ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : แสงสว่างประหลาด
.
                  ผมตาสว่างขึ้นมาอย่างทันที อีมกุเด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับจิมลูกสาวผมจะมาที่บ้าน
                  \"เอาล่ะ เค้าจะมาสักกี่โมงล่ะ”
                  “ประมาณสี่ทุ่มครับพ่อ วันนี้เค้าคงมาได้ไม่นานเพราะว่าต้องรีบกลับก่อนเที่ยงคืน “
                  “ทำไมต้องก่อนเที่ยงคืน ผมถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ ถ้าผมเดาไม่ผิดก็คงเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้แน่ๆ”
                  “นะโป ครับพ่อ พวกนี้จะออกมาทำงานหลังเที่ยงคืน อีมกุเค้ากลัวโดนจับได้ แม้ว่าพ่อเค้าจะตำแหน่งใหญ่โตแต่ถ้าโดนจับแล้วล่ะก็ไม่รอดเหมือนกันครับ”
                  “อืมก็ได้ คืนนี้พ่อจะไปคุยกับเค้าดูถ้าเค้ามาแล้วไปปลุกพ่อด้วย พ่อขอตัวไปนอนก่อนนะ”
                  “ครับพ่อ แล้วไงผมจะไปปลุกนะ หวังว่าพ่อคงไม่นอนขี้เซาจนผมปลุกไม่ขึ้นนะครับ”
                  “พ่อครับ อีมกุมาแล้ว พ่อจะลงไปคุยกับเค้าเลยไหมครับ”
                  “ไปสิไป เดี๋วยจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผมก้าวเข้ามาในห้องของลูกชาย มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมเคยเห็นแล้วในวัดแห่งนั้น คราวนี้เธอมาในชุดสีขาว กางเกงสีดำ รูปร่างเธอค่อนข้างดีมาก และผูกผมเปียไว้ที่กลางศีรษะ
                  “สวัสดีค่ะ หนูชื่ออีมกุ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
                  “สวัสดีจ๊ะ ไปไงมาไงมารู้จักจิมเค้าได้ล่ะ”
                  “หนูเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆที่โรงเรียนค่ะ หนูหลบไปซ่อนในท่อระบายน้ำ พอเข้าไปหนูก็โผล่มาที่นี่ค่ะ ไม่รู้มาได้ยังไงเหมือนกัน พอโผล่มาก็เจอจิมเค้ากำลังเข้ามาในห้องนี้พอดี หลังจากนั้นหนูก็แวะมาหาเค้าบ่อยๆ จิมเค้าสนุกดีค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาทุกทีไม่เคยไปหาคุณลุงเลย”
                  “ไม่เป็นไร ถ้าไปลุงก็คงจะตกใจเหมือนกัน “
                  “แล้วพ่อหนูเป็นใครกันล่ะ “
                  “พ่อหนูเป็นทหารค่ะ ทำงานอยู่กรมปกป้องเจนิสค่ะ มีลูกน้องเยอะเลยนะคะ พ่อหนูใหญ่มากเลยล่ะ”
                    อีมกุ พูดไปเพื่อที่จะโอ้อวดตำแหน่งของพ่อเค้า ว่าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากเลย ยิ่งผมจับได้จากถ้อยคำของจิมแล้ว ก็ยิ่งมั่นใจว่าพ่อของอีมกุจะต้องมีอิทธิพลต่อเจนิสเป็นอย่างมาก
                  “เอาล่ะ พ่อไม่กวนทั้งสองคนแล้ว พ่อต้องขอตัวไปนอนแล้วล่ะนะ ไงก็อย่าลืมรีบกลับบ้านล่ะอีมกุพ่อเราจะเป็นห่วงเอาได้”
                  “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตอนนี้พ่อไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วมั้งค่ะ ตั้งแต่พี่ชายหนูถูกขัง”
                  “พี่ชายเธอเป็นอะไรทำไมถึงถูกจับขังล่ะ”
                    อีมกุ ทำท่าเหมือนจะไม่พูดอะไร เพราะว่าเรื่องที่เธอเอ่ยออกมาเมื่อสักครู่เป็นการหลุดปากของเธอนั่นเอง
                 
                  “เอ่ออออ ขอไม่เล่าได้ไหมคะ”
                  “ตามใจหนูแล้วกันเผื่อฉันจะช่วยอะไรหนูได้ อีมมูเค้าก็ไม่น่าจะต้องติดคุกอย่างงี้เลยนะ”
                  “คุณลุงรู้จักพี่อีมมู “
                  “อ่ะแน่นอนซิจ๊ะ ก็ลุงเป็นคนไปเห็นเค้าถูกคุมขังก่อนที่เค้าจะถูกพาหลบหนีออกไป แล้วยังได้คุยกับเค้าเลยนะ”
                  “แล้วพี่อีมมูพูดอะไรบ้างคะ พูดอะไรบ้างคะ”  อีมกุพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ปนดีใจที่ได้ทราบข่าวคราวของพี่ชาย
                  “หนูไม่รู้เลยนะคะเนี่ยว่าพี่อีมมูถูกขังไว้ที่ไหน ได้แต่ข่าวที่ว่ามีคนช่วยนักโทษหนีจากสถานีตำรวจ พี่อีมมูเองเหรอเนี่ย เค้าปิดข่าวกันไม่บอกว่านักโทษเป็นใคร ติดคดีอะไร พ่อก็ไม่ยอมส่งข่าวมาเลย”
                  “แล้วนี่ตอนนี้หนูอยู่กับใครล่ะ”
                  “อยู่กับแม่ค่ะ แม่หนูอยู่กับบ้านเฉยๆ แม่เป็นคนชอบเก็บตัวไม่ค่อยไปไหนค่ะ”
                  “อุ๊ยหนูพูดมากไปอีกแล้วสิคะเนี่ย ไม่น่าเลยเรา”
                  “แหมแต่แค่นั้นไม่น่าเป็นความลับอะไรเลยนี่นา”
                  “ไม่ได้ค่ะ ใครจะรู้ไม่ได้นะคะว่าแม่หนูอยู่กับบ้านเฉยๆ และรู้ว่าแม่หนูยังมีชีวิตอยู่ พ่อปิดเงียบมาตลอดเลย เพราะถ้าเค้ารู้เค้าจะต้องฆ่าแม่หนูขึ้นมาจริงๆแน่ๆเลย”
                  “ฆ่า ฆ่าทำไมล่ะ แม่หนูทำอะไรผิดเหรอ”
                  “ไม่บอกอีกได้ไหมคะหนูรู้สึกว่าบางอย่างหนูไม่ควรจะเล่าให้คุณลุงฟังน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ นี่กี่โมงแล้วคะเนี่ย จะเที่ยงคืนแล้ว หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ “
                  “อะไรกันนี่พึ่งจะห้าทุ่มกว่าเองนะ ลุงเข้ามาเนี่ยหนูยังไม่ได้คุยกับจิมเลย”
                  “จิมเราไปก่อนนะ ไว้วันหลังจะเข้ามาคุยด้วยใหม่ ขอโทษทีวันนี้อยู่ไม่ได้นาน ว่างๆ พาพ่อเธอไปหาเราที่บ้านสิ ไปตอนกลางวันนะ กลางคืนไม่ได้ หวังว่าพ่อเราคงยังไม่กลับมาช่วงนี้”
                  “ได้เลย พ่อไว้ว่างๆเราไปกันนะ”
                  เช้าวันนี้เป็นวันที่ผมต้องไปทำงานอีกครั้ง วันจันทร์แล้วนี่นา ก่อนไปผมก็ยังคงต้องไปส่งจิมเหมือนทุกที แต่วันนี้บรรยากาศขณะขับรถไปเงียบมากจนผมรู้สึกว่าจิมเค้าแปลกไปอย่างมาก
                  “จิม” ผมพูดขึ้นทำลายบรรยากาศความเงียบนั่นเสีย “เป็นอะไรไปหรือเปล่าลูก”
                  “เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ ผมคิดอะไรเพลินเกี่ยวกับการบ้านที่ทำเมื่อวานสงสัยจะทำผิดน่ะครับ”
“เหรอ มีอะไรอย่าปิดพ่อนะ “
                  “ไม่มีครับ ไม่มีผมจะปิดพ่อไปทำไมกันครับ”
                  ผมส่งลูกถึงประตูโรงเรียนแล้วผมก็ขับรถต่อไปยังที่ทำงาน
                  “คุณประทีปคะ เอกสารที่สาจะให้คุณเซ็นวางไว้ที่โต๊ะแล้วนะคะ”
                  “คุณทีปคะ คุณทีปคะ ผมสะดุ้งสุดตัวกับเสียงนี้”
                  “เป็นไรไปคะเหม่อ จังนะคะ สาเรียกคุณก็ไม่ได้ยิน”
                  “ไม่มีอะไรครับ เอ้อเที่ยงนี้ไปทานข้าวกับผมนะครับ ผมพูดออกไปแก้เก้อ”
                  “ค่ะตกลง ไว้เที่ยงนี้เจอกันที่คอฟฟี่ช็อปชั้นล่างนะคะ”
                  “ครับ เดี๋ยวผมจะรีบเซ็นแล้วเอาไปให้คุณนะครับ”
                  “ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
                  “ข้าวผัดปู 2 จานครับ โค๊ก 1 ขวดกับน้ำแข็งเปล่าสองที่ครับ”
                  “คุณทีปคะ สามีอะไรจะเล่าให้คุณฟังคุณอย่าขำที่สาจะเล่าให้คุณฟังนะคะ”
                  “อะไรเหรอครับ “
                  “คุณจำวันที่เราไปหาหมอดูคนนั้นได้ไหมคะ”
                  “หมออิฐน่ะเหรอครับ “
                  “ใช่คะ แกให้ของชิ้นหนึ่งมาให้ฉันจำได้ไหม ที่มันเป็นแผ่นสีเงินน่ะค่ะ เมื่อวานมันส่องแสงวาบค่ะ ทำให้ห้องของฉันสว่างไปหมดเลย แม้ว่าจะปิดไฟแล้วก็ตามที่คะ หลังจากนั้นฉันก็ไปดูที่มัน ปรากฎว่ามันมีเสียงออกมาด้วย สากลัวมากเลยนะตอนแรก แต่เมื่อฟังดีๆนะ สาก็ฟังออกว่ามันพูดว่าอะไร”
                  “พูดว่าอะไร”
                  “สาก็ไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าไง แต่มันพูดว่า”
                  “ช่วยข้าออกไปที ช่วยข้าออกไปที ข้าเมกุ ข้าเมกุ “
                  “เมกุ”  ผมทวนคำของสา พ่อมดคนที่ 6 ผมพึมพำเสียงดังจนสาถาม
                  “คุณทีปรู้จักคนนี้ด้วยเหรอคะ”
                  “เรื่องมันยาวครับ แล้วผมจะเล่าให้ฟังอีกที รีบกินเถอะครับ ข้าวเย็นหมดแล้ว”
                  ผมยังต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้มากกว่าที่จะนำเธอมาร่วมรับรู้เรื่องราวประหลาดๆนี้ด้วยอีกคน แค่ผมกับลูก ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
                  เย็นวันนี้สาชวนผมไปที่บ้านเพราะว่าอยากจะให้ผมเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง แต่ผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี เธอจึงบอกกับผมว่าเดี๋ยวจะเอาแผ่นสีเงินมาให้ดูพิจารณากันอีกที แล้วเผื่อผมจะได้ไปถามหมออิฐด้วยว่าให้อะไรเธอมา
                  “นี่ค่ะ แผ่นสีเงินที่มันส่องสว่างเมื่อคืน แล้วก็มีเสียงด้วย “
                  “กริ๊ง ๆ ๆ “ เสียงโทรศัพท์ในบ้านของสาดังแล้วแม่ก็รีบไปรับ
                  “สาของลูกจ๊ะ “
                  “สวัสดีค่ะวิสาพูดค่ะ “
                  “สวัสดีครับ ผมหมออิฐนะ ของที่ให้ไปยังอยู่ไหมครับ”
                  “ยัง ยังอยู่ค่ะ มีอะไรเหรอคะ”
                  “อ๋อ งั้นก็ดีครับ เก็บไว้ดีๆนะครับ”
                  “ลุงคะ ไอ้แสงวาบๆ ที่ออกมาจากมันคืออะไรกันคะ”
                  “แสงอะไรนะ ผมยังไม่เคยเจอแสงอะไรนั่นเลย”
                  “แล้วลุงจะโทรมาหาฉันทำไมแล้วไปเอาเบอร์มาจากไหนกันคะ ฉันยังไม่เคยให้ลุงไปเลยนะ “
                  “อย่ารู้เลยว่าไปเอาเบอร์มาจากที่ไหน แต่ว่าเก็บมันไว้ดีๆล่ะ “
                  “ลุงจะไม่บอกเหรอว่าแสงนั่นคืออะไรบอก ..”
                  “ลุงถ้าลุงไม่บอกผมจะไปหาลุงเดี๋ยวนี้แหละ ผมแย่งหูโทรศัพท์จากสามาพูด”
                  “ลุง ๆๆๆ “  ผมตะโกนใส่หูโทรศัพท์เรียกแก
                  “ลุงแกวางหูไปแล้วล่ะ สาผมว่าเอาของนั่นไปด้วยแล้วไปหาลุงแกกันเลยดีกว่า”
                  ผมตาสว่างขึ้นมาอย่างทันที อีมกุเด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับจิมลูกสาวผมจะมาที่บ้าน
                  \"เอาล่ะ เค้าจะมาสักกี่โมงล่ะ”
                  “ประมาณสี่ทุ่มครับพ่อ วันนี้เค้าคงมาได้ไม่นานเพราะว่าต้องรีบกลับก่อนเที่ยงคืน “
                  “ทำไมต้องก่อนเที่ยงคืน ผมถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ ถ้าผมเดาไม่ผิดก็คงเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้แน่ๆ”
                  “นะโป ครับพ่อ พวกนี้จะออกมาทำงานหลังเที่ยงคืน อีมกุเค้ากลัวโดนจับได้ แม้ว่าพ่อเค้าจะตำแหน่งใหญ่โตแต่ถ้าโดนจับแล้วล่ะก็ไม่รอดเหมือนกันครับ”
                  “อืมก็ได้ คืนนี้พ่อจะไปคุยกับเค้าดูถ้าเค้ามาแล้วไปปลุกพ่อด้วย พ่อขอตัวไปนอนก่อนนะ”
                  “ครับพ่อ แล้วไงผมจะไปปลุกนะ หวังว่าพ่อคงไม่นอนขี้เซาจนผมปลุกไม่ขึ้นนะครับ”
                  “พ่อครับ อีมกุมาแล้ว พ่อจะลงไปคุยกับเค้าเลยไหมครับ”
                  “ไปสิไป เดี๋วยจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผมก้าวเข้ามาในห้องของลูกชาย มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมเคยเห็นแล้วในวัดแห่งนั้น คราวนี้เธอมาในชุดสีขาว กางเกงสีดำ รูปร่างเธอค่อนข้างดีมาก และผูกผมเปียไว้ที่กลางศีรษะ
                  “สวัสดีค่ะ หนูชื่ออีมกุ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
                  “สวัสดีจ๊ะ ไปไงมาไงมารู้จักจิมเค้าได้ล่ะ”
                  “หนูเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆที่โรงเรียนค่ะ หนูหลบไปซ่อนในท่อระบายน้ำ พอเข้าไปหนูก็โผล่มาที่นี่ค่ะ ไม่รู้มาได้ยังไงเหมือนกัน พอโผล่มาก็เจอจิมเค้ากำลังเข้ามาในห้องนี้พอดี หลังจากนั้นหนูก็แวะมาหาเค้าบ่อยๆ จิมเค้าสนุกดีค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาทุกทีไม่เคยไปหาคุณลุงเลย”
                  “ไม่เป็นไร ถ้าไปลุงก็คงจะตกใจเหมือนกัน “
                  “แล้วพ่อหนูเป็นใครกันล่ะ “
                  “พ่อหนูเป็นทหารค่ะ ทำงานอยู่กรมปกป้องเจนิสค่ะ มีลูกน้องเยอะเลยนะคะ พ่อหนูใหญ่มากเลยล่ะ”
                    อีมกุ พูดไปเพื่อที่จะโอ้อวดตำแหน่งของพ่อเค้า ว่าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากเลย ยิ่งผมจับได้จากถ้อยคำของจิมแล้ว ก็ยิ่งมั่นใจว่าพ่อของอีมกุจะต้องมีอิทธิพลต่อเจนิสเป็นอย่างมาก
                  “เอาล่ะ พ่อไม่กวนทั้งสองคนแล้ว พ่อต้องขอตัวไปนอนแล้วล่ะนะ ไงก็อย่าลืมรีบกลับบ้านล่ะอีมกุพ่อเราจะเป็นห่วงเอาได้”
                  “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตอนนี้พ่อไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วมั้งค่ะ ตั้งแต่พี่ชายหนูถูกขัง”
                  “พี่ชายเธอเป็นอะไรทำไมถึงถูกจับขังล่ะ”
                    อีมกุ ทำท่าเหมือนจะไม่พูดอะไร เพราะว่าเรื่องที่เธอเอ่ยออกมาเมื่อสักครู่เป็นการหลุดปากของเธอนั่นเอง
                 
                  “เอ่ออออ ขอไม่เล่าได้ไหมคะ”
                  “ตามใจหนูแล้วกันเผื่อฉันจะช่วยอะไรหนูได้ อีมมูเค้าก็ไม่น่าจะต้องติดคุกอย่างงี้เลยนะ”
                  “คุณลุงรู้จักพี่อีมมู “
                  “อ่ะแน่นอนซิจ๊ะ ก็ลุงเป็นคนไปเห็นเค้าถูกคุมขังก่อนที่เค้าจะถูกพาหลบหนีออกไป แล้วยังได้คุยกับเค้าเลยนะ”
                  “แล้วพี่อีมมูพูดอะไรบ้างคะ พูดอะไรบ้างคะ”  อีมกุพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ปนดีใจที่ได้ทราบข่าวคราวของพี่ชาย
                  “หนูไม่รู้เลยนะคะเนี่ยว่าพี่อีมมูถูกขังไว้ที่ไหน ได้แต่ข่าวที่ว่ามีคนช่วยนักโทษหนีจากสถานีตำรวจ พี่อีมมูเองเหรอเนี่ย เค้าปิดข่าวกันไม่บอกว่านักโทษเป็นใคร ติดคดีอะไร พ่อก็ไม่ยอมส่งข่าวมาเลย”
                  “แล้วนี่ตอนนี้หนูอยู่กับใครล่ะ”
                  “อยู่กับแม่ค่ะ แม่หนูอยู่กับบ้านเฉยๆ แม่เป็นคนชอบเก็บตัวไม่ค่อยไปไหนค่ะ”
                  “อุ๊ยหนูพูดมากไปอีกแล้วสิคะเนี่ย ไม่น่าเลยเรา”
                  “แหมแต่แค่นั้นไม่น่าเป็นความลับอะไรเลยนี่นา”
                  “ไม่ได้ค่ะ ใครจะรู้ไม่ได้นะคะว่าแม่หนูอยู่กับบ้านเฉยๆ และรู้ว่าแม่หนูยังมีชีวิตอยู่ พ่อปิดเงียบมาตลอดเลย เพราะถ้าเค้ารู้เค้าจะต้องฆ่าแม่หนูขึ้นมาจริงๆแน่ๆเลย”
                  “ฆ่า ฆ่าทำไมล่ะ แม่หนูทำอะไรผิดเหรอ”
                  “ไม่บอกอีกได้ไหมคะหนูรู้สึกว่าบางอย่างหนูไม่ควรจะเล่าให้คุณลุงฟังน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ นี่กี่โมงแล้วคะเนี่ย จะเที่ยงคืนแล้ว หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ “
                  “อะไรกันนี่พึ่งจะห้าทุ่มกว่าเองนะ ลุงเข้ามาเนี่ยหนูยังไม่ได้คุยกับจิมเลย”
                  “จิมเราไปก่อนนะ ไว้วันหลังจะเข้ามาคุยด้วยใหม่ ขอโทษทีวันนี้อยู่ไม่ได้นาน ว่างๆ พาพ่อเธอไปหาเราที่บ้านสิ ไปตอนกลางวันนะ กลางคืนไม่ได้ หวังว่าพ่อเราคงยังไม่กลับมาช่วงนี้”
                  “ได้เลย พ่อไว้ว่างๆเราไปกันนะ”
                  เช้าวันนี้เป็นวันที่ผมต้องไปทำงานอีกครั้ง วันจันทร์แล้วนี่นา ก่อนไปผมก็ยังคงต้องไปส่งจิมเหมือนทุกที แต่วันนี้บรรยากาศขณะขับรถไปเงียบมากจนผมรู้สึกว่าจิมเค้าแปลกไปอย่างมาก
                  “จิม” ผมพูดขึ้นทำลายบรรยากาศความเงียบนั่นเสีย “เป็นอะไรไปหรือเปล่าลูก”
                  “เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ ผมคิดอะไรเพลินเกี่ยวกับการบ้านที่ทำเมื่อวานสงสัยจะทำผิดน่ะครับ”
“เหรอ มีอะไรอย่าปิดพ่อนะ “
                  “ไม่มีครับ ไม่มีผมจะปิดพ่อไปทำไมกันครับ”
                  ผมส่งลูกถึงประตูโรงเรียนแล้วผมก็ขับรถต่อไปยังที่ทำงาน
                  “คุณประทีปคะ เอกสารที่สาจะให้คุณเซ็นวางไว้ที่โต๊ะแล้วนะคะ”
                  “คุณทีปคะ คุณทีปคะ ผมสะดุ้งสุดตัวกับเสียงนี้”
                  “เป็นไรไปคะเหม่อ จังนะคะ สาเรียกคุณก็ไม่ได้ยิน”
                  “ไม่มีอะไรครับ เอ้อเที่ยงนี้ไปทานข้าวกับผมนะครับ ผมพูดออกไปแก้เก้อ”
                  “ค่ะตกลง ไว้เที่ยงนี้เจอกันที่คอฟฟี่ช็อปชั้นล่างนะคะ”
                  “ครับ เดี๋ยวผมจะรีบเซ็นแล้วเอาไปให้คุณนะครับ”
                  “ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
                  “ข้าวผัดปู 2 จานครับ โค๊ก 1 ขวดกับน้ำแข็งเปล่าสองที่ครับ”
                  “คุณทีปคะ สามีอะไรจะเล่าให้คุณฟังคุณอย่าขำที่สาจะเล่าให้คุณฟังนะคะ”
                  “อะไรเหรอครับ “
                  “คุณจำวันที่เราไปหาหมอดูคนนั้นได้ไหมคะ”
                  “หมออิฐน่ะเหรอครับ “
                  “ใช่คะ แกให้ของชิ้นหนึ่งมาให้ฉันจำได้ไหม ที่มันเป็นแผ่นสีเงินน่ะค่ะ เมื่อวานมันส่องแสงวาบค่ะ ทำให้ห้องของฉันสว่างไปหมดเลย แม้ว่าจะปิดไฟแล้วก็ตามที่คะ หลังจากนั้นฉันก็ไปดูที่มัน ปรากฎว่ามันมีเสียงออกมาด้วย สากลัวมากเลยนะตอนแรก แต่เมื่อฟังดีๆนะ สาก็ฟังออกว่ามันพูดว่าอะไร”
                  “พูดว่าอะไร”
                  “สาก็ไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าไง แต่มันพูดว่า”
                  “ช่วยข้าออกไปที ช่วยข้าออกไปที ข้าเมกุ ข้าเมกุ “
                  “เมกุ”  ผมทวนคำของสา พ่อมดคนที่ 6 ผมพึมพำเสียงดังจนสาถาม
                  “คุณทีปรู้จักคนนี้ด้วยเหรอคะ”
                  “เรื่องมันยาวครับ แล้วผมจะเล่าให้ฟังอีกที รีบกินเถอะครับ ข้าวเย็นหมดแล้ว”
                  ผมยังต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้มากกว่าที่จะนำเธอมาร่วมรับรู้เรื่องราวประหลาดๆนี้ด้วยอีกคน แค่ผมกับลูก ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
                  เย็นวันนี้สาชวนผมไปที่บ้านเพราะว่าอยากจะให้ผมเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง แต่ผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี เธอจึงบอกกับผมว่าเดี๋ยวจะเอาแผ่นสีเงินมาให้ดูพิจารณากันอีกที แล้วเผื่อผมจะได้ไปถามหมออิฐด้วยว่าให้อะไรเธอมา
                  “นี่ค่ะ แผ่นสีเงินที่มันส่องสว่างเมื่อคืน แล้วก็มีเสียงด้วย “
                  “กริ๊ง ๆ ๆ “ เสียงโทรศัพท์ในบ้านของสาดังแล้วแม่ก็รีบไปรับ
                  “สาของลูกจ๊ะ “
                  “สวัสดีค่ะวิสาพูดค่ะ “
                  “สวัสดีครับ ผมหมออิฐนะ ของที่ให้ไปยังอยู่ไหมครับ”
                  “ยัง ยังอยู่ค่ะ มีอะไรเหรอคะ”
                  “อ๋อ งั้นก็ดีครับ เก็บไว้ดีๆนะครับ”
                  “ลุงคะ ไอ้แสงวาบๆ ที่ออกมาจากมันคืออะไรกันคะ”
                  “แสงอะไรนะ ผมยังไม่เคยเจอแสงอะไรนั่นเลย”
                  “แล้วลุงจะโทรมาหาฉันทำไมแล้วไปเอาเบอร์มาจากไหนกันคะ ฉันยังไม่เคยให้ลุงไปเลยนะ “
                  “อย่ารู้เลยว่าไปเอาเบอร์มาจากที่ไหน แต่ว่าเก็บมันไว้ดีๆล่ะ “
                  “ลุงจะไม่บอกเหรอว่าแสงนั่นคืออะไรบอก ..”
                  “ลุงถ้าลุงไม่บอกผมจะไปหาลุงเดี๋ยวนี้แหละ ผมแย่งหูโทรศัพท์จากสามาพูด”
                  “ลุง ๆๆๆ “  ผมตะโกนใส่หูโทรศัพท์เรียกแก
                  “ลุงแกวางหูไปแล้วล่ะ สาผมว่าเอาของนั่นไปด้วยแล้วไปหาลุงแกกันเลยดีกว่า”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น