ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    House of ME

    ลำดับตอนที่ #5 : [TIW] : EP 1 } Start in Wonderland.

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 60


    EPISODE I : START IN WONDERLAND.
     
     
    "อ่า.. รอก่อนนะ เอมี่"
     
         Falling asleep in the car.     
     

    เสียงเครื่องยนต์ดังสม่ำเสมอเป็นจังหวะบ่งบอกว่ารถกำลังเคลื่อนที่บนถนนอย่างต่อเนื่อง ตัวรถโคลงเคลงตามจังหวะการโค้งรบกวนคนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนรถ ใบหูที่แดงเพราะเสียดสีไปกับเบาะรถกระดิกเบาๆ เมื่อเจ้าตัวรู้สึกตื่นขึ้นมาช้าๆ แต่ยังไม่ทันลืมตาตื่นเต็มที่เสียงเครื่องยนต์ที่ดังสม่ำเสมอราบเรียบมาตลอดกลับติดขัดขึ้นมาด้วยสาเหตุบางอย่าง

                เอี๊ยด! โครม!!

                หากมีใครสักคนยืนอยู่แถวนั้นคงจะเห็นภาพของรถส่งตัวนักโทษที่ขับมานิ่งๆ พลิกคว่ำข้ามขอบทางเข้าไปในป่าสองตลบ ตามด้วยกลุ่มควันที่ลอยฟุ้งพ้นความสูงของต้นไม้ในป่า แต่โชคดีที่ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น จึงไม่มีใครทันเห็นภาพที่น่าหัวเราะนี้

                “โอ้ย หัวฉัน..”

                เจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่หนึ่งซึ่งประจำอยู่ ณ ตำแหน่งคนขับรู้สึกตัวก่อนอีกคน เขาใช้มือกุมศีรษะที่อาบไปด้วยเลือดหลังจากกระแทกเข้ากับกระจกด้านข้าง เมื่อทันทีที่แอร์แบ็คดีดตัวขึ้นหัวเขาก็ไปกระแทกกับตัวกระจกจนเป็นรูโหว่เต็มไปด้วยคมแหลมของมัน หลังจากคืนสติได้เขาก็หันไปหาเพื่อนร่วมงานที่สลบอยู่ข้างๆ เจ้าหน้าที่คนที่หนึ่งเขย่าเพื่อนเบาๆ แต่ก็ไร้สัญญาณตอบรับเขาจึงตัดสินใจออกจากรถเพื่อไปตรวจดูคนที่อยู่ด้านหลัง...นักโทษในคดีร้ายแรง ประตูท้ายถูกเปิดออกมีเพียงความว่างเปล่าอยู่ที่นั่น เจ้าหน้าที่หันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไร มีเพียงเสียงลมที่พัดใบไม้ให้ไหว

                ตึก ตึก ตึก ตึก

                เสียงอะไรบางอย่างเคาะกับโลหะเป็นจังหวะจะโคนเท่าๆ กัน ราวกับเสียงของเข็มวินาทีที่เดินอยู่บนหน้าปัดนาฬิกา แต่เสียงนี้ชัดเจนและดังกว่ามาก มันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ... จนเหมือนดังอยู่ข้างหู

                “น่าเบื่อซะจริง มีอะไรน่ากลัวขนาดต้องยืนจนตัวสั่นหรอครับ คุณเจ้าหน้าที่”

                เทรฟเวอร์ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหนึ่งของรถ นิ้วของเขาเคาะลงบนตัวรถเรื่อยๆ เป็นจังหวะ สาวเท้าเดินเข้ามาใกล้เจ้าหน้าที่คนที่หนึ่งมากขึ้น บนหัวขอเขาปรากฏรอยเลือดไหลลงมาเป็นทางแต่ไม่มานัก ที่ข้อมือทั้งสองข้างยังคงมีกุญแจมือคล้องเอาไว้อย่างแน่นหนา

                “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! วางมือไว้บนหัว” เจ้าหน้าที่คนที่หนึ่งดึงปืนพกออกมาจากซองเล็งเป้ามาที่หัวของเทรฟเวอร์ แม้มือของเขาจะยังจับปืนอย่างมั่นคงแต่แววตาที่สั่นระริกนั่นมันช่างถูกใจเทรฟเวอร์เสียเหลือเกิน

                “ดวงตาของคุณสวยมากนะคุณเจ้าหน้าที่” เทรฟเวอร์ขยับเข้าไปจ้องใกล้ๆ เขาปัดปืนที่อยู่บนมือของเจ้าหน้าที่ออกไปเมื่อมันเกะกะการมองของเขา “ว้าว! ตาสีฟ้าอมเทาแซมเหลือง ผมเคยเห็นแบบนี้อยู่ครั้งหนึ่งนะ”

                “ผมบอกให้วางมือไว้บนหัว แล้วหันหลังกลับไป” เจ้าหน้าที่ผงะไปเล็กน้อยเมื่อเทรฟเวอร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แต่เขาก็เรียกความมั่นใจกลับมาใหม่ จี้ปืนไปที่หน้าผากของเทรฟเวอร์อย่างไม่เกรงกลัวพร้อมออกแรงดันให้ชายหนุ่มหันหลังกลับไป

                “แต่น่าเสียดาย ตาสีนั้นมันพังไปแล้วน่ะ”

                “กรุณาทำตามที่ผมบอกด้วยคุณคลาร์ก” เหงื่อเริ่มไหลซึมไรผมของเจ้าหน้าที่คนที่หนึ่ง เขากระชับปืนในมือแน่น ดวงตาที่เทรฟเวอร์บอกว่าสวยนักสวยหนาเพ่งมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้า

                “ก็ได้ๆ” เทรฟเวอร์ยอมแพ้ในที่สุด เขาค่อยๆ ยกมือที่ถูกกุญแจคล้องเอาไว้ขึ้นเหนือศีรษะอย่างช้าๆ นัยน์ตาจ้องไปยังคุณเจ้าหน้าที่ซึ่งฝ่ายนั้นก็จ้องกลับเช่นกันก่อนจะค่อยๆ หันหลังให้ ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเหยียบลงบนต้นหญ้าเทรฟเวอร์ก็หมุนกายสับศอกลงบนท่อนแขนของเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังตั้งท่าจะรวบตัวจึงเผลอผ่อนแรงที่จับปืนไปนิดหนึ่งเสียจังหวะปล่อยปืนหลุดจากมือไป เจ้าหน้าที่หันไปมองปืนที่ตกอยู่บนพื้นใกล้ๆ กำลังจะพุ่งตัวไปเก็บแต่เทรฟเวอร์เตะขาขวากระแทกซี่่โครงจนตัวงอ ตามด้วยเข่าที่ใบหน้าจนเจ้าหน้าที่หงายหลังลงไปกับพื้น

                เทรฟเวอร์ใช้จังหวะนั้นก้มหยิบปืนขึ้นมาแล้วปลดแม็กกาซีนออกก่อนจะขว้างมันหายลับเข้าไปในพงหญ้า เจ้าหน้าที่ลุกขึ้นมาตั้งการ์ดก่อนจะพุ่งหมัดฮุคขวาไปที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเทรฟเวอร์ ชายหนุ่มยกข้อมือขึ้นรับหมัดนั้นโดยใช้กุญแจมือพันธนาการหมัดนั้นไว้อีกต่อหนึ่ง ก่อนจะออกแรงถีบไปที่ยอดอกของเจ้าหน้าที่คนนั้น เทรฟเวอร์เหยียบแขนซ้ายและขวาตรึงให้เจ้าหน้าที่นอนอยู่กับพื้น แล้วก้มลงไปควานหากุญแจเพื่อปลดล็อกกุญแจมือ แต่กลับไม่พบที่เจ้าหน้าที่คนนี้

                “ไม่มีกุญแจหรอครับ”

                เทรฟเวอร์ถามแต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ หลังถามเสร็จเขาก็เตะปลายคางของเจ้าหน้าที่คนนั้นจนเจ้าตัวสลบไป จากนั้นเขาก็เดินอ้อมตัวรถมายังฝั่งด้านข้างคนขับ เห็นร่างที่สลบเหมือดของเจ้าหน้าที่อีกคนฟุบอยู่ เทรฟเวอร์จัดการค้นไปตามลำตัวของเขาแล้วก็เจอกุญแจ ร่างสูงใช้เวลาปลดล็อกให้ตัวเองไม่นาน หันหลังเตรียมกลับไปหาเจ้าหน้าที่คนแรก แต่ก็เดินย้อนกลับมาที่เดิม

                “ตาคุณสวยมั้ยครับ”

                ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าหน้าที่คนที่สอง เทรฟเวอร์จึงถือวิสาสะแหกตาของเขาดู รูม่านตาที่หดอย่างรวดเร็วบอกให้รู้ว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ยังไม่ตาย แต่เทรฟเวอร์ไม่ได้สนใจตรงนั้น

                “ว้า ตาสีอำพันมันโหลนะครับ” พูดจบก็ทิ้งร่างของเจ้าหน้าที่ไว้ตรงนั้นแล้วเดินกลับมาที่เจ้าหน้าที่คนแรก “คุณครับ ผมอยากได้ตาของคุณ”

                มีคนเคยบอกอยู่เหมือนกันว่าเทรฟเวอร์เป็นคนที่ค่อนข้างมีมารยาท แต่หลายคนก็บอกเช่นกันว่าเขาหยาบคาย เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหน แต่ที่รู้ๆ คือ ดวงตาสีฟ้าอมเทาแซมด้วยสีเหลือประกายนิดๆ พวกนั้น...จะต้องเป็นของเขา!

                เทรฟเวอร์นั่งลงข้างๆ ร่างที่สลบของเจ้าหน้าที่คนแรก เขาแหกหนังตาขึ้นและพยายามจะยัดนิ้วลงไป แต่โชคร้ายที่นิ้วเขามันใหญ่เกินไปที่จะเข้าไปในเบ้าตาโดยไม่ทำให้ลูกนัยน์ตาเสียหาย เทรฟเวอร์จึงเปลี่ยนวิธีใหม่ เขามองไปรอบๆ ซึ่งกระจัดกระจายไปด้วยเศษต้นไม้เล็กๆ หัก หรือไม่ก็รอยรถที่ครูดลงมา แต่กระจกด้านข้างคนขับแตกและมีคมกระจกมากมายให้เลือกใช้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปทุบกระจกออกมา มองหาชิ้นที่เหมาะมือ แล้วลงมือ...

                ครืดด แครดๆ ครืดๆ แครกๆ

                “เลือดออกเยอะไปแล้วนะครับ ช่วยอย่าทำเลือดไหลเยอะๆ ที ผมมองไม่เห็นตาคุณแล้ว” เทรฟเวอร์ใช้คมกระจกเลื่อยไปตามกรอบหน้าของเจ้าหน้าที่คนนั้น และไม่รู้ว่าเพราะความเจ็บปวดหรืออะไรทำให้เจ้าหน้าที่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความแตกตื่น

                “อ๊ากกกกก!!

                “อย่าแหกปากได้มั้ยครับ ผมกำลังใช้สมาธินะ” เทรฟเวอร์ปักกระจกที่ใช้ต่างมีดลงไปในปากของเจ้าหน้าที่ที่กำลังร้องลั่น ลิ้นของเขาคับปากเล็กน้อยแต่ไม่ต้องห่วงเพราะเทรฟเวอร์ได้แทงลิ้นที่เกะกะของเขาจนพรุนไปแล้ว เลือดที่เอ่อท่วมปากทำให้เจ้าหน้าที่ที่นอนหงายราบไปกับพื้นเกิดอาการสำลักอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดที่เลือดไหลย้อนลงไปในช่องคอ แต่แทนที่จะผ่านไปทางหลอดอาหารกลับเดินทางผิดช่องไปอุดหลอดลม การหายใจเริ่มติดขัดแต่เทรฟเวอร์ไม่สนใจ เขาใช้กระจกอันเดิมแซะตามกรอบหน้าต่อไปจนได้แผ่นหนังที่ปกคลุมใบหน้าออกมาเป็นแผ่นๆ

                แต่ไม่ใช่แค่เสียงของเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่รบกวนสมาธิ มือไม้ที่ปัดป่ายไปมาของเจ้าหน้าที่เองก็เกะกะพอกัน เทรฟเวอร์จึงเดินไปหยิบกุญแจมือที่ตกอยู่ใกล้ๆ มาใส่ให้เขาแทนก่อนจะลงมือต่อ แต่เพราะคมของกระจกไม่สามารถตัดทะลุกะโหลกได้ เทรฟเวอร์จึงต้องหาอาวุธชิ้นใหม่ แต่ของมีคมใช่จะหากันง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปใช้ของที่มีลักษณะทู่กว่า แต่มีน้ำหนักมากแทน

                “คุณช่วยหลับตาหน่อยได้มั้ยครับ เดี๋ยวเลือดจะกระเด็น” เทรฟเวอร์พูดขอร้องอย่างใจเย็น หัวใจในอกของเขาเต้นกระหน่ำจนแทบจะหลุดออกมา ความตื่นเต้นที่พุ่งขึ้นสูงทำให้เสียงของเขาอดสั่นไม่ได้ ใบหน้าระบายรอยยิ้มออกมาอย่างปิดไม่มิด เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่หลับตาซักทีเขาจึงไม่สนใจ ถึงยังไงค่อยเอาลูกนัยน์ตาที่เปื้อนนั่นไปล้างทีหลังก็ได้ ร่างสูงเงื้อก้อนหินขรุขระที่เต็มไปด้วยขอบแหลมเล็กๆ ขึ้นเหนือหัว แล้วออกแรงทุบไปตรงบริเวณต้นคอ เขาอยากให้คอขาด แต่ไม่อยากให้นัยน์ตานั่นเสียหาย แต่เพราะก้อนหินไม่ใช่มีดหรือปังตอ มันไม่สามารถตัดให้ขาดในทีเดียวได้ แถมรอยแผลก็ไม่ได้ราบเรียบสม่ำเสมอ เจ้าหน้าที่ยกมือที่ถูกคล้องกุญแจมือขึ้นมาบังแต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก ในเมื่อแรงกดก็ยังทำให้หลอดลมเสียหาย เส้นเลือดใหญ่บอบช้ำ ความอึดอัดที่ระบายไม่ได้กำลังเล่นงานเจ้าหน้าที่อย่างรุนแรง เทรฟเวอร์หยุดชะงักมองอาการนั้น ก่อนจะลดมือที่กำลังเงื้อขึ้นอีกครั้งลง เขาวางก้อนหินก้อนใหญ่ไว้ข้างตัว แล้วนั่งมองเจ้าหน้าที่สำลักพ่นเอาเลือดสดๆ ออกมา

                “จะ..เจ็บ” เทรฟเวอร์พูดเสียงสั่น ชายหนุ่มกุมลำคอของตนเองด้วยสองมือที่เปื้อนเลือดและดินทราย “หา...หาย...ใจ..ไม่..ออก” เขาแหงนหน้าขึ้นมองยอดไม้ด้านบน พยายามสูดอากาศให้เข้าปอดให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรนอกจากหัวแตกจากการกระแทกตอนรถคว่ำ แต่อาการของเจ้าหน้าที่ทำให้เขารู้สึก...ว่าเขาเองก็ถูกทำเหมือนกับเจ้าหน้าที่คนนั้น

                “แค่กๆ แค่กๆ” เทรฟเวอร์ไออย่างแรง ใบหน้าขึ้นสีแดงจัด เขาคายน้ำลายเหนียวๆ ลงบนพื้น ก่อนจะหยิบก้อนหินที่เพิ่งวางลงไปขึ้นมาใหม่ แล้วทุ่มลงไปตรงลำคอของเจ้าหน้าที่อย่างแรงหลายๆ ครั้ง

                นัยน์ตาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดมองเห็นเพียงใบไม้ที่ส่ายไปมา แสงสว่างยังคงเจิดจ้าแต่เขากลับมองเห็นภาพค่อยๆ มืดขึ้นเรื่อยๆ การเสียเลือดทำให้เกิดอาการหน้ามืดแต่เจ้าหน้าที่ยังประคองสติเอาไว้ได้อยู่ บริเวณลำคอเจ็บจนชาและไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรอีก เพราะมันไม่สามารถรับความรู้สึกไปได้มากกว่านี้แล้ว

                ในที่สุดหัวก็ขาด ก็ไม่เชิงขาดเพียงแต่มันแยกออกมาจากลำตัวแล้ว เทรฟเวอร์โยนก้อนหินทิ้งไปแล้วออกแรงดึงหัวกับตัวให้ขาดออกจากกัน แต่โชคไม่ดีที่อุปกรณ์ในการตัดหัวของเทรฟเวอร์ไม่ค่อยคม มันจึงดึงเอากระเพาะอาหารกับลำไส้ออกมาด้วย

                “หืม“” เทรฟเวอร์มองไปที่กองเครื่องในตรงนั้น ก้อนเนื้อสีชมพูอมแดงถูกเคลือบด้วยของเหลวใสมีลักษณะเป็นเมือกๆ รูปทรงของมันก็เป็นที่คุ้นเคยดี เทรฟเวอร์ละความสนใจจากตรงนั้นแล้วหันกลับมาจ้องนัยน์ตาที่จะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชายหนุ่มแหกหนังตาเขาอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม นิ้วเปื้อนๆ ของเขามันยังยัดเข้าไปในนั้นไม่ได้ ต้องหาอะไรมาทุบ

                เทรฟเวอร์หยิบก้อนหินก้อนเดิมขึ้นมาอีกครั้ง จัดการคว่ำหน้าที่เหลือแต่หัวของเจ้าหน้าที่ลง ทุบก้อนหินที่ด้านหลังศีรษะจนมันบุบเป็นรูโหว่เล็กๆ กะโหลกศีรษะด้านหลังแตกร้าวพอให้เห็นเนื้อสมองด้านใน นิ้วชี้สีแดงฉาดแหย่เข้าไปในรูนั้นและโชคดีที่มันสามารถเข้าได้พอดี เทรฟเวอร์พยายามงัดกะโหลกให้เปิดกว้างขึ้น แต่ใครๆ ก็รู้ว่ากะโหลกมันแข็งกว่านั้น ที่ชายหนุ่มทำได้จึงเป็นแค่การกวนเนื้อสมองให้เละแล้วเละอีกเท่านั้น

                ชายหนุ่มเริ่มอารมณ์เสีย เขาอยากได้ดวงตาคู่นั้นแล้วแต่ทำไมมันถึงเอาออกยากเย็นขนาดนี้ ก้อนหินก้อนเดิมจึงถูกใช้อีกครั้ง คราวนี้ปรากฏรูโหว่บนกะโหลกด้านหลังถึงสามรูใกล้ๆ กัน

                “หือ“ ลูกโบว์ลิ่งหรอ” เทรฟเวอร์พลิกหัวที่มีหลอดอาหาร กระเพาะและสำไส้ติดกันพะรุงพะรังไปมา เขาลองสอดนิ้วสามนิ้วเข้าไปในรูนั้นแล้วพยายามดึงแผ่นกะโหลกออก มันไม่สำเร็จ ใช่เขารู้ดี

                “พอกันที” ร่างสูงลุกขึ้นยืนเหยียบบนกะโหลกของเจ้าหน้าที่ ตัวศีรษะถูกจับวางให้หูข้างหนึ่งแนบกับพื้น เท้าของเทรฟเวอร์เหยียบอยู่บนนั้นแต่ค่อนไปทางด้านหลัง เขาออกแรงกระทืบศีรษะให้แตกออก แต่ผลคือศีรษะกลับจมลงบนพื้นดินเพียงเล็กน้อย

                “น่ารำคาญ น่ารำคาญที่สุด!” เทรฟเวอร์หิ้วศีรษะไปที่หินก้อนที่ใหญ่กว่า กระเพาะลำไส้ลากยาวไปตามพื้น ส่วนต้นอยู่ติดกับหัวส่วนปลายยังขดอยู่ในร่างกายของเจ้าหน้าที่ ใบหน้าบิดเบี้ยวของเทรฟเวอร์มองก้อนหินสลับกับศีรษะก่อนจะจับศีรษะนั้นกระแทกกับก้อนหินโดนให้ด้านหลังที่มีรูกระแทก เนื้อสมองบางส่วนที่เคยถูกชายหนุ่มกวนให้เละไหลออกมาตามรูสามรูนั้นบวกกับแรงเหวี่ยงของเทรฟเวอร์ทำให้มันสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ จนในที่สุดรูด้านหลังก็ใหญ่พอให้มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มล้วงเข้าไปได้ เทรฟเวอร์เหยียดยิ้มดีใจ เขาไม่รอช้าล้วงมือขวาเข้าไปในนั้น ควานหากระจุกเส้นเลือดขนาดใหญ่สองเส้นก่อนจะดันลูกนัยน์ตาให้ออกจากเบ้าอย่างนุ่มนวล แต่อุปสรรคยังไม่หมดสิ้น หนังตาที่ปิดสนิทกำลังเกะกะขวางทางอยู่ เทรฟเวอร์ดึงหนังตาด้านหน้าขึ้นแล้วฉีกแผ่นบางๆ นั้นอย่างไม่ไยดี รอยการฉีกไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่แค่ไม่เกะกะขวางทางเป็นใช้ได้ เขาดันลูกนัยน์ตาออกจากเบ้าตาอีกครั้ง ในที่สุดนัยน์ตาสีขาวที่มีม่านตาสีสวยทั้งสองลูกก็อยู่บนมือที่เปื้อนเลือดของเทรฟเวอร์

     

                “คิดว่าฉันจะมาบ่นๆ ว่าสายแล้วรึไง”

                เทรฟเวอร์หันขวับตามเสียง เขาเห็นชายคนหนึ่งที่สวมหัวกระต่ายในมือถือไม้เท้าอยู่ ชายหนุ่มมองลูกนัยน์ตาที่เพิ่งได้มาอยู่ในกำมือสดๆ ร้อนๆ สลับกับหัวกระต่าย

                “ถ้าไม่อยากหัวหลุดจากบ่าก็เดินตามมาดีๆ อย่าให้ได้ใช้กำลัง เจ้าพวกไร้สมอง”

                ไม้เท้าในมือพร้อมที่จะหวดลงมาในทุกเมื่อ เทรฟเวอร์จ้องมองไปยังหัวกระต่ายนั้นอีกครั้งแล้วมองที่มือตัวเอง

                “ไร้สมอง?” จากที่มองกระต่ายกับมือตัวเองสลับกันก็เปลี่ยนไปมองกระต่ายกับหัวของเจ้าหน้าที่ที่วางอยู่บนก้อนหินใหญ่ “ถึงคุณเจ้าหน้าที่จะไร้สมอง แต่ตาเขาสีสวยมากนะครับ” เทรฟเวอร์ชูของในมือให้กระต่ายดู

    “แล้วก็...หมวกใบนั้นน่ะ ผมขอยืมหน่อยสิครับ” นัยน์ตาของเทรฟเวอร์จ้องมองไปที่หมวกใบเล็กบนหัวของกระต่ายหนุ่ม เขาจ้องมันอยู่อย่างนั้นโดยไม่หลบสายตา...

     

         Start  in  Wonderland     

    [ X]  อื่นๆ
     

     
    (c) Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×