ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Flame Of Recca]Past Or Present [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #3 : III - ข้ามเวลา

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 50



    ผมตัดสินใจเปลี่ยนเนื้อเรื่องกะทันหันนะครับ เลยต้องขอโทษกับสองตอนแรกด้วย

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    III - ข้ามเวลา



    แพขนตาบางกระพอขึ้นถี่ๆเพื่อปรับระดับแสงที่ลอดผ่านหน้าต่างตามปกติ ร่างเล็กลุกขึ้นจาก เตียงเพื่อจะไปทำกิจวัตร แต่ก็ต้องหยุดลงหลังนึกถึงฝันเมื่อคืนที่ชวนอับอาย ฝันที่ทำเอาเจ้าของ จิตใต้สำนึกหน้าแดงยกใหญ่


    "นี่เราฝันอะไรเนี่ย"เรกกะพูดเบาๆ หลังจัดการกับสวรรค์มิคสัญญีก็ผ่านมาปีนึงแล้ว คเรกับ
    โคงาเนอิกลับไปยังโลกอดีตเมื่อสี่ร้อยปีก่อนด้วยโพรงอากาศที่พี่ชายของเขาสร้างเป็นครั้งสุดท้าย 
    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเหมือนฝันหนึ่งตื่น เคยสู้ร่วมกันมากับทั้งคุเรและคาโอรุ ทั้งสุข ทั้งทุกข์ รู้สึกตัวอีกทีก็ไม่มีเรื่องราววันนั้นอีกแล้ว จะไม่ได้เจอกับสองคนนั้นอีกแล้ว ถ้าได้เจอก็คงดี


    ร่างเล็กสะบัดศีรษะแรงๆไล่ความคิดเหงาหงอยเมื่อครู่ออกไป เมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาบ่งบอกเวลาที่เขาควรจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปโรงเรียน เรกกะเร่งรีบออกจากบ้านให้เร็วที่สุดเพราะนี่ เป็นช่วงที่เขาต้องไปเรียนเสริม หลังเปลี่ยนชุดและทานมื้อเช้าเสร็จ ร่างเล็กในชุดนักเรียนก็สาว เท้าออกจากบ้าน


    "ผมไปก่อนนะครับแม่ พ่อผมไปแล้วนะ เที่ยวให้สนุก ไม่ต้องห่วงทางนี้"เรกกะบอกลาคาเงโร่ แม่แท้ๆของตนกับพ่อเลี้ยง วันนี้ทั้งคู่จะไปเที่ยวฮอกไกโดเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน ที่ได้ไปเนื่อง จากพ่อดันไปถูกรางวัลที่หนึ่งของการแทงหวยอะไรไม่รู้ก็เลยจะไปกันสองคน ตัวเขานั้นไม่อยากไปขัดอีกอย่างมันก็มีอะไรให้เขาทำอยู่ที่นี่อีกเยอะแยะ


    สองขาพาร่างบางวิ่งออกจากประตูรั้วไปในทิศทางที่ไม่ได้ไปโรงเรียน แต่สองบุคคลในบ้านกลับมิได้ติดใจเพราะก็รู้นิสัยของลูกตัวเองอยู่เต็มอกว่ายังไงลูกคนนี้ก็ไม่มีทางไปเรียนใน ช่วงวันหยุดยาวนี้แน่นอน


    เรกกะมาหยุดอยู่หน้าศาลเจ้าแห่งหนึ่ง บรรยากาศชวนผ่อนคลายสมกับเป็นสถานที่ที่องค์หญิงของเขาโปรดปราน แม้ตอนนี้ ยามที่เธอหลับใหล เธอก็ยังขอให้เรกกะพามาที่นี่ แววตาสดใสหม่นลงเล็กน้อย หลังเดินเข้ามาถึงส่วนที่เป็นสุสานขนาดย่อมสำหรับเหล่ามิโกะและนักบวชในศาลเจ้าเท่านั้น แต่ยานางิกลับต้องการที่จะให้เอาร่างของเธอไว้ในส่วนนี้


    "ผมมาแล้วนะ องค์หญิง....เมื่อคืนไม่เห็นมาหากันเลย รู้นะว่าแอบดูอยู่น่ะ"ร่างบางพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงสุสานที่แตกต่างไปจากอันอื่น ป้ายสุสานบ่งบอกที่อยู่ของร่างด้านใต้กลับแลดูใหม่และสะอาดสะอ้าน แสดงให้เห็นว่าต้องมีใครสักคนดูแลอย่างสม่ำเสมอ


    'ก็เรกกะฝันอยู่นี่จ๊ะ ฝันดีด้วยนี่นา'น้ำเสียงใสหวานดังก้องในประสาททำให้แก้มเนียนขึ้นสีจัด ใช่แล้ว ตอนนี้ยานางิกลายเป็นวิญญาณคอยอยู่กับเขา แม้จะพบกันได้เพียงแค่ในความฝันและที่สุสานนี้ก็ตาม


    "อ่าว...นายมาอีกแล้วเหรอ เรกกะ"เสียงทุ้มด้านหลังเขาเอ่ย เรียกความสนใจจากคนมาก่อนได้เป็นอย่างดี เมื่อหันก็มองเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย เสื้อคอปกสีฟ้าอ่อน แขนเสื้อถูกพับขึ้นไปค่อนแขนดูสบายๆ กับกางเกงขายาวสีขาวดูเข้ากันดีกับอดีตเจ้าของอาวุธพลังจิตเอ็นซุย ผมสีเงินยาวถูกปล่อยออกหากไม่เคยรู้จักอาจหลงคิดว่าเป็นอิสตรีหากไม่ติดถึงน้ำเสียงนุ่มชวนหลงใหลกับส่วนสูงที่มากกว่าเรกกะมากนัก ฝ่ามือกว้างถือช่อดอกกุหลาบขาวขนาดย่อมซึ่งถูกห่ออย่างสวยงาม แน่นอนว่าเขาได้มันมาจากร้านประจำ


    'ว้าว....กุหลาบสวยจัง เอามาให้มิฟุยุซังเหรอค่ะ'ยานางิเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้ไม่เห็นใบหน้าขณะพูดก็พอรู้ มิคางามิพยักหน้าแทนคำตอบ แล้วเดินไปยังสุสานข้างกัน


    ดอกไม้ช่อสวยถูกวางลงอย่างนุ่มนวล ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มบาง มือสองข้างกายขึ้นประกบกันเพื่อทำความเคารพตามแบบศาสนา หลังทักทายพี่สาวของตนเสร็จ โทคิยะก็เดิมกลับมาเข้าร่วมวงสนทนา


    "รุ่นพี่มิคางามิค่ะ เมื่อคืนเรกกะเขาฝันด้วยล่ะ ฝันว่า..."คนเป็นวิญญาณพยายามจะเล่าเรื่องฝันของเรกกะเมื่อคืนที่แม้เจ้าตัวยังไม่อยากจะนึกถึง


    "อย่าเล่านะองค์หญิง!!!!"เจ้าของความฝันรีบห้ามอย่างร้อนรน แต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้วหลังคนตัวสูงหว่าระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่สมกับตัวเองออกมาเมื่อยานางิเล่าถึงตอนที่คุเรเจอกับเรกกะ ความหวังของร่างเล็กพังทลายทันทีจนในที่สุดก็ต้องยอมจำนน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ถึงความฝันของตัวเองที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง แล้วก็คิดแผนการเจ้าเล่ห์ขึ้นมา


    "องค์หญิง จำความฝันของผมได้ใช่มั๊ย แล้วจำได้มั๊ยว่าหลังจากนั้น มีอะไรเกิดขึ้นอีก"น้ำเสียงไม่น่าไว้ใจอย่างถึงที่สุดของเรกกะทำให้ยานางิหยุดคิดชั่วครู่แล้วหัวเราะเบาๆอย่างรู้นัยน์ ทำเอาคนมาใหม่เสียววาบ นัยน์ตาคมมองเรกกะอย่างระวาดระแวง


    "หลังจากนั้นฉันฝันถึงนายด้วยนะ มี่จัง"เสียงใสเป็นกันเองเอ่ยลากยาวอย่างล้อเลียน แต่มิคางามิยังคงสงสัยว่าเขาฝันอะไรต่อไปจึงชายตามองเขาด้วยความต้องการเค้นเรื่องทั้งหมด


    "ฝันว่า นายน่ะกอดกับเจ้าโคงาเนอิด้วยล่ะ....แถมนายยังให้นอนเตียงเดียวกันอีกแน่ะ"เรกกะเล่าความฝันอย่างคร่าวๆ แต่ก็ทำให้คนเพิ่งรู้เดือดดาลเต็มทน เขาไม่ใช่พวกชอบเด็ก ยิ่งกับเด็กแบบนั้นด้วยแล้ว....


    'ดูสิๆ...รุ่นพี่หน้าแดงใหญ่เลย ต้องชอบคาโอรุคุงแน่ๆเลยล่ะ เนอะ เรกกะว่ามั๊ย'เสียงนกเสียงกาแซวเจื้อยแจ้วดังมาจากจิตของเด็กสาวที่เคยดูเรียบร้อย อาจเพราะอยู่กับเรกกะมากไปถึงติดนิสัยเจ้าเล่ห์ไม่เข้าเรื่องมา


    "ผมก็ว่า...ได้ยินจากฟูโกะมาว่า ตอนอยู่โลกใต้ดินใครไม่รู้อาสาไปพากลับมา ตอนโคงาเนอิมันถูกน้ำพัดด้วยนี่นา"เมื่อมีคนตั้งต้น เรกกะก็เริ่มเอาคืนด้วยการขุดเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อนมาแซว


    "ไม่ใช่...โกรธต่างหาก!!!!....นายเองก็บ่นอยากเจอคุเรไม่ใช่รึไง"คนโดนรุมเอ่ยกลับ ทำให้ใบหน้าที่เคยโปรยยิ้ม เศร้าลงถนัดตา ทำให้มิคางามิรู้ทันทีว่าไปจี้โดนจุดอ่อนคนตรงหน้าเข้าให้แล้ว


    'เรกกะอยากเจอคุณคุเรใช่มั๊ย...ฉันพาไปได้นะ'เสียงก้องกังวานของยานางิทำให้เด็กหนุ่มสองคน
    เบิกตาโพลง


    "องค์หญิงทำได้จริงๆเหรอ"


    'ใช่...แต่มันมีข้อแม้ว่า เมื่อฉันพาเรกกะไป วิญญาณของฉันตอนนี้จะไปสู่สุขติทันทีและเมื่อไปถึง แล้วต้องให้ใครสักคนที่เคยไปสู่เวลานั้น กลับมาที่นี่ภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่งั้น....ฉันเองก็บอกไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น'วิญญาณของเด็กสาวอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเธอต้องการให้ทั้งคู่ยอมรับ ใบหน้าสวยของคนอายุมากกว่าเธอหนึ่งปีขมวดมุ่น แววตากังวลฉายชัดจนหน้าประหลาดใจกับ
    ชายหนุ่มผู้เคยได้ชื่อว่าผู้สืบทอดเมกุริ เคียวสะ  อีกคนกำลังก้มหน้า มือบางกำแน่นด้วยความอัดอั้น


    บรรยากาศผ่อนคลายกลับกลายเป็นความตึงเครียด สำหรับเรกกะใจหนึ่งเขาก็อยากจะไปหาคเรแต่ถ้าไปคุเรจะยอมรับหรือเปล่า เขากลัวจะถูกหาว่าน่ารำคาญ กลัวจะโดนคนสำคัญเมินเฉย หากไปแล้วคุเรไม่ได้รู้สึกอยากพบเขาเหมือนที่เขารู้สึก ก็กลัวจะทำอะไรไม่ถูก


    แต่อีกใจก็ไม่อยากจะจากยานางิไป คนๆนี้เคยสำคัญกับเขามาก จนก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเธอถามเขา ถึงคนที่เขารู้สึกผูกพันมากกว่าเธอ สุดท้ายก็รู้ ว่าคนสำคัญไม่ใช่เด็กสาวนามยานางิ แต่เป็นชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายต่างมารดา คุเร แต่คุเรคงจะรู้สึกผูกพันกับเนออน ไรฮะ หรือคุเรไน มากกว่าที่จะรู้สึกว่าเขาสำคัญ


    'ถ้าหากเรกกะไม่ตอบรับ ฉันก็จะไม่บังคับ แต่ว่าถึงอย่างนั้นฉันก็ยังต้องไปในที่ๆสมควรไปเสียที คุณโอกะมาตามบ่อยแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้าย ฉันคงจะไม่มีความสุขหากคนที่ฉันรักจะไม่เจอกับคนสำคัญของเขาอีกตลอดไป โดยที่ฉันไม่ทำอะไรเลย....ฉันต้องไปก่อนนะ  หวังว่าจะได้คำตอบที่มาจากใจจริงนะ เรกกะ'สิ้นเสียง จิตสัมผัสของเด็กสาวก็หายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงสองร่างที่กำลังกลัดกลุ้มอย่างหนัก


    "มันอยู่ที่นาย....ถ้านายไป ก็ไม่มีใครเสียใจเพราะทุกคนรู้ว่าคุเรเป็นคนที่นายผูกพันที่สุด ลองมองกลับกัน ตอนนี้นายปฏิเสธความรู้สึกที่มี ยานางิจังจะรู้สึกผิดแค่ไหน แล้วนายคิดว่านายจะมีความสุขรึเปล่า....จะให้ฉันพูดความรู้สึกนายแทนก็ไม่ได้เพราะฉันกับนายมองโลกต่างกันมาก ถ้านายไม่กล้าที่จะเสี่ยง ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่นายตอนนี้ ไม่เหมือนเรกกะที่เคยเป็นผู้นำเงาอัคคีในศึกโลกมืดเลยซักนิด"หลังพูดจบ ร่างสูงเพรียวก็หันหลัง เตรียมจะเดินจากไปเพื่อกลับหอพักของตน


    "องค์หญิง....ผมจะไป"ไม่ทันจะย่างเท้าได้แม้แต่ก้าวเดียว คนที่นั่งซึมเมื่อครู่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น เรียกรอยยิ้มบางให้โรยบนมุมปากเรียวของคนที่เพิ่งพูดเรียกสติ เมื่อสิ้นประโยค เสียงใสก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง


    'อีกสองชั่วโมง ช่วยมาที่นี่อีกครั้งหนึ่งนะ ฉันจะพาไป'

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ฟ้าใสยามเที่ยงวันทำให้คนกำลังจะไปยิ้มร่าอย่างสบายอารมณ์ เสียงนกร้องทักไปตลอดทางเมื่อ
    ร่างบางเดินเข้าศาลเจ้าที่เขามาแล้วหนึ่งครั้งเมื่อเวลาก่อนหน้านี้เพียงเสี้ยววัน มือเล็กข้างหนึ่งจับสายกระเป๋าเป้สีดำสนิท นัยน์ตาสีเข้มฉายแววมั่นใจสมกับบุคลิก 


    "มาช้า"เสียงเย็นชาดังขึ้นจากจุดที่รกกะนัดกับยานางิและโทคิยะไว้ มิคางามิยังคงอยู่ที่นี่ตั้งแต่ เมื่อตอนสายที่เรกกะกลับไปจัดกระเป๋า ร่างสูงไม่กลับหอพักเนื่องจากต้องการถามอะไรหลายๆอย่างจากยานางิ และเขาก็ได้รับคำตอบที่น่าพอใจไม่น้อยเลยทีเดียวและที่สำคัญ เขาก็ติดต่อผู้ติดตามคเรที่เขาคิดว่ายังคงซื่อสัตย์ต่อคุเรอยู่ ซึ่งทั้งหมดมีเพียง อดีตผู้ใช้เทพอัสนีไรจิน ไรฮะและสามพี่น้องแห่งอุรุฮะ คีตะ เนออน มิกิ อากิ มีเพียงสี่คนนี้เท่านั้นที่เขาเรียกมา


    "เอาน่าๆ...อย่างน้อยก็ไม่สายเกินเวลาก็แล้วกัน ไรฮะ เนออน มิกิ อากิ หวัดดี เอ้า....องค์หญิง ผมพร้อมแล้ว"เรกกะพูดพร้อมกับก้าวเท้าไปยืนหน้าป้ายสุสานของเด็กสาวที่ครั้งก่อนเคยมีพลังรักษา ทั้งเรกกะและยานางิมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด แม้คนหลังจะไม่สามารถมองเห็นร่างได้แต่ก็รู้ว่าเธอคงกำลังดีใจมากอย่างแน่นอน


    "ฝากบอกท่านคุเรด้วยนะ ว่าทางนี้สบายดีทุกคน ขอให้ท่านคุเรดูแลตัวเองด้วย"เนออน ที่ครั้งก่อนเคยเป็นทศเทพอุรุฮะ เอ่ยด้วยความเป็นห่วงคนทางนั้น และอาจมิใช่เพียงเนออน แต่ยังรวมถึงมิกิและอากิอีกด้วย ส่วนไรฮะก็ยืนยิ้มอย่างไร้เดียงสาอยู่อย่างเดิมไม่เปลี่ยน


    แสงสีเหลืองนวลดูอ่อนโยนห้อมล้อมบุคคลผู้ต้องการข้ามเวลา เปลือกตาบางปิดลงพร้อมกันกับรังสีสีอัมพันหุ้มคนตัวเล็กทั้งตัว แต่แล้วร่างกายก็กระตุกอย่างแรงจนน่าตกใจ ใบหน้าหวานหลับใหลลงตามเงื่อนไขพลัง ร่างบางลอยขึ้นในท่านอนทอดตัวยาว ก่อนจะค่อยๆจางไปเหมือนหมอกควัน จวบจนทั้งร่างหายไปกับสายลม คนอีกคนที่ไม่ได้ไปด้วยมองดูอย่างตะลึงเล็กๆ แต่ก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อรอรับคนที่จะกลับมาตามกฎการอาศัยพลัง ไม่นานนัก ผู้ติดตามก็บอกลาเพื่อไปทำเรื่องส่วนตัวต่างๆของตน

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ประสาทสัมผัสที่เริ่มรับรู้ จับกลิ่นบางอย่างได้ ทำให้ต้องตื่นขึ้นจากห้วงนิทราที่มาเยือนอย่างไม่ รู้ตัว กลิ่นหอมประหลาดที่ไม่คุ้นเคย ทั้งที่น่าจะผลักไสออกแต่กลับชวนหลงใหลอย่างน่าประหลาด ประสาทตาเริ่มเร่งกำลังในการมองเห็นเมื่อสงสัยว่าตนอยู่ที่ไหน


    ดวงตาสีเข้มค่อยๆเปิดออกอย่างยากลำบากเพราะความอ่อนเพลียจากการปรับเปลี่ยนเวลา
    ความรู้สึกแรกที่ได้รับคือรู้สึกว่าตัวเองนอนอยู่บนอะไรสักอย่างที่นุ่มสบาย น่าแปลกเมื่อทบทวนเรื่องราวก่อนหน้า หลังรู้สึกถึงบางอย่างกระแทกที่หลังอย่างรุนแรงจนหมดสติ เรกกะใช่มือข้างหนึ่งยันกายขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสิ่งที่แตะโดนมิใช่เนื้อผ้าที่สมควรเป็นเตียงนอน แต่กลับเป็นบางสิ่งที่อ่อนนุ่มกว่านั้น นุ่มแต่ก็แข็งเมื่อกดลง เรียบเนียนแต่ไม่รู้สึกว่าผิดปกติเพราะความเคยชิน ดวงตาใสเบิกโพลงทันที ก่อนใบหน้าเรียวจะหันไปหามือเจ้ากรรมแล้วถึงกับอึ้ง จนค้าง


    ตัวเขาเองนอนอยู่บนเตียงก็จริง แต่สิ่งที่มือขวายังคงจับค้างอยู่กลับเป็นแขนของคนหนึ่งคน คนที่เขาคุ้นตาอย่างที่สุด ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าปราศจากอาภรณ์ปกปิดทำให้เห็นมัดกล้ามที่แม้มีไม่มากแต่ก็รู้ว่าเป็นคนที่ใช้กำลังอย่างเป็นกิจวัตร แขนขาเรียวเหล่านั้นยาวกว่าแขนของเขามากนักท่อนล่างมีเพียงกางเกงขายาวสีดำสวมใส่อยู่ ใบหน้าคมคายยามหลับแลดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็ก ผมสีดำที่มีบางส่วนยาวแผ่ไปบนเตียงอย่างไม่ได้รับการใส่ใจ สิ่งที่โดดเด่นบนใบหน้าหล่อเหลาคือรอยแผลไฟลวกบนซีกใบหน้าด้านขวาเกือบครึ่ง


    "คุ.........คุ.........คุเร!!!!!!"เสียงใสร้องลั่นเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดและจับทัศนียภาพท่าทางกับสภาพการนอนของเขาแล้วพบว่าเขานอนเตียงเดียวกันกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนสำคัญสำหรับเขา

    -------------------------------------------------------------------------------
    ช่วงนี้ผมจะอัพค่อนข้างถี่ อย่าเบื่อก่อนนะครับ

    ใกล้จะเปิดเรียนแล้ว พอเปิดเรียนก็ไม่ค่อยมีเวลาอัพก็เลยต้องรีบอัพครับ

    ต้องขอบคุณคนที่อ่านนะครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×