คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Moon Number.1 < They are … >
Moon Number.1
< They are … >
จันทราเจ้าเอย..
พวกเขาคือ..
[Writer Side]
แท๊งค์น้ำสำหรับทดลองที่สต๊าฟร่างของมารีถูกเปลี่ยนเป็นโลงสองชั้น ด้านในคือกระจกถูกล้อมด้วยไม้สักเคลือบเงาด้านนอก ดูสวยงามและมีศิลปะขึ้นเยอะเลย เจ้าของกายาในภาชนะปรบมือแปะๆ ยกยิ้มกว้างพลางกล่าวขอบคุณพี่ชายใจดีขี้โวยวาย
ถึงปากจะบอกว่าของเก่าเทอะทะเกินไป แต่ของใหม่นี้ก็ประณีตเกินกว่าจะบอกว่าสั่งซื้อมาส่งๆ จะมองมุมไหนก็ของแพงแน่นอน
กายหยาบของเด็กหญิงถูกเปลี่ยนชุดใหม่ จากเครื่องแบบผู้ป่วยกลายเป็นเดรสระบายสีขาวน่ารักแบบที่ไม่เคยนึกว่าจะได้ลองใส่ เห็นแบบนั้นก็สร้างชุดมายาให้ร่างวิญญาณของตัวเองบ้าง กระโดดหมุนตัวกลางอากาศ เดาได้ว่าดวงตาของเธอคงระยิบระยับยามมองดูริ้วลูกไม้ที่ขยับตามแรงลมหลอกๆ ซึ่งสร้างขึ้นมา
ปลอม
แต่ก็สนุก
รองเท้าหุ้มข้อมีส้นถูกสวมเพิ่มเข้าไป พร้อมกับดอกไม้แห้งประดับที่ถูกจัดแต่งรอบศพ
เมอริเอตต้า มารี มีส่วนสูง148เซนติเมตร รูปร่างสมส่วนค่อนไปทางผอม ใบหน้าของเธอนั้นแสนธรรมดา ไร้ซึ่งความโดดเด่น เทียบกับเด็กวัยเดียวกันแล้วยังใช้คำว่าน่ารักไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะน่าเกลียด เรียกมองแล้วสบายตาจะถูกกว่า บวกกับรอยยิ้มชวนให้รู้สึกเอ็นดู ทำให้ใช้คำว่าน่ามองได้ไม่ระคายปาก รูปลักษณ์ของวิญญาณนั้นคล้ายคนยังมีชีวิต สีเลือดฝาดบริเวณแก้มกลมราวจะบอกว่าร่างนี้มีชีวิตชีวา แต่กลับโปร่งแสงอย่างที่มนุษย์ไม่ควรจะเป็น เส้นผมสีเบจตัดสั้นประบ่าและหน้าม้าตรงเข้ากับดวงตาสีฟ้าสว่างของเด็กหญิงได้ดี
"ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ พี่ชาย"
ถ้อยวาจาอ่อนน้อมกล่าวอย่างจริงใจ มองสควอโล่หันหน้าหนีจนเส้นผมสีเงินงดงามนั้นสะบัดตาม อดไม่ได้ที่จะเข้าไปออดอ้อนขอให้เขาอุ้ม
แม้จะเป็นดวงจิต แต่เพราะเป็นสายหมอก กับแค่การสร้างร่างกายให้อีกฝ่ายสัมผัสตัวได้ เรื่องแค่นั้นเล็กน้อย
ตัวของมารีที่ไม่เคยทำตัวน่าเอ็นดูกับใครมาก่อนรู้สึกสนุกสนานและพอใจกับการกระทำตัวแบบนี้ เพียงเข้าไปเกาะแขนของชายหนุ่ม ช้อนสายตามองแล้วเอ่ยถ้อยคำหวานหู
"เออๆ น่ารำคาญจริง" กายเล็กโปร่งแสงถูกช้อนขึ้น ก้นวางแหมะบนท่อนแขนแข็งแรง ลำตัวเอนพิงกับอกกว้างพร้อมวางแก้มเหนือบ่าใหญ่ดูอบอุ่น
แค่นี้สควอโล่ก็ทำตามคำขอแล้ว มารีชอบ รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้หลงเล่ห์ เขาทำแค่เพราะอยากทำ ส่วนหนึ่งก็รู้ว่าฉลามผมเงินคนนี้ก็พอใจนิดหน่อยกับสิ่งที่เด็กหญิงแสดงออก
โลงของเธอถูกเคลื่อนย้ายอย่างระมัดระวัง
ลูกน้องของหน่วยพิรุณซึ่งสควอโล่ควบคุมสั่งการไม่ได้หันมามองเธอเลย พวกเขาทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ดังนั้นเธอจึงไม่คิดวอแวให้มากความ
"เคยไปอิตาลีรึเปล่า"
นั่นไม่ใช่คำถามหรอก
"คงจะน่าสนุกนะคะ"
มารีนับมันเป็นคำชวน
.
.
.
ปราสาทหลังใหญ่ตระการตา
แสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมให้นภาเป็นสีแดงฉาน
มารีทิ้งตัวนั่งเหนือบ่าของคุณพี่ชาย สร้างน้ำหนักเบาๆ ให้รู้ว่าเธออยู่ตรงไหน สควอโล่จะได้ไม่ต้องคอยถามหาเพราะแสงแดดทำให้ตัวตนของเด็กหญิงจางหายไป
แท้จริงใช่ว่าเธอจะสร้างภาพตัวเองในเวลาที่ต้องแสงตะวันไม่ได้ แต่นั่นกินพลังมากเกินไป เหมือนวิญญาณเธอไม่ถูกกับดวงอาทิตย์อยู่แล้ว ก็เป็นวิญญาณนี่ ใช่ไหม?
เด็กสาววางแขนบนหัวของสควอโล่ นิ่งสักพักก่อนจะเปลี่ยนไปกอดรอบศีรษะ เมินเส้นผมที่โด่เด่ขึ้นมาจากพลังสายหมอกอันทำให้เกิดสัมผัสแบบมนุษย์ เมื่อขยับจนได้ที่ก็ซบหัวตามลงไป ช่างสบายเสียเหลือเกิน
"ฉันต้องไปรายงานเรื่องเธอ" เสียงของเขาเบาลงแม้จะยังดังกว่าคนทั่วไปเวลาพูดปกติ แสดงถึงความจริงจัง ขายาวก้าวเข้าสู่เขตสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่
"หนูจะซ่อนตัวไว้ก่อน จนกว่าพี่ชายจะคุยเสร็จนะคะ"
มารีให้สัญญาว่าจะไม่กวน นอกจากกอดหัวแล้วซบเส้นผมนุ่มนิ่มนั่นต่างหมอน
แม้เธอจะรู้สึกถึงเพียงความว่างเปล่าก็ตาม
พี่ชายคุยงานเสร็จแล้ว นำเสนอเธอเรียบร้อย ระหว่างนั้นมารีทำตามสัญญา ไม่ซุกซนไม่ส่งเสียง
"เมอริเอตต้า?"
ราวกับเสียงคำรามของราชสีห์ เจ้าของชื่อนึกขลาดกลัวขึ้นมายามสายตาเฉียบคมนั่นสบเข้ากับเนตรกระจ่างของเธอที่ยังพลางตัวอยู่ ..น่าหวาดหวั่นอะไรปานนี้
อีกนัยหนึ่ง ซันซัสกำลังบังคับกรายๆ ให้เธอเปิดเผยตัวตน
มารีใช้เวลาเรียกสติเล็กน้อย เนื่องจากไม่เคยได้เจอคนแบบหัวหน้าหน่วยลอบสังหารวาเรียควอลิตี้.. เขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามอย่างแท้จริง
ร่างเล็กปรากฏในครรลองสายตา มายาถูกปัดเป่า เจ้าวิญญาณตัวน้อยเผชิญหน้ากับราชสีห์ตัวใหญ่
ถึงจะสั่นไหว
"สวัสดีค่ะ"
แต่ก็ระริกระรี้ด้วยความตื่นเต้นซะมากกว่า
"ขอฝากตัวด้วยนะคะ"
แย่จัง สีหน้าตอนนี้จะน่าเกลียดรึเปล่านะ? แต่ชายคนนั้นกำลังกระตุกยิ้มนี่นา
"ทำตัวให้มีประโยชน์แล้วกัน ยัยสัมภเวสีสวะ"
"เรื่องถนัดเลยค่ะ... ปะป๊า"
สุดยอดไปเลย สุดยอดกว่าตอนอยู่กับคุณพ่อ เขาคนนี้ต่างหากที่คู่ควรจะเป็นปะป๊าของเธอ บรรยากาศอันหนักอึ้งเชิญชวนให้เธอวิ่งโร่เข้าสู่ความอันตราย
"หึ"
มารีกัดริมฝีปากไม่ให้ยิ้มกว้างจนเกินไป แววตาเปล่งประกายจ้องตอบชายผู้มีแผลเป็นตรงหน้า โดยมีรอยยิ้มนึกสนุกของสเปลบี สควอโล่สนับสนุน
บอสได้ของเล่นชิ้นใหม่
ส่วนเด็กสาวก็ได้พ่อคนใหม่
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรกันนะ? ใครจะบอกได้กันล่ะ
"แต่โปรดอย่าเรียกหนูว่าสัมภเวสีสิคะ มันเจ็บปวดสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นะ"
ไม่ใช่ความคิดที่ผิดเลยกับการตามพี่ชายมา
วาเรียไม่น่าเบื่อเลยสักนิด
หลังจากที่ซันซัสยอมรับให้อยู่อาศัยได้มารีก็ไปทำความรู้จักกับสมาชิกคนอื่นๆ เรียกว่าเปิดโลกใหม่เลยก็ดี ที่นี่ครึกครื้นจนเข้าขั้นน่าหนวกหู ทว่ามารีไม่ได้เกลียดอะไร
เลวี่ อาแทน เป็นผู้พิทักษ์อัสนี เขาตัวใหญ่ ใบหน้ามีเอกลักษณ์ด้วยตาดำเล็กๆ และหนวดคล้ายปลาชนิดหนึ่ง เด็กหญิงไม่ได้รู้สึกรำคาญที่เลวี่ทำตัวเทิดทูนปะป๊าของเธอจนเกิดไปหรอกนะ คุณลุงคนนี้ปั่นหัวสนุกด้วยซ้ำ พอรู้ว่าบอสของตัวเองยอมให้วิญญาณตัวน้อยเรียกปะป๊า ก็ยอมเล่นกับเธอด้วย พอเวลาผ่านไปเลวี่ก็จะไม่บ่นด้วย น่าพอใจๆ
คนต่อไปที่ได้รู้จักคือเบลเฟกอล ผู้พิทักษ์วายุ เด็กหนุ่มแนะนำตัวเองว่าเป็นเจ้าชาย และมารีก็ไม่ขัดใจอะไรกับการเรียกฝ่ายตรงข้ามแบบนั้น เสียงหัวเราะของเขาระลื่นหูกว่าพวกผู้ใหญ่ชุดขาวนั่นเยอะเลย แถมเบลเฟกอลยังมีฝีมือทำมีดสังหารด้วยตัวเอง เด็กหนุ่มคนนี้มีผมหน้าม้ายาวปิดบังดวงตา มารีอยากจะเห็นดวงตาของเขาชัดๆ สักครั้งหนึ่ง
มาม่อน ผู้พิทักษ์สายหมอก เป็นคู่หูของเจ้าชายดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน มารีเลยได้พบอัลโกบาเรโน่จอมโลภพร้อมเบลเฟกอล มาม่อนค่อนข้างระแวงเด็กหญิงที่มีไฟธาตุเดียวกัน แต่มารีผู้ไร้พิษสงสำหรับคนที่น่าสนใจไม่ใช่คนที่ควรนับเป็นศัตรูในเวลานั้น คงจะกังวลว่าเธอเป็นสายให้คุณพ่อ แต่นึกได้ทีหลังว่าก็ล้างบางไปหมดแล้วนี่เนอะ?
คนสุดท้ายที่ได้พบคือลุสซูเรีย มารีได้รับความสนใจอย่างมากจากเธอ.. จริงๆ ไม่รู้จะแทนตัวว่าเขาดีไหม แต่เด็กหญิงคิดจะเรียกตามน้ำไปก่อน เห็นได้ชัดว่าผู้พิทักษ์อรุณคนนี้เอ็นดูเธอราวลูกแท้ๆ ส่วนความประทับใจอื่น.. มารีถูกใจทรงผมของเธอด้วยล่ะนะ
ในส่วนของปะป๊าและพี่ชาย เด็กหญิงติดพวกเขาอย่างกับอะไรดี ส่วนของซันซัส มารีมักจะแอบเข้าไปเล่นด้วยเมื่อแสงตะวันสอดส่องเข้าห้องทำงานของคนหน้าดุ แต่ก็โดนจับได้ทันที คงเป็นเพราะธาตุไฟเข้มข้นของเธอไปกระตุ้นสัญชาตญาณของเขา
บางครั้งถ้าเข้าไปตอนหงุดหงิด วิญญาณของเธอก็เละบ้างกระจุยกระจายบ้างเพราะเพลิงพิโรธของเขา แต่มันเป็นสีสันของชีวิต เธอก็ไม่เจ็บ ซันซัสก็ได้ระบายอารมณ์จนใจเย็นลง
มาม่อนพอใจกับเธอด้วยซ้ำที่ใช้พลังรับไว้จนความเสียหายน้อยลง งบประมาณค่าบูรณะซ่อมแซมจึงลดลงไปด้วย
อยู่ไปได้สักสัปดาห์ ทุกคนในวาเรียก็ปรับตัวกันได้ จะมีบ้างเป็นบางครา มารีก็อยากออกไปซุกซนข้างนอก ลากพวกลองดีที่ซ่อนตัวในป่ารอบปราสาทกลับมาให้ เด็กหญิงชื่นชอบการละเล่นกับลูกน้องในแต่ละหน่วย พวกเขามีของเล่นมาให้เธอเสมอแล้วก็ตลกมากๆ
พอเข้าสัปดาห์ที่สอง เบลเฟกอลก็ชวนเธอไปเที่ยว มารีตื่นเต้นมาก จึงไม่ปฏิเสธลาภลอยครั้งนี้
เจ้าชายพาเธอไปเปิดหูเปิดตา และวาเรียก็ได้รับรู้ถึงอีกความสามารถของเธอ
"มีความเป็นไปได้80%ที่จะมีสไนเปอร์ซุ่มยิง 60%คือแย่งเหยื่อคนเดียวกันค่ะ"
"ชิชิชิ เป้าหมายซ้อนสินะ?"
มารียิ้มร่าพยักหน้าหงึกหงัก "ส่วนเปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือสอยคนที่แย่งเหยื่ออีกทีค่ะ พวกเขาจะมาเป็นทีม"
เจ้าของฉายาปริ้นซ์ เดอะ ริปเปอร์หัวเราะอย่างพึงพอใจ "มีอะไรน่าสนอีกไหม มารี"
"แต่ละคนน่าจะมีค่าหัวไม่ต่ำกว่าสามพันเหรียญ--"
"เยี่ยม!"
งานนี้ครื้นเครงจริงๆ ทั้งที่มาทำกันแค่หนึ่งคนกับหนึ่งวิญญาณแท้ๆ
"สามนาฬิกา สองคน"
ฉึก!!
"ด้านบน ปืนพก คนเดียวค่ะ"
อ้าก!!!
"มีความเป็นไปได้75% ที่ห้องนี่จะมีทางลับไปยังเอกสารสำคัญค่ะ"
เป็นงานที่มีคุณภาพ และน่าพึงพอใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลย
มารีจะรู้ไหมนะ ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าตอนนี้ทำให้เธอดูเหมือนวิญญาณร้ายไม่น้อย แต่จะว่าได้อย่างไรกัน ในเมื่อเพื่อนร่วมภารกิจก็ฉีกยิ้มกว้างสนุกสนานไม่แพ้เธอ
"ทำได้ดี" ซันซัสเอ่ยชมเป็นครั้งแรกตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เด็กหญิงเม้มปากแต่รอยยิ้มจันทร์เสี้ยวกลับเก็บไม่มิด เอนหัวเข้าไปหาปะป๊าของตนโดยใช้มายาปลอมสัมผัสเทียมขึ้น
"..."
เงียบอยู่นาน ศีรษะทุยก็เอียงเข้าไปใกล้เรื่อยๆ สุดท้ายฝ่ามือหนาหยาบกร้านนั่นก็แปะลงบนหัว
ปุ
เด็กหญิงยิ้มพอใจ ไม่สนว่ามือนั้นนิ่งสนิท เธอขยับหัวถูไถไปมากับมือของปะป๊าอย่างสุขใจ ไม่นานนักซันซัสก็ชักแขนกลับ ใบหน้าไร้อารมณ์ใดๆ
มารีชอบ และหวังว่าจะมีสักวันที่คนตรงหน้าจะลูบหัวเธออย่างเต็มใจ
วิญญาณโปร่งแสงล่องลอยทะลุพื้นกำแพงให้คนที่เดินผ่านตามชั้นต่างๆ ตกใจเล่น จนสุดท้ายเสียงโวยวายจากห้องอาหารก็เรียกให้เธอลอยเอื่อยตามไป
"ปักดีๆ สิวะ!! เค้กหน้าเละแล้วโว้ย!!!"
พี่ชายฉลามเงินแน่นอน
"ชิชิชิ~ สตอเบอรี่น้อยไปไหมลุสซูเรีย"
คงไม่ต้องเดาว่าใคร
"เห็นว่านายเพิ่งกินไปเองนะเบล"
มาม่อนขัดด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายใจขณะที่ลุสซูเรียหวีดร้องเสียงสูงแปลกๆตามมา
"เฮ้ยๆ อย่าชน!"
ลุงเลวี่จะรอดไหมนั่น โหยหวนเชียว
มารียืนหลบอยู่หลังบานประตู ฟังเสียงแสนวุ่นวาย เหมือนจะชุลมุนกันน่าดู เสียงฝีเท้าหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของร่างเล็กในเวลาที่เธอไม่ได้ระวังตัว เขาคือบอสใหญ่ประจำถิ่นนี้นั่นเอง
"เข้าไป"
ออกคำสั่งพลางกดแก้วตาสีโกเมนคู่งามมองต่ำลงมาที่เธอเด็กหญิงแหงนหน้ามองด้วยความไม่เข้าใจทว่าก็ยกมือขึ้นผลักบานประตูให้เปิดกว้างขึ้น เมื่อนั้นภาพทุกอย่างก็ปรากฏสู่สายตาเค้กนมสดก้อนใหญ่ก็แทบจะพุ่งปะทะหน้าของมารี
"สุขสันต์วันเกิดและยินดีต้อนรับ!"
ตามมาด้วยถ้อยคำโวยวายชุดใหญ่
วันเกิดอายุ11ปีรอบที่เจ็ดวนมาถึงแล้วเหรอเนี่ย ลืมไปซะสนิทเลย
"ถึงจะกินไม่ได้ แต่ก็ขอบคุณมากนะคะ"
"ยัยเด็กบ้า แกร้องไห้เรอะ!?"
พี่ชายอย่าตะโกนสิ.. คุณลุงหน่วยอัสนีเขาหัวเราะเยาะแล้วนะ
"เปล่าค่ะ ไม่ได้ร้องสักหน่อย"
วิญญาณน่ะ จะร้องไห้ได้ไงกัน?
ปะป๊า พี่ชาย มาม่อน เจ้าชาย คุณลุสซูเรีย ลุงเลวี่ ...พวกเขาคือวาเรีย
ที่นี่สนุกสุดๆ ไปเลย
☽☽☽
ความคิดเห็น