ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kara no Kyoukai (เส้นกั้นแบ่งแห่งความว่างเปล่า)

    ลำดับตอนที่ #3 : 1^Overlooking View - Fujoh Kirie : Thanatos Chapter01 02

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 50




     

     

    ในค่ำคืนหนึ่งของปลายเดือนสิงหาคมเดือนสิงหาคม ฉันตัดสินใจที่จะเดินออกจากแมนชั่น

     

    อากาศเริ่มเย็นลงในช่วงปลายของฤดูร้อน รถไฟเที่ยวสุดท้ายของวันได้วิ่งออกจากเมืองนี้ไปอย่างเงียบๆ

     

    มันช่างดูหนาวเหน็บ เงียบเหงา และดูไร้ความทันสมัย ราวกับว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่ตายไปแล้ว โดยเมื่อเดินผ่านผู้คนในเมืองนี้คุณจะรู้สึกว่าพวกเขาช่างเย็นชาและไร้ชีวิตราวกับไม่ใช่คนจริงๆเหมือนกับเป็นคนที่อยู่ในรูปถ่ายเสียมากกว่า มันทำให้ฉันนึกถึงเมืองที่เต็มไปด้วยโรคร้ายและที่ไร้การเยียวยา

     

    แสงไฟจากบ้านและร้านสะดวกซื้อที่ส่องสว่างอวดแสงในค่ำคืนนี้ ทุกสิ่งดูเหมือนจะพังทลายลงได้ง่ายๆถ้าพวกเขาไม่ระวังรักษามันให้ดีในค้ำคืนที่แสงจันทร์สาดส่องมากระทบมันแบบนี้

     

    บนโลกที่ที่ดูไร้ชีวิตชีวาใบนี้ดูเหมือนจะมีเพียงแต่แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเท่านั้นที่ดูเหมือนจะยังคงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาอยู่ และทำให้ฉันรู้สึกเคืองตาน้อยๆด้วย นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่ค่อยชอบใจมันเลย

     

    เมื่อฉันออกจากฉันมักจะสวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำทับกับกิโมโนสีฟ้าอ่อนของฉัน

     

    กิโมโนที่อยู่ภายใต้เสื้อแจ๊คเก็ตที่ดูเหมือนจะทำให้ฉันร้อน แต่ว่าแท้จริงแล้วสำหรับฉันมันไม่ร้อนเลย แต่ดูเหมือนว่าไม่ก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกหนาวเช่นกัน

     

    ................................................................................................................................................................

     

    ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว แต่ถ้าคุณยังคงเดินทางอยู่บนท้องถนนคุณจะพบใครบางคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น เด็กหนุ่มที่ยืนครุ่นคิดอยู่หน้าตู้ขายของอัตโนมัติ ผู้คนมากมายที่ยืนรวมกลุ่มอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ

     

    ฉันพยายามที่จะคิดหาเหตุผลว่าทำไมพวกเขามายืนเล่นอยู่ข้างนอกบ้านแบบนี้แค่ฉันก็ไม่เคยหาคำตอบของเหตุผลนั้นเจอแม้แต่ครั้งเดียว

     

    ประการแรกก็คือมันไม่มีเหตุผลว่าทำไมฉันถึงออกมาเดินเล่นข้างนอกในยามค่ำคืนแบบนี้ เพราะฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ฉันเคยทำเป็นประจำก็เท่านั้นเอง

     

    ...สองปีก่อนหน้านี้

     

    ฉันเคยถูกเรียกว่า เรียวกิ ชิกิ เป็นเด็กสาวที่พึ่งขึ้นเรียนมัธยมปลายปีสองมาหมาดๆในตอนที่ฉันเกิดอุบัติเหตุและถูกนำส่งไปที่โรงพยาบาล ฉันได้ยินมาว่าร่างกายของฉันไม่ได้มีแผลร้ายแรงอะไร แต่เป็นเพราะสมองฉันได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

     

    ตั้งแต่นั้นมาฉันก็อยู่ในอาการโคม่า

     

    บางทีอาจจะเป็นเพราะร่างกายของฉันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ทางโรงพยาบาลจึงสามารถที่ช่วยชีวิตฉันไว้ได้และรักษาฉันจนหาย และที่สุดสองเดือนต่อจากนั้นฉันก็หายเป็นปกติ

     

    ฉันคาดว่าหมอคงตกใจไม่ใช่น้อย ราวกับว่าเขาเห็นศพกลับมาคืนชีพอีกครั้ง ฉันก็พอจะเข้าใจเพราะว่าฉันฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่เขาคาดมาก ซึ่งฉันก็ตกใจอยู่เหมือนกันแต่คนละเรื่องกับที่หมอตกใจ

     

    เพราะความทรงจำของฉันมันมีอะไรแปลกอยู่เล็กน้อย ฉันไม่สามารถเชื่อใจในความทรงจำที่ฉันมีในตอนนี้ว่ามันเป็นความทรงจำของฉันจริงๆ

     

    นี่เป็นความผิดปกติจากความสับสนของความทรงจำ หรือผู้คนทั่วไปเรียกว่าความทรงจำเสื่อมนั่นเอง

     

    ตามที่โทโกะบอก ความทรงจำนั้นประกอบไปด้วยระบบการทำงานของสมองสี่ระบบ เขียน เก็บรักษา ทำซ้ำ และประมวลผล

     

    เขียน เวลาคุณเห็นอะไรข้อมูลจะถูกนำไปบันทึกลงสมองของคุณ

     

    เก็บรักษา ไว้เก็บข้อมูลต่างๆ

     

    ทำซ้ำ หมายถึงการหวนระลึกหรือนึกถึงข้อมูลที่เก็บไว้เรียกง่ายๆว่าความทรงจำนั้นเอง

     

    ประมวลผล คือการนำข้อมูลที่เรียกกลับมานั้นยืนว่าข้อมูลที่เรียกมาเป็นข้อมูลที่เคยเกิดขึ้นจริง

     

    ถ้าระบบหนึ่งไม่สามารถทำงานได้ในระบบก็จะทำให้ความทรงจำเกิดความสับสนอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดความผิดปกติที่ระบบไหน ลักษณะความสับสนก็แปรปรวนตามนั้น

     

    แต่ในกรณีของฉันทุกระบบยังคงทำงานได้อย่างปกติ ฉันแค่ไม่สามารถรู้สึกที่จะแน่ใจในความทรงจำก่อนหน้านี้ แต่ว่าระบบประมวลผลของฉันก็ทำงานปกติดีอยู่ อย่างที่ฉันยังคงสามารถที่จะบอกถึงเหตุการณ์ความทรงจำของฉันที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้

     

    แต่ฉันยังคงไม่ค่อยที่จะมั่นใจในความทรงจำก่อนหน้านี้ของฉัน ฉันไม่รู้สึกว่าฉันเคยเป็นฉันในตอนนั้น

     

    แม้ว่าฉันจำได้ว่าฉันคือเรียวกิ ชิกิ ก็ตาม ฉันสามารถจดจำบุคคลที่อยู่ในความทรงจำนั้นได้บางคนทั้งที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฉันคือเรียวกิ ชิกิ

     

    สองปีแห่งความว่างเปล่าที่ผ่านมามันทำให้ตัวตนของเรียวกิ ชิกิ นั้นลดลงไปสู่ความว่างเปล่า

     

    ไม่ชอบที่เข้าสังคม มันเป็นปัญหาที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ความทรงจำและบุคลิกภาพส่วนบุคคลที่ฉันควรจะมี... มันเป็นสิ่งที่ทำลายตัวตนของฉันโดยสมบูรณ์

     

    ด้วยกรณีที่เกิดขึ้นนี้เองเลยทำให้ความทรงจำในอดีตของฉันเป็นเพียงแค่มโนภาพ

     

    แต่เพราะมโนภาพนั้น ฉันจึงสามารถที่จะทำตัวให้คุ้นเคยกับมันได้ ฉันสามารถติดต่อกับผู้คนและฉันรับรู้และผู้ปกครองของฉันในนามเรียวกิ ชิกิ ก็รับรู้เช่นกัน แต่นอกเหนือจากความกังวลถึงความรู้สึกที่แท้จริงของฉัน

     

    ในความเป็นจริง เรื่องนั้นมันทำให้ฉันไม่สบายใจเป็นอย่างมาก จนทำให้ฉันเกือบที่จะยืนยัดบนความเจ็บปวดนั้นไว้ไม่ได้

     

    มันก็แค่การล้อเลียนที่ฉันไม่สามารถที่จะอาศัยอยู่ตรงนั้นได้

     

    ดั่งเด็กแรกเกิดที่พึ่งออกจากท้องมารดา ไม่เคยรับรู้อะไรทุกสิ่งทุกอย่างและไม่มีประสบการณ์อะไรทั้งสิ้นแต่ความทรงจำสิบปีก่อนหน้านี้ทำให้ฉันกลายเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

     

    ฉันมีอารมณ์เหมือนคนปกติทั่วไปที่เรียนรู้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาในความทรงจำ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าประสบการณ์พวกนั้นของฉันเคยเกิดขึ้นจริง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังคงต้องการประสบการณ์พวกนั้น ฉันยังคงรับรู้ถึงเรื่องราวเหล่านั้น ด้วยความรู้สึกไม่ความประหลาดใจแม้มันจะไม่เหมือนกับความรู้สึกของการมีชีวิต ก็ตาม มันเหมือนกับที่เราไม่ประหลาดใจในกลที่เรารู้ทริคมันอยู่แล้ว

     

    และอย่างนั้นนั้นเอง ฉันจึงทำต่อไปให้เหมือนกับว่าฉันเคยชินกับสิ่งนั้นโดยปราศจากความรู้สึกว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ นั้นคือตัวอย่าง

     

    เพราะถ้าฉันทำแบบนั้นบางทีฉันคงสามารถกลับไปสู่ชีวิตก่อนหน้านั้นของฉันได้

     

    เพราะถ้าฉันทำแบบนั้นฉันคงคิดถึงเหตุผลว่าทำไมฉันถึงต้องมาเดินนอกบ้านต่อดึกดื่นแบบนี้ออก

     

    โอ้... ฉันรู้แล้ว

     

    คุณคงสามารถพูดได้ว่าฉันเองก็อาจจะรักชีวิตในสมัยก่อนของฉันอยู่

     

    .........................................................................................................................................................

     

    มองดูถึงจุดที่น่าสังเกตหลังจากที่ฉันมาเดินบนทางที่ยาวไกลแบบนี้ ฉันพบว่าฉันมักจะเดินเข้ามาอยู่ในเขตสำนักงาน ที่มีตึกสูงไล่เลี่ยตั้งอยู่ใกล้ๆกันบนถนนที่ถูกจัดแต่งอย่างดีให้ทันสมัย พื้นผิวของตึกนั้นเป็นกระจกแก้วและพวกมันเป็นสิ่งเดียวที่สะท้อนให้เห็นแสงจันทร์ที่สาดส่องอยู่ในตอนนี้

     

    ในความมืดนั้นนอกจากแสงจันทร์แล้ว กระจกขนาดใหญ่ยังคงปรากฏภาพของตึกที่ตั้งอยู่ข้างๆสะท้อนกันไปกันมาให้เห็น

     

    คืนนี้มันช่างเป็นเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ

     

    กลุ่มตึกที่ตั้งอยู่บนถนนหลักราวกับโลกของเงาที่ปิศาจสามารถวิ่งทะลุไปไหนได้ตามใจชอบ

     

    ลึกเข้าไป ยังคงมีเงาสะท้อนที่มีรูปร่างมากกว่าที่จะเป็นที่พักอาศัย บนตึกสูงนี่สิบชั้นที่เหมือนราวกับว่าเป็นหอคอยที่จะยื่นไปถึงดวงจันทร์ ชื่ออาคารนั้นคือ ฟุจิโยะ

     

    ไม่มีแสงไฟบนแมนชั่นที่เรียกว่าตึกฟุจิโยะ บางที่เพราะผู้พักอาศัยของที่นี่อาจจะหลับหมดแล้วก็ได้หรืออาจะเพราะว่าตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เกือบจะเช้าแล้ว

     

    ในทันใดนั้นเองเงาที่น่าเบื่อหน่ายนั้นก็ได้ดึงดูดสายตาของฉัน ฉันเห็นภาพเงาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งลอยอยู่แบบที่ไม่มีของเปรียบเทียบใดใด เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังลอยอยู่จริงๆ ทั้งที่ไม่มีลมพัดแต่กลับมีความหนาวเย็นอยู่ทุกที่ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากสำหรับฤดูร้อน กระดูกต้นคอของฉันเคลื่อนไหวดังเอี๊ยดเนื่องจากความหนาวเย็น

     

    มันเป็นแค่การนึกเอาเองของฉันอย่างแน่นอน

     

    ฉันเห็นอย่างที่คุณเห็นในวันนี้เหมือนกัน

     

    ฉันไม่ชอบมัน แต่มันก็ไม่สามารถช่วยบอกว่ามันคืออะไรก็ตามที่ฉันเห็น

     

    และอย่างนั้น เด็กผู้หญิงที่พวกเราพูดถึงว่าบินอยู่ราวกับว่าเธอกำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนดวงจันทร์

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×