ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fan Fiction EXEcutional เป็ดXกระต่าย

    ลำดับตอนที่ #9 : รู้สึกตัว

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 52


    บทที่เก้า รู้สึกตัว

    วิริยาเดินกึ่งวิ่งรวดเดียวลงมาถึงชั้นล่างสุด ประตูอาคารยังไม่ปิด เด็กสาวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

    แล้วทำไมเธอต้องหนีด้วย…

    พลันหวนนึกถึงหน้าของเจ้าเป็ดที่ขึ้นสีระเรื่อ และสายตาที่จ้องมา พลอยทำให้เด็กหญิงรู้สึกเขินตามไปด้วย…

    ใช่แล้ว เพราะนายนั่นแหละ… หน้าแดงก่อนทำไมล่ะ…
    ฉันเลยเขินตามไปด้วยเลย…

    เด็กหญิงก่นว่าคนที่เธอเพิ่งหนีมาในใจ และเธอก็ตัดสินใจยืนรอนันทกร บรรยากาศเมื่อครู่มันติดค้างอยู่ในใจ แต่เธอไม่ชอบหนีปัญหา และเมื่อครู่ที่เจ้าเป็ดเพิ่งช่วยเธอไว้ไม่ให้ตกบันไดเธอยังไม่ได้ขอบคุณเลย

    รออยู่ไม่นาน ผู้ที่เธอรอคอยก็เดินลงมา นันทกรชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นวิริยายืนคอยอยู่ แต่เด็กหนุ่มก็เดินลงมาหา

    “เมื่อกี๊ขอบคุณนะ”

    วิริยาเอ่ยขึ้นก่อน เจ้าเป็ดมองหน้าเด็กสาว สีหน้าของคุณกระต่ายนิ่ง ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ดวงตาสีเขียวก็สบตากับเขาโดยไม่หลบ ดวงตาที่มองมาตรงๆไม่หวาดหวั่นและเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ วิริยาดูเหมือนปรกติ

    ปรกติเสียจนใจเขาดิ่งวูบ

    เหตุการณ์เมื่อครู่ไม่มีความหมายเลยต่อเธอเลยสินะ ไม่มีผลมากไปกว่าสายลมพัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เป็นเขาที่คิดวุ่นวายไปเองฝ่ายเดียวสินะ

    แต่ก็ดีแล้ว…

    “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันก็แค่ขี้เกียจหามเธอส่งโรง’บาลแค่นั้นแหละ”

    เมื่อเธอทำตัวเป็นปรกติ เขาก็จะปรกติด้วย ทั้งเธอและเขาจะได้ไม่ลำบากใจ

    เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว…

    ทั้งๆที่พยายามพร่ำบอกตัวเองว่าดีแล้วแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงได้…รู้สึก… ใจหายแบบนี้นะ…


    ถ้าวันนั้นผมทบทวนหัวใจตัวเองให้มากกว่านี้ก็คงจะดี แต่เป็นเพราะตัวผมเองที่สร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นตัวเอง ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเจ็บเลยต้องสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกัน แต่ไม่รู้เลยว่ากำแพงที่ผมสร้างขึ้นมา…

    จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวผมเอง



    จากวันนั้นก็ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว…

    เป็นเจ็ดวันที่เลวร้ายสำหรับผม ทั้งที่รอบข้างก็เหมือนเดิม การไปโรงเรียนแบบเดิมๆ การบ้าน เกมและภารกิจที่ผมต้องทำยังดำเนินไปเรื่อยๆ ทุกอย่างเหมือนเดิมหมด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะมีก็แต่ตัวผมล่ะมั้ง…

    ผมเองล่ะที่เปลี่ยนไป

    หมู่นี้ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย หงุดหงิดบ่อยขึ้น พอหงุดหงิดก็ยิ่งโมโหตัวเองที่เป็นคนขี้หงุดหงิดแบบนี้

    นี่ผมเป็นอะไร…

    ทุกครั้งที่เห็นวิริยา ใจผมสั่นไหว
    ทุกครั้งที่เธอมองมา สายตาว่างเปล่าคู่นั้นทำให้ผมเจ็บปวดใจ

    นี่ผมอกหักทั้งๆที่ยังไม่เริ่มรักเลยเนี่ยนะ…

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ภาพของมัจฉาเริ่มจางหายไปจากใจของผม และมีภาพของเด็กหญิงร่างเล็กแต่แรงเยอะเข้ามาแทนที่

    เด็กสาวที่ทำหน้าเฉยอยู่ตลอดเวลา แต่ก็สนิทสนมกับทุกคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    คนที่บางครั้งก็พูดจาเหมือนผู้ใหญ่เกินวัย แต่บางครั้งก็ดูเป็นเด็กเอาแต่ใจ
    คนที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผมชอบ

    แต่ผมก็ตกหลุมรักเธอซะแล้ว…

    ใช่ ผมรู้สึกตัวแล้วว่าผมชอบวิริยา แต่กว่าผมจะรู้สึกตัว ต้องทบทวนใจตัวเองตั้งหลายวัน

    บางครั้งผมก็คิดว่าเธอช่างขี้โกงจริงๆ มาทำให้ผมหวั่นไหวกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ตัวเธอเองยังใช้ชีวิตปรกติสุขอยู่ได้ ผมเองเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เพราะเธอ แต่เธอกลับไม่มีอาการอะไรเลย

    ไม่ยุติธรรมเลย…

    วันพรุ่งนี้ ผมจะไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง

    ผมไม่ยอมให้เธอทำเฉยได้หรอก

    ถ้าคิดว่ามาทำให้ผมวุ่นวายใจแล้วจะลอยลำไปได้ เธอคงรู้จักผมน้อยไปแล้วล่ะ

    ----------------

    “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันก็แค่ขี้เกียจหามเธอส่งโรง’บาลแค่นั้นแหละ”

    คำพูดเหมือนไม่ใส่ใจของเจ้าเป็ดทำให้เด็กหญิงรู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก ท่าทางสบายๆเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นนั้นมันทำให้เธอรู้สึกผิดหวัง…

    ผิดหวังเหรอ…

    ผิดหวังอะไร… เธอคาดหวังอะไรอยู่…

    เป็นแบบนี้แหละถูกแล้ว

    ทั้งๆที่เรื่องมันก็เป็นไปแบบที่ควรจะเป็น… แต่ทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึก… เศร้าขนาดนี้นะ


    ถ้าวันนั้นฉันไม่ทำเฉยต่อความรู้สึกของตัวเองก็คงจะดี ถ้าฉันไม่พยายามปกปิดความรู้สึกด้วยการสวมหน้ากากที่เรียกว่าการทำตัวเป็นปรกติ บางทีฉันอาจจะเจ็บปวดน้อยลงกว่านี้ เป็นเพราะฉันเอง…

    ฉันทำให้ตัวเองเจ็บเอง



    จากวันนั้นก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว…

    เจ็ดวันมานี้ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปรกติ ทั้งๆที่ในใจว้าวุ่นจะตายอยู่แล้ว ฉันปั้นสีหน้าเฉยเพื่อกลบความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นมาข้างใน ความรู้สึกที่ทำให้ฉันไม่เป็นอันทำอะไร แต่ฉันก็พยายามจะทำตัวเหมือนเดิม…

    ฉันไม่อยากเปลี่ยนไป

    แต่ว่า หมู่นี้ฉันต้องฝืนตัวเองบ่อย ต้องทำเสแสร้งร่าเริงอย่างที่แต่ก่อนไม่เคยต้องฝืนทำ แล้วก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่ต้องฝืนแบบนั้น

    นี่ฉันเป็นอะไร…

    ทุกครั้งที่มองเจ้าเป็ด ใจฉันเจ็บแปลบ
    ทุกครั้งที่เขามองมา ฉันต้องฝืนให้ตัวเองจ้องตอบกลับไป ไม่หลบตา ไม่แสดงอาการใดๆ

    ฉันไม่รู้หรอกว่าแบบนี้เขาเรียกว่าอกหักรึเปล่า ก็ฉันยังไม่เคยรักใครเลยนี่นา…

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใจที่ไม่เคยคิดถึงใครเป็นพิเศษ กลับคิดถึงแต่เด็กผู้ชายกวนประสาทคนนั้น

    คนที่ปากเสีย แถมอาฆาตแรง
    แต่พอชอบใครเข้าก็แสดงออกมาแบบเก็บอาการไม่เป็น
    บางครั้งก็มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่บางทีก็ตรงไปตรงมาอย่างเหลือเชื่อ
    ดูยังไงก็ไม่มีตรงไหนที่เธอชอบ

    แต่เหมือนเธอจะชอบไปแล้วสิ…

    ใช่ เหมือนเธอจะชอบนันทกรเข้าแล้ว ทั้งๆที่พยายามปฏิเสธกับตัวเองมาตลอด แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับ

    แต่ว่าเขาไม่ได้ชอบเธอเนี่ยสิ เจ้าเป็ดชอบมัจฉา… เจ้าตัวก็เคยพูดเองอยู่ และแถมยังแสดงออกโต้งๆแบบนั้น

    อย่าหวังเลยดีกว่า…

    ตัดใจเสียแต่วันนี้ดีกว่า ปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป

    ทำเฉยไปเรื่อยๆ

    เดี๋ยวก็ลืมไปเอง…

    ------------------------------

    พิมพ์อย่างเมาๆ
    ใกล้จบแล้วๆ
    ที่จริงข้าน้อยเร่งให้มันจบเองแหละ เหอๆ

    ผู้ใช้ความมืด
    นั่นสิคะ ยอมรับไปซะก็สิ้นเรื่อง ตอนนี้ทั้งสองคนยอมรับแล้วนะคะ เหอะๆ แต่ตอนท้ายไม่มีคนดูอยู่หรอกเน้อ

    คอนนี่ซัง
    ฉากคลาสสิคค่ะ ^ ^ (เรื่องจริงคือไม่มีปัญญาคิดฉากเลิฟๆ = =") เกษมโมเอะจริงๆเนอะ

    wcm Tz
    มาลงแล้วค่า คราวนี้ข้าเหมือนเดิม เหอๆ ^ ^

    ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×