ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fan Fiction EXEcutional เป็ดXกระต่าย

    ลำดับตอนที่ #10 : เสียงกระซิบจากหัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 52


    บทสุดท้าย เสียงกระซิบจากหัวใจ

     

    ใกล้จะเจ็ดโมงแล้ว แต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ทอแสง หมู่เมฆสีเทาลอยวนอยู่ใต้ท้องฟ้าสีหม่นหมอง เป็นสัญญาณว่าฟ้าจะโปรยหยาดน้ำฝนลงมาในไม่ช้านี้

     

    ทั้งๆที่บรรยากาศอึมครึมชวนให้หดหู่ แต่จิตใจของหนุ่มน้อยร่างบางที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างในห้องเรียนเพียงลำพังกลับพองโตเมื่อมองไปที่มหาวิทยาลัยข้างๆแล้วนึกถึงคนที่ทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหวทุกทีที่อยู่ใกล้

     

    พาลทำให้นึกถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อคืนก่อน ถึงแม้จะไม่หวานแต่ก็จริงใจ และคำพูดธรรมดาที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้หุบยิ้มแทบไม่ลง

     

    เมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกเรียนนะ

     

    นี่คงเป็นครั้งแรกที่เกษมคิดเร่งเวลาให้เร็วขึ้น เพราะวันนี้หลังเลิกเรียนคุณอัษฎาจะมารับเขาไปทานไอศกรีมที่เขาเคยพูดว่าอยากลองไปกินดู

     

    คิดแล้วก็มองผ่านหน้าต่างห้องเรียนไปที่ฟ้ามืดครึม ภาวนาว่าเย็นนี้ฟ้าจะสว่างและฝนจะไม่ตกลงมาเหมือนกับที่จวนเจียนจะตกอยู่ตอนนี้

     

    แต่ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดฝนหรอกนะ ตรงกันข้าม เขารักสายฝนมากๆ

     

    เพราะถ้าวันนั้นฝนไม่ตก เขาคงไม่ได้มีวันนี้

     

    เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาในห้องเรียกให้เกษมหลุดจากภวังค์ เมื่อหันไปมองก็เจอกับเด็กสาวที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมกองกำลังในเกม

     

    อรุณสวัสดิ์ครับ

     

    เกษมเอ่ยทัก

     

    หวัดดี

     

    วันนี้วิริยาก็มีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย แต่ในดวงตาคู่นั้นมีความเศร้าแฝงอยู่ ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามทำตัวเป็นเหมือนปรกติ แต่เธอหลอกสายตาของคนที่รู้จักกันมานานอย่างเขาไม่ได้หรอก

     

    ส่วนสาเหตุที่คุณกระต่ายกลายเป็นแบบนี้เขาก็คิดว่าพอจะรู้อยู่

     

    ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั่นเอง สาเหตุ ก็เดินเข้ามาในห้องพอดี นันทกรเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ เกษมจำได้ว่าเขาไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากปากของเจ้าเป็ดนานเป็นอาทิตย์แล้ว นับตั้งแต่วันงานโรงเรียน คิดได้อย่างเดียวว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าห้องก็พลอยจ๋อยตามไปด้วยเพราะแผนที่ตัวเองคิดขึ้นมากลับให้ผลตรงกันข้าม แต่ไม่ว่าจะมีคนไปเลียบๆเคียงๆถามยังไงทั้งคู่ก็ไม่ยอมปริปากบอก

     

    เขาเองก็ไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องนี้ด้วย เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่เมื่อเห็นอาการที่เป็นเอามากของทั้งคู่แล้วเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แถมคุณมัจฉากับคุณภัสสรก็มาถามเอากับเขาว่าวิริยาเป็นอะไร เขาก็ต้องบอกปัดว่าไม่รู้ไปด้วยไม่แน่ใจแล้วก็ไม่อยากให้เจ้าเป็ดกับคุณกระต่ายไม่สบายใจไปมากกว่านี้

     

    คงต้องให้เวลาทั้งคู่คิดทบทวน และถ้าพวกเขาแน่ใจเมื่อไหร่ก็คงจะพูดออกมาเอง

     

    หวัดดี

     

    เด็กหญิงเอ่ยทักคนที่เพิ่งเดินเข้ามา นันทกรมองหน้าวิริยาเหมือนจะพยายามอ่านใจของเธอ แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ เด็กหนุ่มจึงเป็นฝ่ายหลบสายตาไปเสียเองก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปด้วยเสียงไร้ชีวิต

     

    อืม หวัดดี

     

    เกษมทำท่าจะลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินออกไปจากห้องด้วยไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกิน แต่วิริยาส่งกระเป๋านักเรียนของเธอมาให้เขาพร้อมบอกว่า ฝากวางที่โต๊ะให้ด้วย ก่อนจะรีบเดินหายไปจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าเป็ดลอบมองตามไป เกษมแอบถอนหายใจเบาๆ ถึงจะอยากช่วยแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดี

     

    ถ้าเจ้าตัวเองยังไม่ยอมรับ จะช่วยยังไงก็เปล่าประโยชน์

     

    เกษม

     

    นันทกรเอ่ยเรียกเขา เกษมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าเป็ดที่มองตอบกลับมาด้วยสายตาจริงจังผิดปรกติ

     

    ฉันมีเรื่องอยากขอร้อง

     

     

    ทางด้านวิริยา เด็กหญิงพาตัวเองไปที่โรงอาหาร ซื้อนมมากล่องหนึ่งทั้งๆที่ไม่หิว และนั่งครุ่นคิดถึงแต่เหตุการณ์เมื่อครู่

     

    เธอทำแบบนี้ดีแล้วใช่ไหม

     

    แต่เธอจะทำเฉยไปอีกได้นานแค่ไหน เธอเองก็ไม่รู้

     

    วิริยาถอนหายใจ แล้วก็นึกได้ว่าพักนี้เธอถอนหายใจบ่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กสาวคลี่ยิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นดูหม่นหมองเหมือนกับท้องฟ้าในยามนี้ไม่มีผิด

     

    ท้องฟ้า บางเวลาก็เจิดจ้า บางครั้งก็มัวหมอง

     

    แต่เคยได้ยินไหมว่า

     

    ฟ้าหลังฝนมักจะงดงามเสมอ

     

     

    นาฬิกาทรงกลมบนผนังบอกว่าตอนนี้สี่ทุ่มตรง วิริยาวางมือจากการบ้านที่ทำเสร็จพอดี เด็กหญิงเก็บสมุดการบ้านใส่กระเป๋านักเรียน วางมันไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ร่างบางในชุดนอนเสื้อกางเกงลายกระต่ายสีชมพูลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงไปที่เตียง และหลับไปโดยไม่ลืมใส่หูฟังสำหรับเข้าเกมด้วย

     

    ไม่รู้ว่าเธอเข้าเกมเร็วเกินไปรึพวกกานดาช้ากันแน่ เพราะเมื่อวิริยาเข้าเกมมารออยู่ที่ทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่เธอออกจากเกมก็ไม่พบใครเลย ทั้งกานดา ภัสสร เจ้าเป็ด กระทั่งวันเดอร์แมนก็ยังหายหัว

     

    ต้องรอสินะ

     

    เด็กสาวหาที่เหมาะๆเพื่อนั่งรอสมาชิกกลุ่มที่ยังไม่เข้าเกมมา แต่ยังไม่ทันได้นั่งก็ต้องผุดลุกขึ้นยืนเพราะสายตาเหลือบไปเห็นการเคลื่อนไหวที่พุ่มไม้ใกล้ตัว วิริยาตั้งท่าเตรียมพร้อม

     

    สิ่งที่ออกมาจากพุ่มไม้นั้นคือสไลม์ มอนสเตอร์ตัวกลมๆหยุ่นๆเหมือนเยลลี่ เจ้าสไลม์ตัวนั้นหันมาทำหน้าเป็นใส่เด็กหญิงก่อนจะกระโดดดึ๋งๆหายไป

     

    แค่สไลม์เองเหรอ

     

    เด็กหญิงทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าอีกครั้ง กลิ่นชื้นของหญ้าโชยมาเข้าจมูก วิริยาสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที เกมนี่ทำเหมือนจริงกระทั่งกลิ่นของดินและต้นหญ้า ทั้งๆที่ใช้แค่พลังจิตเข้าเกมแท้ๆ แต่ประสาทสัมผัสทั้งหมดยังครบถ้วนเหมือนกับเป็นร่างกายของเราจริงๆ เทคโนโลยีนี่ยอดไปเลย

     

    ขณะที่คุณกระต่ายกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ ที่พุ่มไม้ใกล้ๆตรงที่สไลม์เพิ่งกระโดดออกมา มีเป็ดยักษ์สีเหลืองตัวหนึ่งกำลังกระวนกระวายใจอยู่หลังพุ่มไม้นั่น ปีกข้างหนึ่งถือแผ่นป้ายไม้ไว้ ข้อความบนป้ายนั้นกำลังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

     

    ยัยนั่นมาแล้ว เอาไงดีล่ะทีนี้

     

    ลุยเลยสิฟะ

     

    แต่ว่าจะพูดยังไงล่ะ

     

    ใช้เขียนเอาสิฟะ เกษมก็แนะนำอยู่ว่าถ้าพูดไม่ออกใช้เขียนเอาก็ได้

     

    แล้วจะเขียนอะไรล่ะเฟ้ย

     

    ถ้าปอดแหกนักก็กินแห้วไป

     

    ไม่ได้ปอดแหกเฟ้ย ลุยก็ลุยสิฟะ

     

    ว่าแต่ ขัดแย้งกันเองในใจก็ได้นี่หว่า แล้วตูจะเขียนบนป้ายทำไมเนี่ย

     

    แต่ถึงอย่างนั้นมือ(ปีก)มันก็ไปเองเพราะอารมณ์ตื่นเต้น ตอนนี้บนป้ายมีสัญลักษณ์อะไรไม่รู้บ่งบอกว่าสติสะตังของเขาเริ่มไม่อยู่กับตัวแล้ว

     

    เจ้าเป็ดสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้าวออกจากพุ่มไม้ แต่ดันสะดุดกิ่งไม้ล้มเอาปากปักพื้น

     

    วิริยาหันมาเห็นเหตุการณ์พอดี เธอกลั้นหัวเราะจนตัวสั่นขณะที่เจ้าเป็ดกำลังตีปีกพั่บๆพยายามถึงปากตัวเองออกจากพื้นดิน

     

    ‘##@!%&^&*(&’

     

    เป็ดยักษ์สบถออกมาไม่เป็นภาษา และพยายามดึงปากสุดแรง ในที่สุดปากก็หลุดออกมาจากพื้น เจ้าเป็ดใช้ปีกลูบปากตัวเอง และหันมาทำตาขวางใส่วิริยาที่ยังตัวสั่นเพราะพยายามกลั้นหัวเราะไว้

     

    หัวเราะอะไรของเธอ

     

    เด็กหญิงไม่ตอบกลับ แต่เอามือปิดปากไว้แน่น อีกมือหนึ่งกุมท้องไว้ สั่นไปทั้งตัวด้วยพยายามขืนไม่ให้หัวเราะออกมา พักใหญ่ทีเดียวกว่าเธอจะคุมตัวเองได้

     

    จะขำอะไรนักหนา หา!’

     

    ไม่มาลองเป็นคนดูเองล่ะ จะได้รู้ว่ามันตลกขนาดไหน

     

    เธอคิด แต่ที่ทำคือยิ้มอย่างขันๆไปให้เจ้าเป็ด เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นเจ้าเป็ดรู้สึกใจเต้นแปลกๆ และนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่เขาจะสะดุดล้มเขาตั้งใจจะทำอะไร

     

    ตอนคิดน่ะคิดได้อยู่หรอก แต่พอมาเผชิญหน้ากับเจ้าตัวดันทำอะไรไม่ถูกซะอย่างนั้น

     

    เจ้าเป็ดก้มหน้าหลบเด็กหญิง เพราะรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา พลางคิดโทษเกมที่สร้างมาดีจัด ขนาดเขาอยู่ในร่างเป็ดยังอุตส่าห์หน้าแดงได้อีก

     

    ถึงจะก้มหลบยังไง ก็หนีไม่พ้นสายตาของวิริยาอยู่ดี เด็กหญิงรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆเจ้าเป็ดก็หน้าแดงขึ้นมา จะว่าอายที่สะดุดล้มเมื่อกี๊ก็ไม่น่าจะใช่ มันจะความรู้สึกช้าเกินไปรึเปล่า

     

    รึว่าโกรธที่เธอหัวเราะ?

     

    เด็กสาวเดินเข้าไปหาเจ้าเป็ด แต่แล้วก็สะดุดเปลือกกล้วยปริศนา จนเซล้มลงไปทับเจ้าเป็ดซะอย่างนั้น

     

    ล้มอีกแล้วเรอะ! แล้วทำไมฉันต้องถูกทับทุกทีเลย ขออยู่ข้างบนมั่งสิ

     

    เจ้าเป็ดบ่นผ่านป้ายไม้และแอบบ่นในใจเล็กน้อย ถึงจะล้มในเกมก็ยังเจ็บอยู่ดี ไอ้เกมนี่ก็ทำดีเหลือเกิน กระทั่งน้ำหนักที่ทับตัวเขาก็ยังเหมือนกับตอนที่ล้มคราวนั้นเลย

     

    วิริยาที่ล้มลงมาทับตัวเจ้าเป็ดไม่รู้สึกเจ็บเลย เพราะมีขนนุ่มๆของเจ้าเป็ดรองรับอยู่ เด็กสาวซุกหน้าอยู่กับอกของเจ้าเป็ด

     

    นิ่มจัง

     

    ขนนุ่มลื่นของเจ้าเป็ดมันนิ่มและสบายซะจนคุณกระต่ายเผลอกอดไปโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเริ่มซุกไซ้กับขนนิ่มบนอกจนเป็ดที่ถูกคุกคามหน้าแดงจัด

     

    ด้วยอารามตกใจทำให้เจ้าเป็ดเผลอใช้สกิลทรานฟอร์มแปลงร่างกลับเป็นคน (แกแน่ใจนะว่าเผลอ น่ะ?)

     

    สัมผัสนุ่มนิ่มหายไป ใบหน้าที่เคยซุกอยู่ที่ขนก็กลายเป็นซุกอยู่ที่หน้าอกของเด็กหนุ่มแทน วิริยาได้สติกลับคืนมาก็นึกได้ว่าที่เธอนอนกอดอยู่คือนันทกร แต่พอจะลุกก็ดันลุกไม่ขึ้นเพราะแขนของคนที่อยู่ด้านล่างโอบรัดเธอไว้

     

    ทำอะไรน่ะ

     

    เด็กสาวถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มเห็นใบหน้าที่แดงจัดด้วยความเขินอาย

     

    เธอมากอดฉันก่อนเองนะ ฉันก็เอาคืนมั่งสิ

     

    เจ้าเป็ดฉีกยิ้มกว้าง ก้มมองร่างบางที่เขากอดไว้ ถึงคุณกระต่ายจะไม่เงยหน้าขึ้นมาแต่เขาก็รู้ว่าเธอต้องหน้าแดงอยู่แน่ๆ จมูกได้กลิ่นแชมพูหอมมาจากผมนุ่มของคนในอ้อมกอด จนเขาอดไม่ได้ที่ก้มลงสูดเอากลิ่นหอมนั้น แว่วเสียงหัวใจสองดวงเต้นสอดประสานกันท่ามกลางความเงียบ

     

    ถ้าจะบอกก็ต้องตอนนี้แหละ

     

    วิริยา…”

     

    เสียงอ่อนโยนแต่แฝงแววจริงจังทำให้เด็กหญิงใจเต้นรัว เธอเองก็ได้ยินเสียงหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นดังไม่แพ้กัน

     

    คือว่า ฉัน…”

     

    วิริยากลั้นหายใจขณะรอฟัง

     

    คือ ฉันไม่ได้ชอบมัจฉาแล้ว

     

    เจ้าเป็ดแทบกัดลิ้นตัวเอง จะพูดถึงมัจฉาตอนนี้ทำไมกันฟะ!

     

    แล้วมาบอกฉันทำไมล่ะ

     

    เด็กหญิงตอบกลับอย่างเย็นชา พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของนันทกร แต่เด็กหนุ่มยิ่งกอดเธอแน่นขึ้น

     

    ก็คือว่า ฉันชอบ ชอบคนอื่นแล้ว

     

    ไม่เกี่ยวกับฉัน

     

    ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ ก็…”

     

    คนที่ฉันชอบคือเธอนี่นา

     

    วิริยาเงยหน้าขึ้นหวังจะมองหน้าเจ้าเป็ด แต่กลับได้สัมผัสอ่อนโยนทาบทับมาที่หน้าผากแทน เด็กหญิงหลับตาลง และลืมขึ้นเมื่อริมฝีปากของเด็กหนุ่มผละออกไปแล้ว

     

    แล้วเธอล่ะ

     

    ฉัน…”

     

    แว้ก!/เหวอ!”

     

    เสียงร้องดังมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก เจ้าเป็ดกับคุณกระต่ายรีบผละออกจากกันทันทีและตั้งท่าพร้อมสู้ แต่ปรากฏว่าร่างสามร่างที่ลงไปนอนทับๆกันคือกานดา ภัสสร และวันเดอร์แมน พรรคพวกของพวกเขาเอง

     

    บอกแล้วไงว่าอย่าทิ้งเปลือกกล้วยเรี่ยราด เลยสะดุดกันเองเลยเห็นไหม!”

     

    กานดาหันไปพูดกับวันเดอร์แมนที่ในมือยังมีกล้วยที่กินค้างไว้อยู่ลูกหนึ่ง ภัสสรสะกิดเด็กหนุ่มเบาๆ เมื่อเขาหันมาก็เจอเข้ากับนันทกรและวิริยาที่ยืนทำตาขวางแผ่รังสีอำมหิตจนพวกเขารู้สึกตัวลีบลงไปทันที

     

    มาตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณกระต่ายถามเสียงเรียบกว่าทุกที ยิ่งเพิ่มความกดดันให้พวกกานดามากขึ้น

     

    กะ ก่อนที่เจ้าเป็ดจะเข้าเกมพักใหญ่เลยล่ะ

     

    แปลว่าแอบดูตั้งแต่ต้นแล้วสินะ แกอย่าอยู่เลย!!!”

     

    เจ้าเป็ดตะโกนวิ่งไล่เตะกานดากับวันเดอร์แมนไปรอบๆ ภัสสรนั้นรอดตัวไปเพราะเจ้าเป็ดไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับวิริยาแทน ซึ่งภัสสรคิดว่าน่ากลัวกว่าเจ้าเป็ดเยอะ

     

    เธอก็เป็นไปด้วยนะ ภัสสร

     

    คุณกระต่ายทำเสียงเย็นจนน่ากลัว ภัสสรเหงื่อตก

     

    ขะ ขอโทษจ้า ไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูจริงๆนะ

     

    แค่จงใจเข้าเกมมาก่อนเพื่อรอดูเท่านั้นเอง

     

    ช่างเถอะ

     

    วิริยาบอก ขณะลดตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆเด็กสาว มองนันทกรที่บัดนี้แปลงร่างเป็นเป็ดยักษ์ถือบาซูก้าวิ่งไล่ยิงกานดากับวันเดอร์แมนด้วยหัวใจที่พองโต เปี่ยมไปด้วยความสุขมากกว่าวันไหนๆ

     

    ..............................

     

    นี่ เธอยังไมได้ให้คำตอบฉันเลยนะ

     

    นันทกรกระซิบถามขณะที่เดินทางกลับไปยังฐานทัพของกองกำลัง

     

    ต้องบอกด้วยเหรอ

     

    ต้องสิ ฉันบอกเธอไปแล้ว แต่เธอไม่ยอมบอก แบบนี้ขี้โกงนี่นา

     

    วิริยามองไปที่พวกภัสสรที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ก่อนที่เดินจะหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับเด็กหนุ่มที่หยุดเดินตามเธอด้วย

     

    งั้น ก้มลงหน่อยสิ

     

    เจ้าเป็ดทำตาม ก่อนจะรู้สึกถึงริมฝีปากที่ประทับจุมพิตเบาๆที่แก้มและเสียงหวานที่กระซิบแผ่วเบาแต่ทว่าหนักแน่นในใจของเขา

     

    ฉันก็ชอบนายนะ

     

    ---------------End---------------

    จบแล้ว!!!
    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจบถึงตอนจบ
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ท่านเป็นกำลังใจให้ข้าน้อยปั่นจนจบเรื่องได้
    ขอบคุณจริงๆค่ะ

    แล้วก็... มีเรื่องจะสารภาพด้วยค่ะ
    ว่าฟิคเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคเรื่องยาวเรื่องแรกที่แต่งจบ
    และเป็นฟิคแนวรักเรื่องแรกที่แต่งจบด้วยเช่นกัน
    ปกติข้าน้อยแต่งแนวแฟนตาซีน่ะค่ะ ขอสารภาพว่าแต่งฟิคแนวรักไม่ค่อยจะเป็น
    ยังอุตส่าห์กระเสือกกระสนจนมันจบจนได้ เหอะๆๆ -_-"
    แต่ก็คิดว่าฝีมือยังไม่ถึงขั้นอยู่ดี


    เรื่องต่อไปกะจะแต่งแฟนฟิครีบอร์นค่ะ ฟิค Yaoi คู่ BF (อ่านสปอยล์มาแล้วมันจิ้นคู่นี้ไม่หยุด)
    แต่ก็อยากแต่งฟิคออริจินอลด้วย ไม่ได้แต่งมานานแล้ว (หลายใจจริงวุ้ย)
    ถึงจะยังตัดสินใจไม่ได้ แต่ก็ฝากฟิคเรื่องต่อไปด้วยแล้วกันนะคะ ^ ^ (เอางี้เลยนะแก)

    ขอบคุณมากค่ะที่อ่านมาจนถึงตรงนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×