ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Immortal Wand คทากวนป่วนสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 8: รู้ความจริง...(จริงเรอะ?)[100%]

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 49


    บทที่ 8: รู้ความจริง...(จริงเรอะ?) [100%] อัพเดตครั้งแรก 10 มิ.ย. 49 เวลา 11.00 pm)

    "เฮ้อ... จบสักที"

    รินพูดขึ้น ขณะที่กำลังลุกจากเก้าอี้พร้อมเพื่อนนักเรียนอีกหลายคน เกือบทุกคนอ้าปากหาวอย่างเปิดเผย ไม่เก็บอาการเลยแม้แต่น้อย หลายคนพึมพำประมาณว่า 'เป็นการบรรยายที่น่าเบื่อที่สุดเลย เท่าที่ฉันเคยฟังมา'

    จะอะไรซะอีกล่ะ ก็การปฐมนิเทศน่ะสิ ผ.อ. ของโรงเรียนกล่าวเปิดงานชั่วโมงครึ่ง อาจารย์ใหญ่อธิบายหลักการสอนและระเบียบวินัยของโรงเรียนชั่วโมงกว่าๆ ปิดท้ายด้วยประธานนักเรียนและคณะกรรมการนักเรียนมาเล่าประสบการณ์ห้าปีที่เรียนอยู่ที่นี่อีกเกือบชั่วโมง...

    ...ก้นไม่ชาขาก็เหน็บกินล่ะงานนี้...

    "นั่นสิคะ เมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้วค่ะเนี่ย" ลูกกวาดบ่นบ้างพลางบิดขี้เกียจ ใบหน้าสวยๆดูหมองลงไปถนัดตา เพราะความเบื่อและเมื่อยล้า

    "ไปกันเถอะ เธอจะกลับบ้านเลยรึเปล่า" รินเอ่ยถามเพื่อนสาวที่พึ่งรู้จักกัน

    "ก็ว่าจะกลับเลยล่ะค่ะ ไม่มีที่ไปนี่คะ" ลูกกวาดบอกพลางหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลัง (มีรุ่นพี่ไปเอากระเป๋าลงมาให้เด็กม.4ทุกคนตามคำสั่งของอาจารย์)

    "กลับยังไงเหรอ"

    "มีรถมารับน่ะค่ะ" เธอตอบก่อนจะถามกลับว่า "แล้วรินล่ะคะ"

    "นั่งรถเมล์กลับน่ะ" รินหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพายบ้าง

    "แล้วฟรานเซียสล่ะคะ" ลูกกวาดหันไปถามเด็กหนุ่มหัวแดงที่นั่งหลับตั้งแต่ผ.อ.กล่าวเปิดงาน จนถึงตอนนี้ก็ยังหลับไม่รับรู้ความเคลื่อนไหวรอบๆตัว

    "ฟรานเซียสคะ" เด็กสาวเดินไปสะกิดแขนคนขี้เซาเบาๆ มีรึที่มันจะตื่น...

    "หลับลึกจังเลยนะคะ เดี๋ยวก็ตกเก้าอี้หรอกค่ะ"

    ยังไม่ทันขาดคำ คนที่นั่งหลับอยู่ก็เซล้มไปทางซ้าย ทำเอาเก้าอี้ที่เรียงอยู่ล้มระเนระนาดเป็นโดมิโน่เก้าอี้ ดีที่คนเขาทยอยกลับกันหมดแล้ว ไม่งั้นคงได้เห็นโดมิโน่คน ต่อด้วยรายการร่วมด้วยช่วยกันตื้บ และคงจะได้เห็นคนหัวแดง ตัวแดงเถือกเป็นสีเลือดแน่ๆ

    "อู้ย...."

    เสียงร้องครวญคราญดังมาจากร่างที่นอนคว่ำอยู่บนพื้นโดยมีเก้าอี้พาดอยู่ที่ขา เด็กหนุ่มค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมาจากซากเก้าอี้ ก่อนจะหันมาประจันหน้ากับสองสาว ที่คนหนึ่งกำลังทำหน้าเสียพลางรี่เข้ามาช่วยพยุงอย่างเป็นห่วงเป็นใย แต่อีกคนกลับหัวเราะลั่นอย่างสะใจ

    ...นางฟ้ากับซาตานชัดๆ!

    "เจ็บมากไหมคะ ไปห้องพยาบาลไหม"

    "สมน้ำหน้า อยากหลับดีนัก ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!"

    สองเสียงดังขึ้นไล่เรี่ยกัน ทำเอาฟรานเซียสทำสีหน้าไม่ถูก จะยิ้มขอบคุณหรือเสกคำสาปใส่ดี... แม้อย่างหลังดูจะเชิญชวนมากกว่า แต่เขาเลือกทำอย่างแรกเพื่อไม่ให้ความลับสวรรค์รั่วไหล

    "ไม่เป็นไรครับ แค่นี้สบายมาก ไม่เห็นเป็นไรสักนิด" เขาบอก พลางยิ้มให้ลูกกวาด ก่อนจะหันไปยิ้มเย้ยใส่ริน ทำท่าปัดฝุ่นของจากเสื้ออย่างไม่ยี่หระ ทั้งๆที่ขามันร้องโอดโอยประท้วงอยู่

    "ว่าแต่ฟรานเซียสกลับบ้านยังไงเหรอคะ" ลูกกวาดเอ่ยถามปัญหาที่ค้างคาใจ (ขนาดนั้นเชียว)

    "เอ่อ... อ่า... กลับ... รถเมล์น่ะครับ" เด็กหนุ่มตอบ

    "งั้นก็กลับกับรินน่ะสิ ดีจังเลยนะคะ ได้กลับบ้านพร้อมกับเพื่อนเนี่ย"

    ดวงตาคู่สวยมีแววสลดแวบเดียว ก่อนจะกลับมาสดใสดุจเดิม "งั้นเราแยกไปก่อนนะคะ บ้ายบาย พรุ่งนี้เจอกัน"

    เด็กสาวยิ้มให้เพื่อนใหม่ทั้งสองอย่างร่างเริง ก่อนจะวิ่งห้อตรงไปที่บันไดอย่างรวดเร็ว

    รินก็ไม่รอช้า ในเมื่อเพื่อนใหม่ของเธอไม่อยู่แล้ว เธอจะอยู่กับคนที่แอบอ้างว่าเป็นเพื่อนซี้เธอทำไม รินขยับสายกระเป๋าเป้ให้เข้าที่ ก่อนจะรีบเดินตามลูกกวาดไปที่บันได โดยมีฟรานเซียสเดินตามอยู่ห่างๆ

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    "นี่ๆ จะรีบไปตามค ว า ยที่ไหนน่ะ"

    เสียงตะโกนถามของเด็กหนุ่มหัวแดง เขาเดินตามเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังเดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็ว จนไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของขาสั้นๆจะเดินไวได้ถึงขนาดนี้

    "บ้านเตี่ยแกมั้ง" สาวเจ้าสวนกลับโดยที่ไม่หันมามองหน้า พลางเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก

    "บ้านฉันไม่เลี้ยงค ว า ย เลี้ยงแต่สัตว์อสุรเทพ อยากได้สักตัวไหมล่ะ" เด็กหนุ่มโต้กลับอย่างกวนๆตามวิสัยของเทพปากมาร

    "พูดอะไรของนายน่ะ ไม่เห็นเข้าใจเลย" รินโต้กลับ พลางเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เด็กสาวพยายามจะไม่วิ่งหนี ถึงจะรำคาญสักแค่ไหนแต่ก็ต้องรักษามาดไว้ก่อน

    "นี่ๆ รอด้วยสิ" เสียงเด็กหนุ่มร้องเรียกอีกครั้ง

    "เรื่องสิ"

    "จะรีบไปหนของเธอเนี่ย ยัยเตี้ย!"

    ฉึก!!!

    ...เสียงคนถูกแทงเข้าที่ใจดำ...

    เด็กสาวที่เดินนำลิ่วๆชะงักกึก ฟรานเซียสเริ่มรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของเธอ

    "นายว่าใครเตี้ย หา!" รินหันกลับมาตวาดใส่เขาทันที ทำเอาผู้คนที่เดินๆอยู่หันมามองต้นเสียงทั้งสองอย่างสนใจใคร่รู้

    "แถวนี้มีใครตัวเตี้ยกว่าเธออีกเหรอไง" ฟรานเซียสว่า พลางหันซ้ายหันขวาทำหน้าตายอย่างกวนบาทาสุดๆ

    เด็กสาวกำหมัดแน่น ก่อนจะเงื้อแขน เป้าหมายคือหน้ากวนๆของฟรานเซียส ถึงแม้เธอจะไม่เคยต่อยใครมาก่อนเลยก็เถอะ แต่เธอมั่นใจว่ามันต้องโดนจังๆเพราะชอบซ้อมต่อยหมอนข้างโดยใช้เตียเงเป็นสังเวียนบ่อยๆ รินปล่อยหมัดซ้ายตรงใส่ฟรานเซียสอย่างไม่ออมแรง หากแต่จู่ๆ แขนของเธอก็ชะงักกลางอากาศ...

    ...เธอ... ขยับตัวไม่ได้...

    'อะไรกัน' ความคิดแรกผุดขึ้นในหัว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

    แต่แล้วรินก็สังเกตเห็นคนรอบข้างที่แข็งเป็นรูปปั้นเหมือนๆกับเธอ เพียงแต่พวกเขาดูท่าจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว...

    "ที่จริงฉันไม่ได้อยากใช้มนตร์เท่าไหร่หรอกนะ แต่เธอบังคับฉันเองนี่ เพื่อป้องกันความลับสวรรค์แตก ฉันเลยต้องใช้ เอาล่ะ ทีนี้เธอยอมไปกับฉันซะดีๆเถอะน่า ฉันไม่อยากใช้กำลังกับผู้หญิงนะ(แต่ผู้หญิงอย่างเธอนี่คงต้องเป็นข้อยกเว้น)" เสียงกวนโอ้ยที่คุ้นหูกังขึ้นจากเด็กหนุ่มตรงหน้าที่กำลังยิ้มกวนๆให้เธออย่างผู้มีชัย

    รินที่ขยับปากพูดโต้กลับไม่ได้ ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตไปให้ฟรานเซียส แต่ก่อนที่เธอจะรู้ตัว ลมเบาๆก็พัดผ่านมา สติของเธอก็ดับวูบลง แล้วร่างของทั้งคู่หายไปพร้อมกับสายลม...

    เสี้ยววินาทีต่อมา ผู้คนที่ตัวแข็งเป็นหินนั้นก็มีความรู้สึกอีกครั้ง และดำเนินชีวิตตามปกติของพวกเขาต่อไป ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-


    นี่ฉัน... อยู่ที่ไหนเนี่ย...

    รอบข้างที่มีแต่ความมืด ไร้ซึ่งแสงสว่าง ไร้ซึ่งสรรพสิ่งทั้งมวล ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความมืดมิดที่ว่างเปล่าราวกับ... ฝันร้าย...

    หากแต่จู่ๆปรากฏแสงสว่างดวงหนึ่งขึ้นใกล้ๆตัว ฉันรีบวิ่งไปหาแสงไฟแห่งความหวังดวงเดียวนั่น แต่ยิ่งวิ่งเข้าหามันเหมือนยิ่งห่างไกลออกไปทุกที...

    “หยุดเถอะริน... ไม่มีประโยชน์ที่จะวิ่งตามหรอกค่ะ” เสียงของใครบางคนดังขึ้น เสียงที่ฟังดูคุ้นหูชอบกล...

    “ใครน่ะ” ฉันถามกลับไป ขณะที่ยังวิ่งตามแสงนั่นอย่างไม่ลดละ

    “ฉันก็คือ...”

    “นี่เธอ จะนอนหลับไปถึงไหนกัน ตื่นสักทีสิ” เสียงแว้ดๆของใครบางคนดังเข้ามาแทรก แสงนั่นหายไปก่อนที่.... ฉันจะลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับ... หนุ่มหัวแดงเถือกเจ้าของเสียงบ่นที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง

    “เฮ่อ! กว่าจะตื่นได้ ขี้เซาจริงนะแม่คู้ณ” ฟรานเซียสบ่นต่อทันที

    “อะไรกัน ขี้บ่นจังเลยนะ เป็นผู้ชายแท้ๆ ว่าแต่... นี่ที่ไหนล่ะเนี่ย” เด็กสาวเอ่ยถาม ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง

    “ก่อนจะถามหัดมองรอบๆตัวก่อนสิ ยัยบื้อ”

    “หือ?” รินเริ่มหันมองรอบๆ ที่นี่เป็นห้องสีฟ้าที่มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะกระจก โต๊ะคอมพิวเตอร์ และกองหนังสือการ์ตูนวางระเกะระกะอยู่ที่มุมห้อง ถึงจะไม่สะอาดนัก แต่ก็ไม่รกมาก และเธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงสีฟ้าที่คุ้นตา โดยมีฟรานเซียสนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์

    “เฮ้ย! นี่มันห้องฉันนี่หว่า” รินร้องขึ้นมาอย่างแปลกใจ “ว่าแต่... ฉันมาอยู่นี่ได้... เอ๊ะ! เดี๋ยว ฉันจำได้ว่ากำลังจะชกนาย... แล้ว...”

    “หยุดพูดเลย ยิ่งพูดก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังเอง” ฟรานเซียสบอกก่อนจะกระแอ่มไอสองที แล้วเริ่มต้นเล่า...

    “หลังจากเหตุการณ์ที่เธอรู้น่ะนะ ฉันก็ใช้มนตร์ทำให้เธอสลบไป ก่อนจะพาเธอมาส่งที่บ้าน...ฉันดูที่อยู่ของเธอจากบัตรประชาชนน่ะ พอมาถึงบ้านฉันก็เอากุญแจในกระเป๋าของเธอมาไขเข้าบ้าน โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ แต่กว่าจะหาห้องเธอเจอก็นานพอดู บ้านเธอนี่ใหญ่ชะมัดถึงจะเล็กกว่าบ้านฉันก็เถอะ แล้วฉันก็พาเธอมาที่ห้อง แล้วปลุกนี่ล่ะ”

    “เดี๋ยวนะ... ตะกี๊บอกว่า ‘ใช้มนตร์’ เรอะ ใช้มนตร์อะไรของนายน่ะ ศัพท์เด็กแนวคำใหม่รึไง”

    “เด็กนงเด็กแนวอะไรของเธอ เธอก็เห็นตอนฉันใช้มนตร์แล้วนี่” ฟรานเซียสพูดให้คิด แต่เมื่อเห็นรินยังทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ก็พูดต่อไปว่า “เธอนี่หัวทึบกว่าที่ฉันคิดอีกนะ ใช้หัวหน่อยสิ เรียบเรียงเหตุการณ์แล้วคิดดูว่า ฉันเนี่ย... เป็นใคร?”

    หืม... เจอเจ้านี่ที่ป้ายรถเมล์... แต่งตัวแปลกๆ คนมุงดูเพียบ...

    แล้วก็ขึ้นรถเมล์มากับเราด้วย...

    ลงที่โรงเรียนริชเนสคอนแวนต์เหมือนกัน... แถมยังเห็นเราปีนกำแพงด้วย... น่าขายหน้าชะมัด...

    โมเมว่าเป็นเพื่อนซี้เราตอนปฐมนิเทศ...

    ตามเรากลับบ้าน... ใช้เวทมนตร์รึอะไรนั่นหยุดเวลา... คนธรรมดามันทำได้เรอะ... แถมยังมาบ้านเราถูกอีก... งึม... ถ้าไม่ใช่คนธรรมดาก็ต้อง...

    “รึว่า...” รินเอ่ยขึ้นช้าๆ ฟรานเซียสยิ้มออกมาอย่างยินดีทันที

    “ใช่แล้ว ฉันเป็น...”

    “นายเป็นทีมงานจากรายการซุปเปอร์แก๊กใช่ไหม!”

    โครม!!!

    ฟรานเซียสหงายหลังตกเก้าอี้ไปแล้ว... (ตั้งแต่ขึ้นมาบนโลกนี่ตกเก้าอี้สองครั้งแล้วนะ)

    “ใช่ซะที่ไหนเล่า!” เด็กหนุ่มตวาดอย่างสุดทน

    “ไม่ต้องมาทำไก๋ จับได้ขนาดนี้แล้วยังจะอำต่ออีกเรอะ แต่ว่าหลอกได้เนียนมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เหมือนใช้เวทมนตร์หยุดเวลาน่ะ รายการนี่เจ๋งดีแฮะ แล้วนี่สงสัยจะนัดกับพ่อแม่แล้วใช่ม่ะ ว่าแต่กล้องอยู่ไหนล่ะ” เด็กสาวใส่มาเป็นชุด ก่อนจะเริ่มตั้งต้นมองหากล้องที่อาจจะถูกแอบไว้ที่ไหนสักแห่ง

    “นี่ เธอฟังฉันพูดก่อนได้ไหมยัยบ๊อง! ฟังให้ชัดๆเลยนะ ฉัน-เป็น-เทพ โว้ย!” ฟรานเซียสพูดเสียงดังฟังชัด ชนิดที่ขี้หูลุกออกมาเต้นเป็นจังหวะRockเลยทีเดียว

    “เชื่อนายฉันก็ค-ว-า-ยแล้วสิ” รินบอกอย่างไม่เชื่อ

    “ฉันเป็นเทพ ถูกส่งลงมาทำภารกิจสำคัญของสวรรค์ คือ.. เอ่อ.. ตามหาเรริน่าเทพธิดาที่หายตัวไป” เด็กหนุ่มอึกอัก ฟรานเซียสเพิ่งนึกได้ว่าภารกิจนี้เป็นความลับของสวรรค์ ห้ามให้คนนอกล่วงรู้ แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาตัดสินใจบอกความจริงไปแค่บางส่วน

    “ฉันไม่เชื่อนิยายหลอกเด็กที่นายแต่งขึ้นหรอกน่า”

    “นี่ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อฉันอีก เธอนี่มันทั้งบื้อทั้งดื้อเลยนะ ยัย...” ฟรานเซียสยังบ่นไม่จบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

    “พี่รินทำไรอยู่น่ะ ขอนิเข้าไปหน่อยดิ” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นจากอีกด้านของประตู ทำเอารินถอนหายใจอย่างหน่ายๆ

    “น้องสาวฉันกลับมาแล้ว นายรีบบอกมาเลยดีกว่าว่านายเป็น... เฮ้ย!” เด็กสาวกำลังพูดเสียงเบาเพื่อให้ฟรานเซียสเผยตัวออกมาซะที แต่เจ้าตัวดันเดินดุ่มๆไปที่ประตูก่อนจะเปิดมันออก...

    น้องสาวของเธอยืนอยู่ตรงนั้น... เจอกับเจ้าหัวแดงที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้าจังๆ!

    และ...

    นิก็... เดินตรงมาหาพี่สาวของตน ส่งยิ้มหวานๆให้ พร้อมกับ... น้ำมะนาวสองแก้วในมือ

    “พี่ริน น้ำมะนาวเย็นเจี๊ยบ แก้ร้อน” เธอพูดพร้อมส่งแก้วสุดหรูที่ใส่น้ำมะนาวไว้เกือบเต็มแก้วให้ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างๆพี่สาวของตน ไม่หันมองฟรานเซียสแม้แต่น้อยราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน

    รินรับน้ำมะนาวมาอย่างงงงวย หันไปมองที่ฟรานเซียสอย่างหาคำตอบ ทำให้นิเบนสายตามองตาม

    “มองอะไรอ่ะ พี่ริน” ผู้เป็นน้องถามอย่างสงสัย ขณะที่สายตาก็มองตาม บริเวณนั้นว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย... แต่พี่ของเธอจะมองทำไมนะ...

    “เอ่อ... ปะ... เปล่า” รินอึกอัก ก่อนจะแกล้งกระดกน้ำมะนาวอึกใหญ่

    “น้ำมะนาวอร่อยดีเนอะ” เด็กสาวยิ้มกลบเกลื่อน แต่ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องที่ฟรานเซียสบอก คราวนี้เธอเริ่มจะเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าฟรานเซียสล่องหนได้ เรื่องที่เป็นเทวดาก็ไม่น่าเกินความจริง

    “ว่าแต่ว่า นิ... ทำดีกับพี่งี้มีอะไรแอบแฝงรึเปล่าเนี่ย” รินชักสงสัยน้องสาวตัวเองขึ้นมา ประการแรกคือ มันทำดีมางี้ต้องมีอะไรแน่นอน ประการที่สองคือ มันอาจจะสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหัวแดงนี่ก็เป็นได้

    “อ่า... คือว่า... พี่ริน...” นิเริ่มอึกอัก “พี่ริน... ช่วย... ช่วยนิพิมพ์รายงานส่งอาจารย์หน่อยนะ นะคะ พี่สาวที่แสนดี”

    “ไม่!” รินปฏิเสธทันทีอย่างไม่ต้องหยุดคิด... นั่นไง ว่าแล้วว่าต้องมีอะไรแอบแฝง...

    “น่า ช่วยหน่อยนะคะ” ผู้เป็นน้องเริ่มใช้เสียงอ้อน

    “ไม่!” รินยังปฏิเสธเสียงแข็ง

    “หนังสือนิยายราคาไม่เกินสองร้อยหนึ่งเล่ม”

    “ไม่!”

    “ไม่เกินห้าร้อย”

    “ไม่!”

    “แถมการ์ตูนออกใหม่อีกสองเล่ม”

    “ไม่!”

    “เพิ่มบัตรเเติมเวลาเล่นเกมส์สี่สิบชั่วโมงเลยเอ้า!”

    “โอเช เดี๋ยวพี่จัดการพิมพ์ให้เดี๋ยวนี้เลย” ผู้เป็นพี่ยิ้มกริ่ม ก่อนจะส่งแก้วเปล่าคืนให้ผู้เป็นน้อง “แต่ต้องเอาของมาแลกก่อนนะ ถึงจะให้”

    “ก็ได้ๆ”

    ...งก... นิคิดก่อนจะรับแก้วเปล่าจากมือของพี่สาว “เดี๋ยวเอาข้อมูลขึ้นมาให้นะ”

    ว่าแล้วเธอก็เดินออกไปจากห้องทันที

    ไม่กี่วินาทีถัดมา ฟรานเซียสก็พูดขึ้นว่า “เธอนี่งกจริงๆเลยนะ น้องตัวเองแท้ๆ”

    “เรื่องของฉันน่า ว่าแต่... นาย... เป็นเทพ... จริงง่ะ” รินวกกลับเข้าประเด็นเดิม

    “ก็เออสิ”

    “...ไม่ใช่มายากลแน่นะ”

    “แน่ดิ”

    “งั้นบอกมาเลยว่าเทพอย่างนายต้องการอะไรจากมนุษย์อย่างฉันล่ะ”

    “ดูพูดเข้าสิ” ฟรานเซียสยิ้มกวนๆ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “เธอลืมไปแล้วรึไงว่าเธอไม่ใช่มนุษย์”

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    มาอีกต่อแล้ว ยอมรับว่าครึ่งหลังนี่ปั่นสุดๆเลยล่ะ...

    รายละเอียด... ติดตามต่อบทหน้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×