ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Immortal Wand คทากวนป่วนสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 16: สีขาวและสีแดง

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 49


    บทที่ 16: สีขาวและสีแดง [อัพครั้งแรก 17 พ.ย. 2549 เวลา 22.16 น.]

    “ไปล่ะนะคะ” รินเอ่ยบอกลาพ่อกับแม่ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้มันไม่ธรรมดา เพราะวันนี้เป็นวันที่จะไปทัศนศึกษาเมืองโบราณ

    และวันนี้รินก็ตื่นเช้าเป็นพิเศษซะด้วย เธอตื่นมาตั้งแต่ตีห้า ตอนนี้ก็พึ่งจะตีห้าครึ่งเท่านั้น แน่นอนว่ายังไม่ค่อยมีคนออกจากบ้าน ดังนั้นตามถนนก็เลยเงียบเชียบและดูเปลี่ยวด้วย

    หลังจากที่เดินมาได้สักพัก เด็กสาวก็หันมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่าปลอดคนรึยัง ก่อนจะเลี้ยวไปในตรอกๆหนึ่ง ซึ่งไร้ผู้คน

    “เอาล่ะคุณลอเรล ลงมือได้เลย” เธอพูดกับอากาศ

    ทันใดนั้นเอง ตรอกนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยควันสีดำ และอีกไม่กี่วินาทีต่อมา มันก็จางหายไป... และ...

    รินไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว....

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    “ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย” เสียงทักขึ้นดังออกจากปากของเด็กหนุ่มร่างสูงหัวแดง

    ฟรานเซียสกวาดสายตามองไปรอบๆตัว ซึ่งก็มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่เต็มไปหมด เหมือนกำลังยืนอยู่กลางป่า เบื้องหน้าคือตึกสามชั้นรูปทรงหกเหลี่ยมดูแปลกตาสีขาวทั้งหลัง ไม่มีหน้าต่างแม้แต่บานเดียว มีแต่ประตูไม้ทาสีแดงเข้มดุจเลือด

    “ก็พึ่งบอกไปหยกๆว่าจะพามาหาสหายข้าที่เป็นนักสืบอยู่ที่โลกนี้ ยังจะถามโง่ๆอีกเรอะเจ้าเนี่ย” เสียงนุ่มๆเอ่ยแขวะขึ้นมา ทำเอาคนถามหน้าขึ้นสี แต่ไม่ตอบอะไร เพราะขี้เกียจจะเถียงกับคนอาวุโสกว่าที่ไม่รู้จักโต

    “เนี่ยเหรอ ที่อยู่ของนักสืบที่ว่า” รินเอ่ยถามขึ้น พลางจ้องมองสถานที่ตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางใจ

    “ใช่แล้วขอรับ” บุคคลผมสีฟ้าอมม่วงเอ่ยตอบเสียงสุภาพ ผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ

    “ไม่เหมือนที่คิดไว้เลยแฮะ” เด็กสาวว่า จ้องเขม็งไปที่ประตูสีแดงเลือดนั่น

    “ใช่ ไว้ใจได้แน่เรอะ” ฟรานเซียสรีบพูดสนับสนุนทันที

    “ได้แน่นอน สหายข้าคนนี้ออกจะน่าคบ เจ้าและนายท่านลองไปคุยดูแล้วจะชอบเขา”

    ทันใดนั้นเอง ประตูสีแดงก็เปิดผ่างออก พร้อมกับเสียงที่ดูเคร่งขรึมดังออกมาจากภายใน “เข้ามาสิ”

    “จมูกไว สมกับเป็นชุษณะ” ลอเรลพึมพำ ก่อนจะเดินนำผ่านประตูสีแดงเข้าไปในบ้านมืดๆ รินกับฟรานเซียสยังคงยืนกล้าๆกลัวๆอยู่ที่หน้าประตู บานประตูสีแดงเปิดอ้า แต่ภายในนั้นดูมืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น แม้กระทั่งลอเรลที่เดินนำเข้าไปก่อนแล้ว... มันดูราวกับประตูสู่ขุมนรกก็ไม่ปาน

    “ไปกันเถอะ” ฟรานเซียสเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนจะคว้าข้อมือรินให้เดินเข้าไปพร้อมกัน...

    ...เผื่อตายขึ้นมาจะได้ตายพร้อมกัน... (โธ่ นึกว่าจะเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้ก็หาเพื่อนตายนี่เอง)

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    “ทำไมมันมืดยังงี้ล่ะ” รินเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เธอมองไม่เห็นใครเลย แต่รู้สึกได้ถึงมือของฟรานเซียสที่ยังกุมข้อมือเธอไว้

    “ก็ลืมตาซะสิ หลับตาแล้วจะมองเห็นไหมล่ะ ยัยบ๊อง” เสียงแว้ดอันคุ้นเคยของเทพหนุ่มดังขึ้น เด็กสาวรู้สึกตัวจึงค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือคนหัวแดงทำหน้าเอือมระอา และยิ้มแหยะๆของลอเรลที่เถียงแทนเจ้านายไม่ขึ้น

    “อ้อ ถึงว่าลืมอะไร ลืมลืมตานี่เอง” รินพึมพำเบาๆ ก่อนจะรีบเอ่ยกลบเกลื่อน “แล้วไหนล่ะนักสืบที่ว่า”

    เด็กสาวรีบหันไปมองรอบๆตัว เพื่อกลบเกลื่อนความต๊องของตัวเอง แต่ก็ถือโอกาสสำรวจสถานที่ไปในตัว

    ห้องนี้เป็นห้องทรงหกเหลี่ยมสีขาวสะอาดตาทั้งห้อง ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน มีบันไดเวียนสีแดงเข้มอยู่กลางห้องที่นำไปสู่ชั้นสอง ภายในห้องนั่นมีเก้าอี้กับโต๊ะไม้สีแดงเลือดที่เข้าชุดกัน ตู้เก็บของเก่าแก่สีแดงเข้ม พรมสีแดง พูดง่ายๆก็คือสิ่งของทุกอย่างในนี้เป็นสีแดงทั้งหมด มันช่างตัดกับห้องสีขาวนี่จริงๆ

    “เจ้าของบ้านนี่ต้องเป็นพวกดิบๆ SM ชัวร์” รินว่าไปตามที่คิด

    “อะไรของเธอ ไอ้ SM ที่ว่านั่นน่ะ” ฟรานเซียสเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “เปล่า ไม่มีอะไร” เด็กสาวพูดปัด เพราะขี้เกียจอธิบายให้มากความ

    “ขอโทษที่ให้คอยนะ” เสียงทุ้มๆดังขึ้นจากชั้นสองของบ้าน มีใครบ้างคนกำลังเดินลงบันไดมาข้างล่าง และเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวขึ้น

    เขาคือ ชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบ ผมซอยสั้นปาดข้างสีน้ำตาลแดง ดวงตาเรียวยาวรับกับหน้ารูปไข่ นัยน์ตาสีแดงเข้มดูทรงพลัง ที่แก้มด้านซ้ายมีรอยแผลเป็นขีดยาวๆเหมือนถูกของมีคมกรีด

    ร่างล่ำในผ้าผ้าคลุมสีขาวบริสุทธิ์เดินตรงมาหาลอเรล นัยน์ตาสีแดงสบกับดวงตาสีเขียวน้ำทะเล ปากเรียวบางของชายปริศนาแสยะยิ้ม ก่อนที่เขาจะค่อยๆยกมือซ้ายขึ้นมาช้าๆ แล้ว...

    ตบไปที่ศีรษะของคนผมสีฟ้าแกมม่วงดัง ผัวะ!! ท่ามกลางความตกตะลึงบวกคาดไม่ถึงของฟรานเซียสและริน

    “ไง ตาแก่ลอเรล ไม่ได้เจอกันซะนาน ไปมุดหัวอยู่ไหนมาฮึ” ชายปริศนาเอ่ยทักทายลอเรลอย่างสนิทสนม

    “ยังแรงเยอะเหมือนเดิมเลยนะ เจ้าบ้าชุษณะ” ลอเรลเอ่ยตอบ พลางลูบหัวอย่างเจ็บนิดๆ

    “ว่าแต่สองคนนี้ ใครเรอะ” ชายหนุ่มชุดขาวหันมาสนใจเด็กทั้งสองที่ยืนนิ่งเป็นตัวประกอบไม่มีบทไปโดยปริยาย

    “ลูกค้าไงล่ะ” ลอเรลบอก แย่งบทพูดไปซะดื้อๆ

    “อ้าว แล้วก็ไม่รีบบอก เชิญๆๆ เชิญขอรับท่านลูกค้า” ชุษณะ เอ่ยเชิญพลางเดินนำทั้งสองไปที่โต๊ะสีแดงเลือด ที่มีเก้าอี้เข้าชุดกันอยู่หกตัว

    ชายชุดขาวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวแรก ตามด้วยลอเรลนั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆ ฟรานเซียสและรินก็ค่อยๆนั่งฝั่งตรงข้ามกับทั้งสอง

    “ไหนลองเล่ามาสิขอรับ จะให้กระผมสืบเรื่องอะไร” ชุษณะเอ่ยเปิดประเด็น

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    สิบนาทีต่อมา หลังจากที่หนึ่งคนหนึ่งเทพและอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิต ผลัดกันเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นักสืบ(ที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนนักสืบ)ในชุดขาวฟัง

    “เป็นยังงี้เองหรอกเหรอ... งั้นก็คงจะถึงเวลาที่เธอต้องออกโรงแล้วสินะ” ชุษณะพูดเบาๆ แต่แววตาสีแดงเปล่งประกายกล้า

    “เธอที่ว่าน่ะใครเรอะ” รินเอ่ยถามอย่างอยากรู้

    “เธอก็คือนักสืบตัวฉกาจ ผู้มีปัญญาและการสังเกตเป็นเลิศ เธอเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของข้าเอง” ชายหนุ่มหัวสีน้ำตาลแดงอวดสรรพคุณของศิษย์เอกอันดับหนึ่ง

    “อย่าบอกนะว่าจะใช้ ‘เธอ’ ไปสืบน่ะ” ลอเรลพูด พลางทำหน้าอึ้งๆ

    “ใช่แล้ว” ชุษณะเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ สร้างความงุนงงให้กับรินและฟรานเซียส ที่ดูเหมือนเป็นคนนอกไปโดยปริยาย

    “แล้ว ‘เธอ’ ที่ว่านั่นมันใครกันล่ะเฟ้ย!” ฟรานเซียสอดไม่ไหวโวยขึ้นมาทันที

    “เจ้าศิษย์อันดับหนึ่งลงมาข้างล่างทีสิ” ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยเรียกศิษย์เอก ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเดินตึงตังลงมาจากบันไดเวียน

    “โธ่! อาจารย์บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกข้าว่าศิษย์อันดับหนึ่ง มันกระดากหู” เสียงหวานๆบ่นดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฎกาย รินและฟรานเซียสรีบหันหน้าไปดูเจ้าของเสียงทันที อย่างแรกคืออยากรู้ว่าเจ้าของเสียงหวานๆจะสวยน่ารักแค่ไหน อย่างที่สองคือ... เสียงนี้... มันคุ้นๆหูยังไงไม่รู้แฮะ...

    ไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างสูงในผ้าคลุมสีขาวก็ปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินช้าๆลงมาจากบันไดเวียน การเคลื่อนไหวทำให้รินและฟรานเซียสมองหน้าค่าตาของเธอได้ไม่ชัดนัก แต่รู้ได้ว่าเป็นผู้หญิงที่หุ่นดีมาก และท่าทางจะสวยน่ารักมากเสียด้วย

    ในที่สุด เจ้าของเสียงหวานๆก็เดินตรงเข้ามา ร่างเพรียวในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ ผมสีดำยาวสยายตัดกับผ้าคลุม ใบหน้าที่สวยคม น่ารักดุจนางฟ้า

    รินกับฟรานเซียสอ้าปากค้างเมื่อเห็นโฉมหน้าของศิษย์อันดับหนึ่งของชุษณะ...

    ...ไม่... ไม่ใช่เพราะความสวย แต่เพราะว่าเธอคือ...

    “ลูกกวาด!!!”

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    โฮะๆๆ อัพแล้ว ช่วงนี้ไฟลุก ^ ^
    ชุษณะ ก็เป็นต้นแบบมาจากเพื่อนอีกเหมือนกัน(หากินกะเพื่อนอีกล่ะ) แต่ดึงเฉพาะความซาดิสม์ของมันออกมาเท่านั้น เอิ๊กๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×