ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ไล่ออก
.
                    หลังจากที่ผมกลับมาจากเจนิสคราวนั้น สิ่งแรกที่ผมต้องเผชิญคือตกงาน มันคือความโชคร้ายที่ไม่มีใครช่วยได้ พอผมไปทำงานวันแรกหลังจากขาดงานมาเป็นอาทิตย์ ทุกสายตาก็มองมาทางผมด้วยสายตาที่ค่อนข้างจะทำให้ผมหวาดกลัว
                    “คุณประทีปคะ ผู้จัดการเรียกให้เข้าไปพบค่ะ” เลขาของผู้จัดการเดินถือแฟ้มที่พะรุงพะรัง เข้ามาพูดกับผม
                    “โชคดีเพื่อน” เด่นเพื่อนร่วมงานของผมเข้ามาตบไหล่ให้กำลังใจแล้วหันหลังกลับไปนั่งโต๊ะทำงานของตน ผมเริ่มจะรู้สึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่เกิดขึ้น เหงื่อผมเริ่มจะตกแม้ว่าอากาศภายในห้องจะค่อนข้างเย็นเพราะว่าแอร์ก็เปิดอย่างเย็นฉ่ำ มือผมเย็นไม่ต่างจากอากาศตอนนี้
                    “ก๊อกๆ” เสียงผมเคาะประตู
                    “เข้ามาข้างในก่อนคุณประทีป” เสียงผู้จัดการเรียกผมเข้าไป
                    “นั่งก่อนคุณประทีป”
                    “ครับ ขอบคุณครับ” แล้วผมก็นั่งลงไปเพื่อจะฟังคำพูดแรกของผู้จัดการด้วยใจสั่นๆ
                    “คุณประทีปผมขอพูดกับคุณตรงๆนะครับ คือว่าตามกฎแล้วการที่คุณหยุดงานไปอย่างไม่มีเหตุผล และเกิดความเสียหายกับบริษัทอย่างมาก คุณจะต้องลาออกจากงานและไม่ได้เงินตอบแทน”
                    “ครับผมรู้ครับ” ผมนั่งก้มหน้านิ่งเพราะไม่มีอะไรจะแก้ตัว
                    “แต่ว่าคุณก็เป็นคนที่มีประวัติการทำงานที่ดีเยี่ยม ผมก็อยากจะเก็บคุณไว้ เพราะว่าถ้าขาดคุณไปบริษัทนี้ก็คงจะเสียดายคนมีฝีมืออย่างคุณมาก”
                    “ครับผมเข้าใจ” ผมตอบแล้วก็ยังก้มหน้าอยู่สักพักก่อนที่คิดได้แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผู้จัดการ
                    “คุณว่าอย่างไรล่ะคุณประทีป กับนโยบายของบริษัทที่ต้องให้คุณลาออก”
                    “ผมคงต้องแสดงความรับผิดชอบครับ แต่ว่าผมขอเคลียร์งานให้หมดก่อนแล้วกันนะครับ แล้วค่อยลาออกจะได้ไม่มีปัญหา”
                    “คุณประทีปคุณทำแบบนี้ยิ่งทำให้ผมตัดสินใจลำบากยิ่งขึ้นนะที่ต้องเสียคนดีๆอย่างคุณไป เอางี้ละกันผมจะพยายามหางานดีๆให้คุณเป็นการตอบแทนแล้วกัน ผมพอรู้จักกับบริษัทเพื่อนๆผมเยอะ ผมพอจะช่วยคุณได้”
                    “ขอบคุณครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับมีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าตอนแรกมาก
                    “เอ่อมีอีกเรื่องหนึ่งผมอยากจะถามคุณนะ เพราะว่าตั้งแต่คุณหายไปคุณวิสาก็หายไปด้วยแต่เธอก็ยังไม่กลับมาเหมือนกัน เราสอบถามไปที่บ้านเธอก็ทราบว่าเธอยังไม่กลับบ้าน ตอนแรกเราก็เข้าใจว่าไปกับคุณแต่นี่คุณก็กลับมาเพียงคนเดียว แล้วคุณพอจะทราบไหมล่ะว่าคุณวิสาเค้าไปไหน มีติดต่ออะไรกับคุณไว้หรือเปล่า”
                    “ไม่มีครับ เธอไม่ได้ติดต่อผมมาเลย” ผมต้องโกหกไปเพราะไม่งั้นเรื่องอาจจะบานปลายได้มากกว่านี้อีกเยอะ
                    “คุณวิสาเธอก็เหมือนกับคุณถึงเธอกลับมาผมก็ต้องพิจารณาเช่นเดียวกับคุณน่าเสียดายนะที่คนดีๆมีความสามารถต้องมาออกเพราะกฎที่ตั้งมาแบบนี้”
                    “ผมเข้าใจครับ ถ้าไม่ทำอย่างงี้ระบบจะเสียนะครับ รักษาผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไว้ก่อนดีกว่าครับ ผมเข้าใจครับ”
                    “ขอบคุณมากนะที่ทำให้ผมไม่รู้สึกลำบากใจไปมากกว่านี้” ผู้จัดการพูดพร้อมกับยิ้มแล้วยื่นมือออกมาเพื่อที่จับกับผม แล้วผมก็ยื่นมือไปจับด้วย หลังจากนั้นผมก็ออกจากห้องของผู้จัดการออกมาด้วยความสบายใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าผมจะตกงานแน่ๆแล้ว
                    “เป็นไงบ้างเพื่อน” เด่นเดินเข้ามาแล้วก็ตบที่บ่าของผมเป็นการปลอบใจ
                    “ตกงานแล้วน่ะสิ ถามได้” ผมยิ้มแล้วก็ตอบเด่นกลับไป
                    “แล้วจะไปวันไหนล่ะ” เด่นถาม
                    “ก็คงต้องเคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนน่ะ แล้วค่อยไปน่ะ “ ผมตอบ
                    “แล้วนายได้ข่าวคุณวิสาหรือเปล่าล่ะพวกเราอยากรู้” เด่นถาม
                    “ไม่รู้ล่ะ เอาล่ะทุกคนไปทำงานของตัวเองได้แล้ว “ ผมพูดเพื่อตัดบทไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง
                    เวลาผ่านไปจนกระทั่งเลิกงาน ผมขับรถกลับบ้านเพื่อไปรายงานผลให้แอน ภรรยาที่แสนน่ารักของผมได้ฟัง
                    “เป็นไงบ้างคะทีปที่ทำงานวันนี้เป็นไงบ้างล่ะ”
                    “ฟังแล้วอย่าตกใจนะแอน ผมโดนไล่ออกน่ะ”
                    “อ้าวทำไมล่ะคะ คุณทำไรผิดเหรอ ไล่ออกกันง่ายๆอย่างงี้ได้ไง” แอนทำเสียงตกใจ แล้วคาดคั้นกับผม
                    “ก็แหมผมหายไปหลายวันอย่างงั้น ไม่ให้โดนได้ไงล่ะ เค้าไม่เก็บผมไว้หรอก”    
                    “แต่อะไรกันคะ คุณทำอะไรหลายๆอย่างให้กับบริษัทแค่นี้ต้องถึงกับต้องไล่ออกเลยเหรอ”
                    “อืม กฎ กฎ กฎ น่ะ” ผมพูดเน้นคำว่ากฎ
                    “แล้วจะทำอย่างไรต่อไปล่ะคะที่นี้เราจะเอาเงินจากที่ไหนมาใช้ล่ะแบบนี้”
                    “ไม่ต้องห่วงน่าแอน เงินเก็บเรายังมีแล้วอีกอย่างผู้จัดการก็สัญญาแล้วด้วยว่าจะหางานใหม่ให้ผม แต่ตอนนี้ผมต้องเคลียร์งานของบริษัทให้หมดเสียก่อน”
                    “แต่ก็นะ แล้วงี้คุณยังได้เงินเดือนไหมล่ะไปทำงานให้เค้าต่อแบบนี้”
                    “น่าจะได้นะ ถึงไม่ได้ผมก็ต้องไปล่ะ มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบต่อให้เสร็จ แต่ไงเค้าคงไม่ใจร้ายถึงกับขนาดไม่ให้เงินตอบแทนผมบ้างเลยแหละ” ผมตอบแอนเพื่อให้เธอสบายใจขึ้น
                    “ค่ะตามใจคุณแล้วกันค่ะ” แอนพูดพร้อมทั้งเริ่มยิ้มออก
   
                    “พ่อครับผมกลับมาแล้วครับ” เสียงจิมพูดพร้อมทั้งโผล่หน้าเข้ามา
                    “เป็นไงบ้างลูกที่โรงเรียนวันนี้” ผมถามจิม
                    “ก็ดีครับ เพื่อนๆถามผมใหญ่เลยว่าหายไปไหนเสียหลายวัน”
                    “แล้วลูกตอบเพื่อนๆไปว่าอย่างไร” ผมถามลูก
                    “ก็ต้องตอบว่าไปเที่ยวสิครับ จะให้ตอบอย่างไรได้ก็เล่นหายไปตั้งสามคนจะบอกว่าไม่สบายพร้อมกันมันก็น่าสงสัยเกินไป ผมก็เลยต้องเตี๊ยมกับกิตกับเนเน่เค้าไว้ก่อน”
                    “แหมฉลาดจริงนะลูกใครเนี่ย ว่าแต่เรียนตามเพื่อนทันไหมล่ะ”
                    “ก็ทันครับ หายไปแค่อาทิตย์เดียวแต่ก็ต้องทำรายงานที่ต้องส่งเยอะด้วยครับเพราะหายไปนานนี่ครับ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวขึ้นไปทำรายงานก่อนนะครับพ่อ พรุ่งนี้มีอันหนึ่งต้องส่งแล้ว”
                    “อืม แล้วเดี๋ยวสักพักลงมากินข้าวด้วยนะ แม่จะเตรียมอาหารเย็นแล้วนะ”
                    “ครับ อีกชั่วโมงนึงผมลงมา” จิมพูดแม้ว่าตัวจะขึ้นไปข้างบนแล้วก็ตาม
                    “กริ๊งงง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแอนเป็นคนรับสาย
                    “จิมโทรศัพท์ลูก” แอนตะโกนเรียกจิมให้ลงมารับโทรศัพท์แต่ดูเหมือนว่าจิมจะเดินมาถึงก่อนที่แอนจะพูดจบเสียอีกเหมือนว่ารู้ว่าจะมีโทรศัพท์ถึงตัวเอง
                    “ไงกิตเป็นไงบ้าง” จิมพูดพร้อมทั้งหันมองซ้ายมองขวาว่าทุกคนออกห่างไปหมดแล้วแน่นอน
                    “ยังไม่เป็นไงเลยเพื่อน ยังไม่ได้ขอพ่อเลยล่ะ เค้ายังอารมณ์ไม่ดีน่ะ”
                    “อ้าวเหรอ แล้วงี้เมื่อไหร่จะรู้เรื่องเลย”
                    “ก็ยังไม่รู้เหมือนกันไว้ถ้าได้เรื่องแล้วเราจะโทรไปหาแล้วกันถ้าไม่ได้ไงค่อยคุยกันต่อที่โรงเรียนพรุ่งนี้แล้วกัน”
                    “อืมก็ได้ ไงก็ขอให้ได้นะ เราเอาใจช่วย”
                    “อืมแน่นอนอยู่แล้ว เราจะพยายาม งั้นแค่นี้ก่อนนะ” หลังจากพูดจบกิตก็วางหัวไป
                    “ไงจ๊ะลูกกิตโทรมาว่าไรจ๊ะ” แอนถามจิม
                    “ไม่มีไรครับคุยเล่นกันน่ะครับ”
                    “งั้นเดี๋ยวก็มากินข้าวได้แล้ว แม่ทำเสร็จแล้ว จิมไปตักข้าวไปลูก”
                    “ครับ เดี๋ยวไปทำเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
   
                    หลังจากที่ผมกลับมาจากเจนิสคราวนั้น สิ่งแรกที่ผมต้องเผชิญคือตกงาน มันคือความโชคร้ายที่ไม่มีใครช่วยได้ พอผมไปทำงานวันแรกหลังจากขาดงานมาเป็นอาทิตย์ ทุกสายตาก็มองมาทางผมด้วยสายตาที่ค่อนข้างจะทำให้ผมหวาดกลัว
                    “คุณประทีปคะ ผู้จัดการเรียกให้เข้าไปพบค่ะ” เลขาของผู้จัดการเดินถือแฟ้มที่พะรุงพะรัง เข้ามาพูดกับผม
                    “โชคดีเพื่อน” เด่นเพื่อนร่วมงานของผมเข้ามาตบไหล่ให้กำลังใจแล้วหันหลังกลับไปนั่งโต๊ะทำงานของตน ผมเริ่มจะรู้สึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่เกิดขึ้น เหงื่อผมเริ่มจะตกแม้ว่าอากาศภายในห้องจะค่อนข้างเย็นเพราะว่าแอร์ก็เปิดอย่างเย็นฉ่ำ มือผมเย็นไม่ต่างจากอากาศตอนนี้
                    “ก๊อกๆ” เสียงผมเคาะประตู
                    “เข้ามาข้างในก่อนคุณประทีป” เสียงผู้จัดการเรียกผมเข้าไป
                    “นั่งก่อนคุณประทีป”
                    “ครับ ขอบคุณครับ” แล้วผมก็นั่งลงไปเพื่อจะฟังคำพูดแรกของผู้จัดการด้วยใจสั่นๆ
                    “คุณประทีปผมขอพูดกับคุณตรงๆนะครับ คือว่าตามกฎแล้วการที่คุณหยุดงานไปอย่างไม่มีเหตุผล และเกิดความเสียหายกับบริษัทอย่างมาก คุณจะต้องลาออกจากงานและไม่ได้เงินตอบแทน”
                    “ครับผมรู้ครับ” ผมนั่งก้มหน้านิ่งเพราะไม่มีอะไรจะแก้ตัว
                    “แต่ว่าคุณก็เป็นคนที่มีประวัติการทำงานที่ดีเยี่ยม ผมก็อยากจะเก็บคุณไว้ เพราะว่าถ้าขาดคุณไปบริษัทนี้ก็คงจะเสียดายคนมีฝีมืออย่างคุณมาก”
                    “ครับผมเข้าใจ” ผมตอบแล้วก็ยังก้มหน้าอยู่สักพักก่อนที่คิดได้แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผู้จัดการ
                    “คุณว่าอย่างไรล่ะคุณประทีป กับนโยบายของบริษัทที่ต้องให้คุณลาออก”
                    “ผมคงต้องแสดงความรับผิดชอบครับ แต่ว่าผมขอเคลียร์งานให้หมดก่อนแล้วกันนะครับ แล้วค่อยลาออกจะได้ไม่มีปัญหา”
                    “คุณประทีปคุณทำแบบนี้ยิ่งทำให้ผมตัดสินใจลำบากยิ่งขึ้นนะที่ต้องเสียคนดีๆอย่างคุณไป เอางี้ละกันผมจะพยายามหางานดีๆให้คุณเป็นการตอบแทนแล้วกัน ผมพอรู้จักกับบริษัทเพื่อนๆผมเยอะ ผมพอจะช่วยคุณได้”
                    “ขอบคุณครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับมีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าตอนแรกมาก
                    “เอ่อมีอีกเรื่องหนึ่งผมอยากจะถามคุณนะ เพราะว่าตั้งแต่คุณหายไปคุณวิสาก็หายไปด้วยแต่เธอก็ยังไม่กลับมาเหมือนกัน เราสอบถามไปที่บ้านเธอก็ทราบว่าเธอยังไม่กลับบ้าน ตอนแรกเราก็เข้าใจว่าไปกับคุณแต่นี่คุณก็กลับมาเพียงคนเดียว แล้วคุณพอจะทราบไหมล่ะว่าคุณวิสาเค้าไปไหน มีติดต่ออะไรกับคุณไว้หรือเปล่า”
                    “ไม่มีครับ เธอไม่ได้ติดต่อผมมาเลย” ผมต้องโกหกไปเพราะไม่งั้นเรื่องอาจจะบานปลายได้มากกว่านี้อีกเยอะ
                    “คุณวิสาเธอก็เหมือนกับคุณถึงเธอกลับมาผมก็ต้องพิจารณาเช่นเดียวกับคุณน่าเสียดายนะที่คนดีๆมีความสามารถต้องมาออกเพราะกฎที่ตั้งมาแบบนี้”
                    “ผมเข้าใจครับ ถ้าไม่ทำอย่างงี้ระบบจะเสียนะครับ รักษาผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไว้ก่อนดีกว่าครับ ผมเข้าใจครับ”
                    “ขอบคุณมากนะที่ทำให้ผมไม่รู้สึกลำบากใจไปมากกว่านี้” ผู้จัดการพูดพร้อมกับยิ้มแล้วยื่นมือออกมาเพื่อที่จับกับผม แล้วผมก็ยื่นมือไปจับด้วย หลังจากนั้นผมก็ออกจากห้องของผู้จัดการออกมาด้วยความสบายใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าผมจะตกงานแน่ๆแล้ว
                    “เป็นไงบ้างเพื่อน” เด่นเดินเข้ามาแล้วก็ตบที่บ่าของผมเป็นการปลอบใจ
                    “ตกงานแล้วน่ะสิ ถามได้” ผมยิ้มแล้วก็ตอบเด่นกลับไป
                    “แล้วจะไปวันไหนล่ะ” เด่นถาม
                    “ก็คงต้องเคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนน่ะ แล้วค่อยไปน่ะ “ ผมตอบ
                    “แล้วนายได้ข่าวคุณวิสาหรือเปล่าล่ะพวกเราอยากรู้” เด่นถาม
                    “ไม่รู้ล่ะ เอาล่ะทุกคนไปทำงานของตัวเองได้แล้ว “ ผมพูดเพื่อตัดบทไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง
                    เวลาผ่านไปจนกระทั่งเลิกงาน ผมขับรถกลับบ้านเพื่อไปรายงานผลให้แอน ภรรยาที่แสนน่ารักของผมได้ฟัง
                    “เป็นไงบ้างคะทีปที่ทำงานวันนี้เป็นไงบ้างล่ะ”
                    “ฟังแล้วอย่าตกใจนะแอน ผมโดนไล่ออกน่ะ”
                    “อ้าวทำไมล่ะคะ คุณทำไรผิดเหรอ ไล่ออกกันง่ายๆอย่างงี้ได้ไง” แอนทำเสียงตกใจ แล้วคาดคั้นกับผม
                    “ก็แหมผมหายไปหลายวันอย่างงั้น ไม่ให้โดนได้ไงล่ะ เค้าไม่เก็บผมไว้หรอก”    
                    “แต่อะไรกันคะ คุณทำอะไรหลายๆอย่างให้กับบริษัทแค่นี้ต้องถึงกับต้องไล่ออกเลยเหรอ”
                    “อืม กฎ กฎ กฎ น่ะ” ผมพูดเน้นคำว่ากฎ
                    “แล้วจะทำอย่างไรต่อไปล่ะคะที่นี้เราจะเอาเงินจากที่ไหนมาใช้ล่ะแบบนี้”
                    “ไม่ต้องห่วงน่าแอน เงินเก็บเรายังมีแล้วอีกอย่างผู้จัดการก็สัญญาแล้วด้วยว่าจะหางานใหม่ให้ผม แต่ตอนนี้ผมต้องเคลียร์งานของบริษัทให้หมดเสียก่อน”
                    “แต่ก็นะ แล้วงี้คุณยังได้เงินเดือนไหมล่ะไปทำงานให้เค้าต่อแบบนี้”
                    “น่าจะได้นะ ถึงไม่ได้ผมก็ต้องไปล่ะ มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบต่อให้เสร็จ แต่ไงเค้าคงไม่ใจร้ายถึงกับขนาดไม่ให้เงินตอบแทนผมบ้างเลยแหละ” ผมตอบแอนเพื่อให้เธอสบายใจขึ้น
                    “ค่ะตามใจคุณแล้วกันค่ะ” แอนพูดพร้อมทั้งเริ่มยิ้มออก
   
                    “พ่อครับผมกลับมาแล้วครับ” เสียงจิมพูดพร้อมทั้งโผล่หน้าเข้ามา
                    “เป็นไงบ้างลูกที่โรงเรียนวันนี้” ผมถามจิม
                    “ก็ดีครับ เพื่อนๆถามผมใหญ่เลยว่าหายไปไหนเสียหลายวัน”
                    “แล้วลูกตอบเพื่อนๆไปว่าอย่างไร” ผมถามลูก
                    “ก็ต้องตอบว่าไปเที่ยวสิครับ จะให้ตอบอย่างไรได้ก็เล่นหายไปตั้งสามคนจะบอกว่าไม่สบายพร้อมกันมันก็น่าสงสัยเกินไป ผมก็เลยต้องเตี๊ยมกับกิตกับเนเน่เค้าไว้ก่อน”
                    “แหมฉลาดจริงนะลูกใครเนี่ย ว่าแต่เรียนตามเพื่อนทันไหมล่ะ”
                    “ก็ทันครับ หายไปแค่อาทิตย์เดียวแต่ก็ต้องทำรายงานที่ต้องส่งเยอะด้วยครับเพราะหายไปนานนี่ครับ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวขึ้นไปทำรายงานก่อนนะครับพ่อ พรุ่งนี้มีอันหนึ่งต้องส่งแล้ว”
                    “อืม แล้วเดี๋ยวสักพักลงมากินข้าวด้วยนะ แม่จะเตรียมอาหารเย็นแล้วนะ”
                    “ครับ อีกชั่วโมงนึงผมลงมา” จิมพูดแม้ว่าตัวจะขึ้นไปข้างบนแล้วก็ตาม
                    “กริ๊งงง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแอนเป็นคนรับสาย
                    “จิมโทรศัพท์ลูก” แอนตะโกนเรียกจิมให้ลงมารับโทรศัพท์แต่ดูเหมือนว่าจิมจะเดินมาถึงก่อนที่แอนจะพูดจบเสียอีกเหมือนว่ารู้ว่าจะมีโทรศัพท์ถึงตัวเอง
                    “ไงกิตเป็นไงบ้าง” จิมพูดพร้อมทั้งหันมองซ้ายมองขวาว่าทุกคนออกห่างไปหมดแล้วแน่นอน
                    “ยังไม่เป็นไงเลยเพื่อน ยังไม่ได้ขอพ่อเลยล่ะ เค้ายังอารมณ์ไม่ดีน่ะ”
                    “อ้าวเหรอ แล้วงี้เมื่อไหร่จะรู้เรื่องเลย”
                    “ก็ยังไม่รู้เหมือนกันไว้ถ้าได้เรื่องแล้วเราจะโทรไปหาแล้วกันถ้าไม่ได้ไงค่อยคุยกันต่อที่โรงเรียนพรุ่งนี้แล้วกัน”
                    “อืมก็ได้ ไงก็ขอให้ได้นะ เราเอาใจช่วย”
                    “อืมแน่นอนอยู่แล้ว เราจะพยายาม งั้นแค่นี้ก่อนนะ” หลังจากพูดจบกิตก็วางหัวไป
                    “ไงจ๊ะลูกกิตโทรมาว่าไรจ๊ะ” แอนถามจิม
                    “ไม่มีไรครับคุยเล่นกันน่ะครับ”
                    “งั้นเดี๋ยวก็มากินข้าวได้แล้ว แม่ทำเสร็จแล้ว จิมไปตักข้าวไปลูก”
                    “ครับ เดี๋ยวไปทำเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น