ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : วิทยาศาสตร์ของเคยุโก
.
                “ก๊อกๆๆ ลุง ๆๆๆ อยู่หรือเปล่า” ผมเรียกด้วยเสียงอันดังเมื่อไปถึงบ้านของหมออิฐ แต่ประตูก็ยังนิ่งเงียบ ไม่มีใครเปิดออกมาต้อนรับ ผมตะโกนอยู่นาน จึงได้บอกกับวิสาว่า “สงสัยแกจะไม่อยู่ละมั้ง คงจะหลบหน้าเราแน่ๆเลย แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันดีละครับคุณวิสา” ผมถามวิสาด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างที่สุด
                “สาว่าคงต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยมาหาแกใหม่แล้วล่ะค่ะแบบนี้ เรากลับกันเถอะค่ะ”
                “จะเอาอย่างนั้นเหรอ ผมว่ารอแกอยู่ต่อเถอะเดี๋ยวแกคงจะรีบกลับมา ไม่งั้นพรุ่งนี้เรามาอีกแกก็หลบหน้าเราอยู่อย่างงี้ทุกทีไป แล้วเราจะเจอแกได้ไงล่ะ “
                “ข้าไม่ได้หลบเอ็งไปไหนหรอก ข้าอยู่ในบ้านนี่แหละ”  เสียงหมออิฐทำให้ผมสะดุ้งเพราะผมเรียกแกหลายหนแต่แกก็ไม่ยอมขานตอบ อยู่ๆก็ขานตอบกลับมาดื้อๆ ทำลายความเงียบขณะนั้นลงไปในทันที
                “งั้นผมเข้าไปล่ะนะลุง”
                “เออ เอ็งจะเข้ามาก็เข้ามา เอาอะไรมาฝากข้าหรือเปล่าล่ะ”  แกพูดอย่างอารมณ์ดีเหมือนกับว่าเมื่อกี้ที่แกโทรมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
                “ถ้าลุงจะเอาเดี๋ยวผมแวะไปซื้อมาให้นะ อย่าพึ่งหนีผมไปไหนล่ะ “
                “เออ ข้าพูดเล่น เอ็งรีบเข้ามาเสียทีซิ พาแม่หนูนั่นมาหาข้าด้วย”
                “เมื่ออยู่ภายในบ้าน ผมสังเกตได้ว่าข้าวของของแกได้หายไปหมดเหมือนแกจะพยายามย้ายหนีผมไปแต่ก็ไม่ทันเสียมากกว่า “
                “ลุงกำลังจะไปไหนอ่ะ ผมถามลุงออกไป”
                “ข้าเก็บบ้านน่ะ “
                “ลุงไม่ต้องมาโกหกผมเลย ลุงกำลังหนีเราใช่ไหมล่ะ “
                “เปล่าๆ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเอ็งอยากรู้อะไรว่ามา”
                “ก็ไอ้ของที่ลุงให้วิสาไง ทำไมมันถึงมีแสงแล้วก็มีเสียงคนด้วยล่ะ “
                “ฮ่าๆๆๆ แล้วมันมีเสียงยังไงล่ะ ข้าก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน”
                “มันดังเป็นเสียงคนบอกว่า ช่วยข้าออกไปที ข้าชื่อเมกุ” วิสารีบบอกหมออิฐออกไป
                “พ่อมดในเมืองเจนิสใช่ไหมลุง”
                “เออ เอ็งรู้แล้วถามข้าทำไมล่ะ มันน่ะเพื่อนข้าเองแหละ”
                “เพื่อนลุงน่ะนะ ลุงไปรู้จักเมกุได้ไง”
                “ก็ข้าเจอมันเมื่อ 15 ปีก่อนนี้น่ะ ระหว่างที่ข้านั่งสมาธิน่ะ จิตข้าก็ล่องลอยไปที่โน่นที่นี่ที แต่แล้วเมื่อมาถึงที่นึงจิตข้าก็ถูกกระแสของเวลาดูดเข้าไป ข้าเพ่งจิตอีกทีข้าก็อยู่ในเจนิสแล้วล่ะ “
                “เจนิสคือที่ไหนคะสาไม่เคยได้ยินเลย”
                “เจนิสคือเมืองที่อยู่ขนานกันกับกรุงเทพนี่ล่ะ เป็นเมืองอีกมิติหนึ่ง แล้วที่พวกเจ้าเข้าไปน่ะมันก็เป็นเวลาอีก 200 ปีให้หลังจากนี้ เอ็งยังคงจำในสิ่งที่เอ็งเห็นได้นะ” หมออิฐพูดพร้อมมองมาทางผม
                “200 ปีข้างหน้าเหรอครับ มิน่าเทคโนโลยีถึงเจริญมากๆเลย “
                “คุณทีปคะคุณเคยไปมาเหรอคะ”
                “เคยครับ เคยไปมาครั้งนึง ว่าๆไปก็เมื่อคืนนี้เองแหละ”
                “เอาๆๆ จะฟังเรื่องของข้าต่อไหมล่ะเนี่ย “
                “ฟังครับ ฟังค่ะ ผมกับสาตอบออกมาเกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน”
                “ตอนที่ข้าเจอเมกุตอนนั้นน่ะนะ เค้ายังเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดอยู่ในทางด้านประมุขของจิตใจ แต่แล้วเหตุการณ์แห่งการล้มล้างก็เกิดขึ้น ไอ้พ่อมดชั่วเคยุโกมันก็โผล่มา มัน ๆๆๆๆ”
                หมออิฐพูดออกมาด้วยความแค้นเป็นที่สุดเหมือนแกอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
                “มันขังเพื่อนของข้าเอาไว้ ในของที่ข้าให้พวกเอ็งไว้นั่นล่ะ “
                “เมกุอยู่ในนี้เหรอคะ”
                “ใช่ เพื่อนข้าอยู่ในนั้นแหละ “
                “แล้วให้พวกหนูมาทำไมล่ะคะ”
                “ก็เมกุมันบอกข้าว่า อยากอยู่กับพวกเอ็งน่ะสิ มันรู้ว่ามันจะได้กลับเจนิสถ้าอยู่กับพวกเอ็งน่ะ”
                “เอาล่ะเล่าต่อ ถึงไหนแล้ว เออถึงตอนที่ มันจับเพื่อนข้าใช่ป่ะ ไอ้เคยุโกมันร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ของเจนิสสร้างไอ้ที่ข้าให้เอ็งไว้นั่นล่ะขึ้นมาเพื่อขังเมกุไว้ “
                “เอ็งเห็นจุดตรงกลางด้านหลังไหมล่ะ แต่ก่อนมันจะมีสลักอยู่ เมื่อหักสลักออกแล้วหันไปทางใครมันจะใช้ระบบสูญญากาศดูดเข้ามา แล้วขังไว้ มันเป็นอำนาจทางวิทยาศาสตร์ เมกุไม่สามารถที่จะใช้เวทมนตร์ทำให้หลุดออกมาได้ “
                “แล้วทำไมเคยุโกไม่ฆ่าเมกุเสียเลยล่ะครับ”
                “มันก็อยากฆ่าเหมือนกันแหละ แต่ทำไมมันไม่ฆ่า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
                “แล้วลุงไปเอานี่มาได้ยังไงล่ะครับ”
                “ตอนนั้นข้าอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยน่ะสิ ข้าหลบอยู่หลังกำแพง ตอนนั้นหลังจากที่เมกุถูกจับลงไปได้ ทหารก็เข้ามาแล้วระดมยิงปืนไปทางเคยุโก มันได้รับบาดเจ็บเพราะว่ากระสุนได้สาดเข้ามาอย่างเยอะ จนไม่ร่ายเวทมนตร์ไม่ทัน เลยโดนไปหลายนัดเหมือนกัน แต่มันร่ายคาถาด้วยมือเดียวไม่ถนัด มันจึงปล่อยเมกุลงกับพื้น ข้าเลยฉวยโอกาสตอนนั้นล่ะ ร่ายคาถาข้ามั่งล่ะ “
                “ลุงก็มีคาถาเหมือนกันเหรอ “
                “ฮ่าๆๆๆ ก็ตอนนั้นข้าอยู่ในภาวะแห่งจิตไง ข้าเลยอยากทำไรข้าก็พอทำได้ ตอนนั้นกระแสจิตข้ายังแข็งอยู่ ข้าบังคับให้เมกุลอยมาหาข้า มันก็ลอยมานะ แต่ลอยได้ไม่สูงเลียดพื้น จิตข้าคงอ่อนไปมั้ง ไม่เก่งเหมือนพวกพ่อมดพวกนั้น “
                “พอมันมาถึงมือข้า ข้าก็คลายกระแสจิต ตื่นจากสมาธิ แล้วแผ่นสีเงินเนี่ย มันก็มาอยู่กับข้าแล้วล่ะ”
                “แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ”
                “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันหลังจากนั้นข้าก็ไม่เคยไปเจนิสอีกเลย เมกุไม่เคยโผล่ออกมาจากแผ่นสีเงินนี่อีกเลย จนเมื่อพวกเอ็งสองคนมาหาข้านั้นล่ะ เมกุมันก็บอกข้าทางกระแสจิตว่า ให้ข้าไปกับพวกเขา ให้ข้าไปกับพวกเขา ข้าอยากกลับเจนิส ไปแก้แค้น ข้าก็เลยมอบมันให้พวกเอ็งนั่นล่ะ ส่วนทำไมเมกุถึงได้บอกเอ็งอย่างงั้นข้าก็ไม่รู้ ทำไมมีแสงออกมาข้าก็ไม่รู้ พวกเอ็งไปหาคำตอบกันเอาเอง”
                “แต่เอ็งเก็บไว้ดีๆล่ะ อย่าให้หายเด็ดขาด เพราะนั่นมันคือเพื่อนของข้า จำไว้เพื่อนของข้า”
                “ก๊อกๆๆ ลุง ๆๆๆ อยู่หรือเปล่า” ผมเรียกด้วยเสียงอันดังเมื่อไปถึงบ้านของหมออิฐ แต่ประตูก็ยังนิ่งเงียบ ไม่มีใครเปิดออกมาต้อนรับ ผมตะโกนอยู่นาน จึงได้บอกกับวิสาว่า “สงสัยแกจะไม่อยู่ละมั้ง คงจะหลบหน้าเราแน่ๆเลย แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันดีละครับคุณวิสา” ผมถามวิสาด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างที่สุด
                “สาว่าคงต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยมาหาแกใหม่แล้วล่ะค่ะแบบนี้ เรากลับกันเถอะค่ะ”
                “จะเอาอย่างนั้นเหรอ ผมว่ารอแกอยู่ต่อเถอะเดี๋ยวแกคงจะรีบกลับมา ไม่งั้นพรุ่งนี้เรามาอีกแกก็หลบหน้าเราอยู่อย่างงี้ทุกทีไป แล้วเราจะเจอแกได้ไงล่ะ “
                “ข้าไม่ได้หลบเอ็งไปไหนหรอก ข้าอยู่ในบ้านนี่แหละ”  เสียงหมออิฐทำให้ผมสะดุ้งเพราะผมเรียกแกหลายหนแต่แกก็ไม่ยอมขานตอบ อยู่ๆก็ขานตอบกลับมาดื้อๆ ทำลายความเงียบขณะนั้นลงไปในทันที
                “งั้นผมเข้าไปล่ะนะลุง”
                “เออ เอ็งจะเข้ามาก็เข้ามา เอาอะไรมาฝากข้าหรือเปล่าล่ะ”  แกพูดอย่างอารมณ์ดีเหมือนกับว่าเมื่อกี้ที่แกโทรมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
                “ถ้าลุงจะเอาเดี๋ยวผมแวะไปซื้อมาให้นะ อย่าพึ่งหนีผมไปไหนล่ะ “
                “เออ ข้าพูดเล่น เอ็งรีบเข้ามาเสียทีซิ พาแม่หนูนั่นมาหาข้าด้วย”
                “เมื่ออยู่ภายในบ้าน ผมสังเกตได้ว่าข้าวของของแกได้หายไปหมดเหมือนแกจะพยายามย้ายหนีผมไปแต่ก็ไม่ทันเสียมากกว่า “
                “ลุงกำลังจะไปไหนอ่ะ ผมถามลุงออกไป”
                “ข้าเก็บบ้านน่ะ “
                “ลุงไม่ต้องมาโกหกผมเลย ลุงกำลังหนีเราใช่ไหมล่ะ “
                “เปล่าๆ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเอ็งอยากรู้อะไรว่ามา”
                “ก็ไอ้ของที่ลุงให้วิสาไง ทำไมมันถึงมีแสงแล้วก็มีเสียงคนด้วยล่ะ “
                “ฮ่าๆๆๆ แล้วมันมีเสียงยังไงล่ะ ข้าก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน”
                “มันดังเป็นเสียงคนบอกว่า ช่วยข้าออกไปที ข้าชื่อเมกุ” วิสารีบบอกหมออิฐออกไป
                “พ่อมดในเมืองเจนิสใช่ไหมลุง”
                “เออ เอ็งรู้แล้วถามข้าทำไมล่ะ มันน่ะเพื่อนข้าเองแหละ”
                “เพื่อนลุงน่ะนะ ลุงไปรู้จักเมกุได้ไง”
                “ก็ข้าเจอมันเมื่อ 15 ปีก่อนนี้น่ะ ระหว่างที่ข้านั่งสมาธิน่ะ จิตข้าก็ล่องลอยไปที่โน่นที่นี่ที แต่แล้วเมื่อมาถึงที่นึงจิตข้าก็ถูกกระแสของเวลาดูดเข้าไป ข้าเพ่งจิตอีกทีข้าก็อยู่ในเจนิสแล้วล่ะ “
                “เจนิสคือที่ไหนคะสาไม่เคยได้ยินเลย”
                “เจนิสคือเมืองที่อยู่ขนานกันกับกรุงเทพนี่ล่ะ เป็นเมืองอีกมิติหนึ่ง แล้วที่พวกเจ้าเข้าไปน่ะมันก็เป็นเวลาอีก 200 ปีให้หลังจากนี้ เอ็งยังคงจำในสิ่งที่เอ็งเห็นได้นะ” หมออิฐพูดพร้อมมองมาทางผม
                “200 ปีข้างหน้าเหรอครับ มิน่าเทคโนโลยีถึงเจริญมากๆเลย “
                “คุณทีปคะคุณเคยไปมาเหรอคะ”
                “เคยครับ เคยไปมาครั้งนึง ว่าๆไปก็เมื่อคืนนี้เองแหละ”
                “เอาๆๆ จะฟังเรื่องของข้าต่อไหมล่ะเนี่ย “
                “ฟังครับ ฟังค่ะ ผมกับสาตอบออกมาเกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน”
                “ตอนที่ข้าเจอเมกุตอนนั้นน่ะนะ เค้ายังเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดอยู่ในทางด้านประมุขของจิตใจ แต่แล้วเหตุการณ์แห่งการล้มล้างก็เกิดขึ้น ไอ้พ่อมดชั่วเคยุโกมันก็โผล่มา มัน ๆๆๆๆ”
                หมออิฐพูดออกมาด้วยความแค้นเป็นที่สุดเหมือนแกอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
                “มันขังเพื่อนของข้าเอาไว้ ในของที่ข้าให้พวกเอ็งไว้นั่นล่ะ “
                “เมกุอยู่ในนี้เหรอคะ”
                “ใช่ เพื่อนข้าอยู่ในนั้นแหละ “
                “แล้วให้พวกหนูมาทำไมล่ะคะ”
                “ก็เมกุมันบอกข้าว่า อยากอยู่กับพวกเอ็งน่ะสิ มันรู้ว่ามันจะได้กลับเจนิสถ้าอยู่กับพวกเอ็งน่ะ”
                “เอาล่ะเล่าต่อ ถึงไหนแล้ว เออถึงตอนที่ มันจับเพื่อนข้าใช่ป่ะ ไอ้เคยุโกมันร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ของเจนิสสร้างไอ้ที่ข้าให้เอ็งไว้นั่นล่ะขึ้นมาเพื่อขังเมกุไว้ “
                “เอ็งเห็นจุดตรงกลางด้านหลังไหมล่ะ แต่ก่อนมันจะมีสลักอยู่ เมื่อหักสลักออกแล้วหันไปทางใครมันจะใช้ระบบสูญญากาศดูดเข้ามา แล้วขังไว้ มันเป็นอำนาจทางวิทยาศาสตร์ เมกุไม่สามารถที่จะใช้เวทมนตร์ทำให้หลุดออกมาได้ “
                “แล้วทำไมเคยุโกไม่ฆ่าเมกุเสียเลยล่ะครับ”
                “มันก็อยากฆ่าเหมือนกันแหละ แต่ทำไมมันไม่ฆ่า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
                “แล้วลุงไปเอานี่มาได้ยังไงล่ะครับ”
                “ตอนนั้นข้าอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยน่ะสิ ข้าหลบอยู่หลังกำแพง ตอนนั้นหลังจากที่เมกุถูกจับลงไปได้ ทหารก็เข้ามาแล้วระดมยิงปืนไปทางเคยุโก มันได้รับบาดเจ็บเพราะว่ากระสุนได้สาดเข้ามาอย่างเยอะ จนไม่ร่ายเวทมนตร์ไม่ทัน เลยโดนไปหลายนัดเหมือนกัน แต่มันร่ายคาถาด้วยมือเดียวไม่ถนัด มันจึงปล่อยเมกุลงกับพื้น ข้าเลยฉวยโอกาสตอนนั้นล่ะ ร่ายคาถาข้ามั่งล่ะ “
                “ลุงก็มีคาถาเหมือนกันเหรอ “
                “ฮ่าๆๆๆ ก็ตอนนั้นข้าอยู่ในภาวะแห่งจิตไง ข้าเลยอยากทำไรข้าก็พอทำได้ ตอนนั้นกระแสจิตข้ายังแข็งอยู่ ข้าบังคับให้เมกุลอยมาหาข้า มันก็ลอยมานะ แต่ลอยได้ไม่สูงเลียดพื้น จิตข้าคงอ่อนไปมั้ง ไม่เก่งเหมือนพวกพ่อมดพวกนั้น “
                “พอมันมาถึงมือข้า ข้าก็คลายกระแสจิต ตื่นจากสมาธิ แล้วแผ่นสีเงินเนี่ย มันก็มาอยู่กับข้าแล้วล่ะ”
                “แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ”
                “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันหลังจากนั้นข้าก็ไม่เคยไปเจนิสอีกเลย เมกุไม่เคยโผล่ออกมาจากแผ่นสีเงินนี่อีกเลย จนเมื่อพวกเอ็งสองคนมาหาข้านั้นล่ะ เมกุมันก็บอกข้าทางกระแสจิตว่า ให้ข้าไปกับพวกเขา ให้ข้าไปกับพวกเขา ข้าอยากกลับเจนิส ไปแก้แค้น ข้าก็เลยมอบมันให้พวกเอ็งนั่นล่ะ ส่วนทำไมเมกุถึงได้บอกเอ็งอย่างงั้นข้าก็ไม่รู้ ทำไมมีแสงออกมาข้าก็ไม่รู้ พวกเอ็งไปหาคำตอบกันเอาเอง”
                “แต่เอ็งเก็บไว้ดีๆล่ะ อย่าให้หายเด็ดขาด เพราะนั่นมันคือเพื่อนของข้า จำไว้เพื่อนของข้า”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น