ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Flame Of Recca]Past Or Present [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : IV - Daily Life

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 53


    IV - Daily Life



    "
    คุ.........คุ.........คุเร!!!!!!" เสียงใสร้องลั่นเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดและจับทัศนียภาพท่าทาง กับสภาพการนอนของเขาแล้วพบว่าเขานอนเตียงเดียวกันกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคน สำคัญสำหรับเขา


    "
    อือ......โวยวายอะไร โคงาเนอิ วันนี้ไม่มีงานนี่นา"เสียงงัวเงียไม่สมกับอดีตผู้ใช้เพลิงศักสิทธิ์ บุคคลิกที่ดูไม่เหมือนคุเรที่เขารู้จักถูกแสดงออกมาเหมือนเด็กๆ หลังพูดจบก็ปรือตาขึ้นนิดหน่อยเพียงมองคนปลุก

    เรกกะเขย่าคนขี้ เซาถี่รัวเพื่อเรียก แต่พี่ชายตัวดีก็ยังไม่ยอมตื่นเลยแม้แต่วี่แวว เมื่อร่างสูงเริ่มรู้สึกตัว คนตื่นก่อนจึงยิ่งสะกิดหนักขึ้นอีก

    "
    คุเร....ตื่นก่อน...ตื่นสิ....ตื่นๆ....คุเร.....ฉันไม่ใช่โคงาเนอินะ....เร็ว สิ...ตื่นเร็ว ไอคนขี้เซาเอ้ย" คนตัวเล็กกว่าทั้งขย่ม ทั้งเขย่า ทั้งกระเซ้า ทั้งสบถ จนคนโดนรบกวนยอมลุกขึ้นนั่ง แม้ท่าทางจะสัปหงกเต็มทีแล้วก็ตาม

    "
    หือ........"น้ำเสียงทุ้ม ครางขึ้นสูงเล็กน้อยอย่างฉงน เมื่อเพ่งสายตาดูกลับพบน้องชายคนละแม่นั่งมองหน้าเขาอย่างไม่สบอารมณ์ สมองเริ่มระดมกำลังความคิดย้อนไปเมื่อคืนวาน แล้วก็ต้องตื่นเต็มตาเมื่อเหตุการณ์ที่เรกกะตกลงมาทับเขาที่กำลังจะอาบน้ำ เมื่อวานประมาณเที่ยงคืน แล่นเข้ามาในหัว

    "
    ตื่นได้ซักที... อธิบายเรื่องตั้งแต่ตอนฉันมาที่นี่ให้หน่อยสิ"น้ำเสียงสูงหวานที่คุเรยังคง จำได้ดีแม้มันจะผ่านมาหนึ่งปีแล้วก็ตาม มือหนายกขึ้นเกาศีรษะอย่างงงๆแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องราว ที่อีกคนสงสัย

    "
    นาย มาที่ช่วงเวลานี้ได้เพราะวิญญาณเด็กสาวที่มีพลังรักษาพานายมา พอมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาเที่ยงคืน ฉันกำลังจะไปอาบน้ำแต่นายก็ลงมาทับจนเกือบรับไว้ไม่ทัน เด็กคนนั้นบอกว่าต้องขอตัวโคงาเนอิกลับไปยุคปัจจุบัน ไปๆมาๆเจ้านั่นก็เลยยอมกลับไป ไม่รู้เด็กคนนั้นพูดอะไร"คำอธิบายสั้น แต่ก็ทำให้คนสงสัยหมดความสงสัยในทันที น่าเสียดายที่เขายังไม่เจอกับโคงาเนอิ ว่าจะทักทายเสียหน่อย

    ร่างสมส่วนลุกขึ้นจากเตียง เสื้อคลุมตัวยาวสีแดงสดที่ใส่อยู่ประจำถูกสวมอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกจากห้องไป เรกกะรีบลุกตามไปทันที ที่ที่คุเรอาศัยอยู่ดูแล้วก็สมกับบ้านในยุคอดีต บ้านไม้ชั้นเดียวที่ไม่ใหญ่โตแบบปราสาทหรือคฤหาสถ์ที่เจ้าของบ้านเคยอาศัย แต่ก็น่าอยู่ไม่น้อย บ้านทรงญี่ปุ่นโบราณที่ห้องต่างๆถูกแบ่งด้วยประตูไม้เลื่อนและกั้นกับกำแพง ฉากเนื้อดี ทางเดินไปยังแต่ละห้องเป็นพื้นไม้ที่ทอดยาวไปทั่วบ้าน ภายนอกมีสวนหย่อมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ลำธารจำลองไหลรินอยู่ตลอดเวลาและดอกไม้หลายชนิดถูกปลูกเรียงรายตามทางหรือ คละกันตามสัดส่วนที่ใช้การคาดคะเนดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการกำหนดพอดีไม่ ขาดเกิน

    "
    อากาศดีจัง"ร่างบางพูดขณะมองไปรอบๆ อากาศยามเช้าตรู่ที่ยังคงน้ำค้างยามดึกไว้หนาวจนไหล่เล็กสั่นน้อยๆ ยูคาตะขนาดใหญ่ไปหน่อยสำหรับเขาถูกมัดไม่ให้หลุดด้วยโอบิเส้นยาว แต่กระนั้นมันก็ยังหลวมจนมาเกยอยู่ที่ไหล่นวลบ่อยครั้งตลอดทาง

    "
    จะกินอะไร....."เสียงต่ำเรียกความสนใจเรกกะให้หันไปมองก็พบครัวแบบโบราณ เตาไฟขนาดเล็กกลางห้องสำหรับประกอบอาหารเป็นบรรยากาศที่เขาไม่เคยเห็น

    "..........."
    คนตัวเล็กไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี เมื่อมาถึงที่นี่ เจ้าของบ้านกลับไม่แสดงอาการใดออกมาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เรกกะเริ่มคิดไปต่างๆนานาว่าคนๆนี้อาจจะรำคาญเขาก็เป็นได้ ใบหน้าหวานหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัดจนร่างสูงเริ่มรู้ว่า หากเขาไม่ทำอะไรซักอย่าง
    คงไม่ดีแน่


    "
    แล้วทำไมถึงมาที่นี่ ล่ะ"คำถามที่ถูกยิงมาโดนเป้าอย่างจังจนคนถูกถามสะดุ้งเบาๆ เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงน่าหลงใหล ส่ายหน้าอย่างระอากับท่าทีที่ไม่มีความมั่นใจของน้องชาย

    "
    ไม่ อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ.......มานี่.......จะนำทางไปอาบน้ำ"ใบหน้าคมจ้องมองหัว ไหล่ขาวที่เกิดจากคอเสื้อยูคาตะของเขาซึ่งใหญ่เกินขนาดตัวคนๆนี้หลุบลง ไปกองที่ต้นแขน แก้มขาวขึ้นสีเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะดูเย้ายวนจนน่าตกใจ

    คุเรหลับตาชั่วระยะหนึ่งเพื่อไล่ความคิดวุ่นวายนี้ออกไปก่อนจะเดินออก จากบริเวณนั้นไปยืน
    รอหน้าห้องครัว แทบจะในทันทีที่เขาหยุดก็รู้สึกถึงร่างเล็กด้านหลังที่ชนแผ่นหลังของเขาเบาๆ นัยน์ตาวาวหันไปมองเรกกะที่ตอนนี้กำลังกุมจมูกตัวเอง ดวงตาคู่สวยช้อนมองเขาอย่างขอโทษขอโพย คุเรที่ไม่ได้ติดใจอะไรสาวเท้าเดินต่อไป แต่ครั้งน้เขากลับเดินไปทางประตูรั้วหลังบ้านที่กั้นเนื้อที่บ้านกับป่าไว้

    มือ ใหญ่เอื้อมไปเปิดประตูรั้วแล้วหยุดรออีกคนให้เดินออกมา ร่างเล็กเดินออกมาอย่างไม่มั่นใจกับสภาพแวดล้อมรอบบ้านเท่าไรนัก จนคุเรต้องจับแขนเรียวเพื่อชักคนตัวบางให้ออกมาจากเขตบ้าน ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่ดูก็รู้ว่าคงไม่มีใครพบเป็นแน่ เพราะกว่าจะเข้ามาได้ต้อง
    ผ่านป่าเข้ามาลึกพอควร

    "
    สวยจังเลย แฮะ........อยากมาที่แบบนี้นานแล้วนะเนี่ย"เรกกะหันมาพูดกับคุเรด้วยน้ำ เสียงฝืนๆ ทิ้งนั่งลงที่โขดหินใหญ่ข้างตัว สายตาคู่งามหันมองนั่นนี่ไปทั่ว โดยละความสนใจจากผู้นำทางมา

    แล้วความฝันระยำ ก็หลุดเข้ามาในห้วงคิดอีกครั้ง ความฝันทะลึ่งที่คนฝันเองยังอายแทบแทรกแผ่นดินหนีความคิดตัวเอง เมื่อนึกถึงอีกครั้งหน้าก็ร้อนฉ่าจนหายหนาว ยิ่งรวมกับที่ตนพยายามหันไปมองคุเรแบบแอบๆ แต่เจ้าคนโดนมองดันตาไวหันมาสบกับเขาจนเป็นฝ่ายหลบเองเสียแทบทุกครั้งทำให้
    รู้สึก เหมือนถูกต้อนจนมุมเข้าไปใหญ่ แต่คนตัวเล็กก็เลือกที่จะนั่งเกร็งนิ่ง แสร้งทำเป็นดูธรรมชาติรอบตัวไปตามน้ำ

    ดวงตาคู่โตสีดำสนิทแอบ ชำเลืองมองผู้เป็นพี่อย่างอายๆ แต่กลับไม่พบเป้าหมายที่ เดิมน่าจะอยู่ใต้ต้นฟูจิต้นใหญ่ เมื่อมองสำรวจไปทั่ว สายตาก็ไปหยุดอยู่กลางน้ำ ชายหนุ่มรูปร่างปราดเปรียว ถอดชุดคลุมออกพาดไว้กับต้นท้อข้างลำธาร ส่วนตัวก็ลงไปดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำใสด้วยท่าทางสบายอารมณ์จนน่าประหลาด ไม่สมกับที่เคยเป็นอดีตนักสู้ที่น่าจะระมัดระวังตัวตลอดเวลา

    "...."
    เมื่อคุเรสังเกตเห็นว่าถูกมองจากเรกกะที่ตอนนี้จ้องเขาไม่วางตา นัยน์ตาดูเหม่อลอยชวนหลงไหลดูสวยเกินผู้หญิง ทำให้เขาตกใจเล็กน้อย เขาอยากรู้ว่าทำไมเรกกะจึงมาที่นี่ ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรติดค้างกัน แม้อยากรู้คำตอบแค่ไหน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมบอกอะไร เขาเองก็ไม่อยากจะบังคับ รอให้เจ้าตัวพูดเองน่าจะเป็นความคิดที่ดีกว่า

    "
    ไม่ ลงมารึ"เสียงทุ้มตะโกนถามโดยไม่ได้หวังมากมายว่าคนบนฝั่งจะตอบตกลง

    "
    น้ำเย็นรึเปล่า"เรกกะตะโกนกลับมา ขณะที่มือสองข้างยังกระชับยูคาตะตัวโคร่งเพื่อบดบังความหนาวรอบตัว

    "
    ก็ ลงมาสิ"คนในน้ำตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวนและเลี่ยงที่จะตอบคำถามมือหนากวัก เรียกให้เขาลงมา

    ร่างบางค่อยๆถอดยูคาตะพาดไว้กับกิ้งยาวของต้นฟู จิ ใบหน้าแดงขึ้นสีเมื่อนึกเปรียบเทียบรูปร่างของตัวเองกับพี่ชายต่างมารดาที่ แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แผ่นหลังขาวเนียนเผยออกจากเนื้อผ้าอย่างดี ทำให้คุเรหน้าขึ้นสีน้อยๆ เขาคงจะไม่มีคนรักหรือยุ่งกับเรื่องพวกนี้มานานเกินไปแล้วสิ


    จน กระทั่งเรกกะร้องโวยวายลั่น เมื่อเขาพบว่าคุเรพูดกวนประสาทเขาเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำ ซึ่งเย็นจัดสำหรับเด็กผู้ชายที่มาจากสมัยที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นไว้อำนวยความ สะดวกอย่างเขา ใบหน้าเล็กซีดลงเล็กน้อยจากความหนาว ผิวขาวเนียนที่ดูละเอียดละอออยู่แล้วก็ดูสว่างขึ้นไปอีก ฟันขาวกระทบกันดังกึกๆตลอดเวลา แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามกัดฟันข่มมันไว้ก็ตามที

    "
    ไหนบอกว่าไม่ หนาวไง! น้ำเย็นจะตาย นายว่ายไปได้ไงทุกวันน่ะ" ประโยคแรกน้ำเสียงดูตำหนิเล็กน้อย แต่ประโยคถัดมา กลับกลายเป็นแฝงความเป็นห่วงไว้มากมาย จนคนฟังรับรู้ได้

    คุเรไม่พูดตอบอีกฝ่ายแต่กลับว่ายตรงไปหาคนขี้โวยวายอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าประชิดตัวได้ มือหนาก็คว้าข้อมือเล็กให้เคลื่อนตัวเขาหาแผ่นอกกว้าง ก่อนจะเอาสองลำแขนแกร่งโอบไว้เพื่อพยุงคนตัวเล็กไปกลางน้ำ บริเวณที่เขาอยู่ก่อนเรกกะจะยอมลงน้ำ

    "
    นายจะพา........ ฉัน.......ปะ.....ไปไหนน่ะ"เสียงกระท่อนกระแท่นฟังดูน่าขันสำหรับบุคลิก อย่างคนพูด ดังขึ้น เรียกความสนใจของคนตัวสูงกว่าให้หลุบสายตาลงมองคนในอ้อมแขน

    น้อง ชายต่างมารดาของเขานิ่งเงียบ ดวงตากลมโตหลับแน่นพร้อมๆกันกับที่แก้มทั้งคู่ขึ้นสีจัด เรียวปากบางเม้มแน่นจนคนมองเริ่มจะตระหนักถึงความรู้สึกบางอย่างที่น้องชาย ของเขาเก็บงำไว้ แต่แล้วความคิดวุ่นวายก็ต้องหยุดลง เมื่อมือบางที่เคบกำแน่นค่อยๆคลายออกราบไปกับอกกว้าง

    "
    เป็น อะไรไป......หือ"เสียงเข้มถูกส่งจากคุเรไปยังเรกกะใบหน้าหวานยังคงหลับตา สนิทแต่ก็สั่นศีรษะเบาๆแทนคำตอบ

    โอเค เขาเข้าใจว่าการถูกผู้ชายด้วยกัน(แถมเคยสู้กันปางตาย)ทั้งกอดทั้งอุ้มไปมา นี่มันเป็นเรื่องที่ทำให้คนถูดกอดอึดอัด แต่เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆคนผมชี้โด่เด่ที่แทบจะทิ่มหน้าเขาถึง หยุดดิ้นขลุกขลัก ต่างจากตอนแรก

    "
    มะ..........มะ....... มัน.......มะ....มีอะไร........!!!"เสียงติดอ่างกุกกักๆทำให้คำพูดที่ออกมา ฟังไม่ได้ศัพท์ กระนั้นคนตัวสูงก็ยังคงใช้สองแขนดึงคนพูดให้เข้ามาใกล้หู ในขณะที่เขาก็ยังหลุบศีรษะลงต่ำเพื่อให้หูของตัวเองอยู่ใกล้ปากของเรกกะมาก ที่สุด

    "
    มี.......มี.......มีอะไรไม่รู้จับขาช้า นนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

    เสียงแหกปากลั่นใส่จังๆช่องสูญญากาศของเขาทำให้กระดูกข้างในสะเทือนอย่างแรงจนรู้สึกปวดแปล๊บ แต่ก่อนจะได้จัดการกับอาการร่อแร่ของหูร่างทั้งร่างของเขาก็จมลงไปใต้น้ำเพราะ เจ้าตัวต้นเหตุตกใจจนสติเตลิดเปิดเปิงสองมือเรียวตะกุยตะกายปีนขึ้นไปบนตัว เขาและทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนไหล่ทั้งสองข้าง ทำให้เขาถูกกดจนมิดผิวน้ำ

    อาการ อึดอัดเพราะไม่ได้หายใจเริ่มเกิดขึ้นกับคุเร โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในน้ำเย็นทำให้เขาเริ่มทรมาน
    จนกระทั่งเขารู้สึกถึง อะไรบางอย่างมาโดนบริเวณท้ายทอย อะไรบางอย่างที่เขาคิดว่ามันนาจะใช่ แต่ก็อยากให้ตัวเองคิดไปเอง อะไรบางอย่างที่คิดว่าเจ้าคนบนน้ำไม่น่าจะเอามันมาแตะตัวเขาง่ายๆนอกจาก สติขาดกระเจิงจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร คุเรตั้งสติก่อนที่ความคิดเหม่อลอยพวกนี้จะ ลากเขาลงนรกด้วยการจมน้ำตาย

    "
    ออก ไปนะ.............เอามันออกไป........อ๊ากกกก!!!!!"เสียงร้องจ๊ากลั่นจากคน ที่ขึ้นไหล่คนอื่นโดยไม่ดูหน้าอินทร์หน้าพรหม จนคนข้างใต้จมมิด แต่เจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวจนกระทั่งเขาเอื้อมมือขึ้นไปจี้เอว นั่นแหละถึงได้เด้งผึงถอยออกไป เปิดโอกาสให้คุเรได้ขึ้นมาหายใจหอบตัว โยน

    ทันทีที่เห็นหน้าเรกกะอีกครั้ง เขาก็จ้องเขม็งเพราะความซุ่มซ่ามของเจ้านี่ เขาถึงได้เกือบขาดอากาศตาย


    เรกกะยังคงมองไปใต้น้ำอย่างระแวงและเพื่อหลบสายตาของคุเรด้วย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ต้องยอมจำนนต่อรังสีประหลาดที่แผ่ซ่านออกมา...

    ------------------------------------------

    จบ ตอนแล้วฮะ ตอนต่อไปจะเป็นของคาโอรุกับโทคิยะนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×