ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เปิดตำนานเทพปกรณัมแห่งยุโรปเหนือ Ragnarok

    ลำดับตอนที่ #5 : โลกิ เทพวิบัติ

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 48


    บทที่ 5โลกิ เทพวิบัติ

    โลกิเป็นเทพที่มีกำเนิดมาตั้งแต่ครั้งสร้างโลก เป็นลูกของยักษ์ฟาโบติ-Farbauti และลอเฟย์-Laufey นิสัยของเขามาจากพลังความสับสนและบิดเบี้ยวในตอนแรกของโลก เขาสาบานเป็นพี่น้องกับโอดินด้วยการดื่มเลือดซึ่งเป็นประเพณีนิยมของชาวเหนือในช่วงนั้น ถ้าจะว่ากันไป โลกิคือด้านตรงข้ามของโอดิน หากโอดินฉลาดเฉลียวและทรงความดี โลกิก็เป็นคนไม่คิดหน้าคิดหลังและชั่วร้าย ถ้าโอดินกล้าหาญ โลกิก็ขลาดเขลา ถ้าโอดินละเอียดละออ โลกิก็ชุ่ย เป็นสองขั้วสุดๆ ระหว่างความดีและความชั่ว อุปนิสัยของเขาอยู่ข้างจะชอบสร้างความทุกข์ให้แก่คนอื่น (อันนี้ใช้คำว่าแกล้งนี่น้อยไปนะครับ) การกระทำหยั่งเงี้ยะส่วนใหญ่นำความทุกข์มาให้ผู้อื่น หรือหนักที่สุดทุกข์นั้นก็มาถึงตัวเอง เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาข้างหน้า เขามีแต่ความอยากเท่านั้น

    โลกิเป็นเทพที่นับว่ารูปงามคนหนึ่ง ผิดแต่ว่าดวงตาของเขากระด้างไม่มีความเมตตาสงสารใดๆ แฝงอยู่ จะว่าเขาเป็นภาคหนึ่งของปีศาจที่ปนอยู่ในหมู่เทพก็ไม่ผิด กระนั้นนะครับการกระทำของเขาในแต่ละเรื่องจะนับเป็นเรื่องร้ายไปเสียหมดก็ไม่ได้ กลโกงเอาตัวรอดของโลกิ บางทีก็นำประโยชน์มาให้สวรรค์ไม่น้อย เช่นตอนที่ยุให้โอดินรับช่างก่อสร้างแปลกหน้าซึ่งเป็นยักษ์แปลงมาสร้างกำแพงแอสการ์ดถึงจะประสบความยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ชาวสวรรค์ก็ได้กำแพงแน่นหนาแข็งแรงโดยไม่ต้องเหนื่อยแรงมากนัก หรือตอนที่ร่วมทางผจญภัยกับธอร์แล้วไปยุให้ลูกชาวนากินไขกระดูกแพะทังกริสกับทังนิออส คราวนั้นธอร์ก็ได้คนรับใช้คู่ใจ

    แต่การผจญภัยของโลกิที่จะเล่าต่อไปนี้ก็ทำให้ประดาเทพสำคัญของสวรรค์มีของวิเศษใช้กันละครับ

    ที่มาของสมบัติเทพ

    เรื่องมันเริ่มตรงที่คืนหนึ่ง เมื่อซิฟ-Sif เมียของธอร์เกิดหลับไปอย่างรวดเร็ว โลกิจะเกิดความหมั่นไส้ในอารมณ์มาจากไหนไม่ทราบ ก็ดอดเข้าไปในห้องนอนของเทพีโดยไม่มีใครรู้เลย แล้วเทพจอมโกงก็ใช้กรรไกรเล็กๆ ที่ติดตัวมาค่อยๆ ตัดกล้อนผมยาวสวยของซิฟจน ผมสีทองสุกปลั่งราวกับทุ่งข้าวสาลีออกรวงต้องแสงแดดของเจ้าหล่อนกองอยู่รอบเตียงแล้วโลกิก็หายตัว ไปในสายตาของเขามันเป็นเพียงแค่ตลกร้ายล้อกันเล่นเท่านั้นเองทว่าเช้าวันต่อมา เมื่อเทพีตื่นขึ้นพบว่าผมของหล่อนกระจายอยู่เต็มไปหมด หล่อนก็ฟูมฟายตกใจแทบสิ้นสติ ของรักที่สุดของผู้หญิงที่ไว้ผมยาวสลวยมานานแสนนานก็คือผม แล้วมันก็ไม่มีทางจะคืนดีกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว ธอร์เห็นเหตุการณ์รู้ทันทีว่าใครเป็นต้นเหตุ เขาโกรธมาก ถึงจะรู้ว่าโลกิไม่มีเจตนาอื่นนอกจากอยากแกล้ง ทว่าตลกคราวนี้เขาไม่สนุกด้วยเทพสายฟ้าจึงไล่ล่าจนเจอเจ้าตัวแสบ

    โลกิไม่กลัวอะไรมากไปกว่าอารมณ์โกรธของธอร์ ในความลนลานเทพจอมโกงเสนอจะแก้ตัวด้วยการลงไปยัง สวาร์ทาฟไฮล์ม-ดินแดนของคนแคระไปหาลูกชายของอิวาลดี-Ivaldi ช่างประดิษฐ์ของที่เก่งที่สุดเท่าที่เชื้อสายคนแคระจะมีอยู่ เขาจะไปสั่งให้ช่างทำวิกผมให้ซิฟใหม่ซึ่งมันจะต้องงอกยาวเองได้เหมือนของเดิม ธอร์ตกลง

    ครั้งนี้โลกิเดินทางสู่สวาร์ทาฟไฮล์มอย่างโดดเดี่ยว เขาเดินทางไปหาพี่น้องๆ คนแคระลูกๆ ของอิวาลดี ขอให้ช่วยทำวิกผมทองซึ่งยาวเองได้ และโลกิยังขอให้คนแคระทำของเพิ่มเติมเป็นของขวัญแก่โอดินและเฟรย์ไปพร้อมๆ กัน (นี่เพราะทั้งโอดินและเฟรย์ต่างก็โกรธโลกิที่เล่นตลกไม่เข้าท่ากับซิฟ) ของขวัญเหล่านี้จึงทำท่าเป็นของขวัญการเมืองอยู่ในตัว

    แรกๆ คนแคระหมู่นี้ไม่สนใจคำขอร้องของโลกิ แต่เทพจอมโกงก็ใช้ไหวพริบในการพูดโน้มน้าวจิตใจ โลกิว่าของขวัญเหล่านี้นอกจากจะทำให้บรรดาเทพที่กล่าวถึงพึงพอใจแล้ว ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์ของพี่น้องคนแคระที่ไม่มีใครเทียมไปชั่วกาลนาน แหม คำขอร้องหนนี้รื่นหูจริงๆ นะครับ คำขอนี้เลยทำให้คนแคระรับทำให้แบบไม่ต้องรออะไรต่อไป

    โลกินอนรอ นั่งรอของอยู่ในสวาร์ทาฟไฮล์มไม่นานหรอกครับ ของขวัญแด่บรรดาเทพก็เสร็จ ซิฟได้วิกผมทองซึ่งมีเส้นผมอร่ามเรืองงามกว่าเดิมทั้งยาวเองได้เหมือนของจริง เฟรย์เทพแห่งแสงอาทิตย์และราชาแห่งเอลฟ์ ได้เรือสกิดบลาดเนียร์-Skidbladnir เรือยาวแบบของชาวเหนือซึ่งสามารถพับได้ พับแล้วเหลือเล็กนิดเดียวใส่กระเป๋าเสื้อไปไหนมาไหนโดยไม่มีน้ำหนักเลย สำหรับโอดินได้หอกกุงเนอร์-Gungnir หอกวิเศษที่พุ่งไปแล้วไม่พลาดเป้า เป็นหอกที่หากเทพและมนุษย์กล่าวคำสาบานต่อหน้าใบหอกแล้ว ไม่มีทางทวนคำสัตย์สาบานได้ โลกิสุดแสนจะดีใจต่อของขวัญให้เทพ เขารีบเดินทางกลับแอสการ์ดทันที

    ทว่าระหว่างทางที่โลกิเดินมาอย่างสำราญนั้นเอง เขาก็พบเข้ากับคนแคระบรอคค์-Brokkและเอทรี-Eitri ทั้งสองสนใจสมบัติเทพที่โลกิถือมา เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดคนแคระก็โอ่ว่าพวกตนสามารถทำได้ดีกว่าสิ่งประดิษฐ์ของลูกๆ อิวาลดิมาก โลกิไม่เชื่อครับ เขายังไม่เคยเห็นใครจะมาความสามารถมากเท่าคนที่ทำของให้เทพมาตั้งนานแสนนาน งานนี้บรอคค์และเอทรีต่างยืนยัน นั่งยันแต่จนแล้วจนรอดโลกิก็แสดงว่าไม่เชื่ออยู่ดี แต่เพื่อตัดความรำคาญเทพจอมโกงจึงท้าทายคนแคระทั้งสองด้วยการเอาหัวเป็นประกันให้เขาทำของถวายเทพขึ้น แล้วส่งไปให้เทพตัดสินด้วยกัน บรอคค์และเอทรีรับคำท้า ทั้งสองแน่ใจว่าตัวต้องชนะ เพราะความสามารถของตนเป็นอิสระมากกว่าลูกๆ อิวาลดี และหากมันเป็นอย่างนั้นตัวก็มีสิทธิ์จะตัดหัวโลกิ มันคงเป็นการดีทีเดียวที่จะกำจัดเทพจอมฉ้อฉลไปจากแอสการ์ดเสียได้

    บรอคค์และเอทรีพาโลกิมายังที่อยู่ของตน หาที่พักดีๆ อาหารดีๆ และเหล้าที่จะทำให้โลกิไม่โวยวายระหว่างเขาออกไปโรงงานประดิษฐ์ของ โลกิก็นับว่าสำราญทีเดียวครับเมื่อมารอของอยู่ที่นี่ ไม่นานนักคนแคระทั้งสองก็นำของวิเศษขึ้นมาสามอย่าง อย่างแรกเป็นหมูป่าขนทองกัลลินเบสติ-Gullinbursti ให้เฟรย์ มันสามารถพาคนขี่ไปที่ใดก็ได้ที่ปรารถนา กระทั่งในที่มืดมิดของโลกใต้พิภพ เพราะขนของมันจะเรืองแสงนำทางได้ อย่างที่สองบรอคค์และเอทรีสร้างแหวนเดราป์เนียร์-Draupnir แหวนวิเศษที่สามารถถอดแบบตัวเองทุก 7 วันมันจะมีฤทธิ์ทำให้ผู้สวมใส่รร่ำรวยไม่รู้จบ อย่างสุดท้าย คนแคระสร้างค้อนวิเศษมจอลเนียร์-Mjolnir แก่ธอร์ เมื่อของวิเศษเสร็จบรอคค์และเอทรีก็ออกเดินทางไปแอสการ์ดพร้อมกับโลกิ เอาของไปให้เทพตัดสิน

    โอดิน เฟรย์ และธอร์ยินดีมากเห็นของวิเศษที่กองอยู่ตรงหน้า แต่หลังจากการปรึกษากันระหว่างเทพทั้งสาม โอดินก็ต้องประกาศด้วยความเสียใจว่า พวกเทพเห็นว่าค้อนมจอลเนียร์ดีที่สุดด้วยเหตุผลที่ว่ามันจะเป็นอาวุธที่ช่วยให้เทพป้องกันแอสการ์ดจากยักษ์ได้ คำประกาศตัดสินก็แทบจะหมายถึงความตายของโลกิในฉับพลัน บรอคค์และเอทรีแสนยินดีเขาเรียกร้องขอหัวของโลกิตามที่เดิมพันกันไว้

    ทว่าดวงหน้าของโลกิปราศจากความเกรงกลัว เขายิ้มแยบยลตามแบบฉบับ ยอมรับว่าเขาสัญญาจะให้ตัดหัว แต่ให้ตัดเฉพาะหัวไม่ให้ตัดคอ ถ้าหากบรอคค์และเอทรีสามารถตัดหัวเขาโดยไม่เกี่ยวกับคอได้ก็เชิญ คำตอบยียวนของโลกิทำเอาคนแคระเต้นผาง เขาหลงกลโลกิ บรอคค์และเอทรีหันหน้าปรึกษากันครู่หนึ่งก็ได้ความคิด

    ในเมื่อหัวโลกิเป็นของเขาตามสัญญา ถึงเขาจะตัดออกจากร่างเทพไม่ได้แต่จัดการอย่างอื่นได้ ดังนั้นบรอคค์และเอทรีเลยเอาเครื่องมือออกมาจากกระเป๋าแล้วเย็บปากโลกิ ฆ่าไม่ได้เย็บปากไว้ไม่ให้พูดก็ยังดี หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ลงจากแอสการ์ดไป

    ครู่เดียวหลังจากคนแคระเดินทางกลับ โลกิก็จัดการตัดด้ายเย็บปากออกปรายตามองไปยังเทพทั้งสามที่ยังชื่นชมของวิเศษที่ได้มาจากความลื่นไหลของตน เขาคิดแค้นเทพว่าเมื่อยามอับจนที่สุดคนที่ได้ประโยชน์จากเขาไม่คิดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทั้งที่ช่วยได้ แต่เขาก็เพียงเก็บความแค้นเอาไว้ ไม่มีใครคิดเลยว่าวันข้างหน้าโลกิจะรวมเอาความแค้นครั้งแล้วครั้งเล่ามาสนองตอบพวกเทพเสียยับเยินเกินกว่าใครจะคิดถึง

    โลกิและอังร์โบดา

    โลกิเป็นคนโชคดีเรื่องคู่มาก เขามีเมียสองคน คนแรกชื่อว่า ซิยิน-Sigyn เป็นภรรยาคู่ยากแล้ว (บางที่ว่าซิกัน-Sigun คนนี้จะเป็นคู่ยากยังไงโปรดติดตามตอนต่อๆ ไป) มีลูกชายสองคนคือนาวี-Narvi และวาลี-Vali

    นอกจากซิยิน-Sigyn แล้วเขายังมีนางยักษ์ อังกรโบดา-Angrboda เป็นเมียอีกหนึ่ง อังกรโบดาน่าจะเป็นยักษ์สาวพราวเสน่ห์พอควรจึงทำให้ระยะหนึ่งโลกิถึงขนาดหายไปดินแดนโจตันไฮล์มของยักษ์บ่อยๆ กับเมียคนนี้โลกิมีลูกถึงสามอย่าง (เรียกเป็นอย่างนะครับ เพราะไม่ใช่คนหรือยักษ์เอาเลย) ตัวแรกคือหมาป่าเฟนริส-Fenris ตัวนี้ต่อไปจะดุร้ายจนมีแค่ไทร์เท่านั้นเข้าใกล้ได้ ตัวที่สองคืองูจอร์มุนกานด์-Jormundgand ตัวนี้ต่อไปจะใหญ่โตจนกลายเป็นพญางูขดตัวล้อมมิดการ์ดนิ่งอยู่ใต้มหาสมุทรและเป็นคู่ปรับตลอดกาลของธอร์ ส่วนอย่างสุดท้ายคือเฮล-Hel เทพธิดาก็ไม่ใช่ปีศาจก็ไม่เชิง เนื่องจากคนนี้ปรากฏร่างเป็นหญิงตั้งแต่บั้นเอวขึ้นไป ส่วนตั้งแต่เอวลงมาเป็นซากศพ หล่อนกลายเป็นเทพีแห่งนรกในเวลาต่อมา

    ถึงลูกๆ ของนางจะประหลาดกว่าลูกของใครๆ แต่อังกรโบดาก็ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ เฝ้าฟูมฟักลูกๆ ด้วยความรักตลอดมาจนกระทั่งถูกโอดินพรากไปจากอก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×