ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องเล่าจากความฝัน
.
              “มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เมื่อคืนนี้เราฝันไม่ใช่เหรอ แล้วไอ้ไม้นี่มันมาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน” ผมนั่งรำพึงกับตัวเองครู่ใหญ่ แล้วก็มีเสียงดังมาที่ประตู
              “ก๊อก ๆ ๆ ผมเข้าไปได้ไหมครับพ่อ “
              “เข้ามาสิลูก” ผมเรียกลูกออกไป พร้อมกับประตูที่เปิดเข้ามา
              “พ่อครับ วันนี้ผมมีอะไรมาให้พ่อดูด้วยล่ะ” จิม พูดพร้อมกับยื่นแผ่นดิสมาให้ผม
              “อะไรเหรอลูก”
              “โปรแกรมเกมส์ครับพ่อ ผมเขียนเองนะ ไม่เชื่อพ่อลองเล่นดูซิครับ ถึงมันจะดูเด็กๆ แต่ผมว่านะ เด็กรุ่นเดียวกับผมไม่มีใครเขียนได้เก่งเท่าผมแน่ๆเลย ผมลองเอาไปให้เนเน่ กับกิต เล่นแล้วนะครับวันนี้ เค้าชมกันใหญ่เลยว่า ไม่ธรรมดา พ่อลองเล่นดูเองแล้วกันนะครับ”
              ผมหยิบโนตบุ๊ก ขึ้นมาเปิด แล้ว install โปรแกรมที่ลูกชายตัวดีลงมือเขียนมาให้เล่น มันเป็นเกมส์ที่จะต้องเดินทางแล้วก็มีเรื่องราวเข้าไปช่วยเจ้าหญิง จากพ่อมดหมอผี ที่เมืองแห่งหนึ่ง เมื่อผมเล่นไปสักพักนึง ผมก็สะดุดถึงฉากหนึ่งในเกมส์ที่ลูกชายผมเขียน กำแพงเมือง แล้วก็วัด และก็บรรยากาศต่างๆ แม้มันจะเป็นภาพการ์ตูน แต่มันก็บอกได้ว่า มันคล้ายกับความฝันของผมมากๆ ตำแหน่งต่างๆ ที่ปรากฎคล้ายๆกับว่าผมเคยเดินเข้าไปอยู่จริงๆ ผมรีบปิดเกมส์นั้นอย่างทันที แล้วก็รีบเข้านอนทันที ไม่ใช่ว่าผมเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน แต่ผมอยากจะรู้ว่าคืนนี้ผมจะฝันอย่างไรต่อไปกับความฝันอันนั้น
              ดึกแล้ว เสียงความเงียบก็ยังคงมีเช่นเดิม แต่วันนี้ฟ้าไม่มืดเหมือนวันนั้น คงจะเกิดจากดวงดาวเต็มฟ้าอยู่ ผมเดินไปมาคนเดียว ด้วยความที่ยังจำแผนที่ในเกมส์ได้เพราะว่าผมเล่นไปหลายรอบเหมือนกัน ผมเดินไปในทางที่คิดว่าจะเป็นวัดในเกมส์นั้น แล้วผมก็ได้เจอจริงๆ มันเป็นวัดโบราณ ดูค่อนข้างที่จะเก่ามาก แล้วประตูวัดก็ปิดสนิท ผมหาทางที่จะเข้าไปในวัดนั้นแต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ ผมสังเกตเห็นหมาตัวหนึ่งเดินออกมาจากซอกตึก แล้วเดินผ่านหน้าผมไป เมื่อผมมองเข้าไปในที่ๆมันออกมา ปรากฎว่าเป็นทางตัน แต่แล้วสายตาของผมก็เห็นสิ่งหนึ่ง มันเป็นรูเล็กๆ พอที่จะให้หมาลอดผ่านได้ นี่ผมจะต้องคลานเข้าไปหรือเนี่ย ผมบอกกับตัวเอง เอาไงเอากันวะ อยากรู้นี่หว่า
              ผมคลานเข้าไป แล้วได้เห็นบริเวณวัดข้างในอย่างชัดแจ้ง วัดนี้ดูมีพื้นที่ไม่ใหญ่โตนัก มีต้นไม้ก็ไม่เยอะนัก มีโบสถ์หลังเล็กๆ แต่ด้วยสายตาของผมไปเหลือบเห็นว่าโบสถ์ไม่ได้ล็อคประตูไว้ ผมรีบเดินอย่างระมัดระวัง เปิดประตูโบสถ์เข้าไปอย่างช้าๆ ผมก็ได้เห็นพระประธาน ซึ่งเป็นที่สะดุดตาผมอีกเช่นกัน เพราะมันทำด้วยทองคำแท้ๆ สีเหลืองอร่าม ซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะว่านี่เป็นพระประธานที่ขนาดใหญ่มากๆ ถ้าองค์เล็กๆอาจจะเคยเห็นมาอยู่บ้าง ผมมองไปซ้ายและขวา ก็เห็นภาชนะต่างๆทำด้วยทองคำไม่ว่าจะเป็นพาน แล้วผมก็มองเห็นวัตถุหลายๆชิ้นที่วางอยู่ในพาน ตอนแรกคิดว่าจะเป็นพระเครื่องทั่วไป แต่เมื่อผมมองดูจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ มันเหมือนพระเครื่อง แต่ภายในไม่ใช่พระ เป็นรูปคนเหมือนเราๆนี่เอง ผมเห็นว่ามีอยู่หลายอัน มันจึงหยิบใส่กระเป๋า หวังว่าตื่นเช้ามามันอาจจะอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงก็ได้
              ผมเดินออกมาจากโบสถ์ แล้วจัดการปิดประตูให้เรียบร้อยเหมือนเดิมแล้วก็รอดออกไปทางเดิม แต่คราวนี้ผมก็เจอกับสิ่งที่ว่า จะทำให้ผมตกใจอย่างมาก มันเป็นเสียงฮึมๆๆ ดังออกมาจากนอกกำแพงวัด ทำให้ผมไม่สามารถกล้าที่จะลอดออกไปทางเดิมได้ เพราะว่ามันมืดมากแล้วไม่รู้ว่า ข้างนอกจะเป็นอย่างไรกันแน่
              ผมลองมองหาทางอื่นอยู่นาน จนคิดว่ามีทางออกทางเดียว ผมจึงวกกลับไปทางเดิมอีกครั้ง คราวนี้เสียงนั้นหายไปแล้ว ผมจึงลอดออกไป และก็เจอหมาตัวเดิมที่บอกทางให้ผมเข้าไปยังนอนอยู่หน้ากำแพงนั้น คราวนี้ผมเริ่มร้องอ๋อแล้วว่าเสียงที่ได้ยินคงจะเป็นเสียงไอ้เจ้าตัวนี้นี่เองละมั้ง
              วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าอีกครั้งเพราะว่าด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ผมตั้งเวลาปลุกให้เช้ากว่าทุกทีเพราะผู้ช่วยคนใหม่สั่งไว้ให้ไปสอนงานเค้าแต่เช้า
              “แอนจ๋า วันนี้ช่วยบอกให้จิมนั่งรถเมล์ไปเองนะ ผมต้องรีบไปทำงานแต่เช้า ข้าวที่ทำไว้เสร็จแล้วหรือยัง วันนี้ผมรีบนะ”
              “เสร็จแล้วค่ะ วางไว้ที่โต๊ะน่ะ กินได้เลย แล้วอย่าลืมเหลือไว้ให้จิมด้วยนะ”
              “ครับผม ไม่กินหมดหรอกน่า ถ้าหมดคุณก็ทำใหม่ก็ได้นี่นา”
              “ผมไปแล้วนะ เย็นนี้เจอกันนะจ๊ะที่รัก”
              เมื่อไปถึงที่ทำงาน หลังจากที่สอนผู้ช่วยคนใหม่ถึงงานที่เธอจะต้องทำเสร็จ ผมก็เอามือมาจับในเสื้อของผม พร้อมทั้งคลี่มันออกมาที่โต๊ะ มันเป็นวัตถุสีเงินวาว สี่เหลี่ยม แต่บอกได้ว่ามันไม่ได้ทำมาจากวัตถุที่เป็นโลหะ มันเป็นเนื้อผง แต่เป็นผงอะไรกันถึงได้มีสีเงินวาวอย่างนี้ ยิ่งรูปคนที่อยู่ในนั้นด้วย บอกได้ถึงความมีอำนาจของบุคคลคนนั้นได้เป็นอย่างดี
              “คุณประทีปครับเอกสารที่เมื่อวานคุณไม่ได้เอามาอยู่ที่ไหนครับ”
              ผมรีบเก็บวัตถุชิ้นนั้นอย่างเร่งรีบแต่ก็ไม่พ้นสายตาของหัวหน้าผมไปได้
              “ไหนๆ อะไรนะคุณประทีปขอผมดูหน่อยได้ไหม ท่าทางมันจะแปลกดีนะครับ”
              “เอ่อ ได้ครับ ขนาดผมเองยังไม่เชื่อเลย”
              เมื่อผู้จัดการได้ดูแล้ว ก็ถามผมว่าคุณไปได้มันมาจากไหน ผมก็ตอบกลับไปว่า ได้มาจากความฝันครับ ผู้จัดการก็ทำหน้างงๆอยู่พักนึง แล้วก็อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ ว่า
             
              “อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยคุณประทีปมันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน คุณอย่ามาล้อผมเล่นสิ แต่ไงมันก็แปลกดีนะ เอาล่ะคุณไปทำงานของคุณต่อเถอะ เอ้อของคุณ เก็บไว้ให้ดีๆล่ะ”
             
                “คุณประทีปคะ เย็นนี้ว่างไหมคะ ไปกินข้าวเย็นกับฉันหน่อยได้ไหม เดี๋ยวเย็นนี้ฉันเป็นเจ้ามือให้คุณเอง โทษฐานต้องทำให้คุณลำบากมาสอนงานฉันแต่เช้า”
             
                ความคิดที่ผมเคยคิดว่า คนๆนี้จะต้องเจ้าอำนาจแน่เลย กับคำพูดคำนี้ของเธอ ทำให้ผมเริ่มมองเธอใหม่แล้ว ตอบเธอตกลงไปว่า
“ได้ครับ เดี๋ยวเลิกงานแล้ว เราไปกินข้าวกัน รอผมหน่อยแล้วกัน รู้สึกว่างานของผมจะเยอะเป็นพิเศษสำหรับวันนี้”
              “มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เมื่อคืนนี้เราฝันไม่ใช่เหรอ แล้วไอ้ไม้นี่มันมาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน” ผมนั่งรำพึงกับตัวเองครู่ใหญ่ แล้วก็มีเสียงดังมาที่ประตู
              “ก๊อก ๆ ๆ ผมเข้าไปได้ไหมครับพ่อ “
              “เข้ามาสิลูก” ผมเรียกลูกออกไป พร้อมกับประตูที่เปิดเข้ามา
              “พ่อครับ วันนี้ผมมีอะไรมาให้พ่อดูด้วยล่ะ” จิม พูดพร้อมกับยื่นแผ่นดิสมาให้ผม
              “อะไรเหรอลูก”
              “โปรแกรมเกมส์ครับพ่อ ผมเขียนเองนะ ไม่เชื่อพ่อลองเล่นดูซิครับ ถึงมันจะดูเด็กๆ แต่ผมว่านะ เด็กรุ่นเดียวกับผมไม่มีใครเขียนได้เก่งเท่าผมแน่ๆเลย ผมลองเอาไปให้เนเน่ กับกิต เล่นแล้วนะครับวันนี้ เค้าชมกันใหญ่เลยว่า ไม่ธรรมดา พ่อลองเล่นดูเองแล้วกันนะครับ”
              ผมหยิบโนตบุ๊ก ขึ้นมาเปิด แล้ว install โปรแกรมที่ลูกชายตัวดีลงมือเขียนมาให้เล่น มันเป็นเกมส์ที่จะต้องเดินทางแล้วก็มีเรื่องราวเข้าไปช่วยเจ้าหญิง จากพ่อมดหมอผี ที่เมืองแห่งหนึ่ง เมื่อผมเล่นไปสักพักนึง ผมก็สะดุดถึงฉากหนึ่งในเกมส์ที่ลูกชายผมเขียน กำแพงเมือง แล้วก็วัด และก็บรรยากาศต่างๆ แม้มันจะเป็นภาพการ์ตูน แต่มันก็บอกได้ว่า มันคล้ายกับความฝันของผมมากๆ ตำแหน่งต่างๆ ที่ปรากฎคล้ายๆกับว่าผมเคยเดินเข้าไปอยู่จริงๆ ผมรีบปิดเกมส์นั้นอย่างทันที แล้วก็รีบเข้านอนทันที ไม่ใช่ว่าผมเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน แต่ผมอยากจะรู้ว่าคืนนี้ผมจะฝันอย่างไรต่อไปกับความฝันอันนั้น
              ดึกแล้ว เสียงความเงียบก็ยังคงมีเช่นเดิม แต่วันนี้ฟ้าไม่มืดเหมือนวันนั้น คงจะเกิดจากดวงดาวเต็มฟ้าอยู่ ผมเดินไปมาคนเดียว ด้วยความที่ยังจำแผนที่ในเกมส์ได้เพราะว่าผมเล่นไปหลายรอบเหมือนกัน ผมเดินไปในทางที่คิดว่าจะเป็นวัดในเกมส์นั้น แล้วผมก็ได้เจอจริงๆ มันเป็นวัดโบราณ ดูค่อนข้างที่จะเก่ามาก แล้วประตูวัดก็ปิดสนิท ผมหาทางที่จะเข้าไปในวัดนั้นแต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ ผมสังเกตเห็นหมาตัวหนึ่งเดินออกมาจากซอกตึก แล้วเดินผ่านหน้าผมไป เมื่อผมมองเข้าไปในที่ๆมันออกมา ปรากฎว่าเป็นทางตัน แต่แล้วสายตาของผมก็เห็นสิ่งหนึ่ง มันเป็นรูเล็กๆ พอที่จะให้หมาลอดผ่านได้ นี่ผมจะต้องคลานเข้าไปหรือเนี่ย ผมบอกกับตัวเอง เอาไงเอากันวะ อยากรู้นี่หว่า
              ผมคลานเข้าไป แล้วได้เห็นบริเวณวัดข้างในอย่างชัดแจ้ง วัดนี้ดูมีพื้นที่ไม่ใหญ่โตนัก มีต้นไม้ก็ไม่เยอะนัก มีโบสถ์หลังเล็กๆ แต่ด้วยสายตาของผมไปเหลือบเห็นว่าโบสถ์ไม่ได้ล็อคประตูไว้ ผมรีบเดินอย่างระมัดระวัง เปิดประตูโบสถ์เข้าไปอย่างช้าๆ ผมก็ได้เห็นพระประธาน ซึ่งเป็นที่สะดุดตาผมอีกเช่นกัน เพราะมันทำด้วยทองคำแท้ๆ สีเหลืองอร่าม ซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะว่านี่เป็นพระประธานที่ขนาดใหญ่มากๆ ถ้าองค์เล็กๆอาจจะเคยเห็นมาอยู่บ้าง ผมมองไปซ้ายและขวา ก็เห็นภาชนะต่างๆทำด้วยทองคำไม่ว่าจะเป็นพาน แล้วผมก็มองเห็นวัตถุหลายๆชิ้นที่วางอยู่ในพาน ตอนแรกคิดว่าจะเป็นพระเครื่องทั่วไป แต่เมื่อผมมองดูจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ มันเหมือนพระเครื่อง แต่ภายในไม่ใช่พระ เป็นรูปคนเหมือนเราๆนี่เอง ผมเห็นว่ามีอยู่หลายอัน มันจึงหยิบใส่กระเป๋า หวังว่าตื่นเช้ามามันอาจจะอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงก็ได้
              ผมเดินออกมาจากโบสถ์ แล้วจัดการปิดประตูให้เรียบร้อยเหมือนเดิมแล้วก็รอดออกไปทางเดิม แต่คราวนี้ผมก็เจอกับสิ่งที่ว่า จะทำให้ผมตกใจอย่างมาก มันเป็นเสียงฮึมๆๆ ดังออกมาจากนอกกำแพงวัด ทำให้ผมไม่สามารถกล้าที่จะลอดออกไปทางเดิมได้ เพราะว่ามันมืดมากแล้วไม่รู้ว่า ข้างนอกจะเป็นอย่างไรกันแน่
              ผมลองมองหาทางอื่นอยู่นาน จนคิดว่ามีทางออกทางเดียว ผมจึงวกกลับไปทางเดิมอีกครั้ง คราวนี้เสียงนั้นหายไปแล้ว ผมจึงลอดออกไป และก็เจอหมาตัวเดิมที่บอกทางให้ผมเข้าไปยังนอนอยู่หน้ากำแพงนั้น คราวนี้ผมเริ่มร้องอ๋อแล้วว่าเสียงที่ได้ยินคงจะเป็นเสียงไอ้เจ้าตัวนี้นี่เองละมั้ง
              วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าอีกครั้งเพราะว่าด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ผมตั้งเวลาปลุกให้เช้ากว่าทุกทีเพราะผู้ช่วยคนใหม่สั่งไว้ให้ไปสอนงานเค้าแต่เช้า
              “แอนจ๋า วันนี้ช่วยบอกให้จิมนั่งรถเมล์ไปเองนะ ผมต้องรีบไปทำงานแต่เช้า ข้าวที่ทำไว้เสร็จแล้วหรือยัง วันนี้ผมรีบนะ”
              “เสร็จแล้วค่ะ วางไว้ที่โต๊ะน่ะ กินได้เลย แล้วอย่าลืมเหลือไว้ให้จิมด้วยนะ”
              “ครับผม ไม่กินหมดหรอกน่า ถ้าหมดคุณก็ทำใหม่ก็ได้นี่นา”
              “ผมไปแล้วนะ เย็นนี้เจอกันนะจ๊ะที่รัก”
              เมื่อไปถึงที่ทำงาน หลังจากที่สอนผู้ช่วยคนใหม่ถึงงานที่เธอจะต้องทำเสร็จ ผมก็เอามือมาจับในเสื้อของผม พร้อมทั้งคลี่มันออกมาที่โต๊ะ มันเป็นวัตถุสีเงินวาว สี่เหลี่ยม แต่บอกได้ว่ามันไม่ได้ทำมาจากวัตถุที่เป็นโลหะ มันเป็นเนื้อผง แต่เป็นผงอะไรกันถึงได้มีสีเงินวาวอย่างนี้ ยิ่งรูปคนที่อยู่ในนั้นด้วย บอกได้ถึงความมีอำนาจของบุคคลคนนั้นได้เป็นอย่างดี
              “คุณประทีปครับเอกสารที่เมื่อวานคุณไม่ได้เอามาอยู่ที่ไหนครับ”
              ผมรีบเก็บวัตถุชิ้นนั้นอย่างเร่งรีบแต่ก็ไม่พ้นสายตาของหัวหน้าผมไปได้
              “ไหนๆ อะไรนะคุณประทีปขอผมดูหน่อยได้ไหม ท่าทางมันจะแปลกดีนะครับ”
              “เอ่อ ได้ครับ ขนาดผมเองยังไม่เชื่อเลย”
              เมื่อผู้จัดการได้ดูแล้ว ก็ถามผมว่าคุณไปได้มันมาจากไหน ผมก็ตอบกลับไปว่า ได้มาจากความฝันครับ ผู้จัดการก็ทำหน้างงๆอยู่พักนึง แล้วก็อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ ว่า
             
              “อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยคุณประทีปมันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน คุณอย่ามาล้อผมเล่นสิ แต่ไงมันก็แปลกดีนะ เอาล่ะคุณไปทำงานของคุณต่อเถอะ เอ้อของคุณ เก็บไว้ให้ดีๆล่ะ”
             
                “คุณประทีปคะ เย็นนี้ว่างไหมคะ ไปกินข้าวเย็นกับฉันหน่อยได้ไหม เดี๋ยวเย็นนี้ฉันเป็นเจ้ามือให้คุณเอง โทษฐานต้องทำให้คุณลำบากมาสอนงานฉันแต่เช้า”
             
                ความคิดที่ผมเคยคิดว่า คนๆนี้จะต้องเจ้าอำนาจแน่เลย กับคำพูดคำนี้ของเธอ ทำให้ผมเริ่มมองเธอใหม่แล้ว ตอบเธอตกลงไปว่า
“ได้ครับ เดี๋ยวเลิกงานแล้ว เราไปกินข้าวกัน รอผมหน่อยแล้วกัน รู้สึกว่างานของผมจะเยอะเป็นพิเศษสำหรับวันนี้”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น