คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ใจของคนเรา[2]
บทที่แปด ใจของคนเรา[2]
ความสับสน
ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงเคยรู้สึกสับสน และตอนนี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่ นันทกรนั่งนิ่งอยู่ในโรงอาหาร ครุ่นคิดถึงการกระทำของตนที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ
ทำไมเขาต้องหงุดหงิดที่ยายหน้าจืดเขินเจ้ากานดา
เพราะอะไรเขาถึงไม่ชอบให้ใครมองยายนั่น
แล้วทำไมเขาถึงทำแบบนั้น
คำตอบนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่เขาไม่ยอมรับ อาการเหล่านั้นดูยังไงมันก็บอกชัดว่าเขาหึงวิริยา
บ้า ใครจะไปหึงยายเต้าหูทอดนั่น
เด็กหนุ่มเถียงตัวเองในใจ เขาไม่มีวันหึงหวงยายนั่นแน่ๆ สำหรับเขาวิริยาคือตัวขัดขวางเขากับมัจฉา เหมือนพ่อแม่ของโรเมโอกับจูเลียต เหมือนอคติของอังศุมาลินที่มีต่อโกโบริ เหมือนโจโฉที่มาแทรกระหว่างกวนอูกับเล่าปี่ เหมือน เอาเถอะ ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่มีทางชอบยายนั่นได้ ก็เขาชอบมัจฉาอยู่แล้วนี่นา
นันทกรคงยังไม่เข้าใจธรรมชาติของจิตใจมนุษย์
ใจของคนเราโลเลและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
บางทีก็แข็งกร้าวแต่แล้วก็โอนอ่อน บางครั้งก็ดีแต่เดี๋ยวก็ร้าย
และบางคราความเกลียดก็แปรเป็นความรัก
สิ่งที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว
สิ่งที่เป็นของเรา แต่เราไม่เคยควบคุมมันได้
นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าจิตใจ
“ขอบคุณค่า”
เด็กหญิงที่มาขอถ่ายรูปเกษมกล่าวขอบคุณ เกษมก็ส่งยิ้มตามมารยาทกลับไป พอเด็กคนนั้นเดินหายไปแล้วเด็กหนุ่มก็ลอบถอนหายใจ หน้าหวานมีแววเหนื่อยหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ได้ไปเปลี่ยนชุด เพราะระหว่างที่เดินกลับห้องมีคนมาขอถ่ายรูปเขาตลอดทางจนเขาเดินไปไม่ถึงห้องเสียที
อีกชั้นเดียว
เด็กหนุ่มถกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยขณะก้าวขึ้นบันได เขาเดินอย่างช้าๆและระมัดระวังที่สุด เพราะรองเท้าที่สวมอยู่ ถึงส้นจะสูงแค่นิ้วเดียวแต่ก็ทำให้เขาเดินลำบากพอสมควร ทำไมห้องเรียนเขาต้องอยู่ชั้นบนด้วยนะ
หลังจากหวิดจะร่วงจากบันไดอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเกษมก็ขึ้นมาถึงชั้นที่ห้องของเขาอยู่จนได้ แต่ชั้นบนที่น่าจะว่างเปล่า กลับมีใครคนหนึ่งยืนอยู่ แม้จะอยู่ในระยะที่ห่าง แต่เขาไม่มีวันจำคนๆนี้สลับกับใครแน่
“คุณอัษฎา”
คนถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย น้อยมากจนเกษมไม่ทันสังเกตเห็น ชายหนุ่มหันมามองตามเสียงเรียกแล้วก็ต้องตัวแข็งทื่อ
สวย
อัษฎามองร่างบางที่ค่อยๆเดินเข้ามาหาเขา รู้สึกเหมือนตกอยู่ในมนตร์สะกด สายตาของเขาไม่อาจละไปจากใบหน้าหวานน่ารักของเด็กหนุ่มได้เลย
“คุณอัษฎามาได้ไงครับ”
เกษมเอ่ยถาม แต่ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เอาแต่จ้องมองเขาจนเกษมเริ่มรู้สึกหน้าร้อนๆขึ้นมา
“ชะ ชุดนี้ผมไม่ได้อยากใส่นะครับ เพื่อนๆบังคับให้ ”
เด็กหนุ่มพึมพำ ก้มหน้าหลบสายตาของอัษฎา หวังจะซ่อนใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีด้วยความเขินอาย
“น่ารักมากเลย”
เสียงอ่อนโยนทำให้เกษมอดเงยหน้าขึ้นมองผู้พูดไม่ได้ แล้วเด็กชายก็ได้เห็นสายตาที่อ่อนโยนยิ่งกว่าน้ำเสียงเสียอีก หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเพิ่มมากขึ้นด้วยความดีใจ
เขาไม่เคยยินดีไปกับคำชมว่า “น่ารัก” เลยสักครั้ง
แต่พอคนชมเป็นคนๆนี้ทำไมเขาถึงได้ดีใจมากขนาดนี้กันนะ
ดีใจมากจนกลั้นรอยยิ้มไม่อยู่เลย
รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเกษมทำให้อัษฎาใจเต้นและเริ่มหน้าแดงตาม เขาอยากจะอยู่อย่างนั้นนานๆ แต่ก็กลัวตัวเองจะเผลอถ้าอยู่ตามลำพังกับร่างบางตรงหน้านานเกินไป
“พาเที่ยวงานหน่อยสิ”
“อะ เอ่อ คือ”
เกษมอึกอัก เขาตั้งใจจะขึ้นมาเปลี่ยนชุด แต่เมื่อเด็กหนุ่มคิดถึงเสียงและแววตาอันอ่อนโยน เขาก็เปลี่ยนใจ
“ได้เลยครับ งั้นผมพาคุณอัษฎาไปดูบ้านผีสิงของห้องผมก่อนเลยแล้วกัน”
ว่าแล้วเขาก็เดินนำชายหนุ่มไปยังบันไดที่ทอดสู่ชั้นล่าง
นานๆทีแต่งแบบนี้ก็ไม่เลวนะ
งานโรงเรียนครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและจบลงอย่างสวยงาม เป็นอีกหนึ่งวันแห่งความทรงจำของใครหลายคน แต่สำหรับใครบางคนความวุ่นวายในชีวิตเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
และใครบางคนที่ว่านั่นก็คือเขาเอง
นันทกรที่เปลี่ยนชุดเป็นชุดนักเรียนแล้วตั้งหน้าตั้งตาเก็บของอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ นี่เป็นบทลงโทษที่เขาไปแอบอู้อยู่ที่โรงอาหารไม่ยอมมาช่วยงานห้อง หัวหน้าห้องเลยบอกให้เขามาเคลียร์ห้องคอมพิวเตอร์เป็นการไถ่โทษ
“เก็บคนเดียวก็ดูท่าจะหนักไปหน่อย เดี๋ยวฉันจะให้คนมาช่วยอีกคนละกัน” หัวหน้าห้องว่างั้นตอนที่บอกให้เขามาเก็บกวาดห้องคอมฯ
อันนั้นเขาก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ที่เขาสงสัยมากคือ
ทำไมต้องเป็นยายจืดนี่ด้วย
เด็กหนุ่มเหลือบตาไปมองวิริยาที่กำลังยกฉากออกไปไว้นอกห้องด้วยท่าทีสบายๆ การที่เด็กสาวมาช่วยเขาช่วยทุ่นแรงเขาได้มากโขอยู่ก็จริง แต่ว่า
ต้องอยู่ตามลำพังกับยายนี่ ให้เขาเก็บของคนเดียวยังดีกว่า
หัวหน้าห้องเลือกคนราวกับจงใจทำให้เขาสับสนมากขึ้นอย่างนั้นแหละ
เด็กหนุ่มไม่มีวันรู้เลยว่าจริงๆแล้วหัวหน้าห้องของเขา ‘ตั้งใจ’ ไว้แบบนั้นเลย และเธอก็ขอความร่วมมือจากบรรดาเพื่อนๆในห้องด้วยว่าจนกว่าสองคนนี้จะเคลียร์ของเสร็จ ห้ามใครมาแถวนี้เด็ดขาด โดยบอกว่ามันเป็นแผนกระชับมิตรให้คู่กัดประจำห้องหันมาดีกันได้เสียทีเพื่อความสงบสุขของห้อง
ดีไม่ดีอาจจะได้คู่รักคู่ใหม่ก็ได้
นี่เป็นสิ่งที่หัวหน้าห้องหวังไว้ แต่ไม่ได้บอกเพื่อนๆ
“อย่าอู้สิ รีบเก็บของเร็วเข้า”
เสียงตำหนิของวิริยาเรียกให้เจ้าเป็ดรู้สึกตัวอีกครั้ง
“รู้แล้วน่า”
หลังจากพวกเขาช่วยกันยกฉากออกมาไว้หน้าห้องคอมฯเรียบร้อยก็ถึงเวลาขนไปเก็บไว้ที่ห้องเรียนที่อยู่ชั้นบน นันทกรและวิริยาช่วยกันยกฉากคนล่ะข้างและค่อยๆเดินไต่บันไดขึ้นไป เมื่อช่วยกันเพียงไม่นานงานก็เสร็จ เจ้าเป็ดยกมือปาดเหงื่อ วิริยาดูนาฬิกาที่ข้อมือ ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว
“รีบไปดีกว่า ก่อนที่เขาจะปิดตึก” เด็กสาวบอก พลางเดินนำเด็กหนุ่มออกไปจากห้อง ขณะที่ก้าวเท้าลงบันได ขาของเธออ่อนยวบลงกะทันหัน
“เฮ้ย!”
นันทกรที่เดินตามมาเห็นเธอกำลังจะตกบันไดก็รีบคว้าแขนและออกแรงดึง แต่ดูท่าจะออกแรงมากไปหน่อยเด็กสาวเลยเซล้มมาทางเขาแทน น้ำหนักและแรงเหวี่ยงทำให้เจ้าเป็ดยืนไม่อยู่และพลอยล้มลงไปด้วย ตอนนี้ทั้งคู่จึงอยู่ในท่าที่นันทกรนั่งเอาแขนยันพื้นไว้ด้านหลังและมีวิริยาคร่อมอยู่ด้านบน
ใบหน้าน่ารักที่โน้มลงมาจนแทบจะชิดและเรือนผมนิ่มดุจไหมที่คลอเคลียอยู่แถวๆใบหน้าและลำคอของเขาทำเอาเด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าว ได้ยินเสียงใจเต้นตึกตักดังเสียจนกล้าพนันว่าร่างที่ทาบทับอยู่ด้านบนต้องได้ยิน สายตาของเขาจับจ้องไปที่ดวงตาสีเขียวเหมือนอัญมณีของเด็กสาวอย่างไม่อาจถอนสายตาออกจากดวงตาคู่สวยได้เลย
แท้จริงแล้วพวกเขาอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ในความรู้สึกของเจ้าเป็ดมันเนิ่นนานมากจนเหมือนเวลาได้หยุดลง แต่แล้ววิริยาก็กระพริบตาเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว เด็กสาวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และเดินจ้ำลงบันไดไปโดยไม่รอและไม่หันมามองทางเขาอีกเลย
------------------------------
ผู้ใช้ความมืด
นั่นสินะคะ แต่ไม่รู้ว่าแต่งให้เป็ดไร้เดียงสาไปรึเปล่านะ =_="
wcm Tz
ข้าน้อยก็อยากเห็นเหมือนกัน มัจฉาในชุดเมด //ซับน้ำลาย
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่า ^ ^
ความคิดเห็น