ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Immortal Wand คทากวนป่วนสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6: ริชเนสคอนแวนต์โรงเรียนผู้ดี(เรอะ?)

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 49


    บทที่ 6: ริชเนสคอนแวนต์โรงเรียนผู้ดี(เรอะ?) [อัพครั้งแรก 27 เม.ย. 49 เวลา 17.35 น.]

    "เฮ้! นายน่ะ สายเหมือนกันเหรอ!" เสียงร้องทักจากเด็กหนุ่มที่วิ่งสวนทางมา... แต่... ชักจะไม่แน่ใจซะแล้วว่าคนที่กำลังวิ่งมานี่เป็นเพศไหน... แม้จะเป็นคนหน้าตาหล่อเหลา ตาตี่ ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาว และมีสิวขึ้นเล็กน้อย เหมือนพวกตี๋อินเตอร์ แต่รูปร่างกลับอรชรอ้อนแอ้นอย่างผู้หญิง แม้จะไม่มีหน้าอกหน้าใจแต่สะโพกนี่บะละหึ่ม แถมด้วยท่าวิ่งสะบัดก้นกระพือปีกเป็นนกเพนกวินของเจ้าตัวพร้อมเสียงแหลมเล็กแบบที่ผู้หญิงบางคน(รวมถึงยัยริน)ยังทำไม่ได้ด้วยแล้ว... ชัวร์... มันเป็นตุ๊ดครับพี่น้อง!

    ฟรานเซียสไม่ตอบได้แต่พยักหน้ารับ ไม่ใช่เพราะอึ้งจนพูดไม่ออก แต่เพราะกลัวว่าถ้าเปิดปากพูดแล้วอาหารชั้นเลิศที่ยัดเข้าไปเมื่อเช้า(ก่อนจะไปพบท่านพ่อ)จะเล็ดลอดออกมาทางปากเสียก่อน

    "งั้นเข้าไปพร้อมกันสิ" เด็กหนุ่ม(รึเด็กสาว)เอ่ยปากชวน ก่อนจะถือวิสาสะคว้าข้อมือของเด็กหนุ่มหน้าหวานแล้วจูงกึ่งลากไปกระทำชำเรา เอ้ย! หาทางเข้าโรงเรียน

    เทพหนุ่มของเราจะโดนเขมือบก่อนหารินเจอไหมเนี่ย...

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    "อยู่ชั้นไหนอ่ะ" หลังจากที่เดินมาได้สักพัก หนุ่มหน้าตี๋ก็เปิดประเด็นสอบสวนความเป็นมาของ 'เหยื่อ' คนล่าสุด

    "เอ่อ..." ฟรานเซียสอึกอัก โลกมนุษย์นี่มันลำดับชั้นไงหว่า... เอาเป็นว่า เหมือนบนสวรรค์ล่ะกัน "ปีสี่"

    "ม.4 เหรอจ๊ะ" เขาถามย้ำ เด็กหนุ่มพยักหน้าหวานๆรับแทนคำตอบ

    "เด็กใหม่รึเปล่า ไม่เคยเห็นหน้าเลยอ่า" เขาคิดว่าคงจะเป็นเด็กใหม่ชัวร์ๆ เพราะหน้าตาหวานแต่หล่อของเด็กหนุ่มตรงหน้า โดยเฉพาะหัวแดงโดดเด่นเห็นแต่ไกลขนาดนี้ มีรึจะรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของเขาไปได้

    "ใช่มั้ง" เด็กหนุ่มเริ่มกวนพูดประสาทกลังจากตั้งสติได้แล้ว

    "ฉันนที เรียกว่าน้ำจังก็ได้นะจ๊ะ อยู่ ม.6 น่ะ" รีบแนะนำตัวทันที พร้อมกับส่งยิ้มตาหยีให้อย่างจริงใจที่สุด... ถ้าไม่นับประกายตาอันแสนจะเจ้าเล่ห์ที่โผล่มาให้เห็นแวบนึงน่ะนะ

    "แล้วเธออ่ะ" นทีหรือน้ำจังตามที่เจ้าตัวบอกเอียงคอถาม... ถ้าผู้หญิงสวยๆหรือเด็กน้อยทำก็น่ารักน่าเอ็นดูดีอยู่หรอก แต่ว่าผู้หญิงในร่างชายทำแล้วมันน่าเอาฝ่าเท้ายันหน้ามากกว่า

    "ฟรานเซียส" เมื่อนึกชื่ออะไรที่เหมือนชาวบ้านเขาไม่ออก เด็กหนุ่มก็บอกชื่อจริงของเขาไป อย่างน้อยเขาก็ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย(แต่คนพูดอาจจะตายไม่ดีก็ได้นะ)

    "ลูกครึ่งสินะ" ชื่อของฟรานเซียสไม่ได้ทำให้หล่อนแปลกใจ กลับยินดีเสียมากกว่า ที่จะได้ลองของนอกกะเขาดูบ้าง

    "ตายแล้ว! จะสิบโมงแล้วเหรอเนี่ย! อ้ะ ถึงพอดี" นทีอุทานออกมาขณะที่ก้มมองนาฬิกาข้อมือสีฟ้าลายคิตตี้หวานแหวว เหมาะเจาะกับที่ทั้งคู่เดินมาถึงประตูโรงเรียนพอดิบพอดี

    "นที แกมาสายอีกแล้วนะ อะไรกัน เปิดเทอมวันแรกแท้ๆแทนที่จะตื่นแต่เช้า..." เสียงดุกึ่งบ่นดังมาแต่ไกลก่อนที่จะทันเห็นตัวผู้พูดซะอีก

    เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ รูปร่างผอมเพรียวลม เสียแต่ว่าค่อนข้างสูงน้อย(หรือจะพูดง่ายๆว่าเตี้ยนั่นแหละ) และสีผิวค่อนข้างคล้ำ(จนถึงขั้นเกือบดำ)ไปหน่อย ถ้าไม่งั้นล่ะเป็นนางแบบได้สบายๆ ส่วนหน้าตานั้นสวยอย่างไทยแท้ดั้งเดิม ตาสองชั้นสีดำสนิท ปากบางสีออกชมพูอ่อนๆ ไร้ซึ่งเครื่องประทินโฉมบนใบหน้าเว้นแต่แป้งบางๆเท่านั้น ผมสีดำสนิทยาวประบ่าถูกรวบไว้เป็นหางม้า ร่างเล็กอยู่ในชุดเสื้อมีปกแขนยาวสีขาว กระโปรงสั้นพอดีเข่าสีน้ำเงิน มีเสื้อสูทสีเดียวกับกระโปรงพาดไว้บนบ่า รองเท้าส้นสูงแบบที่ไม่สูงมากเกินไปสีดำ

    .....ดูยังไงๆก็อาจารย์ชัดๆ.....

    ทว่า สรรพนามที่ใช้เรียกนักเรียนนั้นดูสนิทสนมอย่างเพื่อนวัยเดียวกัน

    "ไปเยี่ยมแม่มา แม่ไม่สบายนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล 'จารภัคก็รู้ไม่ใช่เหรอครับ" น้ำตอบกลับเสียงอ่อยๆ พร้อมสีหน้าเศร้า มองอาจารย์ตาแป๋วเป็นสัญญาณขอความเห็นใจ... (ทั้งๆที่เมื่อกี๊ยังยิ้มหน้าระรื่นอยู่เลย)

    ซึ่งที่เขาพูดก็เป็นเรื่องจริง แม่เขานอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลมาสองวันแล้ว อาจารย์สาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็รู้ดี เพราะเมื่อวันก่อนยังไปเยี่ยมพร้อมกระเช้าผลไม้...

    แต่... ก็ใช่ว่าที่เขาพูดจะเป็นความจริง 'ทั้งหมด'

    นทีไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลจริง แต่... ไปเยี่ยมตอนแปดโมงครึ่งนะ เพราะเมื่อคุณเธอตื่นขึ้นมาก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงแล้ว กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เกือบๆแปดโมง ซึ่งแน่นอนว่าเขาไปโรงเรียนไม่ทันชัวร์ เลยบึ่งรถไปโรงพยาบาลไปเยี่ยมแม่ห้านาทีก่อนจะบึ่งรถย้อนกลับมาโรงเรียนและเดินเออละเหยลอยชายอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกะเด็กหนุ่มหน้าสวยหัวแดงอยู่ตั้งเกือบชั่วโมง

    แต่เรื่องนั้นน่ะ... 'จารภัคไม่จำเป็นต้องรู้หรอก...

    "ไปเยี่ยมแม่มาแน่นะ" อาจารย์สาวพูดพลางจ้องตาอย่างจับผิด

    "แน่สิครับ ไม่เชื่อถามเจ้าหัวแดงนี่ก็ได้... จริงไหมฟรานเซียส" น้ำหันมาถามคนหัวแดง ดวงตาส่องประกายวิบวับเป็นโค้ดลับที่อ่านได้ใจความว่า 'ตอบไม่ดี ตาย!'

    ถึงแม้ว่าเทพหนุ่มของเราจะไม่กลัวตาย เพราะเป็นอมตะอยู่แล้ว แต่เขายังอยากรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองไว้อยู่จึงรีบตอบไปว่า "คงงั้นมั้ง"

    ดวงตาของครูสาวตวัดมองฟรานเซียสอย่างฉงน

    "เธอนี่เด็กใหม่รึเปล่า ฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย" อาจารย์ภัคเอ่ยถาม

    "ใช่แล้ว'จาร ฟรานเซียสเป็นเด็กใหม่ อยู่ม.4" นทีรีบตอบแทนรุ่นน้องทันที

    "ฉันถามเขาไม่ได้ถามแกสักหน่อย อยู่ห้องไหนล่ะ" อาจารย์สาวยังสอบสวนไม่เลิก

    "จะไปรู้เรอะ" เทพหนุ่มของเรายังงงๆอยู่ด้วยความที่สวรรค์ไม่มีการแบ่งห้องเรียนอย่างโลกมนุษย์… ห้องอะไรของเขาฟะ...

    "นี่พูดจากับผู้หลักผู้ใหญ่น่ะ หันพูดเพราะๆมีหางเสียงบ้าง อย่าเอาอย่างไอ้ประธานนักเรียนนี่มากนัก" เธอว่าพลางหันควับไปมองนทีที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    "โธ่ 'จาร ปีนี้ยังไม่ได้เลือกตั้งประธานนักเรียนเลยนะ" นทีแก้ตัว

    "แต่แกยังรักษาการณ์ประธานฯอยู่ ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีของน้องๆจะได้ไหมเนี่ย นี่มาก็สาย แถมยังพาน้องสายอีก แกนี่มันน่า..." อาจารย์ภัคเริ่มบ่นยาวๆ

    "งั้นผมไปเรียนก่อนนะครับ 'จาร" นทีรีบตัดบทพลางจูงฟรานเซียสหลบหนีจากอาจารย์สาวจอมบ่น ยังสาวอยู่แท้ๆไหงขี้บ่นเป็นยัยแก่ได้ก็ไม่รู้ ถึงจะบ่นด้วยความหวังดีก็เถอะ แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่นก็อดไม่ได้ที่จะเบื่อบ้างเหมือนกัน

    "พี่ไปเรียนก่อนนะจ๊ะ น้องฟรานเซียส ม.4 อยู่ชั้นสาม อาคารสีขาวน่ะ ไปแระนะ แล้วเจอกันตอนเที่ยง" นทีบอกพลางวิ่งหายเข้าไปในอาคารตรงหน้า ทิ้งให้เทพหนุ่มยืนเอ๋ออยู่คนเดียว

    ถึงแม้จะบอกทางทิ้งไว้ก็เถอะ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า อาคารน่ะมันสีขาวสีเดียวกันหมดทุกหลังเลยนี่สิ...

    แล้วมันหลังไหนกันเนี่ย...

    เฮ้อ… แล้วเมื่อไหร่ถึงจะหาเด็กผู้หญิงคนนั้นเจอเนี่ย... (นี่ แกไม่คิดจะหาคทาเลยใช่ไหมเนี่ย - -")

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    ออดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด….

    เสียงของออดดังขึ้นยาวๆเป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาที่วุ่นวายที่สุดของวันแล้ว... ซึ่งก็คือ... ช่วงพักเที่ยงนั่นเอง!

    ณ โรงอาหารใหญ่สำหรับนักเรียน

    ร้านค้าภายในโรงอาคารนี้มีร้านขายอาหารอยู่ห้าร้าน มีร้านขายเครื่องดื่มหนึ่งร้านและร้านขายขนมอีกหนึ่งร้าน ซึ่งแต่ล่ะร้านก็เต็มไปด้วยนักเรียนมากมายเข้าแถวกันยาวเฟื้อยอย่างเป็นระเบียบ...

    "เฮ้ยน้องอย่าแซงดิ!"

    "เป็นรุ่นพี่เสียสละให้รุ่นน้องหน่อยดิ"

    "เฮ้ยๆ ไอ้นั่นมันแซงอีกแล้ว"

    "อยากซื้อก็ต่อแถวดิคนอื่นเขาก็หิวเหมือนกันนะโว้ย!"

    "พี่อย่าแซงดิครับ"

    "เป็นผู้ชายต้องเสียสละให้ผู้หญิงดิ"

    "เฮ้ย! แซงทำขวานไรวะ!"

    "ต่อแถวดิโว้ย!"

    "ไอ้คนข้างหน้าเมื่อไหร่จะซื้อเสร็จวะ ตูรอนานแล้วนะโว้ย!"

    และอีกสารพัดเสียง ที่พร้อมใจกันปล่อยสิงสาลาสัตว์ออกมาเต็มโรงอาหาร....

    .....โคตรเป็นระเบียบเลย.....

    "เฮ้อ..." เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายของเด็กสาวม.4 ตัวเตี้ยคนหนึ่ง เธอกำลังใช้หลอดกาแฟคนน้ำเป๊ปซี่ในแก้ว ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หมู่นักเรียนที่กำลังเข้าแถวซื้ออาหารอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่...

    ...วันนี้ตูจะได้กินไหมเนี่ย... รินคิด จะให้ไปเข้าแถวเบียดเสียดกะชาวบ้านก็เกรงว่าจะถูกเบียดจนแบนซะก่อน... คนตัวเล็กนี่นา แถมยังเตี้ยอีกต่างหาก ทำไมตูต้องเกิดมาเตี้ยด้วยวะเนี่ย เป็นกรรมเก่ารึไงวะ...

    เจ้าตัวเริ่มโทษกรรมเก่า... โดยไม่คิดจะโทษตัวเองที่ตอนเล็กๆไม่ยอมกินนมเลยขาดแคลเซียม ทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตเท่าที่มันควรจะเป็น

    ...แต่เอาเถอะ อย่างน้อยวันนี้เราก็โชคดีไปเรื่องหนึ่งล่ะ ถ้าที่เหลือทั้งวันจะเป็นโชคร้ายก็คงไม่แปลก... เจ้าหล่อนคิดอย่างปลงๆ

    ก็เมื่อเช้าตอนที่เธอมาสาย เข้าห้องเรียนตอนต้นคาบสาม โชคดีที่อาจารย์ยังไม่มาสอนเพราะมันเป็นช่วงต่อระหว่างคาบพอดี เธอเลยเดินเลาะๆไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ตัวหนึ่งตรงริมหน้าต่างหลังสุดของห้องได้โดยไม่มีใครทัก เพราะเพื่อนร่วมห้องกำลังเมามันกับการสาดน้ำลายใส่กันอยู่ (คุยกันน่ะแหละ)

    ทันใดนั้นเองก็มีเสียงประกาศดังจากลำโพงขัดจังหวะความคิดของเด็กสาว

    "โหล... Test หนึ่ง สอง สาม สี่..." เป็นเสียงทุ้มๆของใครบ้างคนดังผ่านลำโพงในโรงอาหาร "หลังจากหมดเวลาพักกลางวันแล้วขอให้นักเรียน ม.4 ทุกคนไปรวมตัวกันที่อาคารหอประชุมด้วย... หลังจากหมดเวลาพักกลางวันแล้วขอให้นักเรียน ม.4 ทุกคนไปรวมตัวกันที่อาคารหอประชุมด้วย..." เสียงปริศนาประกาศซ้ำสองครั้ง

    "และพวกสภานักเรียนปีที่แล้ว พวกสภานักเรียนปีที่แล้ว หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วมาพบอาจารย์วัฒนาที่ห้องฝ่ายกิจการนักเรียนด้วย หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วมาพบอาจารย์วัฒนาที่ห้องฝ่ายกิจการนักเรียนด้วย" เสียงประกาศนั่นทำเอาคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งกินนั่งเม้าท์กันอยู่สะดุ้งเฮือก

    "พวกแกได้ยินเหมือนฉันไหม" นทีที่นั่งกินข้าวอยู่เอ่ยถาม เด็กสาวอีกสามคนที่นั่งซดก๋วยเตี๋ยวอยู่

    "ได้ยินเต็มสองหูเลยล่ะ ไอ้น้ำ" ทั้งสามสาวตอบกลับ สีหน้าแต่ล่ะคนเซ็งสุดขีด

    .....'จารเรียกอย่างนี้...สงสัยจะต้องใช้อีกแน่นอน.....

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    โย่ว! บทที่หกเสร็จแล้ว เป็นครั้งแรกในรอบเดือนที่อัพทีเดียวร้อยเปอร์เซ็นต์ เหอะๆ
    เพราะ... หลังจากนี้อาจจะพักอีก... ยาววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว =_="

    ยังไงก็ ติชมด้วยเน้อ ^ ^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×