คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 14: ความจริงปรากฏ หาคทาพบ แต่ภารกิจยังไม่จบ!
บทที่ 14: ความจริงปรากฏ หาคทาพบ แต่ภารกิจยังไม่จบ! [อัพครั้งแรก 11 พ.ย. 2549 เวลา 10.33 น.]
ย้อนกลับไปสมัยที่โลกพึ่งเกิดขึ้นมาใหม่ๆ โดยใครสักคน... หรืออะไรสักอย่าง ที่พวกเราสมัยนั้นขนานนามว่า “ท่านผู้สร้าง”
ท่านผู้สร้าง... เป็นผู้ที่สร้างโลกนี้ขึ้นมา สร้างมิติต่างๆหลากหลายบนโลก สร้างมิติสวรรค์... สร้างมิตินรก... สร้างมิติมนุษย์ ซึ่งมิติของมนุษย์นั้นก็มีมากมายหลากหลายเหลือคณานับ และท่านผู้สร้างก็ได้สร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆขึ้นมา ทั้งทวยเทพ ภูต ทั้งปีศาจ ซาตาน สรรพสัตว์ทั้งหลาย และ...มนุษย์
นอกจากนั้นท่านผู้สร้างยังได้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาอีกสามชีวิต... มอบหน้าที่ให้แต่ล่ะชีวิตควบคุมดูแลสวรรค์ โลก และนรก สิ่งมีชีวิตทั้งสาม ไม่ได้ถูกขนานนามว่าอะไรเลย ไม่ใช่ทั้งเทพ ทั้งซาตาน แม้กระทั่งมนุษย์ก็มิอาจเป็นได้
มิเป็นอะไรเลยสักอย่าง... เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่ต้องควบคุมดูแลทั้งสามโลกเท่านั้น...
ท่านผู้สร้างได้สร้างสิ่งของขึ้นมาสามสิ่ง เพื่อเป็นที่สถิตของสิ่งมีชีวิตทั้งสาม สิ่งของนั้นบัดนี้ถูกขนานนามว่า “คทา” คทาทั้งสามนั้นก็มีลักษณะแตกต่างกันออกไป และมีชื่อเรียกต่างกันด้วย...
คทาแรก “อิมมอร์เทิล Immortal” สิ่งมีชีวิตที่สถิตอยู่ในคทานี้เป็นสตรีเพศ เรียงนามเดียวกันกับคทา เป็นผู้ดูแลโลกสวรรค์
คทาสอง “ไทม์ - โฮน Time Hone” สิ่งมีชีวิตที่สถิตอยู่กับคทานี้ก็คือข้าผู้นี้ ลอเรล เป็นผู้ดูแลโลกมนุษย์
คทาสุดท้าย “คริมสัน โซล Crimson Soul” สิ่งมีชีวิตที่สถิตอยู่กับคทานี้เป็นบุรุษเพศ นามว่า รูบริคเป็นผู้ดูแลโลกนรก
และท่านผู้สร้างก็ได้มอบของสามสิ่งนี้ให้แก่ทวยเทพ มนุษย์ และปีศาจซาตาน พวกเขาก็ทำการเก็บรักษาเป็นอย่างดี แม้จะไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตสถิตอยู่ในนั้นด้วยก็ตามที
อันตัวข้าลอเรล ไม่ค่อยได้ย่างกรายมายังมิติที่พวกท่านอยู่นี่เท่าใดนัก ส่วนใหญ่ข้าจะอยู่อีกมิติหนึ่ง แต่ช่วงหนึ่ง ข้าออกมาตรวจตราความเรียบร้อยของมิตินี้ แล้วข้าก็รู้สึกถึงพลังที่แรงกล้าในมิตินี้... ข้ารู้ได้ทันทีว่าต้องมีผู้ใดผู้หนึ่ง ผู้ที่สถิตอยู่ในคทาเหมือนข้า มาเยือนมิติแห่งนี้
ข้าได้ตามหาจุดกำเนิดของพลัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่ทว่า ดูเหมือนว่าท่านผู้สถิตในคทาจะพยายามหลบเลี่ยงข้า... แต่ในที่สุดข้าก็หาท่านผู้นั้นเจอ ซึ่งก็คือท่านอิมมอร์เทิล ข้ากำลังจะซักถามถึงเหตุที่มาเยือนยังโลกมนุษย์ แต่แล้วจู่ๆ ก็ได้มีเทพตนหนึ่งจับข้าขังไว้ในคทาอิมมอร์เทิล แล้วสับเปลี่ยนให้สตรีที่สถิตอยู่ในคทานั้นไปสถิตยังคทาไทม์โฮนของข้าแทน จากนั้นก็เปลี่ยนรูปคทาอิมมอร์เทิลให้อยู่ในรูปของพวงกุญแจ แล้วร่ายคำสาปใส่ข้าว่า ข้าจะสามารถออกจากคทานี้ได้ก็ต่อเมื่อมีเทพซึ่งอยู่ในร่างมนุษย์มาถูคทา โดยเทพในร่างมนุษย์ผู้นั้นจะต้องตั้งมั่นว่าถูแล้วจะมีภูตออกมา...
“...จากนั้น ข้าก็ถูกขังอยู่ในคทาอิมมอร์เทิลไม่รู้วันคืน ไม่รู้เพลาล่วงเลยไปเท่าใด จนกระทั่งท่านมาปลดปล่อยข้านี่ล่ะ ท่านผู้ปลดปล่อย” ลอเรลตัดจบ ก่อนจะโค้งให้เด็กสาวซึ่งกำลังนั่งกุมขมับเรียบเรียงเหตุการณ์อย่างงงงวย ในขณะที่ฟรานเซียสทำหน้าครุ่นคิด
“ก็สรุปว่า คทานี้คือคทาอิมมอร์เทิล แต่ท่านไม่ใช่ภูตที่สถิตอยู๋ในคทานี้ แต่โดนเทพตนหนึ่งขังไว้ แล้วผู้ที่สถิตอยู่ในคทาอิมมอร์เทิลก็ไปสถิตอยู่ในคทาของท่านแทน เรื่องนี้มันชักยังไงๆแล้วสิ” เทพหนุ่มว่า ขณะที่ในใจกำลังคิดว่าจะรายงานให้ท่านพ่อทราบ... ดีไหมหว่า...
“ไอ้ที่ว่า ยังไงๆ นี่มันเป็นยังไงกันล่ะ” รินโพล่งขึ้นมาอย่างสงสัย... ยังจะมีอะไรในก่อไผ่อีกงั้นเรอะ
“ก็ที่ว่ามีเทพตนหนึ่งจับเจ้าผมม่วงนี่ขังไว้ในคทาน่ะสิ ถ้าเป็นเทพทำไมถึงไม่นำคทากลับไปยังสวรรค์ล่ะ” เทพหนุ่มบอกถึงปัญหาคาใจ
“แล้วจะเอาไงต่อ” เด็กสาวเอ่ยถาม เป็นปัญหาที่ฟรานเซียสเองก็อยากจะถามเหมือนกันว่าจะเอาไงต่อดี...
“งั้น ข้าจะไปรายงานท่านพ่อก่อนแล้วกัน” ฟรานเซียสตัดสินใจไปปรึกษากับพ่อของเขา ซึ่งเป็นบอสใหญ่แห่งสวรรค์
“บอกพ่อ... บอกพ่อนายทำไมล่ะ พ่อนายเกี่ยวอะไรด้วย” รินว่าต่อ แต่เทพหนุ่มฉุนกึก อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปตบศีรษะของเด็กสาว ถึงจะตบไม่แรงมากนัก แต่ก็ทำเอารินร้องโวยวายลั่น “โอ๊ย! ทำอะไรของนาย... อุ๊บ!”
“ชู่ว... จะโวยวายให้น้องเธอเข้ามาดูอีกหรือไง ยัยปากไม่มีหูรูด” เทพหัวแดงรีบยกมือขึ้นปิดปากเด็กสาว ก่อนที่เสียงจะดังไปถึงหูของน้องสาวตัว(หู)ดี
“ก็บอกแล้วว่าพ่อฉันเป็นประธานสภาเทพไงล่ะ ยัยบื้อ สมาธิสั้นรึไงเธอน่ะ” ฟรานเซียสบอกกึ่งต่อว่า ขณะที่รินพึมพำเบาๆว่า “บอกตอนไหนเนี่ย... ว่าแต่มันเป็นผู้ชายภาษาอะไรฟะ ด่าเก่งชะมัด”
“ว่าอะไรนะ” เทพหัวแดงหันควับมาถาม
“เปล่านี่ จะไปหาพ่อไม่ใช่เหรอ ก็ไปซะสิ” รินบอกปัดไปเรื่องอื่นทันควัน ฟรานเซียสไปตอบอะไรเพียงแต่เดินทะลุประตูออกจากห้องไป ทิ้งให้เด็กสาวอยู่กับสิ่งมีชีวิตหัวสีน้ำเงินแกมม่วง
“แล้วคุณไม่ไปกับเขามั่งรึไงคะ” เด็กสาวเอ่ยถามอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเห็นว่าเป็นผู้อาวุโสกว่าตั้งหลายร้อยล้านปี แต่ด้วยหน้าตายังเหมือนยี่สิบอยู่ เลยทำให้รินรู้สึกตะหงิดๆเวลาพูดสุภาพด้วย
“ไม่ขอรับ ข้าต้องอยู่กับท่าน เพราะท่านเป็นผู้ปลดปล่อยข้า ถือว่าข้าเป็นหนี้บุญคุณท่าน ข้าก็ต้องอยู่รับใช้ท่านเพื่อตอบแทนบุญคุณ” ลอเรลตอบ นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลคู่สวยนั้นมองมาที่เธออย่างชื่นชม ทำเอารินทำหน้าประหลาดไม่รู้ว่ามาอารมณ์ไหนระหว่างยิ้มยินดีกับเบ้หน้าร้องไห้
“เอ่อ... แล้ว จะมีใครเห็นคุณไหมนอกจากฉัน” รินเอ่ยถามปัญหาที่กังวลอยู่ตอนนี้
“โปรดวางใจ มิมีผู้ใดสามารถเห็นข้าได้นอกจากท่าน และผู้มีญาณวิเศษ” ลอเรลบอกพลางยิ้มอย่างมั่นใจ
“ฟู่ ค่อยยังชั่ว” รินพึมพำกับตัวเองอย่างโล่งอก ก่อนจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูเพื่อลงไปหาอะไรกินที่ห้องครัว แต่มือยังไม่ทันจับลูกบิด ฟรานเซียสก็ทะลุประตูเข้ามาอยู่ต่อหน้ารินทำเอาเด็กสาวสะดุ้งจนเกือบหงายหลัง
“เฮ้ย! ยังไม่ไปหาพ่อนายอีกเรอะ” เด็กสาวเอ่ยถามหลังจากหายตกใจแล้ว
“ไม่ต้องไปแล้ว ท่านพ่อใช้โทรจิตมาหาพอดี” เพทหนุ่มเฉลย ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ท่านพ่อบอกว่าเราต้องช่วยกันตามหาเทพธิดาเรริน่าและสิ่งมีชีวิตที่สถิตอยู่ในคทาอิมมอร์เทิลให้เจอ”
“หา! ยังต้องหาอีกเรอะ!” รินเผลออุทานออกมา แต่คราวนี้ฟรานเซียสไม่ลุกขึ้นมาปิดปากเธอ แต่เอามือกุมขมับตัวเองแทน... อุตส่าห์หาคทาเจอแล้วแท้ๆ ยังต้องตามหาเทพธิดากับสิ่งมีชีวิตจอมยุ่งนี่อีก แล้วใช่ว่าจะตามหาได้ง่ายๆซะเมื่อไหร่ โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตนามอิมมอร์เทิลอะไรนี่ คิดแล้วกลุ้มเลยต้องกุมขมับ นี่เขาต้องอยู่บนโลกมนุษย์ไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย...
ขณะที่เทพหนุ่มกำลังคิดกลุ้มนั่งกุมขมับอยู่นั้น รินก็คิดไม่ตกเหมือนกัน... นี่เธอต้องทำภารกิจวิ่งวุ่นอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน ตอนนี้ก็แทบไม่เป็นอันเรียนอยู่แล้ว ถ้าสอบตกล่ะก็... เฮือก... ชีวิตวัยเรียนของเธอคงจบสิ้นเพียงเท่านี้เป็นแน่แท้...
...แล้วเธอก็จะถูกยึดการ์ตูนและของสะสมสุดรักสุดหวงไปด้วยแน่... (นี่แหละ เหตุผลสำคัญที่ต้องตั้งใจเรียน) ว่าแล้วก็นั่งกุมขมับข้างๆฟรานเซียส...
หนึ่งคนหนึ่งเทพนั่งกุมขมับอย่างเคร่งเครียด ไม่สนใจสิ่งมีชีวิตนามลอเรลที่กำลังยืนงงกับพฤติกรรมของทั้งสอง
...เวลาเทพกับมนุษย์เครียดนี่เหมือนกันอย่างกับลอกกันมาเลยแฮะ...
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
ณ ห้องข้างๆห้องนอนของริน... ห้องนอนของนิศา
เด็กสาวเจ้าของห้องกำลังเอาหูแนบกับผนังด้านที่ติดกับห้องของริน เธอได้ยินเสียงพี่สาวของเธอพูดทุกคำ... ตั้งแต่ตอนที่ร้อง “โอ๊ย!” ขึ้นมาแล้ว... มันไม่เหมือนบ่นอยู่คนเดียว แต่เหมือนผู้เป็นพี่กำลังพูดคุยกับใครอยู่อย่างงั้นแหละ...
หรือว่าพี่จะเป็นพวกโรคจิต? ประสาทหลอน? ...ไม่ใช่หรอกน่า คิดอะไรบ้าๆเนี่ย ถึงพี่จะเป็นคนแปลกๆอยู่แล้วก็เถอะ แต่ไม่มีทางเป็นโรคจิตแน่นอน... เด็กสาวสั่นศีรษะ ไล่ความคิดประหลาดๆออกไปจากหัว
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่” นิภาปฏิญาณกับตนเองเบาๆ โดยมีเพียงสายลมเท่านั้นที่รับรู้
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
ในที่สุดก็เข็นตอนสิบสี่ออกมาได้แล้ว ^ ^
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านนิยายสั่วๆไร้แก่นสารเรื่องนี้
ตอนนี้เรื่องนี้ก็ทำลายสถิติ "นิยายเรื่องยาวที่ยาวที่สุดของข้าพเจ้า" แล้ว
มันก็น่าจะทำได้อยู่หรอก เพราะนิยายแต่ล่ะเรื่องนี่อแต่งไม่เคยเกินสิบห้าตอน แถมไม่จบอีกต่างหาก - -
เรื่องนี้ก็ไม่รู้จะจบรึเปล่าแฮะ = =" เอาเป็นว่าทำตามที่เจ๊ยูโกะกับเฮียคโรวพูดไว้แล้วกัน "ลองเชื่อในอนาคตกันเถอะ"
ความคิดเห็น