ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Immortal Wand คทากวนป่วนสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7: เจอเธอแล้ว กับ ลางสังหรณ์ของรองประธานฯ [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 49


    บทที่ 7: เจอเธอแล้ว กับ ลางสังหรณ์ของรองประธานฯ [100% อัพครั้งแรก 6 พ.ค. 49 19.45 น.]

    ออดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    เสียงออดบอกว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว ทำเอาคนที่เพิ่งตักข้าวจะเข้าปากอยู่แล้วชะงักค้าง

    ...อะไรวะ ตูยังไม่ได้กินเลย...

    รินคิดอย่างฉุนๆ ขณะที่มือที่ยังจับช้อนชะงักค้างไว้ จะได้กินแล้วแท้ๆ เสียงออดดันมาขัดจังหวะซะได้ แต่ว่า... ยังไงปากท้องก็สำคัญกว่า นั่งอู้อยู่ในโรงอาหารสักสองสามนาทีคงไม่เป็นไรหรอก... มั้ง...

    "ขอให้นักเรียน ม.4 ทุกคนไปรวมตัวกันที่หอประชุมด่วน!" เสียงประกาศดังมาจากลำโพงทันทีอย่างกับรู้เท่าทันความคิดของเธอยังงั้นแหละ

    "ชิ ไปก็ได้วะ" รินบ่นพึมพำก่อนจะยัดข้าวเข้าปากไปคำหนึ่ง เอาจานข้าวไปเก็บอย่างเสียดายเล็กน้อย แล้วออกเดินตามเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆไปยังจุดนัดหมาย

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านั้น

    "ทำไมมันหายากหาเย็นยังงี้ฟะ" เสียงบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ของเทพหนุ่มในคราบเด็กนักเรียน ม.4 ดังขึ้นท่ามกลางเสียงอึกทึกของนักเรียนนักเล่นรอบข้าง ลูกฟุตบอลลูกหนึ่งกลิ้งผ่านหน้าเขาไป ตามมาด้วยลูกบาสอีกลูกที่ปลิวมาเฉียดหน้าเขาไปสองเซนฯ

    "โทษน้อง พี่ไม่ได้ตั้งใจ(ให้เฉียดแต่เจตนาให้โดนจังๆ)" เสียงขอโทษขอโพยดังออกมาจากปากของรุ่นพี่นักบาสหน้าตี๋ตัวสูงล่ำที่วิ่งมาเก็บลูกก็จะเลี้ยงลูกกลับไปหาพรรคพวกที่กำลังยืนประจำตำแหน่งรอ

    เฮ้อ... พวกมนุษย์นี่เล่นอะไรพิลึกแฮะ...

    ฟรานเซียสถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย... เมื่อไหร่เขาจะเจอเธอนะ...

    "เฮ้ย! ระวัง!!!" เสียงตะโกนประสานเสียงของกลุ่มคนที่ตั้งวงเล่นวอลเล่ย์อยู่ใกล้ๆทำให้เทพหนุ่มตื่นจากภวังค์เห็นสายตาของพวกเขามองขึ้นไปเหนือหัวของเขา

    เทพหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเห็นลูกกลมๆดิ่งลงมาจากฟ้าอย่างรวดเร็ว เขาเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลูกกลมๆนั้นจะพุ่งลงกระแทกพื้นส่งเสียงดัง 'ปั้ก!' ได้ยินกันทั่วบริเวณ ก่อนจะกระเด้งขึ้นไปเข้ามือของดรุณีนางหนึ่ง

    "โทษทีน้อง พี่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นไรนะ" เธอคนนั้นเอ่ยขอโทษเขา

    เธอเป็นเด็กสาวรูปร่างสมส่วนกำลังดี สูงพอๆกับเขา หน้าตาก็จัดว่าน่ารักได้เลย ดวงตากลมโตสีน้ำตาลกับขนตาที่งอนยาวเป็นธรรมชาติ ผมยาวสยายสีดำไฮไลท์สีทอง ริมฝีปากรูปกระจับที่ทาลิบมันบางๆ  ใบหน้ากลมหน่อยๆ ไร้เครื่องประทินโฉมนอกจากแป้งเด็กที่ทาไว้บางๆ มีเม็ดเหงื่อที่เกิดขึ้นจากการเล่นวอลเล่ย์ เสื้อนักเรียนที่สมควรจะอยู่ในกระโปรงกลับถูกดึงชายเสื้อออกมาด้านนอก ดูท่าทางจะเป็น Sport Girl

    "ไม่เป็นไรหรอกน่า กะแค่ลูกวอลเล่ย์" เขาตอบกลับอย่างกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา(ก็เรื่องธรรมดานี่) แต่แอบเหงื่อตกเล็กน้อย ถ้าเมื่อกี๊โดนจังๆคงน็อกคาที่ พวกมนุษย์นี่พลังกายมหาศาลจริงๆ (เรียกง่ายๆภาษาชาวบ้านว่า 'แรงฟาย')

    "ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไปเล่นต่อ" เจ้าหล่อนตอบกลับ ก่อนจะวิ่งกลับไปหากลุ่มอย่างร่าเริง ก่อนจะตั้งท่าเตรียมตบวอลเล่ย์

    "หยุด! อีวรรณ เลิกเล่นได้แล้วย่ะ จารวัฒนาเรียกแล้วนะยะ" เสียงแว้ดๆอันคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังของฟรานเซียส ทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก ขออย่าให้เป็นคนเมื่อเช้าเลย...

    เขาค่อยๆหันไปทางด้านหลัง... และก็เป็นจริงตามคาด ร่างอรชรอ้อนแอ้นของหนุ่มหน้ามนนามนทีกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ด้วยท่านกเพนกวินกระพือปีก แต่ดูท่าจุดหมายจะไม่ใช่เขา เพราะเจ้าหล่อนวิ่งผ่านเขาไปหาเด็กสาวจอมพลังคนเมื่อกี๊

    "มีไรยะ นังฉวีวัน*" เด็กสาวที่นทีเรียกว่า 'วรรณ' เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่ขัดจังหวะการเล่นวอลเล่ย์ของเธอ

    "จารวัฒนาเรียกน่ะสิยะ ด่วนเลยย่ะ" นังฉวีวัน... เอ้ย! นทียืนเท้าเอวเรียกเพื่อน

    "ขออีกลูกนึงนะ" วรรณตอบกลับโดยไม่รอคำตอบ ก่อนจะตั้งลูกตบอัดพื้นเสียงดังเช่นเคย ทำเอาวงเกือบแตกเพราะแรงอันมหาศาลของเธอ

    "ไปกันได้แล้วยะ (ฉันล่ะสงสารลูกวอลเล่ย์มันเหลือเกิน)" นทีบอกก่อจะลากเพื่อนซี้จอมอู้กลับมาทางที่ฟรานเซียสยืนอยู่

    "อ้าว! ฟรานคุง ยังไม่ไปหอประชุมอีกเหรอจ้ะเนี่ย" เขาเอ่ยทักเทพหนุ่มราวกับเพิ่งสังเกตเห็นทั้งๆที่หัวออกจะแดงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้

    "นี่รู้จักเด็กนี่ด้วยเหรอยะ นังน้ำ" เด็กสาวจอมพลังเอ่ยถามอย่างงุนงง พลางจ้องหน้าเทพหนุ่มอย่างชัดๆ... รู้สึกคุ้นๆหน้าเด็กนี่ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเด็กเก่าเลยไม่คิดอะไร แต่... มันบอกว่าเป็นเด็กใหม่นี่หว่า... ฉันเห็นเคยมันที่ไหนเนี่ย...

    "เออสิ... นี่เด็กม.4เพิ่งเข้าใหม่ ชื่อฟรานเซียส เป็นลูกครึ่งน่ะ" เขาเอ่ยแนะนำฟรานเซียสกับเธอ "แล้วนี่ ยัยวรรณษา รองประธานนักเรียนจอมอู้"

    "งั้นแกก็เป็นประธานนักเรียนที่ไม่ได้ความ" วรรณษาสวนกลับทันที่ ขณะที่ใจยังครุ่นคิดอยู่... ชื่อก็คุ้นๆแฮะ...

    "ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าตอนนี้เด็กม.4ทุกคนต้องไปปฐมนิเทศน์ที่หอประชุม ใช้ห้องชั้นบนนะ" นทีบอกพลางทำท่าจะออกวิ่งอีกแล้ว วรรณษาชะงักมันไว้

    "บอกยังงี้ใครเขาจะไปถูกยะ เดินไปทางนู้น..." เด็กสาวชี้ไปทางด้านขวามือของเขา "อาคารสองชั้นทางซ้ายมือ ขึ้นไปชั้นสองแล้วจะเจอเอง"

    "รีบไปได้แล้วย่ะ เร็วสิยะ" ประธานนักเรียนผู้ร้อนใจเอ่ยบอกก่อนจะวิ่งท่านกเพนกวินนำไปก่อน โดยมีรองประธานนักเรียนเดินตามอย่างเอื่อยๆ

    ...มนุษย์นี่มีแปลกๆเยอะแฮะ... ถ้าทำเป็นโครงการนี่คงน่าสนุกดีนะ... เทพหนุ่มครุ่นคิดถึงโครงการศึกษาศักยภาพของมนุษย์และโลกมนุษย์พลางเดินไปตามทางที่เด็กสาวจอมพลังชี้บอก...

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-


    ด้านในของอาคารสองชั้นสีขาวที่ถูกเรียกว่าหอประชุม ชั้นล่างดูไม่มีอะไรแค่โถงทางเข้าว่างเปล่าที่มีบันไดหินอ่อนอยู่สองฝัง แต่ ณ ชั้นบนของที่นี่เป็นสถานที่ที่มักใช้จัดกิจกรรมบ่อยๆ เพราะมีเวทีที่แสนจะกว้างใหญ่ที่ถูกประดับด้วยผ้าเนื้อดีสีแดงสลับสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีประจำโรงเรียน พื้นเวทีเป็นพื้นไม้ขัดมันอย่างดี ฉากหลังเป็นผ้าม่านสีโอรส เวลานี้มีป้ายที่ทำจากโฟมเขียนเป็นตัวอักษรด้วยปากกาเมจิคสีน้ำเงินตัวมหึมาว่า

    “ปฐมนิเทศ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2549”

    แถมยังมีไฟสปอต์ไลท์สองสามตัวตั้งอยู่ด้านข้างและด้านหน้าเวที บนเพดานเวทียังมีไฟดิสโก้หลากสีอยู่อีกด้วย พร้อมด้วยลำโพงขนาดยักษ์สี่ตัว ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นผ้าม่านสีแดงที่ถูกรวบไว้สองข้างของเวทีสำหรับชักเปิดปิดเวลามีการแสดงละครหรืออะไรก็ตาม

    นอกจากเวทีที่แสนไฮโซ ห้องนี้ก็แสนหรูสุดยอด ห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่จุคนได้นับพัน พื้นห้องเป็นพื้นหินอ่อนขัดเงาวับ มีหน้าต่างบานเลื่อนที่เป็นกระจกใสมองเห็นทะลุปุโปร่งสิบกว่าบานพร้อมผ้าม่านสีเหลืองนวลที่สามารถรูดเปิดหรือปิดก็ได้ ถ้าอยากสูดอากาศธรรมชาติก็เปิดหน้าต่างเอา เพราะที่นี่มีลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าวันไหนร้อนอบอ้าวหรือฝนตก ก็สามารถปิดหน้าต่างแล้วเปิดแอร์สิบกว่าเครื่องที่ตั้งอยู่รอบๆห้องก็ได้

    แล้วยังไม่มีปัญหาเรื่องจัดงานตอนกลางคืน เพราะบนเพดานก็เต็มไปด้วยไฟหลุมจำนวนมาก พร้อมกับโคมไฟระย้าที่แขวนอยู่กึ่งกลางห้อง สามารถเลือกเปิดได้จากแผงควบคุมไฟที่ตั้งอยู่ในมุมอับของห้องที่ควบคุมโดยผู้ชำนาญการ ไม่ต้องกังวลเรื่องโสตด้วย เพราะที่ลำโพงเล็กๆกว่าสิบตัวติดตั้งไว้รอบห้อง สามารถปรับระดับเสียงได้ตามความเหมาะสมควบคุมโดยชมรมโสตที่แสนชำนาญการ

    ...อย่างนี้ไม่เรียกว่าสุดยอดแล้วอย่างไหนล่ะถึงจะสุดยอด...

    นี่คือความคิดของนักเรียนม.4ทุกคนที่เหยียบย่างเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก เกือบทุกคนนั่งประจำที่บนเก้าอี้พลาสสติกสีแดงนับร้อยที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ เหลือเก้าอี้ว่างไม่กี่ที่นั่งเท่านั้น

    เสียงพูดคุยเริ่มดังระงมเมื่อจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีนักเรียนมาเกือบจะครบทุกคนแล้วก็ตาม แต่ทว่ายังไม่เห็นแม้แต่เงาของอาจารย์หรือรุ่นพี่สักคน

    “เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจของเด็กสาวร่างเล็กที่นั่งหน้ามุ้ยอยู่บนเก้าอี้ เพราะนึกเสียดายเวลาที่ควรจะได้นั่งกินข้าวอย่างสบายใจที่โรงอาหารกลับต้องมานั่งรอพวกที่ไม่รักษาเวลา ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด อารมณ์มันเลยแสดงออกทางสีหน้าอย่างเด่นชัด ทำเอาผู้มาเยือนใหม่หลายคนนั่งเว้นเก้าอี้ห่างจากเธอไว้สองที่นั่ง ไม่รู้ว่าเกรงใจหรือกลัวเธอกัดกันแน่

    หากแต่จู่ๆมีร่างหนึ่งเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ทางซ้ายมือของเธอ รินเหลือบตามอง คนนั่งข้างๆเป็นเด็กสาวที่สวย... สวยมาก... สวยที่สุด... ผมยาวสลวยสีดำถูกมัดรวบเป็นหางม้า ดวงหน้าเรียวยาวได้รูป ดวงตากลมโตแสนจะอ่อนโยนสีดำ ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน จมูกเล็ก ใบหน้าเรียบเนียนปราศจากริ้วรอยโดยที่ไม่ได้แต่งหน้าทาปากแต่อย่างใด ผิวขาวเนียนละเอียด รูปร่างสมส่วน ถึงแม้จะนั่งอยู่ก็เถอะ แต่เธอต้องสูงอย่างน้อยร้อยหกสิบแน่นอน อกเป็นอก เอวเป็นเอว ขาเรียวยาว เรียกได้ว่าหน้าสวยปานนางเอกละครหุ่นดีปานนางแบบซูปเปอร์โมเดล อนาคตรุ่งโรจน์เป็นดารานางแบบได้สบายๆเลยล่ะ

    “หวัดดีค่ะ หน้าเรามีอะไรติดเหรอคะ” เสียงหวานๆทักขึ้นอย่างเป็นมิตร ทำเอาคนที่กำลังคิดถึงดารานางแบบเตลิดไปถึงนักร้องซูปเปอร์สตาร์ที่อาจถึงขั้นโกอินเตอร์ไปต่างประเทศ...แล้วก็อาจจะถึงขั้นออกนอกโลกไปต่างดาวด้วยถ้าคนที่เป็นตัวต้นเหตุไม่สะกิดเรียกเบาๆ

    “เธอๆ เป็นอะไรรึเปล่าคะ” เด็กสาวสะกิดถามเบาๆ คนที่ตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งเล็กน้อย

    “เอ่อ เปล่า! สวยดีน่ะ” รินเผลอหลุดปากออกไป ทำเอาเด็กสาวทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม ?

    “ไม่มีไรหรอก” รินรีบบอกต่อ พลางยิ้มกลบเกลื่อน ขณะนั้นเองมีร่างๆหนึ่งทรุดตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ด้านขวาของเธอ แต่เจ้าหล่อนไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่ยิ้มให้สาวสวยอยู่

    “เราวาลิกา เรียกลูกกวาดก็ได้นะ” เด็กสาวเอ่ยแนะนำตัวพลางส่งยิ้มตอบกลับ... ยิ้มหวานยิ่งกว่านางสาวไทยซะอีก...

    “รินนภา เรียกรินเฉยๆล่ะกัน” รินเอ่ยแนะนำตัวบ้าง โดยที่หารู้ไม่ว่าคนที่นั่งฝั่งขวามือของเธอกางหูฟังบทสนทนาอย่างสนใจ

    “เอ่อ... ผมฟรานเซียสขอระ... ครับ” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทางขวามือของริน เป็นเด็กหนุ่มหัวแดงหน้าตากวนเบื้องล่างเล็กน้อย คนเดียวกับที่รินเห็นเมื่อเช้า ผิดแต่เครื่องแต่งกายเท่านั้น เขาอยู่ในเครื่องแบบนักเรียน กำลังชะโงกหน้ามายิ้มให้กับลูกกวาดที่ยิ้มตอบกลับอย่างงงๆนิดหน่อย ผิดกับรินที่จ้องเด็กหนุ่มด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ

    “เพื่อนรินเหรอคะ” ลูกกวาดหันมาถามรินที่กำลังจ้องฟรานเซียสเขม็ง

    “ใช่ครับ” หนุ่มหัวแดงชิงตอบก่อนพลางยิ้มให้รินที่ส่งสายตาอาฆาตตอบกลับ

    “ไม่ใช่นะ นายอย่ามามั่วนิ่ม” รินเถียงทันที ก่อนจะหันมาบอกลูกกวาดว่า “ไม่ใช่นะ มันไม่ใช่เพื่อนฉัน”

    “ใช่สิ ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ” ฟรานเซียสที่โมเมเอาเองรีบบอก

    “ไม่ใช่!”

    “คิกคิก สนิทกันจังเลยนะคะ” เด็กสาวอมยิ้มให้กับการกระทำของเพื่อนใหม่ทั้งสอง เด็กหนุ่มยิ้มรับ ขณะที่รินฉุนจนควันออกหู พลางมองฟรานเซียสด้วยสายตาที่ระแวงมากขึ้น จะให้เธอไว้ใจได้อย่างไรเล่า จู่ๆก็มีคนที่ตัวเองเคยคิดว่าเป็นคนบ้ามาแอบอ้างว่าเป็นเพื่อนเธอ ทั้งๆที่พึ่งเคยคุยกันครั้งแรก เป็นคุณ คุณก็คงระแวงเหมือนกันน่ะแหละ

     -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    ขณะเดียวกัน ด้านหลังเวที คนกลุ่มหนึ่งกำลังเร่งมือปั่นงานอย่างด่วนจนอากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด

    “นี่บทพูดของแก ฉันคิดเสร็จแล้ว รีบท่องสิยะ นังฉวีวัน” เสียงแปดหลอดของรองประธานฯสาวดังขึ้น พลางส่งกระดาษที่เขียนบทพูดให้คนที่ต้องออกไปกล่าวบนเวที

    “แกจะให้ฉันจำทั้งหมดนี่ภายในห้านาทีเนี่ยนะ” เสียงโอดครวญของประธานนักเรียนดังขึ้นเมื่อเห็นบทพูด

    “ก็ใช่สิยะ ท่องไป จารวัฒนาบอกว่าแกต้องพูดให้ได้ครึ่งชั่วโมง ถ้าแกไม่จำบทแกก็พูดตามที่แกคิดไปเลยดิ ง่ายกว่าท่องบทตั้งเยอะ” วรรณบอก

    “งั้นแกก็ไปพูดเองเลยสิยะ” นทีโต้กลับ พลางส่งบทคืนให้เพื่อน

    “ไม่เอา ฉันขี้เกียจ” เธอปฏิเสธสั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะรีบหลบไปเข้าห้องน้ำเพื่ออู้งาน

    “ไอ้เพื่อนบ้านี่ ช่วยได้มากเลยนะยะ!” นทีตะโกนแว้ดตามหลังไป พลางบ่นงึมงำจับใจความไม่ได้

    ส่วนรองประธานฯตัวดีที่แอบหลบมาเข้าห้องน้ำ เธอหลบมาทุกครั้งที่อยากหนีงาน แต่ครั้งนี้ เธอไม่ได้มาแอบอู้เพียงอย่างเดียว...

    เด็กสาวหลับตาลงช้าๆเหมือนกำลังทำสมาธิ ปากพึมพำแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน...

    และแล้ว...

    เธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างยินดี

    “ฮึ คาดไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ” เธอพูดกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปที่อ้างล้างหน้าเปิดก๊อกน้ำชำระล้างคราบเหงื่อบนใบหน้า...

    ...จากนี้ไป คงวุ่นวายน่าดูเลยล่ะ...

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    เก็บตกเล็กน้อย

    ระหว่างทางที่ประธานและรองประธานนักเรียนกำลังเดินไปห้องกิจการนักเรียนเพื่อพบอาจารย์วัฒนา

    “นี่ ยัยน้ำ แกไปรู้จักเด็กนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่” เด็กสาวเอ่ยถามเด็กหนุ่ม(?)ที่เดินข้างๆ

    “เมื่อเช้าตอนมาโรงเรียนน่ะ แกจะถามทำไมยะ” น้ำตอบกลับด้วยเสียงแหลมๆสะเทือนแก้วหู

    “เปล่าซะหน่อย” วรรณตอบกลับพลางทำหน้าตาย

    “อย่านะยะ ฟรานเซียสเด็กฉัน ฉันจองแล้วย่ะ” นทีรีบพูดดักคอ

    “แล้วแฟนแกอ่ะ” วรรณถามอย่างสงสัย

    “ฟงแฟนมีที่ไหน ไม่มี” นทีตอบกลับทำหน้าตาบ้องแบ๊ว

    “แล้วน้องไฮดราของแกล่ะยะ”

    “น้องไฮดรานั่นกิ๊กหมายเลขหนึ่งย่ะ”

    “แล้วไอ้ตั้มล่ะ”

    “กิ๊กหมายเลขสอง”

    “แล้วพี่หิน ไอ้บอย น้องเปา ไอ้หน้า**กระจั้วนั่นล่ะ”

    “กิ๊กหมายเลข 3 4 5 6ย่ะ”

    “.....แกมีกิ๊กกี่คนเนี่ย”

    “มีทั้งหมดประมาณ… สามสิบคนได้แล้วมั้ง กิ๊กฉันมีทั่วประเทศเลยนะยะขอบอก” นทีทำสีหน้าภูมิใจสุดๆ

    “............” ไร้ความเห็นจากวรรณ

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    ครบแล้วๆ โย่ว!~

    ยอมรับว่าครึ่งหลังนี่เผาซะเกรียม = =" แต่ก็นะ... ช่างมันเถอะ

    ภาษาใคร(คิดวะ)วันละคำขอเสนอคำว่า...

    *นังฉวีวัน - เคยเป็นชื่อของคนรับใช้ในละครหลังข่าวเรื่องหนึ่งซึ่งนานมากกกกกกแล้ว ใช้เรียกแทนคนที่กำลังคุยด้วยเพื่อเป็นการหยอกล้อ ปัจจุบันเป็นคำตกยุค ไม่แนะนำให้เอาไปใช้ เพราะเพื่อนจะไม่เข้าใจมุข =[]="

    **กระจั้ว - แมลงสาบ

    ปล. ขอบคุณต้นแบบตัวละคร 'วรรณษา' สำหรับคำศัพท์สองคำนี้ ขอบคุณต้นแบบตัวละคร 'นที' ด้วย (ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่รู้ก็ตามว่าเอานิสัยมันมาเป็นตัวละครในเรื่อง เหอะๆ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×