ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ผม กับ เขา [JaeDae]
ผม กับ เขา
ผมนั่งบนม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นเมเปิ้ลซึ่งเป็นที่ประจำ ในฤดูใบไม้ผลิที่อากาศยังคงเย็นเพราะอิทธิพลจากฤดูหนาวที่เพิ่งผ่านพ้น ทำให้รู้สึกขอบคุณแสงแดดยามบ่ายแก่ซึ่งลอดผ่านร่มไม้ลงมา ให้ความอบอุ่นแก่ร่างอันผอมแห้งของผม
ที่จริงผมจะไปนอนอาบแดดกลางสนามกีฬาของโรงเรียนเลยก็ย่อมได้ แต่ที่ยังคงนั่งอยู่บนม้านั่งหินอ่อนเย็นเฉียบตัวนี้ เป็นเพราะผมคอยใครบางคนอยู่
นั่นไง เขาเดินมานู้นแล้ว
ท่ามกลางเด็กวัยรุ่นในชุดเครื่องแบบแบบเดียวกันที่กรูกันเดินลงมาจากอาคารเรียน ในสายตาของผมเห็นเพียงแต่เขา เขาดูโดดเด่นกว่าคนอื่น เขาตัวสูงตามมาตรฐานเด็กมัธยมปลาย ผิวขาวตามประสาคนที่เกิดในประเทศเขตอบอุ่น ใบหน้าอ่อนหวานนั้นถูกบดบังด้วยแว่นสายตากรอบหนาไปกว่าครึ่ง แถมยังเดินก้มหน้าก้มตา จึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขาสวยแค่ไหน
ใช่ ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยนอกจากผม
ผมเริ่มชันตัวนั่งตรงเมื่อเห็นว่าร่างของเด็กหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ขาเรียวนั้นก้าวช้า ๆ ตรงมายังม้านั่งหินอ่อนที่ผมนั่งอยู่ ผมแกล้งเบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่สังเกตเห็นว่าเขากำลังเดินมา จนกระทั่งร่างนั้นทรุดตัวนั่งลงข้างกัน แล้วเอ่ยทักทาย
"ไง แดฮยอน ไม่ได้เจอกันนานเลย ผอมลงมากเลยนะ"
เราไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ปิดเทอม แน่นอนว่าผมคิดถึงเขามาก และเฝ้ารอให้โรงเรียนเปิดเทอมโดยไว แต่เมื่อโรงเรียนเปิด และได้เจอเขาจริง ๆ ผมกลับทำเฉย ไม่เอ่ยตอบอะไรเหมือนเคย แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังยิ้มอย่างเอ็นดูขณะรูดซิปเปิดกระเป๋าเป้ของตัวเอง แล้วหยิบกล่องข้าวพลาสติกลายหมีสีน้ำตาลออกมา
"วันนี้ฉันทำแซนด์วิชทูน่ามาเผื่อแดฮยอนด้วยนะ กินสิ"
เขาเปิดกล่องข้าว แล้ววางลงบนที่ว่างตรงกลางกระหว่างผมกับเขา เผยให้เห็นขนมปังแซนด์วิชทูน่าหั่นเป็นสี่เหลี่ยมพอดีคำหลายชิ้น ผมมองแซนด์วิชนั่นอยู่ครู่หนึ่ง จมูกได้กลิ่นหอมของทูน่ากระป๋องและมายองเนส
อยากกินจัง... แต่ต้องอดใจไว้ก่อน...
ผมแกล้งเมินหน้าหนีแซนด์วิชนั้นราวกับไม่สนใจ แอบกลืนน้ำลายโดยหวังว่าเขาจะไม่เห็น
"อ้าว ไม่กินเหรอ อุตส่าห์ทำมาให้เลยนะ กินหน่อยน่า"
เขากระเง้ากระงอดพลางเลื่อนกล่องแซนด์วิชมาใกล้ใต้จมูกผม แต่เมื่อผมยังเบือนหน้าหนี เขาก็แอบกัดปากแบบที่ชอบทำเป็นประจำ ก่อนจะหยิบแซนด์วิชทูน่าขึ้นมาหนึ่งชิ้น ยกมาจ่อใกล้ ๆ ปากของผม
สำเร็จ...
"แดฮยอน กินหน่อยนะ นายผอมจะตายแล้วเนี่ย กินเร็ว"
ที่จริงไม่ต้องมีเสียงออดอ้อนกึ่งออกคำสั่ง ผมก็พร้อมจะกินอยู่แล้ว เพราะที่ผมต้องการจริง ๆ คือ ให้เขาป้อนแซนด์วิชให้ผมก็เท่านั้นเอง
ผมอ้าปากรับแซนด์วิชทูน่าอย่างเต็มใจ รสชาติของทูน่าผสมมายองเนสและขนมปังให้ความรู้สึกดีจริง ๆ เขาคงตั้งใจทำมาเผื่อผมอย่างที่บอก เพราะไม่มีผักสักชิ้นอยู่ในแซนด์วิช เขารู้ว่าผมไม่กินผัก
หลังจากเคี้ยวคำแรกหมดแล้ว เขาก็ส่งชิ้นต่อ ๆ ไปให้ผม จนเหลือเพียงกล่องเปล่า เขาทำหน้าดีใจที่ผมกินจนหมด
"ตอนแรกคิดว่าจะไม่กิน ที่ไหนได้ กินเกลี้ยงเลยนี่นา"
เขาว่าพลางขยี้หัวผมด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเก็บกล่องข้าวใส่กระเป๋า แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมบอกลา
"ต้องไปแล้วนะ เดี๋ยวเข้าเรียนพิเศษสาย แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะแดฮยอน"
ลูบหัวผมอีกหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะเดินจากไป ผมนั่งมองตามจนร่างนั้นกลืนหายไปกับฝูงชน ก่อนจะยันกายขึ้นยืน บิดตัวคลายความเมื่อย
"อุ้ย แมว"
เมื่อหันไปตามเสียง ก็เห็นเด็กสาววัยรุ่นสองคนกำลังมองผมด้วยตาเป็นประกาย เด็กสาวคนหนึ่งขยับเท้าพลาวเอื้อมมือเข้ามาใกล้ ทำให้ผมต้องกระโดดหลบขึ้นไปยืนบนกิ่งไม้ที่สูงเหนือศีรษะของเด็กสาวทั้งสอง พวกเธอบ่นเสียดายที่ไม่อาจแตะตัวผมได้ ก่อนจะเดินจากไปอย่างผิดหวัง
โทษทีนะสาวน้อย เนื้อตัวของผมให้เขาแตะได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
เรายังคงเจอกันเกือบทุกวัน จะไม่เจอก็แค่วันที่เขาหยุดเรียน เขายังคงใจดีกับผมเหมือนเดิม นำกับข้าวและบางทีก็ขนมมาแบ่งให้ผมกินทุกวัน
ผมได้รู้ชื่อเขาหลังจากเจอกันได้หลายเดือนแล้ว เขาชื่อยองแจ ยองแจอยู่คนเดียวเสมอ ผมแทบไม่เคยเห็นเขาคุยกับคนอื่นเลย ยกเว้นมีเรื่องจำเป็นต้องพูดจริง ๆ อย่างวันที่ผมรู้ชื่อเขา เพราะเพื่อนของเขามาเรียกให้ไปพบครูประจำชั้น หากครูไม่เรียกหาเขาแล้ว ผมคงไม่ได้รู้ชื่อเขาต่อไปอีกนานแน่
แต่ถึงไม่รู้ชื่อก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้เจอกันก็พอแล้ว
ถึงยองแจจะไม่ค่อยคุยกับใคร แต่เวลาอยู่กับผม เขาจะพูดเยอะมาก ถ้าวันไหนยองแจไม่มีเรียนพิเศษเขาจะนั่งคุยกับผมเป็นชั่วโมง ๆ เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ผมฟัง ตั้งแต่เรื่องเรียน การบ้าน ครอบครัว เกมที่ชอบ ไปจนถึงเรื่องความฝันของเขา
ยองแจฝันอยากเป็นน้กร้อง เขาชอบร้องเพลงมาก เพียงแต่คนที่เขากล้าร้องเพลงให้ฟัง มีเพียงคนในครอบครัว และแน่นอนว่าเขาร้องเพลงให้ผมฟังด้วย แต่เฉพาะตอนที่ไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้พอจะได้ยินเสียงเขาเท่านั้น
ยองแจชอบบอกขอโทษหลังจากร้องจบ บอกขอโทษที่ผมต้องมาฟังเขาร้องเพลงไม่เพราะแบบนี้ ผมอยากบอกกับเขาเหลือเกินว่า เขาร้องเพลงเพราะมาก เพราะที่สุดในโลกเลย ผมอยากฟังเขาร้องเพลงทุกวันเลย
แต่ถึงผมบอกไป เขาก็ฟังผมไม่รู้เรื่องอยู่ดี ผมจึงได้แต่นั่งฟังเขาร้องเพลงตอนที่เขานึกอยากร้อง
วันหนึ่ง เมื่อใบของต้นเมเปิ้ลเริ่มเปลี่ยนสี ยองแจก็บอกว่า เขาคงไม่ได้มาเจอผมบ่อย ๆ แล้ว เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาบอกว่าต้องตั้งใจให้มาก เพราะหากเขาสอบเข้าได้ เขาจะได้ทำตามฝันของตัวเอง
ผมไม่เข้าใจหรอกว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยคืออะไร ผมเข้าใจเพียงว่า เขาจะไม่มาเจอผมบ่อย ๆ เหมือนแต่ก่อน และเข้าใจว่า เขาทำแบบนั้นเพราะความจำเป็น
ก็สีหน้ายองแจตอนบอกว่าจะไม่มาเจอกันบ่อย ๆ แล้ว ดูเหงามาก ๆ เลย
ผมอยากบอกเขาว่า ไม่เป็นไร ไม่ได้เจอกันบ่อยก็ไม่เป็นไร ผมจะรอเขาอยู่ตรงนี้เสมอ เขาอยากเจอผมเมื่อไรก็มาเจอได้
แต่ผมพูดไม่ได้ ได้แต่ลุกไปนอนบนตักของยองแจ ปล่อยให้เขาไล้ขนบนตัวผมได้ตามใจ
วันคืนผ่านไป ใบเมเปิ้ลสีแดงส้มร่วงหล่นเกลื่อนม้านั่งหินอ่อนและพื้นถนน ผมไม่ได้เจอยองแจมาสองสัปดาห์แล้ว
ผมคิดถึงเขามาก แต่ก็ทำได้แค่รอให้เขามาหาเท่านั้น
ใบเมเปิ้ลร่วงจนหมดต้น ผมไม่ได้เจอยองแจอีกเลย
ลมหนาวที่พัดมาทำให้รู้สึกเหมือนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสายลมนั้น แต่ผมก็ยังคงมารอยองแจเวลาเดิมเสมอ ไม่อยากให้เขาผิดหวัง หากมาแล้วไม่เจอผม
แต่กลายเป็นว่าผมเองที่ผิดหวัง
หิมะแรกร่วงลงมาแล้ว
ผมไม่อาจไปนั่งรอเขาได้เหมือนทุกที แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังอาศัยหลบใต้อาคารเรียนใกล้ ๆ กับม้านั่งตัวนั้น หากยองแจมา ผมก็จะเห็นเขาได้ง่าย
แต่ผมก็ไม่เคยได้เห็นเขาเลย
ต้นเมเปิ้ลผลิใบอ่อนแล้ว
ผมยังคงนอนอยู่บนม้านั่งหินอ่อนตัวเดิมใต้ต้นเมเปิ้ลต้นเดิม
แต่ผมไม่ได้รอเขาอีกต่อไป
ผมแค่ชอบม้านั่งตัวนี้และต้นเมเปิ้ลต้นนี้ก็เท่านั้นเอง
ตอนนั้นเองที่เขากลับมา
ยองแจเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่ได้สวมแว่นสายตาหนาเตอะอีกต่อไป ผมรู้สึกว่าเขาสวยขึ้นด้วย อาจจะเป็นเพราะดูมั่นใจขึ้น ไม่ได้เดินก้มหน้างุด ๆ เหมือนเมื่อก่อน
"ไม่เจอกันนานเลยนะ แดฮยอน"
ยังคงทักทายผมเหมือนปกติ ขณะทรุดตัวนั่งลงบนม้านั่ง ผมขยับตัวเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่านั่งตัวตรง ยองแจหันมามองผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ผอมลงอีกแล้ว... ขอโทษนะ วันนี้ไม่ได้เตรียมของกินมาให้"
ไม่เป็นไร... แค่ยองแจมาก็พอแล้ว... ผมอยากตอบเขาไปแบบนั้น แต่ทำได้เพียงร้องตอบเบา ๆ ตามประสาแมวที่ถึงอย่างไรเขาก็คงไม่เข้าใจ
ยองแจเอื้อมมือมาลูบหัวผมอย่างเคย ก่อนจะเริ่มไล่นิ้วไปตามแก้มและใต้คาง ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มอยู่นั้นเขาก็พูดขึ้นว่า
"แดฮยอน มาอยู่กับฉันไหม"
แน่นอนว่าผมร้องตอบรับไปทันทีโดยไม่ลังเล จนยองแจหลุดยิ้มกว้างออกมาขณะเอ่ยต่อ
"ถือว่าตอบตกลงแล้วนะ ห้ามคืนคำด้วย"
แน่นอนอยู่แล้ว ยองแจก็อย่าคืนคำล่ะ
จากนั้นยองแจก็เล่าเรื่องช่วงที่เขาไม่ได้มาเจอผม เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะชื่อดังในเมืองโซลได้แล้ว จะได้เรียนร้องเพลงและดนตรีอย่างที่หวังแล้ว ตอนนี้เขากำลังจะย้ายไปอยู่หอพัก เป็นหอพักที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ ที่จริงเขาหานานมากกว่าจะได้หอนี้ มันอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเขาพอสมควร แต่เขาเดินทางโดยรถไฟใต้ดินได้ ยองแจว่าเขาดีใจที่เจอหอที่ผมสามารถอยู่กับเขาได้
"ฉันคิดไว้แล้วว่าจะพาแดฮยอนไปอยู่ด้วยให้ได้ ถ้านายไม่ยอมมาด้วยกัน ก็จะอุ้มนายขึ้นรถไปโซลเสียเลย"
แต่ถึงผมจะยินยอมพร้อมใจ ยองแจก็ยังอุ้มผมขึ้นรถไปโซลในวันนั้นอยู่ดี
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ถึงผมคงจะคิดถึงม้านั่งหินอ่อนและต้นเมเปิ้ลต้นนั้นมาก แต่ผมคงจะเหงามากกว่า ถ้าไม่ได้เห็นหน้ายองแจเป็นปี
แค่หลายเดือนที่ไม่ได้เจอเขา ผมก็เหงาจะตายแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ยองแจหนีผมไปไหนอีกแล้ว ต่อให้เขาเอาผมไปปล่อยทิ้ง ผมก็จะหาทางกลับไปหาเขาให้ได้เลย
แต่ยองแจไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว
แล้วผมกับเขา... เราก็ได้อยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน
[ จบ ผม กับ เขา ]
เป็นเรื่องสั้นชั่ววูบมากค่ะ
ที่จริงดราปต่งเรื่องนี้โดยได้แรงบันดาลใจจากเพลง Peach ของ IU แต่แต่งไปแต่งมา ทำไมกลายเป็นเรื่องประหลาด ๆ ไปได้ก็ไม่รู้
สำหรับเรื่องไดอารี่ของฮิมอัพ... ที่จริงเราเขียนจบแล้วค่ะ แต่ดูท่าเราจะเขียนไม่กระจ่าง ทุกคนถึงยังรู้สึกค้างคาใจ =_=" ไว้เดี๋ยวเรารีไรท์ใหม่อีกครั้งค่ะ
ขอบคุณทึกท่านที่เข้ามาอ่านฟิคประหลาดของเรานะคะ ขอบคุณความคิดเห็นของ คุณ Eiine คุณ +++Pimper+++ และคุณ fatymi มาก ๆ เลยค่ะ : )
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น