คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เสียงกระซิบจากหัวใจ
บทสุดท้าย เสียงกระซิบจากหัวใจ
ใกล้จะเจ็ดโมงแล้ว แต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ทอแสง หมู่เมฆสีเทาลอยวนอยู่ใต้ท้องฟ้าสีหม่นหมอง เป็นสัญญาณว่าฟ้าจะโปรยหยาดน้ำฝนลงมาในไม่ช้านี้
ทั้งๆที่บรรยากาศอึมครึมชวนให้หดหู่ แต่จิตใจของหนุ่มน้อยร่างบางที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างในห้องเรียนเพียงลำพังกลับพองโตเมื่อมองไปที่มหาวิทยาลัยข้างๆแล้วนึกถึงคนที่ทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหวทุกทีที่อยู่ใกล้
พาลทำให้นึกถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อคืนก่อน ถึงแม้จะไม่หวานแต่ก็จริงใจ และคำพูดธรรมดาที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้หุบยิ้มแทบไม่ลง
เมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกเรียนนะ
นี่คงเป็นครั้งแรกที่เกษมคิดเร่งเวลาให้เร็วขึ้น เพราะวันนี้หลังเลิกเรียนคุณอัษฎาจะมารับเขาไปทานไอศกรีมที่เขาเคยพูดว่าอยากลองไปกินดู
คิดแล้วก็มองผ่านหน้าต่างห้องเรียนไปที่ฟ้ามืดครึม ภาวนาว่าเย็นนี้ฟ้าจะสว่างและฝนจะไม่ตกลงมาเหมือนกับที่จวนเจียนจะตกอยู่ตอนนี้
แต่ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดฝนหรอกนะ
ตรงกันข้าม เขารักสายฝนมากๆ
เพราะถ้าวันนั้นฝนไม่ตก
เขาคงไม่ได้มีวันนี้
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาในห้องเรียกให้เกษมหลุดจากภวังค์ เมื่อหันไปมองก็เจอกับเด็กสาวที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมกองกำลังในเกม
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
เกษมเอ่ยทัก
“หวัดดี”
วันนี้วิริยาก็มีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย แต่ในดวงตาคู่นั้นมีความเศร้าแฝงอยู่ ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามทำตัวเป็นเหมือนปรกติ แต่เธอหลอกสายตาของคนที่รู้จักกันมานานอย่างเขาไม่ได้หรอก
ส่วนสาเหตุที่คุณกระต่ายกลายเป็นแบบนี้เขาก็คิดว่าพอจะรู้อยู่
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั่นเอง ‘สาเหตุ’ ก็เดินเข้ามาในห้องพอดี นันทกรเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ เกษมจำได้ว่าเขาไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากปากของเจ้าเป็ดนานเป็นอาทิตย์แล้ว นับตั้งแต่วันงานโรงเรียน คิดได้อย่างเดียวว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าห้องก็พลอยจ๋อยตามไปด้วยเพราะแผนที่ตัวเองคิดขึ้นมากลับให้ผลตรงกันข้าม แต่ไม่ว่าจะมีคนไปเลียบๆเคียงๆถามยังไงทั้งคู่ก็ไม่ยอมปริปากบอก
เขาเองก็ไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องนี้ด้วย เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่เมื่อเห็นอาการที่เป็นเอามากของทั้งคู่แล้วเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แถมคุณมัจฉากับคุณภัสสรก็มาถามเอากับเขาว่าวิริยาเป็นอะไร เขาก็ต้องบอกปัดว่าไม่รู้ไปด้วยไม่แน่ใจแล้วก็ไม่อยากให้เจ้าเป็ดกับคุณกระต่ายไม่สบายใจไปมากกว่านี้
คงต้องให้เวลาทั้งคู่คิดทบทวน และถ้าพวกเขาแน่ใจเมื่อไหร่ก็คงจะพูดออกมาเอง
“หวัดดี”
เด็กหญิงเอ่ยทักคนที่เพิ่งเดินเข้ามา นันทกรมองหน้าวิริยาเหมือนจะพยายามอ่านใจของเธอ แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ เด็กหนุ่มจึงเป็นฝ่ายหลบสายตาไปเสียเองก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปด้วยเสียงไร้ชีวิต
“อืม หวัดดี”
เกษมทำท่าจะลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินออกไปจากห้องด้วยไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกิน แต่วิริยาส่งกระเป๋านักเรียนของเธอมาให้เขาพร้อมบอกว่า “ฝากวางที่โต๊ะให้ด้วย” ก่อนจะรีบเดินหายไปจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าเป็ดลอบมองตามไป เกษมแอบถอนหายใจเบาๆ ถึงจะอยากช่วยแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดี
ถ้าเจ้าตัวเองยังไม่ยอมรับ จะช่วยยังไงก็เปล่าประโยชน์
“เกษม”
นันทกรเอ่ยเรียกเขา เกษมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าเป็ดที่มองตอบกลับมาด้วยสายตาจริงจังผิดปรกติ
“ฉันมีเรื่องอยากขอร้อง”
ทางด้านวิริยา เด็กหญิงพาตัวเองไปที่โรงอาหาร ซื้อนมมากล่องหนึ่งทั้งๆที่ไม่หิว และนั่งครุ่นคิดถึงแต่เหตุการณ์เมื่อครู่
เธอทำแบบนี้ดีแล้วใช่ไหม
แต่เธอจะทำเฉยไปอีกได้นานแค่ไหน เธอเองก็ไม่รู้
วิริยาถอนหายใจ แล้วก็นึกได้ว่าพักนี้เธอถอนหายใจบ่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กสาวคลี่ยิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นดูหม่นหมองเหมือนกับท้องฟ้าในยามนี้ไม่มีผิด
ท้องฟ้า
บางเวลาก็เจิดจ้า
บางครั้งก็มัวหมอง
แต่เคยได้ยินไหมว่า
ฟ้าหลังฝนมักจะงดงามเสมอ
นาฬิกาทรงกลมบนผนังบอกว่าตอนนี้สี่ทุ่มตรง วิริยาวางมือจากการบ้านที่ทำเสร็จพอดี เด็กหญิงเก็บสมุดการบ้านใส่กระเป๋านักเรียน วางมันไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ร่างบางในชุดนอนเสื้อกางเกงลายกระต่ายสีชมพูลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงไปที่เตียง และหลับไปโดยไม่ลืมใส่หูฟังสำหรับเข้าเกมด้วย
ไม่รู้ว่าเธอเข้าเกมเร็วเกินไปรึพวกกานดาช้ากันแน่ เพราะเมื่อวิริยาเข้าเกมมารออยู่ที่ทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่เธอออกจากเกมก็ไม่พบใครเลย ทั้งกานดา ภัสสร เจ้าเป็ด กระทั่งวันเดอร์แมนก็ยังหายหัว
ต้องรอสินะ
เด็กสาวหาที่เหมาะๆเพื่อนั่งรอสมาชิกกลุ่มที่ยังไม่เข้าเกมมา แต่ยังไม่ทันได้นั่งก็ต้องผุดลุกขึ้นยืนเพราะสายตาเหลือบไปเห็นการเคลื่อนไหวที่พุ่มไม้ใกล้ตัว วิริยาตั้งท่าเตรียมพร้อม
สิ่งที่ออกมาจากพุ่มไม้นั้นคือสไลม์ มอนสเตอร์ตัวกลมๆหยุ่นๆเหมือนเยลลี่ เจ้าสไลม์ตัวนั้นหันมาทำหน้าเป็นใส่เด็กหญิงก่อนจะกระโดดดึ๋งๆหายไป
แค่สไลม์เองเหรอ
เด็กหญิงทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าอีกครั้ง กลิ่นชื้นของหญ้าโชยมาเข้าจมูก วิริยาสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที เกมนี่ทำเหมือนจริงกระทั่งกลิ่นของดินและต้นหญ้า ทั้งๆที่ใช้แค่พลังจิตเข้าเกมแท้ๆ แต่ประสาทสัมผัสทั้งหมดยังครบถ้วนเหมือนกับเป็นร่างกายของเราจริงๆ เทคโนโลยีนี่ยอดไปเลย
ขณะที่คุณกระต่ายกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ ที่พุ่มไม้ใกล้ๆตรงที่สไลม์เพิ่งกระโดดออกมา มีเป็ดยักษ์สีเหลืองตัวหนึ่งกำลังกระวนกระวายใจอยู่หลังพุ่มไม้นั่น ปีกข้างหนึ่งถือแผ่นป้ายไม้ไว้ ข้อความบนป้ายนั้นกำลังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
‘ยัยนั่นมาแล้ว เอาไงดีล่ะทีนี้’
‘ลุยเลยสิฟะ’
‘แต่ว่าจะพูดยังไงล่ะ’
‘ใช้เขียนเอาสิฟะ เกษมก็แนะนำอยู่ว่าถ้าพูดไม่ออกใช้เขียนเอาก็ได้’
‘แล้วจะเขียนอะไรล่ะเฟ้ย’
‘ถ้าปอดแหกนักก็กินแห้วไป’
‘ไม่ได้ปอดแหกเฟ้ย ลุยก็ลุยสิฟะ’
‘ว่าแต่ ขัดแย้งกันเองในใจก็ได้นี่หว่า แล้วตูจะเขียนบนป้ายทำไมเนี่ย’
แต่ถึงอย่างนั้นมือ(ปีก)มันก็ไปเองเพราะอารมณ์ตื่นเต้น ตอนนี้บนป้ายมีสัญลักษณ์อะไรไม่รู้บ่งบอกว่าสติสะตังของเขาเริ่มไม่อยู่กับตัวแล้ว
เจ้าเป็ดสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้าวออกจากพุ่มไม้ แต่ดันสะดุดกิ่งไม้ล้มเอาปากปักพื้น
วิริยาหันมาเห็นเหตุการณ์พอดี เธอกลั้นหัวเราะจนตัวสั่นขณะที่เจ้าเป็ดกำลังตีปีกพั่บๆพยายามถึงปากตัวเองออกจากพื้นดิน
‘##@!%&^&*(&’
เป็ดยักษ์สบถออกมาไม่เป็นภาษา และพยายามดึงปากสุดแรง ในที่สุดปากก็หลุดออกมาจากพื้น เจ้าเป็ดใช้ปีกลูบปากตัวเอง และหันมาทำตาขวางใส่วิริยาที่ยังตัวสั่นเพราะพยายามกลั้นหัวเราะไว้
‘หัวเราะอะไรของเธอ’
เด็กหญิงไม่ตอบกลับ แต่เอามือปิดปากไว้แน่น อีกมือหนึ่งกุมท้องไว้ สั่นไปทั้งตัวด้วยพยายามขืนไม่ให้หัวเราะออกมา พักใหญ่ทีเดียวกว่าเธอจะคุมตัวเองได้
‘จะขำอะไรนักหนา หา!’
ไม่มาลองเป็นคนดูเองล่ะ จะได้รู้ว่ามันตลกขนาดไหน
เธอคิด แต่ที่ทำคือยิ้มอย่างขันๆไปให้เจ้าเป็ด เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นเจ้าเป็ดรู้สึกใจเต้นแปลกๆ และนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่เขาจะสะดุดล้มเขาตั้งใจจะทำอะไร
ตอนคิดน่ะคิดได้อยู่หรอก แต่พอมาเผชิญหน้ากับเจ้าตัวดันทำอะไรไม่ถูกซะอย่างนั้น
เจ้าเป็ดก้มหน้าหลบเด็กหญิง เพราะรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา พลางคิดโทษเกมที่สร้างมาดีจัด ขนาดเขาอยู่ในร่างเป็ดยังอุตส่าห์หน้าแดงได้อีก
ถึงจะก้มหลบยังไง ก็หนีไม่พ้นสายตาของวิริยาอยู่ดี เด็กหญิงรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆเจ้าเป็ดก็หน้าแดงขึ้นมา จะว่าอายที่สะดุดล้มเมื่อกี๊ก็ไม่น่าจะใช่ มันจะความรู้สึกช้าเกินไปรึเปล่า
รึว่าโกรธที่เธอหัวเราะ?
เด็กสาวเดินเข้าไปหาเจ้าเป็ด แต่แล้วก็สะดุดเปลือกกล้วยปริศนา จนเซล้มลงไปทับเจ้าเป็ดซะอย่างนั้น
‘ล้มอีกแล้วเรอะ! แล้วทำไมฉันต้องถูกทับทุกทีเลย’
ขออยู่ข้างบนมั่งสิ
เจ้าเป็ดบ่นผ่านป้ายไม้และแอบบ่นในใจเล็กน้อย ถึงจะล้มในเกมก็ยังเจ็บอยู่ดี ไอ้เกมนี่ก็ทำดีเหลือเกิน กระทั่งน้ำหนักที่ทับตัวเขาก็ยังเหมือนกับตอนที่ล้มคราวนั้นเลย
วิริยาที่ล้มลงมาทับตัวเจ้าเป็ดไม่รู้สึกเจ็บเลย เพราะมีขนนุ่มๆของเจ้าเป็ดรองรับอยู่ เด็กสาวซุกหน้าอยู่กับอกของเจ้าเป็ด
นิ่มจัง
ขนนุ่มลื่นของเจ้าเป็ดมันนิ่มและสบายซะจนคุณกระต่ายเผลอกอดไปโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเริ่มซุกไซ้กับขนนิ่มบนอกจนเป็ดที่ถูกคุกคามหน้าแดงจัด
ด้วยอารามตกใจทำให้เจ้าเป็ดเผลอใช้สกิลทรานฟอร์มแปลงร่างกลับเป็นคน (แกแน่ใจนะว่า ‘เผลอ’ น่ะ?)
สัมผัสนุ่มนิ่มหายไป ใบหน้าที่เคยซุกอยู่ที่ขนก็กลายเป็นซุกอยู่ที่หน้าอกของเด็กหนุ่มแทน วิริยาได้สติกลับคืนมาก็นึกได้ว่าที่เธอนอนกอดอยู่คือนันทกร แต่พอจะลุกก็ดันลุกไม่ขึ้นเพราะแขนของคนที่อยู่ด้านล่างโอบรัดเธอไว้
“ทำอะไรน่ะ”
เด็กสาวถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มเห็นใบหน้าที่แดงจัดด้วยความเขินอาย
“เธอมากอดฉันก่อนเองนะ ฉันก็เอาคืนมั่งสิ”
เจ้าเป็ดฉีกยิ้มกว้าง ก้มมองร่างบางที่เขากอดไว้ ถึงคุณกระต่ายจะไม่เงยหน้าขึ้นมาแต่เขาก็รู้ว่าเธอต้องหน้าแดงอยู่แน่ๆ จมูกได้กลิ่นแชมพูหอมมาจากผมนุ่มของคนในอ้อมกอด จนเขาอดไม่ได้ที่ก้มลงสูดเอากลิ่นหอมนั้น แว่วเสียงหัวใจสองดวงเต้นสอดประสานกันท่ามกลางความเงียบ
ถ้าจะบอกก็ต้องตอนนี้แหละ
“วิริยา
”
เสียงอ่อนโยนแต่แฝงแววจริงจังทำให้เด็กหญิงใจเต้นรัว เธอเองก็ได้ยินเสียงหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นดังไม่แพ้กัน
“คือว่า
ฉัน
”
วิริยากลั้นหายใจขณะรอฟัง
“คือ
ฉันไม่ได้ชอบมัจฉาแล้ว”
เจ้าเป็ดแทบกัดลิ้นตัวเอง จะพูดถึงมัจฉาตอนนี้ทำไมกันฟะ!
“แล้วมาบอกฉันทำไมล่ะ”
เด็กหญิงตอบกลับอย่างเย็นชา พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของนันทกร แต่เด็กหนุ่มยิ่งกอดเธอแน่นขึ้น
“ก็คือว่า
ฉันชอบ
ชอบคนอื่นแล้ว”
“ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ ก็
”
“คนที่ฉันชอบคือเธอนี่นา”
วิริยาเงยหน้าขึ้นหวังจะมองหน้าเจ้าเป็ด แต่กลับได้สัมผัสอ่อนโยนทาบทับมาที่หน้าผากแทน เด็กหญิงหลับตาลง และลืมขึ้นเมื่อริมฝีปากของเด็กหนุ่มผละออกไปแล้ว
“แล้วเธอล่ะ”
“ฉัน
”
“แว้ก!/เหวอ!”
เสียงร้องดังมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก เจ้าเป็ดกับคุณกระต่ายรีบผละออกจากกันทันทีและตั้งท่าพร้อมสู้ แต่ปรากฏว่าร่างสามร่างที่ลงไปนอนทับๆกันคือกานดา ภัสสร และวันเดอร์แมน พรรคพวกของพวกเขาเอง
“บอกแล้วไงว่าอย่าทิ้งเปลือกกล้วยเรี่ยราด เลยสะดุดกันเองเลยเห็นไหม!”
กานดาหันไปพูดกับวันเดอร์แมนที่ในมือยังมีกล้วยที่กินค้างไว้อยู่ลูกหนึ่ง ภัสสรสะกิดเด็กหนุ่มเบาๆ เมื่อเขาหันมาก็เจอเข้ากับนันทกรและวิริยาที่ยืนทำตาขวางแผ่รังสีอำมหิตจนพวกเขารู้สึกตัวลีบลงไปทันที
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” คุณกระต่ายถามเสียงเรียบกว่าทุกที ยิ่งเพิ่มความกดดันให้พวกกานดามากขึ้น
“กะ
ก่อนที่เจ้าเป็ดจะเข้าเกมพักใหญ่เลยล่ะ”
“แปลว่าแอบดูตั้งแต่ต้นแล้วสินะ แกอย่าอยู่เลย!!!”
เจ้าเป็ดตะโกนวิ่งไล่เตะกานดากับวันเดอร์แมนไปรอบๆ ภัสสรนั้นรอดตัวไปเพราะเจ้าเป็ดไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับวิริยาแทน ซึ่งภัสสรคิดว่าน่ากลัวกว่าเจ้าเป็ดเยอะ
“เธอก็เป็นไปด้วยนะ ภัสสร”
คุณกระต่ายทำเสียงเย็นจนน่ากลัว ภัสสรเหงื่อตก
“ขะ
ขอโทษจ้า ไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูจริงๆนะ”
แค่จงใจเข้าเกมมาก่อนเพื่อรอดูเท่านั้นเอง
“ช่างเถอะ”
วิริยาบอก ขณะลดตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆเด็กสาว มองนันทกรที่บัดนี้แปลงร่างเป็นเป็ดยักษ์ถือบาซูก้าวิ่งไล่ยิงกานดากับวันเดอร์แมนด้วยหัวใจที่พองโต เปี่ยมไปด้วยความสุขมากกว่าวันไหนๆ
..............................
“นี่ เธอยังไมได้ให้คำตอบฉันเลยนะ”
นันทกรกระซิบถามขณะที่เดินทางกลับไปยังฐานทัพของกองกำลัง
“ต้องบอกด้วยเหรอ”
“ต้องสิ ฉันบอกเธอไปแล้ว แต่เธอไม่ยอมบอก แบบนี้ขี้โกงนี่นา”
วิริยามองไปที่พวกภัสสรที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ก่อนที่เดินจะหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับเด็กหนุ่มที่หยุดเดินตามเธอด้วย
“งั้น
ก้มลงหน่อยสิ”
เจ้าเป็ดทำตาม ก่อนจะรู้สึกถึงริมฝีปากที่ประทับจุมพิตเบาๆที่แก้มและเสียงหวานที่กระซิบแผ่วเบาแต่ทว่าหนักแน่นในใจของเขา
“ฉันก็ชอบนายนะ”
---------------End---------------
จบแล้ว!!!
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจบถึงตอนจบ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ท่านเป็นกำลังใจให้ข้าน้อยปั่นจนจบเรื่องได้
ขอบคุณจริงๆค่ะ
แล้วก็... มีเรื่องจะสารภาพด้วยค่ะ
ว่าฟิคเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคเรื่องยาวเรื่องแรกที่แต่งจบ
และเป็นฟิคแนวรักเรื่องแรกที่แต่งจบด้วยเช่นกัน
ปกติข้าน้อยแต่งแนวแฟนตาซีน่ะค่ะ ขอสารภาพว่าแต่งฟิคแนวรักไม่ค่อยจะเป็น
ยังอุตส่าห์กระเสือกกระสนจนมันจบจนได้ เหอะๆๆ -_-"
แต่ก็คิดว่าฝีมือยังไม่ถึงขั้นอยู่ดี
เรื่องต่อไปกะจะแต่งแฟนฟิครีบอร์นค่ะ ฟิค Yaoi คู่ BF (อ่านสปอยล์มาแล้วมันจิ้นคู่นี้ไม่หยุด)
แต่ก็อยากแต่งฟิคออริจินอลด้วย ไม่ได้แต่งมานานแล้ว (หลายใจจริงวุ้ย)
ถึงจะยังตัดสินใจไม่ได้ แต่ก็ฝากฟิคเรื่องต่อไปด้วยแล้วกันนะคะ ^ ^ (เอางี้เลยนะแก)
ขอบคุณมากค่ะที่อ่านมาจนถึงตรงนี้
ความคิดเห็น