ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fan Fiction EXEcutional เป็ดXกระต่าย

    ลำดับตอนที่ #5 : แปลงกาย

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 52


    บทที่ห้า แปลงกาย

    เช้าวันงานนิทรรศการของโรงเรียน วันนี้เหล่านักเรียนดูจะตื่นเช้ากันเป็นพิเศษเพื่อมาเตรียมงานให้เรียบร้อยก่อนพิธีเปิดงานตอนเก้าโมง เสียงจอแจแว่วให้ได้ยินตั้งแต่วิริยายังไม่ย่างเท้าเข้าเขตโรงเรียน เมื่อเดินเข้ามาสิ่งที่สังเกตว่าแปลกไปอย่างแรกคือ บริเวณสนามหน้าเสาธงมีเวทีไม้ที่ต่อง่ายๆแต่ดูมั่นคงตกแต่งด้วยผ้าลินิน ดูก็รู้ว่าเพิ่งเกิดขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ที่ตรงนั้นมีผู้ชายหลายคนที่ท่าทางจะเป็นช่างไฟกำลังก้มๆเงยๆอยู่ตรงลำโพงข้างเวที อย่างที่สองมีซุ้มต่างๆผุดขึ้นมามากมาย นักเรียนผู้ดูแลซุ้มเหล่านั้นต่างจัดข้าวของอย่างขะมักเขม้น เห็นแบบนี้แล้วผู้คนในโรงเรียนของเธอดูจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองเท่า

    จัดใหญ่โตเหมือนกันนะ…

    วิริยานึกในใจ เด็กสาวเดินพาตัวเองไปยังจุดนัดหมายที่เพื่อนร่วมห้องจะไปรวมกันที่นั่น

    เมื่อไปถึง วิริยาก็เจอเพื่อนร่วมห้องของเธอสองสามคนยืนอยู่หน้าห้องคอมพิวเตอร์ที่ถูกแปรไปเป็นบ้านผีสิง สายตามองดูผลงานอย่างภูมิใจ ประตูทางเข้ามีม่านสีดำกั้นไว้ให้ดูลึกลับ เหนือขึ้นไปเป็นซุ้มประตูโค้งที่พวกเขาช่วยกันทำขึ้นมาเขียนด้วยตัวอักษรสีแดงฉานดูราวกับเลือดว่า Terror House

    “วิริยา มาแล้วเหรอ เป็นไงๆ ใช้ได้ไหม” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยทักเธออย่างร่าเริง พลางถามความเห็นถึงงานที่พวกเขาทำสำเร็จในที่สุด

    “ดูดีนี่ น่ากลัวดี เก่งจังเลยนะ” วิริยาเอ่ยชม คนโดนชมยิ้มรับหน้าบาน

    “วิริยา!”

    เด็กสาวหันไปตามเสียงเรียก เพื่อนสาวคนหนึ่งวิ่งมาทางเธอ การแต่งกายแปลกๆทำให้เพื่อนคนนั้นดูแปลกตาไป แต่วิริยาก็จำได้

    “หือ มีอะไรเหรอ”

    “ไปแต่งตัวเร็ว”

    แต่งตัวอะไร… เธอแค่มีหน้าที่ขายบัตรอย่างเดียวนี่นา…

    แต่พอพูดจบเพื่อนคนนั้นก็คว้าแขนวิริยาแล้วลากตัวเธอไป ความเร่งรีบของเพื่อนทำให้เด็กสาวไม่ได้เอ่ยปากถาม ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ

    สองสาวเพิ่งวิ่งลับหัวมุมไปได้ไม่นาน ร่างเล็กในชุดคลุมสีดำก็เดินแหวกผ้าม่านสีเดียวกับผ้าคลุมออกมา ใต้ผ้าคลุมสีดำร่างเล็กยังสวมชุดสูทสีดำที่ดูเหมาะเจาะ ใบหน้าขาวจัดด้วยแป้ง ริมฝีปากบางแดงฉานด้วยสารเคมีที่เรียกว่าลิปสติก ดวงตาดูคมขึ้นด้วยดินสอเขียนขอบตา คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์นั่นยิ่งทำให้นันทกรดูเหมือนแวมไพร์มากขึ้นไปอีก

    เพื่อนร่วมห้องที่ยืนอยู่แถวนั้นมองเขาอย่างตกใจ นันทกรแต่งเป็นแวมไพร์ขึ้นจริงๆ แม้จะตัวเล็ก แต่ก็ดูมีมนตร์ขลังอย่างประหลาด ขาดก็แต่เขี้ยวแวมไพร์ที่เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ยอมใส่เด็ดขาด

    “มองอะไรนักหนา” ด้วยความหงุดหงิดที่ถูกบังคับให้แต่งตัวประหลาดแบบนี้นันทกรจึงแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่มองดูอยู่

    โอเค ถึงจะไม่ยอมใส่เขี้ยว แต่พอเด็กหนุ่มแยกเขี้ยวอย่างหาเรื่องแบบนี้ก็คงพอแทนกันได้ล่ะนะ

    พวกเพื่อนพ้องไม่ถือสาหาความกับเด็กหนุ่ม ต่างพากันไปทำหน้าที่ช่วยงานของห้องต่อไป ทิ้งให้นันทกรหงุดหงิดต่อไป เด็กหนุ่มสาวเท้าเดินออกห่างจากบ้านผีสิง ไม่มีจุดหมายแต่รู้ว่าอยากอยู่ให้ห่างห้องที่วันนี้เขาต้องอยู่ข้างในทั้งวันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ทำไมเขาต้องมาแต่งตัวประหลาดแบบนี้ด้วย!

    นันทกรเดินไปก็หงุดหงิดไป โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าผู้คนรอบข้างที่เขาเดินผ่านต่างต้องเหลียวมองเขาทุกคน ไม่ใช่เพราะความแปลกแต่เพราะเขาแต่งแบบนี้แล้วดูดีมากต่างหาก ดูท่าว่าจบงานนี้ชื่อของหนุ่มน้อยคงเป็นที่กล่าวถึงในหมู่เด็กสาวมากขึ้นเป็นแน่

    ยังไงก็ตาม จะต้องไม่ให้มัจฉาเห็นเขาในสภาพนี้เด็ดขาด…

    เด็กหนุ่มมาดหมายไว้ในใจ และรีบสาวเท้ากลับไปยังซุ้มบ้านผีสิงของห้องเขาทันที

    น่าเสียดายว่าสิ่งที่นันทกรตั้งใจไว้นั้น เขาดันทำได้จริงๆเสียด้วย



    ขณะเดียวกันนั้นเอง เหล่านักเรียนมัธยมห้าโรงเรียนรวมมิตรประชาทัณฑ์ก็กำลังเดินขบวนกันมางานนิทรรศการ ด้วยความที่โรงเรียนอยู่ไกลกันไม่มาก จึงใช้วิธีเดินเท้าแทนการนั่งรถ เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังไปตลอดทาง เรียกทั้งสายตาเอ็นดูและสายตารำคาญจากผู้พบเห็น

    ในบรรดาหมู่นักเรียนที่ส่งเสียงดัง กลุ่มที่เป็นจุดเด่นที่สุดคงไม่พ้นกลุ่มของกานดา พวกเขาเล่นกันอย่างสนุกสนาน ส่งเสียงดังโหวกเหวกไปตลอดเส้นทางโดยไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครจ้องมองอยู่ตลอด

    “เฮ้อ…”

    ภัสสรถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ดังพอจะเรียกเพื่อนข้างตัวทั้งสองให้หันมามองได้ ทั้งสองมองหน้าอย่างรู้กันว่าภัสสรถอนหายใจเรื่องอะไร นับวันเพื่อนสาวคนนี้ยิ่งอาการหนักขึ้น แต่พวกเธอก็จนปัญญาที่จะช่วย ในเมื่อเจ้าตัวเองก็ยังไม่คิดจะสารภาพความในใจให้หมอนั่นฟัง

    เพื่อนสาวมองภัสสรแล้วหันไปมองพวกกานดาที่เดินนำอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว กานดากำลังวิ่งหลบเพื่อนคนหนึ่งที่วิ่งไล่ไปรอบๆ

    ภัสสรเห็นหมอนั่นมีดีตรงไหนกันนะ…

    คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเธอเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง แต่ก็นั่นแหละ ความชอบของคนเรามันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอก…

    “ภัสสร ชวนหมอนั่นเที่ยวเลยสิ” เพื่อนคนหนึ่งแนะนำขึ้น ภัสสรเงยหน้ามองเพื่อนด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ

    “แต่… ฉันไม่กล้า…”

    “ตงแต่อะไรอีก! กลัวอะไรอยู่ได้ แล้วชาติไหนจะได้สมหวังล่ะหา!!!”

    เพื่อนสาวตะโกนเสียงดังลั่นจนทุกคนหันมามองที่พวกเธอเป็นตาเดียว ขนาดกลุ่มของกานดาที่เล่นๆกันอยู่ยังหยุดเล่นแล้วหันมองมาเลย

    “สะ… เสียงดังไปแล้วนะ” เด็กสาวกระซิบกับเพื่อน พยายามไม่หันไปมองทางกานดา แต่ถึงจะไม่มองเธอก็รู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มมองอยู่


    เพราะเธอกลัวความผิดหวัง… เธอถึงนิ่งเงียบอยู่แบบนี้…

    กลัวว่าสายตาของเขาจะไม่มองมาที่เธออีกแม้ในฐานะเพื่อน…

    “ภัสสร”

    เสียงเรียกมาจากคนที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง กานดามายืนอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ภัสสรก้มหน้าขณะพูดตอบ

    “มะ… มีอะไรเหรอ”

    “ถ้าถึงงานแล้วแวะไปหาพวกเกษมด้วยกันนะ”

    กานดาคงไม่รู้ว่าคำชวนของเขาทำให้เด็กสาวดีใจมากขนาดไหน

    “อะ-อืม!”

    “แล้วเจอกันนะ”

    เด็กหนุ่มเดินกลับไปรวมกับกลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม ทิ้งให้ภัสสรก้มหน้าซ่อนความดีใจไว้ และเพื่อนทั้งสองของเธอก็แปะมือกันอย่างยินดี

    จะได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วนะภัสสร!


    หน้าห้องคอมพิวเตอร์ที่ถูกแปรสภาพไปเป็นบ้านผีสิง นันทกรในชุดแวมไพร์นั่งทอดหุยอยู่หน้าห้อง เพื่อนชายอีกสองคนที่แต่งตัวเสร็จแล้วนั่งอยู่ไม่ไกล เจ้าเป็ดถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายขณะฟังเสียงพวกที่อยู่ข้างในวุ่นวายกับการช่วยแต่งตัวให้บรรดาผีอีกหลายคนที่ยังแต่งตัวกันไม่เสร็จ

    ห้องคอมพิวเตอร์ถูกใช้เป็นห้องแต่งตัวของผู้ชายชั่วคราวก่อนงานจะเริ่ม ส่วนห้องแต่งตัวของเด็กผู้หญิงอยู่ที่ห้องเรียนชั้นบน แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกษมถูกพวกผู้หญิงลากขึ้นไปชั้นบนนะ…

    นันทกรครุ่นคิด …หรือพวกผู้หญิงจะนับเกษมเป็นผู้หญิง?

    เด็กหนุ่มพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อคิดว่าเกษมจะถูกจับแต่งตัวเป็นหญิง จนไม่ทันสังเกตว่าเด็กผู้หญิงห้องเขากำลังเดินมา

    “อะไร นี่พวกผู้ชายยังแต่งตัวกันไม่เสร็จอีกเหรอ”

    เสียงหัวหน้าห้องโวยวายขึ้นเรียกให้นันทกรเงยหน้าขึ้นมอง พวกเด็กผู้หญิงแต่งตัวกันเสร็จแล้ว อยู่ในชุดสีดำดูแปลกตา และที่โดดเด่นท่ามกลางเด็กผู้หญิงชุดดำคือเกษม ร่างบางอยู่ในชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ มีปีกสีขาวประดับอยู่ที่กลางหลัง ดวงตากลมโตกับแพขนตางอนยาว ริมฝีปากสีชมพูกุหลาบ วิกผมยาวสีทองช่วยขับใบหน้าของเด็กหนุ่มให้หวานขึ้นไปอีก นี่ถ้าเขาไม่รู้จักกันมาก่อนคงจะคิดว่าเกษมเป็นเด็กผู้หญิงจริงๆ

    “โห แต่งหญิงขึ้นดีนี่นา” นันทกรเอ่ยชมจากใจจริง แต่เกษมทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กินปลาทองเป็นๆเข้าไปทั้งตัว

    “สวยใช่ไหมล่ะ” เด็กผู้หญิงที่ช่วยแต่งตัวให้เกษมเอ่ยอย่างภูมิใจ

    “แล้ววิริยาอยู่ไหนล่ะเนี่ย” หัวหน้าห้องเพิ่งสังเกตว่าเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่แต่งเป็นปีศาจคู่กับนางฟ้าเกษมหายตัวไป

    “นั่นไงๆ เดินมาแล้ว”

    ร่างเล็กที่ค่อยๆเดินมานั้นอยู่ในชุดกระโปรงสีดำยาวคลุมเข่าประดับด้วยลูกไม้สีดำ ชุดเกาะอกเผยให้เห็นผิวขาวและลำคอระหง ผมยาวถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยประดับด้วยดอกกุหลาบสีดำ แขนเล็กทั้งสองข้างสวมปลอกแขนที่มีลูกไม้จับระบายติดอยู่ ใบหน้าขาวผุดผาด ตัดกับริมฝีปากเล็กเคลือบสีแดงสด ดวงตาคมดูมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด กลางหลังติดปีกสีดำราวกับปีกของนกกา แต่คงเป็นกาที่มีแต่คนหลงใหล แม้จะนำซึ่งลางร้ายแห่งความตายมาให้แต่ทุกคนก็ยังอยากครอบครอง

    สมบูรณ์แบบ…

    หัวหน้าห้องคิด ตอนนี้วิริยาช่างเหมือนปีศาจที่เปี่ยมเสน่ห์ เย้ายวน และชวนให้หลงใหล

    ก็ดูเอาเถิด… ขนาดเป็ดที่เอาใจใฝ่แต่ปลาก็ยังต้องมองตาค้าง!

    ------------------------------

    มาอัพแล้ว! เผากันสดๆร้อนๆ
    ขออภัยที่ช้าค่า ข้าน้อยติดอ่านฟิควายอยู่ ฮ่าๆ ^ ^" (8059และXS บันไซ!)
    บทนี้มันเผากันสุดๆเลยแฮะ กลัวคนอ่านรอนานแล้วหาย เลยรีบเข็นออกมา =_=" ถ้ามีข้อผิดพลาดก็ติได้ด่าได้ตามสบายค่า

    ขอบคุณทุกท่านมากๆเลยที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณจริงๆ จะพยายามข็นตอนต่อไปออกมาให้เร็วที่สุดนะคะ (เร็วที่สุดของแกนี่เดือนหนึ่งใช่ไหม? - -")

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×