ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ขโมยกับเสียงประหลาด
.
              สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมพึ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก เมื่อผมขับรถเพื่อไปส่งวิสาที่บ้านของเธอ สิ่งที่หมออิฐให้นั้นเป็นสีเงิน ที่ค่อนข้างบางมากแต่ก็ไม่สามารถที่จะพับได้ ภายในมีอักษรเขียนไว้ตรงกลางแต่ไม่สามารถอ่านได้ ไม่รู้ว่ามันเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ภาษาที่ผมรู้จักแน่ๆ แล้วผมก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ได้เขียนขึ้นมามั่วๆแน่ๆ
   
              “ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวเลี้ยวเข้าไปกลับรถในบ้านของฉันก่อนก็แล้วกัน”  ผมรู้สึกว่าวิสาเริ่มใช้คำพูดที่เป็นกันเองขึ้น “แล้วไงคุณประทีปเข้าไปกินน้ำสักแก้วก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยขับกลับ แล้วไงเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักแม่ของฉัน ฉันอยู่กับแม่สองคนน่ะค่ะ “
              กว่าที่ผมจะรู้สึกตัวผมก็ก้าวเข้าไปในบ้านของวิสาแล้ว “สวัสดีครับ” เป็นคำพูดแรกที่ผมพูดเมื่อเห็นผู้หญิงวัยค่อนข้างมีอายุคนนึง ถึงแม้ว่าจะอ่อนกว่าแม่ผม แต่ก็รู้สึกได้ว่าคนๆนี้ค่อนข้างที่จะใจดีมากๆ
              “น้ำค่ะ คุณประทีปขอบคุณมากนะคะ วันนี้คุณท่าทางจะเหนื่อยทั้งวัน “
              “ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อยครับ คุณแม่อยู่กับคุณวิสาสองคนเหรอครับ” ผมหันไปคุยกับแม่ของวิสา
              “ใช่จ๊ะ แต่ก่อนแม่ก็อยู่คนเดียวตั้งแต่พ่อของสาเค้าเสียไป แม่ก็อยู่คนเดียวมาตลอดแหละ ได้สัก 2 ปีแล้วล่ะ นี่ดีนะที่สาเค้ายอมกลับมาทำงานมาทำงานที่กรุงเทพเนี่ย ถ้าไม่บอกว่าแม่ฝันร้ายทุกคืนคงจะไม่กลับมาหรอกเนี่ย”
              “แม่คะ แหม ถึงแม้แม่จะฝันดี หรือมีความสุข หนูก็กลับมาอยู่กับแม่อยู่แล้วล่ะน่าก็หนูสัญญาแล้วนี่คะว่าจะขอทำงานที่นั่นสัก 3 ปี นี่ยังไม่ถึงดีเลยนะคะ แหม”
              “คุณวิสาครับเดี๋ยวผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
              “แหมคุณประทีปคะ พูดเป็นเล่นไป พรุ่งนี้วันเสาร์นะคะ ที่บริษัทปิดค่ะ “
              “ผมเบลอขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ไปล่ะครับงั้นวันจันทร์เจอกันก็ได้ครับ”
   
              “กลับมาแล้วจ๊ะ” ผมพูดออกไปเมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไป แต่เมื่อเปิดไฟขึ้นมาผมกลับตกใจที่บริเวณบ้านชั้นล่างถูกค้นรื้อกระจุยกระจาย ผมไม่สนใจอะไรแล้ว รีบขึ้นไปข้างบนทันที แล้วตะโกนเรียก “แอน จิม อยู่ไหนกัน” แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป กลับเห็นแอน นอนหลับอยู่ในห้อง ผมจึงไม่ปลุกเธอขึ้นมาตอนนี้ ผมเดินต่อไปจนถึงหน้าประตูห้องของจิม แต่แล้วผมก็กลับได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ภายในห้อง ซึ่งไม่น่าจะมีใครไปได้ ในเมื่อบ้านหลังนี้มีกันอยู่แค่ 3 คน หรือว่าจิมจะให้เพื่อนมาค้างด้วยเพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ผมยังไม่เปิดประตูเข้าไปในทันที แต่ฟังเสียงที่แสนเบาอยู่ข้างนอก
              “วันนี้เธอมีอะไรมาให้ฉันดูเหรอ”
              “มีสิ วันนี้ฉันเอาของเล่นใหม่ๆมาให้เธอดู มันเป็นเกมส์กดแบบใหม่เลยนะ อันเล็กพอดีกับมือเลย”
              “เหรอ ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย ที่ฉันอยู่นะไม่มีของแบบนี้ให้เล่นหรอก มีแต่อะไรที่เค้าบอกว่าอันตราย ห้าม ห้าม ห้าม ไปหมด ขนาดเอาหมอนมาตีกัน ยังถูกห้ามว่าอันตรายเลย กลัวว่าหมอนจะตีให้คอหักตายหรือไงก็ไม่รู้”
              “นั่นน่ะสิ มันอันตรายตรงไหน เอ้อ อันนี้มีให้เล่น 3 เกมส์นะ ลองเอากลับไปเล่นดูนะ”
              “ก๊อกๆๆ “ ผมตัดสินใจเคาะประตูเพราะว่าอยากจะรู้ว่าลูกคุยกับใครอยู่
              “เดี๋ยวครับพ่อ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้”
              เมื่อเปิดประตูออกมากลับพบว่าห้องของจิมไม่มีใครอยู่เลย แล้วจิมก็แก้ตัวว่าเปิดวิทยุพึ่งจะปิดไป แล้วก็เริ่มเขียนเกมส์ใหม่ด้วย ผมไม่อยากจะถามอะไรมากไปตอนนี้ ผมก็เริ่มถามต่อไปว่า “จิมรู้ไหมมีใครเข้ามาในบ้านเราหรือเปล่า ชั้นล่างถูกรื้อค้นเลอะไปหมดเลย ไม่ได้ยินอะไรเลยเหรอ “
              “เปล่าครับพ่อผมคงจะเปิดวิทยุดังไปหน่อยมั้งครับ” จิมพูดไปพร้อมกับก้มหลบสายตาของผม
              “งั้นลงไปดูกับพ่อหน่อยว่ามีอะไรหายไปบ้างหรือเปล่า แม่เราก็หลับไม่รู้เรื่องพรุ่งนี้ค่อยบอกก็แล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวได้ตื่นมาโวยวายพ่อไม่ต้องหลับกันพอดี”
              เมื่อสำรวจแล้วกลับไม่พบว่าอะไรหายไปเลยสักอย่าง ทุกอย่างถูกค้นอย่างรีบร้อน และดูเหมือนว่าจะพึ่งกลับไปก่อนผมเปิดประตูเข้าไปได้ไม่นานเท่าไหร่นัก
              “เอาล่ะลูกขึ้นไปนอนได้แล้ว แล้วก็รีบหลับได้แล้วนะ พรุ่งนี้พ่อจะพาไปบ้านเนเน่ตามที่ได้สัญญากันเมื่อวาน”
              คืนนี้ผมนอนไม่หลับเอาเสียเลยเพราะมัวแต่คิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ทั้งวัตถุสีเงินที่หมออิฐไม่ยอมให้เอาเข้าบ้าน แล้วก็ของที่หมออิฐให้กับคุณวิสา แล้วยังมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นที่บ้านอีก ผมสับสนไปหมดแล้ว    
              “คุณคะยังไม่หลับอีกเหรอ”  แอนถามผมเมื่อเธอตื่นขึ้นมาประมาณ ตีสาม “วันนี้ฉันหลับแต่หัววันไปหน่อยเลยไม่ได้คุยกับคุณก่อนนอนเลย ว่าแต่วันนี้ทำไมกลับดึกนักล่ะคะ “
              ผมอยากจะถามเธอจริงๆว่า เธอหลับจนไม่ได้ยินเสียงคนมาค้นของในบ้านวันนี้เลยหรือไง แต่ผมก็ไม่กล้าถามเธออยู่ดี ผมจึงบอกเธอไปว่า “วันนี้ไปกินข้าวกับผู้ช่วยผู้จัดการที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ เรื่องที่ช่วยสอนงานเค้าน่ะ เลยกลับดึกไปนิดนึง”
              หลังจากผมพูดหมด เมื่อผมหันไปอีกทีเธอก็หลับไปเสียแล้วอีกครั้ง ผมก็เลยหลับตามไปบ้างเหมือนมีเรื่องที่จะเล่าให้เธอฟังได้ระบายหมดไปแล้ว แม้ความจริงเธอไม่รู้อะไรมากขึ้นไปเลยก็ตาม
   
              “ที่รักคะนี่อะไรคะเนี่ย บ้านเราเป็นอะไรไม่รู้ ถูกค้นกระจุยกระจายเลย ของอะไรหายไปบ้างก็ไม่รู้ เธอโวยวายแต่เช้า จิมลงมาช่วยแม่ดูหน่อย”
              “ไม่มีอะไรหายหรอกที่รัก เมื่อวานผมสำรวจหมดแล้วล่ะ โจรมันไม่ได้เอาอะไรไปสักอย่างเลยนะ ไม่รู้เหมือนกับมันมาค้นอะไรแล้วหาไม่เจอ”
              “อ้าวอย่างงี้มันก็ต้องเข้ามาใหม่อีกสิคะเนี่ย แล้วเราจะทำยังไงดี แล้วถ้าเกิดมันมาทำร้ายคุณกับลูกฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ    “
              “น่ามันคงไม่มาแล้วมั้ง”  ผมพูดปลอบแอนไปอย่างนั้นเพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วเช้านี้มีอะไรกินผมรีบพูดตัดบทไป เพื่อให้เธอลืมเรื่องนี้เสีย พร้อมทั้งช่วยเธอเก็บของต่อไปเรื่อยๆ
              “พ่อครับ เราจะไปบ้านเนเน่กันกี่โมงครับ กิตเพื่อนผมจะไปถึงตอน 10 โมง ผมอยากจะไปถึงที่นั่นก่อนกิตน่ะครับ “   
              “งั้นกินข้าวที่แม่เค้าทำเสร็จแล้วเราก็ไปกันเลยแล้วกันนะ “
              “ครับผม งั้นผมรีบไปเตรียมของข้างบนก่อนนะครับ”
              สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมพึ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก เมื่อผมขับรถเพื่อไปส่งวิสาที่บ้านของเธอ สิ่งที่หมออิฐให้นั้นเป็นสีเงิน ที่ค่อนข้างบางมากแต่ก็ไม่สามารถที่จะพับได้ ภายในมีอักษรเขียนไว้ตรงกลางแต่ไม่สามารถอ่านได้ ไม่รู้ว่ามันเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ภาษาที่ผมรู้จักแน่ๆ แล้วผมก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ได้เขียนขึ้นมามั่วๆแน่ๆ
   
              “ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวเลี้ยวเข้าไปกลับรถในบ้านของฉันก่อนก็แล้วกัน”  ผมรู้สึกว่าวิสาเริ่มใช้คำพูดที่เป็นกันเองขึ้น “แล้วไงคุณประทีปเข้าไปกินน้ำสักแก้วก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยขับกลับ แล้วไงเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักแม่ของฉัน ฉันอยู่กับแม่สองคนน่ะค่ะ “
              กว่าที่ผมจะรู้สึกตัวผมก็ก้าวเข้าไปในบ้านของวิสาแล้ว “สวัสดีครับ” เป็นคำพูดแรกที่ผมพูดเมื่อเห็นผู้หญิงวัยค่อนข้างมีอายุคนนึง ถึงแม้ว่าจะอ่อนกว่าแม่ผม แต่ก็รู้สึกได้ว่าคนๆนี้ค่อนข้างที่จะใจดีมากๆ
              “น้ำค่ะ คุณประทีปขอบคุณมากนะคะ วันนี้คุณท่าทางจะเหนื่อยทั้งวัน “
              “ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อยครับ คุณแม่อยู่กับคุณวิสาสองคนเหรอครับ” ผมหันไปคุยกับแม่ของวิสา
              “ใช่จ๊ะ แต่ก่อนแม่ก็อยู่คนเดียวตั้งแต่พ่อของสาเค้าเสียไป แม่ก็อยู่คนเดียวมาตลอดแหละ ได้สัก 2 ปีแล้วล่ะ นี่ดีนะที่สาเค้ายอมกลับมาทำงานมาทำงานที่กรุงเทพเนี่ย ถ้าไม่บอกว่าแม่ฝันร้ายทุกคืนคงจะไม่กลับมาหรอกเนี่ย”
              “แม่คะ แหม ถึงแม้แม่จะฝันดี หรือมีความสุข หนูก็กลับมาอยู่กับแม่อยู่แล้วล่ะน่าก็หนูสัญญาแล้วนี่คะว่าจะขอทำงานที่นั่นสัก 3 ปี นี่ยังไม่ถึงดีเลยนะคะ แหม”
              “คุณวิสาครับเดี๋ยวผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
              “แหมคุณประทีปคะ พูดเป็นเล่นไป พรุ่งนี้วันเสาร์นะคะ ที่บริษัทปิดค่ะ “
              “ผมเบลอขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ไปล่ะครับงั้นวันจันทร์เจอกันก็ได้ครับ”
   
              “กลับมาแล้วจ๊ะ” ผมพูดออกไปเมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไป แต่เมื่อเปิดไฟขึ้นมาผมกลับตกใจที่บริเวณบ้านชั้นล่างถูกค้นรื้อกระจุยกระจาย ผมไม่สนใจอะไรแล้ว รีบขึ้นไปข้างบนทันที แล้วตะโกนเรียก “แอน จิม อยู่ไหนกัน” แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป กลับเห็นแอน นอนหลับอยู่ในห้อง ผมจึงไม่ปลุกเธอขึ้นมาตอนนี้ ผมเดินต่อไปจนถึงหน้าประตูห้องของจิม แต่แล้วผมก็กลับได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ภายในห้อง ซึ่งไม่น่าจะมีใครไปได้ ในเมื่อบ้านหลังนี้มีกันอยู่แค่ 3 คน หรือว่าจิมจะให้เพื่อนมาค้างด้วยเพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ผมยังไม่เปิดประตูเข้าไปในทันที แต่ฟังเสียงที่แสนเบาอยู่ข้างนอก
              “วันนี้เธอมีอะไรมาให้ฉันดูเหรอ”
              “มีสิ วันนี้ฉันเอาของเล่นใหม่ๆมาให้เธอดู มันเป็นเกมส์กดแบบใหม่เลยนะ อันเล็กพอดีกับมือเลย”
              “เหรอ ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย ที่ฉันอยู่นะไม่มีของแบบนี้ให้เล่นหรอก มีแต่อะไรที่เค้าบอกว่าอันตราย ห้าม ห้าม ห้าม ไปหมด ขนาดเอาหมอนมาตีกัน ยังถูกห้ามว่าอันตรายเลย กลัวว่าหมอนจะตีให้คอหักตายหรือไงก็ไม่รู้”
              “นั่นน่ะสิ มันอันตรายตรงไหน เอ้อ อันนี้มีให้เล่น 3 เกมส์นะ ลองเอากลับไปเล่นดูนะ”
              “ก๊อกๆๆ “ ผมตัดสินใจเคาะประตูเพราะว่าอยากจะรู้ว่าลูกคุยกับใครอยู่
              “เดี๋ยวครับพ่อ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้”
              เมื่อเปิดประตูออกมากลับพบว่าห้องของจิมไม่มีใครอยู่เลย แล้วจิมก็แก้ตัวว่าเปิดวิทยุพึ่งจะปิดไป แล้วก็เริ่มเขียนเกมส์ใหม่ด้วย ผมไม่อยากจะถามอะไรมากไปตอนนี้ ผมก็เริ่มถามต่อไปว่า “จิมรู้ไหมมีใครเข้ามาในบ้านเราหรือเปล่า ชั้นล่างถูกรื้อค้นเลอะไปหมดเลย ไม่ได้ยินอะไรเลยเหรอ “
              “เปล่าครับพ่อผมคงจะเปิดวิทยุดังไปหน่อยมั้งครับ” จิมพูดไปพร้อมกับก้มหลบสายตาของผม
              “งั้นลงไปดูกับพ่อหน่อยว่ามีอะไรหายไปบ้างหรือเปล่า แม่เราก็หลับไม่รู้เรื่องพรุ่งนี้ค่อยบอกก็แล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวได้ตื่นมาโวยวายพ่อไม่ต้องหลับกันพอดี”
              เมื่อสำรวจแล้วกลับไม่พบว่าอะไรหายไปเลยสักอย่าง ทุกอย่างถูกค้นอย่างรีบร้อน และดูเหมือนว่าจะพึ่งกลับไปก่อนผมเปิดประตูเข้าไปได้ไม่นานเท่าไหร่นัก
              “เอาล่ะลูกขึ้นไปนอนได้แล้ว แล้วก็รีบหลับได้แล้วนะ พรุ่งนี้พ่อจะพาไปบ้านเนเน่ตามที่ได้สัญญากันเมื่อวาน”
              คืนนี้ผมนอนไม่หลับเอาเสียเลยเพราะมัวแต่คิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ทั้งวัตถุสีเงินที่หมออิฐไม่ยอมให้เอาเข้าบ้าน แล้วก็ของที่หมออิฐให้กับคุณวิสา แล้วยังมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นที่บ้านอีก ผมสับสนไปหมดแล้ว    
              “คุณคะยังไม่หลับอีกเหรอ”  แอนถามผมเมื่อเธอตื่นขึ้นมาประมาณ ตีสาม “วันนี้ฉันหลับแต่หัววันไปหน่อยเลยไม่ได้คุยกับคุณก่อนนอนเลย ว่าแต่วันนี้ทำไมกลับดึกนักล่ะคะ “
              ผมอยากจะถามเธอจริงๆว่า เธอหลับจนไม่ได้ยินเสียงคนมาค้นของในบ้านวันนี้เลยหรือไง แต่ผมก็ไม่กล้าถามเธออยู่ดี ผมจึงบอกเธอไปว่า “วันนี้ไปกินข้าวกับผู้ช่วยผู้จัดการที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ เรื่องที่ช่วยสอนงานเค้าน่ะ เลยกลับดึกไปนิดนึง”
              หลังจากผมพูดหมด เมื่อผมหันไปอีกทีเธอก็หลับไปเสียแล้วอีกครั้ง ผมก็เลยหลับตามไปบ้างเหมือนมีเรื่องที่จะเล่าให้เธอฟังได้ระบายหมดไปแล้ว แม้ความจริงเธอไม่รู้อะไรมากขึ้นไปเลยก็ตาม
   
              “ที่รักคะนี่อะไรคะเนี่ย บ้านเราเป็นอะไรไม่รู้ ถูกค้นกระจุยกระจายเลย ของอะไรหายไปบ้างก็ไม่รู้ เธอโวยวายแต่เช้า จิมลงมาช่วยแม่ดูหน่อย”
              “ไม่มีอะไรหายหรอกที่รัก เมื่อวานผมสำรวจหมดแล้วล่ะ โจรมันไม่ได้เอาอะไรไปสักอย่างเลยนะ ไม่รู้เหมือนกับมันมาค้นอะไรแล้วหาไม่เจอ”
              “อ้าวอย่างงี้มันก็ต้องเข้ามาใหม่อีกสิคะเนี่ย แล้วเราจะทำยังไงดี แล้วถ้าเกิดมันมาทำร้ายคุณกับลูกฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ    “
              “น่ามันคงไม่มาแล้วมั้ง”  ผมพูดปลอบแอนไปอย่างนั้นเพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วเช้านี้มีอะไรกินผมรีบพูดตัดบทไป เพื่อให้เธอลืมเรื่องนี้เสีย พร้อมทั้งช่วยเธอเก็บของต่อไปเรื่อยๆ
              “พ่อครับ เราจะไปบ้านเนเน่กันกี่โมงครับ กิตเพื่อนผมจะไปถึงตอน 10 โมง ผมอยากจะไปถึงที่นั่นก่อนกิตน่ะครับ “   
              “งั้นกินข้าวที่แม่เค้าทำเสร็จแล้วเราก็ไปกันเลยแล้วกันนะ “
              “ครับผม งั้นผมรีบไปเตรียมของข้างบนก่อนนะครับ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น