คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1^Overlooking View - Fujoh Kirie : Thanatos Chapter01 01
ในค่ำคืนหนึ่งของต้นเดือนสิงหาคม มิกิยะคุงก็มาหาฉันอย่างที่ฉันก็ไม่ได้บอกกล่าว
“สวัสดี ชิกิ เธอยังดูเฉื่อยชาอยู่เสมอเลยนะ” ชายหนุ่มผู้มาเยือนพูดทักทายขึ้นที่หน้าประตูด้วยรอยยิ้มที่ดูน่าเบื่อสำหรับฉัน
“ระหว่างทางฉันเห็นอุบัติเหตุ เด็กผู้คนหนึ่งกระโดดลงมาจากตึกเพื่อฆ่าตัวตาย อันที่จริงฉันก็ได้ยินเรื่องพวกนี้มามาก แต่ฉันไม่คิดเลยว่าฉันจะได้เห็นภาพแบบนั้นสดๆกับตาตัวเอง นี่ อันนี้ฉันเอาเข้าตู้เย็นนะ”
เขาวางถุงพลาสติกที่ได้จากร้านสะดวกซื้อลงบนพื้นก่อนที่จะถอดรองเท้าเพื่อเข้ามาในห้อง ในถุงนั้นมีไอศกรีมฮาเก้นดาส ฉันหวังว่าเขาคงรีบเอามันไปใส่ตู้เย็นก่อนที่มันจะละลาย และในขณะที่ฉันดูของที่อยู่ในถุงอยู่มิกิยะก็ถอดรองเท้าเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้อง
ที่อยู่ของฉันเป็นห้องห้องหนึ่งที่อยู่ในแมนชั่น ซึ่งถ้าคุณเดินผ่านทางเดินในห้องมาไม่ไกลคุณก็จะพบกับห้องที่คล้ายกับห้องนอนและห้องนั่งเล่นของฉัน แต่ว่าฉันมองเขม่นตามมิกิยะซึ่งตอนนี้กำลังเดินไปที่ห้องของฉันอยู่
“ชิกิ เธอโดดเรียนอีกแล้วใช่ไหม? ฉันไม่กังวลเรื่องผลการเรียนของเธอหรอกนะ แต่ว่าถ้าขืนเธอยังขาดเรียนแบบนี้บ่อยเธอจะไม่สิทธิ์เลื่อนชั้นเพราะเวลาเรียนไม่พอนะ เธอลืมสัญญาระหว่างเราที่จะไปเรียนต่อมหาลัยด้วยกันแล้วเหรอ?”
“นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันให้ฉันไปโรงเรียน และอีกอย่างนะฉันก็จำไม่ได้ด้วยว่าฉันเคยสัญญาอะไรพันธุ์นั้นกับนายและฉันก็จะไม่เรียนต่อมหาลัยด้วย”
ฉันจ้องมองเขม็งไปที่มิกิยะซึ่งตอนนี้เขาก้มหน้าลงมองพึ่งอย่างหดหู่ใจเป็นอย่างมากกับคำพูดของฉันเมื่อครู่นี้
“เอ่อ... ถ้าเธอจะทำอย่างนั้นมันก็เป็นสิทธิ์ของเธอ แต่ว่า...”
เสียงของชายหนุ่มพูดออกมาอย่างไม่มั่นใจในตัวเองก่อนที่จะนั่งลงไป เขายังคงยึดติดอยู่กับความรู้สึกของตัวเขาเองในสมัยที่ฉันยังคงจำเรื่องราวได้เมื่อไม่นานมานี้
มิกิยะยั่งลงอยู่ตรงกลางห้องนี้ส่วนฉันก็ล้มตัวไปนั่งอยู่บนเตียงข้างหลังเขา โดนเอาแผ่นหลังเล็กๆที่ดูไม่เหมือนหลังของผู้ชายสักเท่าไรของมิกิยะเป็นพนักพิง
ชายคนนี้ชื่อโคคุโตะ มิกิยะดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเพื่อนในสมัยที่ฉันมาเรียนมัธยมปลายแล้ว ในช่วงสมัยวัยรุ่นเต็มตัวที่ชื่อเสียงมีได้เพียงชั่วข้ามคืนและหายได้ในชั่วข้ามคืน มิกิยะเป็นพวกคนประเภทหายากที่ยังรักษาภาพลักษณ์ของเด็กหนุ่มที่เป็นนักเรียนเอาไว้
เขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่ย้อมสีผมตัวสูงโปร่ง ผิวขาว ไม่สวมเครื่องประดับใดๆ แถมยังไม่พกมือถือหรือเที่ยวเล่นกับผู้หญิง เขาสูงประมาณ
ถึงแม้ว่าเขาเวลาที่อยู่นอกโรงเรียนเขาจะแต่งชุดธรรมดาเขาก็ยังดูดีอยู่ และฉันก็คิดว่าเขาคงจะดูดีและดึงดูดใจคนอื่นมากกว่านี้ถ้าเขารู้จักแต่งตัวสักหน่อย
“ชิกิเธอฟังอยู่หรือเปล่า? ฉันเห็นแม่เธอด้วยนะ เธอควรไปเยี่ยมบ้านเรียวกิของเธอบ้างสักครั้งก็ยังดีนะ ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยกลับไปที่บ้านเลยสักครั้งหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลมาได้สองเดือนแล้ว”
“ฉันไม่สนใจหรอกเรื่องนั้น มันช่วยไม่ได้นี่ เพราะฉันไม่สามารถที่จะเชื่อเรื่องนี้ได้ว่าพวกฉันกับเขาเคยรู้จักกันมาก่อน แถมฉันกับพวกเขารู้สึกห่างเหินทั้งที่ฉันกับพวกเขาจะอยู่ด้วยกันก็ตาม เหมือนตอนนี้ที่ฉันยังรู้สึกแปลกๆเวลาคุยกับนาย ดังนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่ฉันจะสามารถพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างสนิทใจ”
“แหม... ถ้าคุณยังคิดอย่างนั้นทุกอย่างมันคงไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ทุกอย่างน่ะมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปถ้าเธอไม่ยอมเปิดใจรับพวกเขา มันไม่ถูกต้องไม่ใช่เหรอสำหรับครอบครัวที่เคยอาศัยอยู่ด้วยกันแต่ตอนนี้กลับไม่มาพูดคุยกันแบบนี้”
ฉันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจกับคำพูดนั้นของมิกิยะ
เขาพูดว่า “ไม่ถูกต้อง” แต่จริงๆแล้วอะไรคือสิ่งที่ “ไม่ถูกต้อง” กันแน่ เพราะถึงอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับครอบครัวมันก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรนี่ มันก็แค่เป็นเรื่องของเด็กที่สูญเสียความทรงจำหลังเกิดอุบัติเหตุ แล้วหลังจากพวกเขาก็พิสูจน์กันว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันตามกฎหมายด้วยเพียงแค่กระดาษแผ่นเดียวเพียงแค่นั้น เพราะเพียงแค่นั้นก็จะให้ฉันทำเป็นเหมือนเดิมไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เลยงั้นเหรอ
มิกิยะยังคงกังวลกับความรู้สึกของคนอื่นอยู่ตลอดเวลาถึงแม้ว่าฉันจะเห็นมันเป็นแค่เรื่องไร้ประโยชน์ก็ตาม
.............................................................................................................................................................
เรียวกิ ชิกิเป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่สมัยเริ่มเรียนมัธยมปลายด้วยกัน
โรงเรียนของพวกเราเป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่มีเปอร์เซนต์ของนักเรียนที่มาเรียนที่แล้วจะสอบติดเข้ามหาลัยได้สูงมาก
ผมเริ่มรู้จากชิกิในตอนวันประกาศผลสอบว่าจะได้เข้าเรียนหรือไม่ เพราะตอนที่ผมเห็นชื่อของเธอเป็นครั้งแรกผมก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะรู้ตัวอีกทีว่าผมได้เรียนอยู่ห้องเดียวกับเธอ ซึ่งต่อจากนั้นผมก็เริ่มเป็นเพื่อนกับเธอ
โรงเรียนของเราไม่มีเครื่องแบบดังนั้นทุกคนจะแต่งชุดอะไรมาเรียนก็ได้ตามใจตัวเอง นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมทำให้ชิกิดูโดดเด่นอย่างน่าประหลาดก็เพราะว่าเธอมักจะสวมกิโมโนมาเรียนทุกครั้ง
มันเป็นชุดที่เหมาะกับชิกิเป็นอย่างมากและทำให้ห้องเรียนนั้นมีความรู้สึกคล้ายกับบ้านสไตล์โบราณเมื่อมีชิกิอยู่ที่นั้น นักเรียนคนอื่นบางคนอาจะแต่งตัวเป็นแนวร็อคๆ แต่ว่าเมื่อเขาคนนั้นมาอยู่ต่อหน้าชิกิแล้ว ชุดของพวกเขาดูเหมือนจะมีค่าน้อยกว่าหนังสือเสื้อผ้าที่ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเสียอีก ผมคิดว่าคำคำนี้คงจะเหมาะสำหรับที่จะอธิบายถึงลักษณะของชิกิได้ดีที่สุด นั้นก็คือ...
ใบหน้าของชิกินั้นดูงดงามหมดจดอย่างไร้ที่ติ
ผมที่สวยและดูอ่อนนุ่มราวกับผ้าไหมและการสอยผมด้วยกรรไกรแบบที่ไม่ค่อยตั้งใจจะทำจนผมมีลักษณะยาวปิดหูแต่ไม่ถึงไหล่ซึ่งเหมาะกับตัวชิกิเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่คนจะเข้าใจผิดกันบ่อยมากว่าชิกิเป็นผู้ชายเพราะชิกิดูหล่อมาก แต่จะต่างกันหน่อยตรงที่เมื่อพวกผู้ชายมองมาเขาจะเห็นเธอเป็นผู้หญิง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงมองมาพวกเธอจะเห็นชิกิเป็นผู้ชาย เหตุที่เป็นแบบนั้นองอาจแบบผู้ชายมากกว่าที่จะสวยน่ารักแบบหญิงสาว
แต่เสน่ห์เหล่านั้นก็ยังไม่ดึงดูดใจมากกว่าตอนที่ที่เธอมองมา เพราะดวงตาสีน้ำตาลที่ดูแหลมคมได้รูปของชิกิคู่นั้นมันดูน่าหลงใหลเป็นอย่างมากจนทำให้ไม่อาจถอนสายตาออกจากเธอได้เลยเพียงแค่เธอมองมา นั้นเป็นสาเหตุว่าทำไมชิกิจึงดูมีความหมายสำหรับผมมาก
ใช่... จนกระทั่งชิกิมาเป็นแบบนี้
.......................................................................................................................................................
“โดดตึกฆ่าตัวตาย ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่เหรอมิกิยะ”
มิกิยะเริ่มมีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นหลังจากฉันโวยวายอย่างไร้สาระตั้งแต่ฉันเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามนั้น
“ฮืม... ฉันออกจะแน่ใจนะว่านั้นเป็นอุบัติเหตุ แต่ที่เธอพูดมามันก็ถูกฉันรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่ามันคืออะไรกันแน่ ตังแต่เรื่องฆ่าตัวตายแล้วมีคนตายนั้นน่ะ แต่สิ่งที่คนคนนั้นจะทำ มันดูไร้ความรับผิดชอบต่อผู้ตาย เว้นแต่ว่าเขาจะตกจากที่สูงด้วยอุบัติเหตุ...”
“มันไม่ใช่ทั้งการฆาตกรรมหรือตายโดยอุบัติเหตุงั้นเหรอ มันฟังดูแล้วไม่ค่อยกระจ่างเลยนะพวกเขาน่าจะเลือกวิธีที่ไม่มีผลกระทบต่อผู้อื่นถ้าพวกเขาคิดจะฆ่าตัวตาย”
ดูเหมือนว่าคำพูดของฉันเมื่อสักครู่นี้จะทำให้มิกิยะรู้สึกโกรธขึ้นมาน้อยๆทันที ก่อนที่เขาเหลือบมองมาที่ฉันที่นั่งอยู่ข้างหลังเขา
“ชิกิ มันเสียมารยาทนะที่พูดว่าร้ายไม่ดีกับคนตายไปแล้ว”
เสียงของเขาฟังดูแล้วไม่เหมือนที่จะดุด่าฉันแต่มันเป็นเสียงที่ฟังดูเรียบๆเนิบๆ ซึ่งฉันก็คิดไว้กับท่าทีการตอบสนองกลับแบบนี้ของเขาไว้นานแล้ว
“โคคุโตะ ฉันเกลียดที่จะพูดเถียงเรื่องสามัญสำนึกว่าถูกต้องไม่ถูกต้องของคุณนะ”
การพูดตอบกลับของฉันมันฟังดูดูหยาบกระด้างเป็นอย่างมากโดยธรรมชาติ แต่ว่ามิกิยะก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
“ว้าว นานแล้วแล้วนะนี่ที่เธอไม่ได้เรียกฉันแบบนี้”
“จริงเหรอ”
มิกิยะพยักหน้าอย่างตอบว่าใช่แล้ว
ฉันเรียกชายผู้นี้อยู่แค่สองชื่อคือ มิกิยะกับโคคุโตะ ที่จริงแล้วฉันไม่ชอบที่จะเรียกเขาว่าโคคุโตะสักเท่าไรฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
ในความเงียบชั่วครู่นี้นั้นในระหว่างที่ฉันอยู่ครุ่นคิดอยู่นั้น มิกิยะยังคงปรบมือขึ้นมาราวกับว่าเขานึกถึงเรื่องบางอย่างออก
“โอ้ พูดถึงสิ่งหายาก น้องสาวฉันอาสึกะเคยเห็นมันนะ”
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดออกมาแบบนี้
“สิ่งนั้นไง เด็กผู้หญิงที่บ้านฟุจิโยะที่เขาว่ากันว่าบินได้เธอก็เคยพูดว่าเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งนี่”
โอ้ ในที่สุดฉันก็จำได้
เมื่อประมาณสามอาทิตย์ก่อน ในท้องฟ้าที่เหนือแมนชั่นราคาแพงนี้ขึ้นไป ใบหน้าของอาสุกะก็ปรากฏขึ้นมาให้ฉันเห็นอย่างนึกขึ้นได้
หลังจากที่ฉันอยู่ในอาการโคม่าถึงสองปีหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ ฉันได้เห็น “อะไรบางสิ่งที่คาดเดาไม่ได้” แต่เมื่อโทโกะสวมมันให้ฉัน ฉันก็ไม่ให้มันอีกแต่ว่าจะพูดให้ถูกคือฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจมันอีกต่อไป หรือในความหมายอื่นคือฉันสามารถควบคุมสมองและสายตาได้ในระดับที่สูงขึ้นกว่าคนปกติ แต่ฉันก็ไม่สนใจกับคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนั้นสักเท่าไรแค่ไม่เห็นมันก็จบเรื่องแล้วก็เท่านั้น
“สิ่งที่อยู่อยู่ในบ้านฟูจิโยะ ฉันเห็นมันแค่ชั่วครู่เดียวแต่ว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่นี้ และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่ามันยังอยู่หรือเปล่า”
“ฉันรู้ ฉันก็ไม่ได้สังเกตมานานแล้วด้วยเพียงแต่ตอนนี้ฉันฉันไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว”
“ที่นายไม่เห็นมันก็เพราะว่านายสวมแว่นอยู่นี่”
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับแว่นตรงไหนเลย” มิกิยะพูดแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ
ท่าทีของเขาดูน่าอบอุ่นและดูจริงใจ เป็นได้ว่าการที่ต้องเห็นสิ่งนั้นถือเป็นสิ่งที่หนักหนายิ่งสำหรับเขา
แต่ว่าเหตุการณ์ที่น่าเบื่อที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเหมือนกับว่าผู้คนตกลงมาและบินได้ ฉันไม่เข้าใจว่าความหมายอะไรแอบแฝงอยู่กันแน่ ดังนั้นฉันจึงถามออกมาดังๆว่า
“มิกิยะ นายรู้หรือเปล่า ทำไมคนพวกนั้นถึงบินได้”
มิกิยะยักไหล่เล็กน้อยกับคำถามที่คาดไม่ถึงของฉันก่อนที่จะตอบเสียงเรียบออกมาว่า
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมพวกเขาถึงบินหรือตกลงมาก็เพราะฉันไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน”
ความคิดเห็น