คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ใจของคนเรา[1]
บทที่เจ็ด ใจของคนเรา[1]
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบ้านผีสิงของห้องเขาดูน่าสนใจ หรือเป็นเพราะพวกเขาลงทุนแต่งตัวมาประชาสัมพันธ์กันแน่ แต่บัตรเข้าชมนั้นขายหมดเกลี้ยงภายในชั่วโมงเดียว พิธีเปิดงานยังไม่ทันเริ่มเลยด้วยซ้ำ
แต่ดูท่าว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
ไม่เสียแรงที่ลงทุนเช่าชุดมาให้
หัวหน้าห้องคิดพลางมองไปทางร่างเล็กสองร่างที่ตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าหนุ่มๆตั้งแต่เริ่มเดินขายบัตรแล้ว เพราะสองคนนี้ผู้ซื้อส่วนใหญ่เลยเป็นผู้ชายและยังมีรุ่นน้องรุ่นพี่ผู้หญิงในโรงเรียนที่แอบปลื้มเกษมมาช่วยซื้อด้วย เธอเห็นท่าทางมีความสุขของบรรดาสาวๆตอนมองเกษมแล้วก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย ได้ช่วยทำให้คนอื่นมีความสุข แถมได้เงินเข้าห้องด้วย ถึงแม้ว่าจะมีสองสามคนที่ดูไม่มีความสุขไปกับงานนี้ก็เถอะ แต่นั่นแหละ คิดจะทำงานใหญ่ก็ต้องมีผู้เสียสละ
“เฮ้อ ”
ผู้เสียสละรายที่หนึ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากต้องปั้นยิ้มถ่ายรูปกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่มาขอถ่ายรูปคู่กับเขาเป็นรายที่สี่ เกษมไม่อยากทำร้ายจิตใจคนอื่นเลยไม่กล้าบอกปฏิเสธ ถึงเขาจะไม่อยากขนาดไหนก็ตาม ตรงข้ามกับนันทกร เจ้าเป็ดทำหน้าบึ้งบอกปัดการขอถ่ายรูปไปทุกครั้ง ส่วนวิริยาก็ยอมให้ถ่ายรูปเหมือนกับเขา แต่ดูท่ามันจะทำให้เจ้าเป็ดไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ขณะนั้นเองเกษมก็เริ่มสังเกตว่ามีเด็กนักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนอื่นกลุ่มหนึ่งมองมาที่เขากับวิริยาอย่างสนใจ เกษมรู้สึกขนลุก แต่ดูเด็กสาวข้างกายจะไม่รู้สึกรู้สมกับสายตาที่จ้องมาเหล่านั้นเลย ตรงข้ามกับเจ้าเป็ดที่ทั้งกระวนกระวายและหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
จ้องอะไรนักหนาวะ
นันทกรหันไปถลึงตาใส่พวกที่จ้องคุณกระต่าย แต่พวกนั้นไม่สนใจเขา เจ้าเป็ดหันมามองทางเด็กสาวที่ถูกจ้อง วิริยาไม่ได้รู้สึกตัวเลย ยังคงเดินทำหน้านิ่งต่อไป
ไอ้พวกนั้นจ้องขนาดนั้นไม่รู้ตัวเลยรึไง
เจ้าเป็ดหมดความอดทน เด็กชายปลดผ้าคลุมสีดำยาวของตัวเองออกก่อนจะจัดการคลุมให้วิริยาจากด้านหลัง เด็กสาวรู้สึกถึงผ้าที่คลุมลงมาที่ไหล่ก็เลยหันมามองหน้าคนคลุมให้พร้อมเอ่ยถาม
“อะไรน่ะ”
“ผ้าคลุมไง หะ เห็นเธอท่าทางจะหนาวเลยคลุมให้ ขอบคุณฉันซะสิ”
เด็กหนุ่มพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปรกติที่สุด และพยายามไม่สนใจสายตาวิบวับอย่างรู้ทันของบรรดาเพื่อนร่วมห้อง
“ทำอะไรน่าขนลุก เมื่อวานตากฝนจนไข้ขึ้นสินะ ถ้าเป็นไข้ก็ไปห้องพยาบาลไป”
วิริยาตอบกลับ แต่ก็ไม่ได้คืนผ้าคลุมให้ เด็กสาวหันไปหาภัสสร
“ไปหามัจฉากัน” ว่าแล้วก็จัดแจงลากตัวภัสสรไปโดยไม่รอคำตอบ
“เดี๋ยวสิ ฉันไปด้วย” กานดาทำท่าจะเดินตามไป แต่เมื่อเขาเห็นเจ้าเป็ดยังไม่ยอมขยับเขยื้อน ก็เกิดความสงสัย
“ไม่ไปเหรอ”
ถ้าเราสามารถมองทะลุใจคนได้ ตอนนี้เราคงจะเห็นสงครามย่อยๆในจิตใจของนันทกร ฝ่ายที่อยากไปเจอมัจฉากับฝ่ายที่ไม่อยากให้มัจฉาเห็นตัวเองในสภาพเช่นนี้กำลังรบกันอย่างดุเดือด
“ฉะ ฉันขอตัว ต้องไปช่วยงานที่ห้อง”
ดูเหมือนฝ่ายหลังจะชนะ
กานดาทำตาโตอย่างแปลกใจขณะมองตามหลังเจ้าเป็ดที่รีบเดินจ้ำหายไปในฝูงชน
เจ้าเป็ดไม่อยากเจอมัจฉา! เป็นไปไม่ได้!!!
จะว่าไปวันนี้มันก็ทำตัวแปลกๆมาตั้งแต่เช้าแล้ว รึจะเป็นไข้จริงๆ
เด็กหนุ่มชักเป็นห่วง แต่จะตามไปก็ไม่ทัน เจ้าเป็ดคลาดสายตาไปแล้ว ส่วนคุณกระต่ายกับภัสสรก็ยืนรอเขาอยู่ กานดาจึงตัดสินใจไปหามัจฉากับพวกภัสสร ส่วนเกษมนั้นขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน ท่ามกลางเสียงบ่นเสียดายของบรรดาเพื่อนสาวร่วมห้องที่ช่วยกันแต่งตัวให้เขา
คุณกระต่ายเดินนำพวกกานดาขึ้นไปบนตึกเรียนมายังห้องเรียนของชั้น ม. 2/1 ที่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นร้านกาแฟขนาดย่อม ไม้กระดานขนาดเล็กเขียนด้วยชอล์กสีขาวว่า Welcome แขวนไว้ตรงประตูไม้ด้านหน้า เมื่อก้าวเท้าเข้าไปข้างในก็มีเด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีขาวดำฟู่ฟองและเด็กผู้ชายในเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงแสลกดำมาต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับค่า/ครับ”
ทั้งสองพูดเสียงดังเหมือนท่องมา
“เชิญทางด้านนี้เลยค่า” เด็กหญิงในชุดเมดผายมือไปทางโต๊ะที่ว่างอยู่ โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะไม้ที่พวกเขาใช้นั่งเรียนหนังสือกันทุกวัน นำมาวางต่อกันและคลุมด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาว ส่วนเก้าอี้ก็เป็นเก้าอี้ไม้ที่ใช้นั่งเรียนกันนั่นแหละ แต่เมื่อคลุมผ้าขาวเข้าไปก็ทำให้ดูคลาสสิคได้อย่างไม่น่าเชื่อ
กานดากับภัสสรเดินไปนั่งลงที่โต๊ะตามคำเชิญ แต่คุณกระต่ายกลับเดินไปอีกทาง ตรงโต๊ะไม้ที่ถูกเรียงต่อกันเป็นเคาท์เตอร์ ที่นั่นมัจฉาในชุดเมดสีชมพูขาวกำลังยืนนิ่งอย่างอึ้งๆ
“มัจฉา” วิริยาเอ่ยทัก ขณะมองสำรวจเพื่อนสาว แล้วยิ้มออกมา
“ยิ้มอะไรยะ”
“ก็มัจฉาแต่งตัวน่ารัก” ชุดที่ใส่ตอนอยู่ในเกมก็สวยดีอยู่หรอก แต่พอเห็นมัจฉาตัวจริงในชุดเมดสีชมพูแบบนี้แล้ว
ยังไงตัวจริงก็น่ารักกว่าในเกมล่ะนะ
“นั่นมัจฉาเหรอ”
กานดาทักขึ้นทั้งๆที่นั่งอยู่กับโต๊ะ ตอนแรกที่เข้ามาก็เห็นว่ามีเด็กหญิงใส่ชุดเมดสีชมพูอยู่ที่เคาท์เตอร์ แต่ที่เขาไม่สังเกตว่าเป็นมัจฉาเพราะคิดไม่ถึงว่าเด็กหญิงจะยอมใส่ชุดเมดสีชมพู
น่ารัก
คิดแล้วก็เสียดายแทนเจ้าเป็ดที่ไม่มีบุญได้เห็น
“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงยะ” มัจฉาเห็นเด็กหนุ่มจ้องเอาจ้องเขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา
“เปล่านะ ก็มัจฉาน่ารักดี”
กานดาเอ่ยชมตรงๆ เรียกสีเลือดให้ปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาว มัจฉารีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“จะกินอะไรก็ดูเมนูแล้วสั่งแล้วกัน”
กานดากับคุณกระต่ายก้มหน้าอ่านเมนูที่เพื่อนร่วมห้องของมัจฉาส่งให้ ขณะที่ภัสสรก็ก้มหน้าหลบไปหลังเมนู ตามองที่ตัวอักษรแต่ไม่ผ่านเข้าสู่สมอง เมื่อใจของเด็กสาวกำลังครุ่นคิดถึงภาพหัวหน้ากองกำลังที่หน้าแดงเพราะคำชมของกานดา
มันเป็นปรกติของผู้หญิงที่ได้รับคำชมแล้วจะเขิน หรือว่ามัจฉาก็มีใจให้กับกานดาเหมือนกันกันแน่นะ
ภัสสรคงจะไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่แม้แต่ตัวมัจฉาเองก็ไม่อาจตอบได้
ขณะเดียวกันนั้นเองที่มหาวิทยาลัยข้างๆ อัษฎากำลังนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนที่ประจำ หนังสือถูกเปิดทิ้งไว้ตรงหน้า แต่สายตาของเขาเหม่อมองไปทางโรงเรียนที่วันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ เขาได้ยินมาจากเพื่อนร่วมคณะว่าโรงเรียนของเกษมมีงานนิทรรศการ วันนี้เขาไม่มีเรียนตอนเช้า ถ้าจะลองเข้าไปชมนิทรรศการเหมือนที่เพื่อนเขาหลายคนไปก็ย่อมได้ เพียงแต่เหตุการณ์เมื่อวานทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา
กลัว ว่าตัวเองจะเผลอแสดงอาการให้เด็กคนนั้นรู้ตัว
แต่ ก็อยากเจอ
ชายหนุ่มเก็บหนังสือใส่กระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นให้สองขาพาเดินไปตามที่ใจตนปรารถนา
------------------------------
คอนนี่ซัง
ขนาดนั้นเชียวเหรอคะ =[]= ข้าน้อยเริ่มกลัวท่านคอนแล้วนะนี่ (กรั่กๆ ล้อเล่นค่า)
wcm Tz
มันจะกลายเป็นห้าเส้าแล้วมั้งคะตอนนี้ จะพยายามอัพให้ไวค่ะ ^ ^
ผู้ใช้ความมืด
เอ๊ะ เรื่อง Hatsukoi Limited นี่การ์ตูนหรือนิยายคะ ข้าน้อยไม่เคยอ่าน
ที่มัจฉาไม่มีบทเพราะในฟิคนี้เธอจะไม่เด่น (น่าสงสาร คนเขียนมันลำเอียง - -)
ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านฟิคค่า ถ้ามีอะไรดูขัดหูขัดตาก็ติมาได้เลยนะคะ ข้าน้อยพร้อมรับเต็มที่
ความคิดเห็น