ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    B.A.P's Short Fictions เรื่อง(ลึก)ลับ

    ลำดับตอนที่ #3 : ตลอดชีวิต [HimBang]

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 57


    ตลอดชีวิต
     
     
     
              ครั้งแรกที่คิมฮิมชานเจอกับบังยงกุก ยงกุกกำลังขนของย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ในซอยเดียวกันกับบ้านของฮิมชาน
     
              หมู่บ้านจัดสรรที่พวกเขาพักอาศัยอยู่แถบชานเมือง ค่อนข้างห่างจากตัวเมืองพอสมควร จึงไม่ค่อยมีคนอยู่มากนัก ในซอยของพวกเขามีผู้พักอาศัยอยู่ไม่ถึงสิบครอบครัว บ้านของฮิมชานอยู่ปากซอย ส่วนบ้านของยงกุกอยู่ท้ายซอย ห่างกันประมาณแปดช่วงตึก แต่ฮิมชานก็ยังอุตส่าห์ดั้นด้นไป 'แอบส่อง' เพื่อนบ้านคนใหม่จนได้
     
              ตอนนั้นยงกุกวุ่นวายอยู่กับการจัดข้าวของ จึงไม่ได้สังเกตเห็นชายหนุ่มที่มาแอบดูเขา ส่วนคนมาแอบดู เมื่อเห็นว่าเพื่อนบ้านคนใหม่กำลังยุ่ง จึงไม่ได้เข้าไปทักทาย
     
             เหตุผลอีกอย่างที่ฮิมชานไม่กล้าเข้าไปทักคือ ยงกุกหน้าดุและมีออร่าของคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ดูไม่เป็นมิตร ไม่น่าเข้าไปยุ่งด้วยเป็นอย่างมาก
     
              ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงเดินกลับบ้านของตัวเอง โดยไม่ได้เข้าไปทำความรู้จักอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก
     
     
     
              ครั้งที่สองที่ฮิมชานเจอยงกุก ฮิมชานขับรถกลับมาจากสำนักพิมพ์ และพบชายหนุ่มหน้าดุคนนั้นยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้าน ฮิมชานจึงจอดรถที่หน้าประตูบ้านโดยไม่ได้ดับเครื่อง ก่อนจะลงจากรถเพื่อมาทักทายคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ยงกุกที่เห็นฮิมชานตั้งแต่เขาขับรถมาจอดใกล้ ๆ ก็เอ่ยทักทาย
     
              "สวัสดีครับ... ผมเพิ่งย้ายมาครับ... เอ้อ... ผมบังยงกุกครับ"
     
              พูดแนะนำตัวเองเสร็จก็ส่งยิ้มให้
     
              คนได้รับรอยยิ้มโดยไม่ทันตั้งตัวถึงกับชะงักไป
     
              ใครจะไปคิดว่า คนหน้าตาดุดันอย่างนั้น จะยิ้มได้น่ารักอย่างนี้
     
              "สวัสดีครับ ผมคิมฮิมชาน ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
     
              ฮิมชานแนะนำตัวเองบ้าง ก่อนจะเริ่มชวนอีกฝ่ายคุย ซักประวัติจนรู้ว่ายงกุกเป็นนักแต่งเพลง ย้ายมาอยู่หมู่บ้านแห่งนี้เพราะที่นี่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ยงกุกเพิ่งเก็บลูกหมาถูกทิ้งมาจากข้างทาง แต่หาคนรับเลี้ยงไม่ได้ จึงตัดสินใจย้ายออกจากอพาร์ทเมนท์มาอยู่ที่ที่เขาจะเลี้ยงลูกหมาตัวนั้นไว้ได้
     
              ยงกุกเป็นคนพูดเนิบช้า เสียงทุ้มนั้นราบเรียบฟังดูไร้อารมณ์ แต่เมื่อพูดถึงลูกหมาที่ชื่อเจโล่ เสียงที่ราบเรียบนั้นมีความรักใคร่เอ็นดูเจืออยู่มากทีเดียว 
     
              คงจะรักลูกหมาตัวนั้นมากจริง ๆ
     
              ฮิมชานรู้สึกผิดคาดมาก อย่างแรกคือ เขาไม่คิดว่าคนที่หน้าตาไม่เป็นมิตรและดูมีโลกส่วนตัวสูงยงกุกจะมาแนะนำตัวกับเขาถึงที่บ้าน อย่างที่สองคือ ไม่คิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มจริงใจแบบนั้น อย่างสุดท้าย ไม่คิดว่ายงกุกจะเป็นคนรักสัตว์ถึงขนาดยอมย้ายบ้านเพื่อจะได้เลี้ยงเจโล่ไว้ได้
     
              โดยรวมแล้วดูเป็นคนอ่อนโยน ผิดจากบุคลิกที่ดูแข็งกร้าว
     
              วันนั้นฮิมชานก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่ควรด่วนตัดสินคนจากภาพลักษณ์ภายนอกจริง ๆ
     
     
     
              ครั้งที่สามที่ฮิมชานเจอกับยงกุก ฮิมชานวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน เพื่อรักษาหุ่นให้ดูดีสมเป็นบรรณาธิการนิตยสารสุขภาพ ขณะที่วิ่งผ่านบ่อน้ำพุ ก็บังเอิญเจอยงกุกจูงลูกสุนัขขนยาวสีขาวตัวขนาดย่อม ๆ เดินสวนมา เจ้าลูกสุนัขนั้นดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัว เห็นอะไรก็เข้าไปดมกลิ่น สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง ฮิมชานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เมื่อเจ้าหมาน้อยเห็นฮิมชานก็รีบพุ่งเข้ามาดม ๆ จนชายหนุ่มต้องหยุดวิ่งด้วยกลัวว่าจะเผลอเหยียบลูกรักของเพื่อนบ้านเข้า
     
              "เจโล่ ไม่เอา"
     
              เจ้าของหมาน้อยปราม พร้อมกับดึงสายจูงยั้งลูกชายของตัวเองไว้ แต่ฮิมชานซึ่งไม่ได้รังเกียจลูกหมาน้อยน่ารักรีบบอกว่า
     
              "ไม่เป็นไรครับ ๆ"
     
              ก่อนจะย่อเข่าลงนั่งยอง แล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะเจ้าหมาน้อย ตอนแรกเจโล่ก็ทำท่าระแวง แต่แล้วก็ยอมให้ฮิมชานลูบหัวลูบตัวแต่โดยดีพร้อมกระดิกหางชอบใจ
     
              "ชื่อเจโล่ใช่ไหมครับ น่ารักจังเลยนะครับ"
     
              เอ่ยชวนเจ้าของหมาคุยขณะที่มือยังคงวุ่นกับการเกาหลังให้หมาน้อย ยงกุกเผยยิ้มกว้างก่อนจะตอบว่า
     
              "ครับ... ดูเจโล่จะชอบคุณนะครับ"
     
              ฮิมชานยิ้มรับขณะบอกว่า "เรียกผมว่าฮิมชานเถอะครับ เรียกคุณแล้วไม่ชินหูยังไงไม่รู้"
     
              "ครับ... ฮิมชาน"
     
              ชั่วขณะที่เสียงทุ้มหูนั้นเรียกชื่อเขา เจ้าของชื่อรู้สึกเหมือนหายใจสะดุด ยิ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตาที่ดูแข็งกร้าวแต่มีแววอ่อนโยนคู่นั้น ใจที่เต้นช้าลงแล้วหลังจากหยุดวิ่ง เริ่มกลับมาเต้นเร็วอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ควบคุมตัวเองไว้ ไม่ให้แสดงอาการอะไรออกไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วขอตัวไปวิ่งต่อ
     
              เขาคงคิดไปเองว่าน้ำเสียงตอนที่ยงกุกเรียกชื่อเขานั้น มีความรู้สึกบางอย่างเจืออยู่... น้ำเสียงคล้ายตอนพูดถึงเรื่องของเจโล่...
     
              ยงกุกคงไม่ได้เห็นเขาเป็นเหมือนลูกหมาหรอกใช่ไหม...
     
              แล้วทำไมเขาถึงใจเต้นเร็วแบบนี้นะ... 
     
     
     
              ครั้งที่สี่ที่ฮิมชานเจอกับยงกุก ชายหนุ่มหน้าดุนั่งหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ตรงม้านั่งหินอ่อนในบริเวณบ้านของตัวเอง จนฮิมชานที่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วแทบจะหันหลังกลับ
     
              แต่ว่าอุตส่าห์มาถึงที่แล้ว จะกลับเลยก็เสียดายความกล้าที่รวบรวมมาได้ ชายหนุ่มจึงยกมือสั่น ๆ ขึ้นกดกริ่ง เจ้าของบ้านเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น และเมื่อเห็นว่าใครมาหา คิ้วที่ขมวดมุ่นพลันคลายออก สีหน้าเคร่งแปรเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้มาเยือนถึงกับหายใจสะดุดอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มเจ้าของบ้านลุกขึ้นมาเปิดประตูรั้วให้ ผู้มาเยือนก็พูดเข้าเรื่องทันที
     
              "เอ่อ... คือเมื่อวานผมกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้าน แล้วแม่ผมทำกิมจิมาให้เยอะไปหน่อย อยากให้ช่วยรับไว้หน่อยครับ ผมกินคนเดียวไม่หมด"
     
              ฮิมชานพูดรัวเร็วแก้เขินพลางยกกล่องพลาสติกใสแบบมีฝาปิด ขนาดประมาณกล่องใส่เค้กปอนด์ ซึ่งข้างในอัดแน่นไปด้วยกิมจิให้เจ้าของบ้านดู
     
             ยงกุกก้มมองกิมจิปริมาณมหาศาลนั้นแล้วก็หลุดขำออกมา ก่อนจะรีบพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเสีย
     
              "ผมอยากรับไว้นะครับ แต่ว่าเยอะขนาดนี้ผมกินคนเดียวไม่หมดหรอก"
     
              เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าของกิมจิก็ยิ้มแห้ง ๆ ให้ ก่อนจะเล่าว่า
     
              "แม่ผมชอบทำอาหารน่ะครับ ผมเองก็กินไม่ไหว ขนาดแจกไปบ้างแล้ว ก็ยังเหลืออีกเพียบเลย ที่บ้านผมก็ยังมีอีกกล่องใหญ่... ช่วยรับไว้หน่อยนะครับ..."
     
              ฮิมชานมองสบตาชายหนุ่มอย่างอ้อนวอน คนถูกอ้อนทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า
     
              "ผมคงรับไว้ไม่ได้หรอกครับ"
     
              เมื่อได้ยินยงกุกปฏิเสธ ฮิมชานก็คอตก นึกเสียใจที่คนตรงหน้าไม่ยอมรับสิ่งที่เขาตั้งใจนำมาให้... อันที่จริง คนทำกิมจิไม่ใช่แม่ แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก เขาได้ยินมาจากน้องที่อยู่ในซอยเดียวกันว่า ยงกุกชอบกินรามยอนกับกิมจิ จึงนึกอยากทำให้ เอาชื่อแม่มาอ้างเพราะไม่กล้าบอกว่าตัวเองตั้งใจทำมาให้
     
              แล้วก็ถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
     
              "คือว่า... ผมยังไม่ได้ซื้อตู้เย็นน่ะครับ ไม่มีที่เก็บกิมจิครับ... แต่ผมอยากกินนะ ไว้ผมแวะไปกินที่บ้านฮิมชานได้ไหม"
     
             เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างเนิบช้า ฮิมชานเองก็ใช้เวลาหลายวินาทีกว่าจะประมวลผลความหมายของถ้อยคำทั้งหมดได้ เมื่อเงยหน้าสบตาผู้พูด ก็เห็นรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาพร้อมกับแววตาขบขัน
     
              รู้สึกเหมือนโดนปั่นหัวอย่างไรชอบกล... แต่ก็ช่างเถอะ...
     
              "ได้สิครับ แต่ยงกุกต้องเป็นคนล้างจานนะ"
     
              แกล้งเสนอเงื่อนไขไปบ้าง แต่ยงกุกเพียงแค่หัวเราะ ก่อนจะรับคำทันที
     
              "ได้สิครับ.."
     
              ฮิมชานกำลังขยับยิ้มกว้าง แต่เมื่อได้ยินยงกุกเอ่ยประโยคถัดมา รอยยิ้มนั้นก็ถูกกลบด้วยสีแดงระเรื่อบนสองข้างแก้ม
     
             "ล้างให้ตลอดชีวิตเลยก็ยังได้"
     
     
     
              หลังจากนั้นยงกุกก็ไปเยือนบ้านฮิมชานเกือบทุกวัน ไปกินสารพัดเมนูกิมจิที่เจ้าของบ้านสรรหามาทำให้กิน ผู้มาเยือนก็ล้างจานให้ตามที่สัญญาไว้เสมอ บางวันก็ปัดกวาดเช็ดถูบ้านแทนเจ้าของบ้านที่ทำงานตัวเป็นเกลียว ไม่มีเวลามาทำความสะอาดบ้าน
     
              ผ่านไปสามเดือน จากที่ไปเกือบทุกวันก็กลายเป็นไปเยือนทุกวัน จนในที่สุดเจ้าของบ้านก็ขอให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันเสียเลย โดยแลกกับการต้องทำงานบ้านให้เขาไปตลอดชีวิต
     
              ยงกุกตอบรับอย่างเต็มใจ พร้อมพาเจโล่ ลูกชายตัวใหญ่ขนฟูที่โตเป็นหนุ่มเต็มวัยมาอยู่ด้วยกัน
     
              และแน่นอนว่ายงกุกรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฮิมชานอย่างดีตลอดชีวิตของเขา
     
     
    [ จบ ]

     
    มาแบบชั่ววูบอีกแล้ว ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง B.A.B.Y ของ B.A.P ค่ะ
     
    ถึงคุณ Eiine 
    เราชอบให้แดเป็นแมวมาก ๆ เลยค่ะ รู้สึก่ว่าเหมาะมาก 5555
    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ^ ^
     
    ขอบคุณผู้อ่านทุกคนด้วยค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×