยู่ในนั้นค่ะ ช่วยลูกฉันด้วย” เสียงหญิงแก่คนหนึ่งซึ่งน่าจะดูเป็นเจ้าของบ้านตะโกนบอกพนักงานดับเพลิงที่เร่งทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด



                       “ครับ ผมให้คนเข้าไปแล้วเดี๋ยวก็คงปลอดภัยตอนนี้ผมกำลังใช้น้ำเลี้ยงเพื่อไม่ให้ลามไปบ้านถัดไปได้นะครับ “



                       ผมเห็นในสิ่งที่สะเทือนใจเมื่อพนักงานดับเพลิงได้พาร่างที่ไร้วิญญาณของเด็กคนหนึ่งออกมาด้วย แล้วหญิงแก่คนนั้นก็ร้องไห้



                       “ไหม้มาหลายรายแล้วนะเนี่ยวันนี้ ทำไมมันช่างเหนื่อยอย่างนี้ตั้งแต่เช้ามีไหม้มาไม่ต่ำกว่า 30 ที่แล้ว ใครกันวะมันช่างวางเพลิงได้หลายจุดอย่างงี้แต่ละที่ห่างกันชิบเป้ง”



                       วางเพลิงเหรอ ผมก็นึกว่าไฟฟ้าลัดวงจรอย่างที่ส่วนใหญ่คาดการณ์กัน



                       ผมรอให้เค้าเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อยเพื่อไปยังบ้านของวินต่อไป





                       ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่ม ในที่สุดผมก็มาถึงบ้านของวิน มันช่างเสียเวลาเป็นที่สุดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เหตุเพลิงไหม้แล้วก็อุบัติเหตุบนท้องถนน



                     “สวัสดีครับ มีใครอยู่ไหมครับ”



                       “รอสักนะคะ ใครคะ”



                       “ผมทีปครับ จำผมได้ไหมเนี่ย”



                       “อ๋อเพื่อนวินเหรอคะ เข้ามาก่อนค่ะ วินยังไม่กลับมาเลย แต่เดี๋ยวคงจะกลับเพราะนี่สามทุ่มแล้ว “





                       ผมรอวินอยู่นานมากจนกระทั่งเที่ยงคืนกว่าๆเห็นจะได้ แล้ววินก็กลับมาถึงบ้าน



                       “อ้าวทีปคุณมาได้ไงเนี่ย ผมไม่นึกว่าจะมาเจอคุณได้นะเนี่ย สวัสดีครับ”



                       “สวัสดีครับไม่ได้เจอกันเสียนาน อ้าวนั่นคุณไปโดนไรมา”



                       “อ๋อนิดหน่อยนะครับ คนร้ายยิงต่อสู้น่ะครับ ทำแผลมาเรียบร้อยแล้ว “



                       “เกิดไรขึ้นเหรอวันนี้ รู้สึกจะมีแต่เรื่องร้ายๆ เต็มไปหมดเลย วันนี้ผมก็เจอทั้งอุบัติเหตุ ไฟไหม้ เต็มไปหมดเลย”



                       “คุณยังไม่รู้อะไร วันนี้มันยิ่งกว่าที่คุณรู้อีกนะ ทั้งไฟไหม้ อุบัติเหตุ ปล้นจี้ แถมยังมีระเบิดกวนเมืองอีก ไม่รู้ว่าพวกไหนมันแกล้งขู่ ก็ยังดีนะที่ไม่มีระเบิดจริงๆ ไม่งั้นคนคงตายอีกเยอะแน่ๆเลย “



                       “ท่าทางจะเรื่องใหญ่นะเนี่ย “



                       “ใช่ท่าทางจะเป็นการก่อการร้ายจากพวกสมุนของเยเนก้าน่ะ ข่าวออกมาว่าเป็นแผนของเยเนก้าที่ต้องการยึดครองเจนิสโดยสร้างความปั่นปวน แล้วถือโอกาสยกพวกตอนกำลังของตำรวจแล้วก็ทหารอ่อนลง บุกเข้ายึดครองปิแอ แล้วก็ฆ่าแนชินน่ะ”



                       “ก่อการร้ายเลยเหรอครับ แล้วงี้วินก็เหนื่อยแย่นะสิ”



                       “ทำไงได้ล่ะก็มันหน้าที่นี่นา ว่าแต่คุณมีเรื่องอะไรเหรอ มาหาผมเสียดึกดื่นเชียว ในฐานะตำรวจเมืองเจนิสผมจะช่วยเต็มที่เอง “



                       “ขอบคุณครับ งั้นผมขอเริ่มเลยนะครับ คือว่าเพื่อนผมคนหนึ่งชื่อวิสา ได้หายตัวไปน่ะครับ เหมือนกับโดนลักพาตัวน่ะครับ ผมคิดว่าเธออาจจะถูกลักพาตัวมาที่นี่”



                       “พามาที่เจนิสน่ะเหรอ แล้วคุณรู้ได้ไงว่าจะมาที่นี่ อาจจะถูกลักพาอยู่ในเมืองของคุณก็ได้นะ”



                       “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าผมได้หลักฐานมาว่าเธอจะต้องมาที่นี่แน่นอน”



                       “อะไรล่ะทำให้คุณมั่นใจอย่างนั้นทีป”



                       “นี่ไงล่ะ ผมแบมือพร้อมกับยื่นเหรียญเงินของเจนิสให้วินดู”



                       “เงินของที่นี่นี่นา คุณไปเอามาจากไหนล่ะ”



                       “ก็ข้างๆรถของวิสาน่ะครับ ผมเลยคิดว่าคนของที่นี่ล่ะลักพาเธอไป”



                       “แล้วมีเหตุผลอะไรล่ะที่จะเอาตัวเธอมา ผมนึกไม่ออกอ่ะ”



                       “ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน แต่รู้แน่ๆ ว่าเธอจะต้องถูกเอามาที่นี่แน่ๆ “



                       “เอาล่ะ ยังไงผมจะช่วยคุณเต็มที่ไม่ต้องห่วง พวกผมมีเยอะ ว่าแต่เพื่อนคุณเนี่ยหน้าตาเป็นอย่างไรเนี่ย แล้วผมจะตามตัวถูกหรือเปล่า ผมก็สเกตไม่เป็นซะด้วย คงต้องรอพรุ่งนี้ล่ะมั้ง”



                       “คุณคงไม่ต้องลำบากให้ผมบอกลักษณะเธอหรอก นี่ผมเอารูปเธอมาด้วยซึ่งเป็นรูปที่เธอถ่ายกับแม่ของเธอ ถึงมันจะเล็กเพราะเป็นรูปถ่ายสติ๊กเกอร์แต่มันก็ชัดนะ ผมแกะมันออกมาจากหน้ารถของเธอวันนี้นี่เอง”



                       “อย่างงั้นมันก็ง่ายขึ้นมาหน่อย ไม่มีปัญหาเลยแบบนี้ ไม่เกินมะรืนคงได้เรื่อง ขอบคุณเดี๋ยวช่วยฝากเป็นธุระให้ด้วย พรุ่งนี้เย็นๆผมจะได้มาใหม่ เดี๋ยวสักพักผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะ”



                       “ยังกลับไม่ได้หรอก สถานการณ์ตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก ไว้รอให้เช้าหน่อยแล้วคุณค่อยไปดีกว่า เดี๋ยวผมไปส่ง”



                       “งั้นผมก็ไปทำงานไม่ทันพอดีสิ “



                       “เอาน่าหกโมงเช้า คงไม่สายนักหรอก คุณพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเถอะ ตีห้าผมจะรีบลุกมาปลุกคุณแต่เช้าเลย”



                       “โครม!”  เสียงดังที่มาจากในสวนทำให้ผมกับวินตกใจ



                       “เดี๋ยวผมขอตัวไปดูข้างนอกเดี๋ยวนะครับ สงสัยจะเป็นแมวมาชนกระถางต้นไม้แตก “



                       “งั้นผมขอไปด้วยคนแล้วกัน “



                       “ได้ตกลงตามใจคุณแล้วกัน มาเป็นเพื่อนผมก็ดี เพราะว่าตอนนี้แมวแถวบ้านก็ไม่มีแล้วด้วย มันจะเป็นไปได้อย่างไร”



                       ผมและวินก้มดูที่กระถางต้นไม้ ซึ่งล้มอยู่แต่ไม่แตก พร้อมทั้งสังเกตรอบๆด้านข้างเหมือนมีรอยเท้าคนอยู่ เพราะเมื่อเย็นเอมัวได้รดน้ำต้นไม้จนแฉะ ทำให้ดินบริเวณนั้นอ่อนนุ่ม



                       วินเห็นอย่างที่ผมเห็น แล้วนั่นทำให้ผมคิดว่าต้องเป็นขโมยอย่างแน่นอน วินกวาดไฟฉายไปตามบริเวณทั่วๆภายในรอบๆตัวบ้าน และแล้วก็กระทบกับร่างคนจำนวนหนึ่งซึ่งหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ภายในบริเวณบ้าน



                       “ใครน่ะออกมาซะดีๆ ไม่งั้นมียิงนะโว๊ย “ วินตะโกนออกไปเพื่อให้คนที่ซ่อนอยู่กลัว



                       “พ่อ”  คนที่หลบซ่อนอยู่พูดออกมาเบาๆ แล้วก็เผยตัวออกจากที่ซ่อน จาก 1 คน เป็น 2 คน แล้วก็เป็น 3 คนตามลำดับ ซึ่งทั้งสามคนนั้นก็คือ จิม กิต แล้วก็เนเน่ นั่นเอง



                       “ลูก มาได้ยังไงกันเนี่ย  เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าน้าวินเค้ายิงไปจะทำไงล่ะ  นี่แอบตามพ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพ่อไม่รู้ตัวเลย”



                       “ก็ตั้งแต่ตอนที่พ่อหายไปตั้งแต่กลับนั่นล่ะ ผมเอาเกมส์ไปอวดพ่อ ก็ไม่เจอ ผมหาทั่วบ้านแล้ว เลยเข้าไปในครัวเห็นตู้เปิดอยู่ ก็เลยชวนเพื่อนๆ น่ะตามพ่อเข้ามา ผมนึกว่าจะตามพ่อไม่ทันแล้ว แต่ก็ตามทันตอนที่เกิดไฟไหม้น่ะครับ “



                       “แล้วไปหลบอยู่ทำไมข้างนอกตั้งนานล่ะ นี่ถูกยุงหามไปหมดหรือเปล่าเนี่ย”



                       “ยุง เหรอ มันเป็นตัวยังไงล่ะทีป วินถามผมด้วยความสงสัย”



                       “พ่อที่นี่ไม่มียุงเลยสักตัวพ่อ ผมเลยรอพ่ออยู่ข้างนอกได้นานไง”



                       “ยุงมันเป็นแมลงมีปีกน่ะ มันดูดเลือดเป็นอาหาร กัดเจ็บ แล้วก็เป็นพาหะนำโรคมาสู่คนน่ะ”



                       “เหรอ มีสัตว์ดูดเลือดแปลกๆอย่างงั้นด้วยเหรอ  เอาล่ะเข้าใจล่ะ พาเด็กๆเข้ามาในบ้านก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยหาทางกลับบ้านกันแล้วกัน “



                       “เอ๊าเด็กๆ เข้ามาในบ้านกันก่อน กลับไปจะตีให้โดดเลย ถึงโตแล้วก็เหอะ ตามมาได้ไง อันตรายทั้งนั้น”



                       “ขอโทษครับ” เด็กๆทำเสียงอ่อยกันไปทั่ว เหมือนจะสำนึกผิด



                       “เอาล่ะ ทีป ผมคงต้องขอตัวก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน เดี๋ยวผมจะให้เอมัวเอาหมอนลงมาให้คุณกับเด็กๆนะ ราตรีสวัสดิ์”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×